ว่าด้วย กกัณฏกชาดก กกัณฏกชาดกนี้ จักมีแจ้งใน มหาอุมมังคชาดก ดังนี้ พระเจ้าวิเทหราชเสด็จไปพระราชอุทยานกับมโหสถบัณฑิต. กาลนั้น มีกิ้งก่าตัวหนึ่งอยู่ที่ปลายเสาค่าย. มันเห็นพระราชา เสด็จมาก็ลงจากเสาค่ายหมอบอยู่ที่พื้นดิน. พระราชาทอดพระเนตร เห็นกิริยาของกิ้งก่านั้น. จึงตรัสถามว่า แน่ะบัณฑิต กิ้งก่าตัวนี้ทำอะไร. มโหสถทูลตอบว่า กิ้งก่าตัวนี้ถวายตัว พระเจ้าข้า. พระราชาตรัสว่า การถวายตัวของกิ้งก่าอย่างนี้ ไม่มีผลก็หามิได้. ท่านจงให้โภคสมบัติแก่มัน. มโหสถกราบทูลว่า กิ้งก่านี้หาต้องการทรัพย์ไม่ ควรพระราชทานเพียงแต่ของกินก็พอ. ครั้นตรัสถามว่า มันกินอะไร. ทูลตอบว่า มันกินเนื้อ. แล้วตรัสซักถามว่า มันควรได้ราคาเท่าไร. ทูลว่า ราคาราวกากณึกหนึ่ง. จึงตรัสสั่งราชบุรุษหนึ่งว่า รางวัลของหลวง เพียงกากณึกหนึ่งไม่ควร. เจ้าจงนำเนื้อราคากึ่งมาสกมาให้มันกินเป็นนิตย์. ราชบุรุษรับพระราชโองการ ทำดังนั้นจำเดิมแต่นั้นมา. วันหนึ่งเป็นวันอุโบสถ คนไม่ฆ่าสัตว์. ราชบุรุษนั้นไม่ได้เนื้อ จึงเจาะเหรียญกึ่งมาสกนั้น เอาด้ายร้อยผูกเป็นเครื่องประดับที่คอมัน. ลำดับนั้น ความถือตัวก็เกิดขึ้นแก่กิ้งก่านั้น อาศัยมันมีกึ่งมาสกนั้น. วันนั้น พระราชาเสด็จไปพระราชอุทยาน. กิ้งก่านั้นเห็นพระราชาเสด็จมา. ก็ทำตนเสมอพระราชาด้วย เหมือนจะเข้าใจว่า พระองค์มีพระราชทรัพย์มากหรือ. ตัวเราก็มีมากเหมือนกัน ด้วยอำนาจความถือตัว อันอาศัยทรัพย์กึ่งมาสกนั้นเกิดขึ้น. ไม่ลงจากปลายเสาค่ายหมอบ ยกหัวร่อนอยู่ไปมาบนปลายเสาค่าย นั่นเอง. พระเจ้าวิเทหราชได้ทอดพระเนตรเห็น กิริยาของมัน. เมื่อจะตรัสถามว่า แน่ะเจ้าบัณฑิต วันนี้ มันไม่ลงมาเหมือนในก่อน เหตุเป็นอย่างไรหรือ.