SlideShare a Scribd company logo
1
สาธินราชชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๑๑. สาธินราชชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๔๙๔)
ว่าด้วยพระเจ้าสาธินะ
(พวกมนุษย์ดีใจยืนประคองอัญชลี ได้กล่าวว่า)
[๒๐๒] น่าอัศจรรย์จริงหนอ รถทิพย์ได้ปรากฏแก่พระเจ้าวิเทหะ
ผู้เรืองยศ พระองค์ทรงอุบัติขึ้นมาในโลก ทาให้เกิดขนพองสยองเกล้า
(พระศาสดาทรงประกาศข้อความนั้นว่า)
[๒๐๓] มาตลีเทพบุตร เทพสารถีผู้มีฤทธิ์มาก
ทูลเชิญเสด็จพระเจ้าวิเทหะผู้ครอบครองมิถิลานครว่า
[๒๐๔] พระราชาผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เป็ นใหญ่ทั่วทิศ
ขอเชิญพระองค์เสด็จทรงรถทิพย์นี้เถิด เทพชั้นดาวดึงส์ทั้งหลาย
พร้อมทั้งองค์อมรินทร์ใคร่จะทรงทัศนาพระองค์ ก็เทพเหล่านั้นระลึกถึงพระองค์
ประชุมพร้อมกันอยู่ที่สภาชื่อสุธรรมา
[๒๐๕] ก็ลาดับนั้น พระเจ้าวิเทหะทรงพระนามสาธินะ
ผู้ครอบครองมิถิลานคร เสด็จประทับรถทิพย์ ซึ่งเทียมด้วยม้าอัสดร ๑,๐๐๐ ตัว
ได้เสด็จไปในสานักแห่งเทพ (พระมหาราชาประทับยืนบนทิพยยาน
ซึ่งเทียมด้วยม้าอัสดร ๑,๐๐๐ ตัวนาไป เสด็จไปอยู่
ได้ทอดพระเนตรเห็นเทวสภานี้)
เทพครั้นเห็นพระราชาเสด็จมาก็ยินดีต้อนรับพระองค์
[๒๐๖] ขอเดชะพระมหาราช พระองค์เสด็จมาดีแล้ว มิใช่เสด็จมาร้าย
พระราชาผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ บัดนี้ ขอเชิญประทับ ณ
สานักท้าวสักกเทวราชเถิด
[๒๐๗] แม้ท้าวสักกะก็ทรงยินดีต้อนรับ
พระเจ้าวิเทหะผู้ครอบครองมิถิลานคร
ท้าววาสวะทรงเชื้อเชิญด้วยกามทั้งหลายพร้อมทั้งอาสนะ
[๒๐๘] พระราชาผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เป็ นการดีแท้
ที่พระองค์เสด็จมาถึงสถานที่อยู่แห่งเหล่าเทพผู้ครองอานาจ
ขอเชิญประทับอยู่ในหมู่ทวยเทพผู้มั่งคั่งด้วยกามทุกอย่าง
ขอพระองค์เสวยกามซึ่งมิใช่ของมนุษย์ ในหมู่เทพชั้นดาวดึงส์เถิด
(พระเจ้าสาธินะตรัสกับท้าวสักกะว่า)
[๒๐๙] เมื่อก่อน หม่อมฉันอยู่ในสวรรค์
ย่อมยินดีการฟ้ อนราขับร้องและประโคมดนตรี แต่บัดนี้
2
วันนี้หม่อมฉันนั้นหายินดีในสวรรค์ไม่ พระองค์ผู้ประเสริฐกว่าจอมเทพ
อายุของหม่อมฉันสิ้นแล้วหรือ หม่อมฉันใกล้ตายหรือ หรือว่าหม่อมฉันหลงไป
(ท้าวสักกะตรัสว่า)
[๒๑๐] พระองค์ผู้กล้าหาญ ผู้ประเสริฐกว่านรชน
พระชนมายุของพระองค์ยังไม่สิ้นไป ความตายก็ยังอยู่ห่างไกล
และแม้พระองค์ก็ยังไม่หลง
แต่บุญที่พระองค์เสวยวิบากอยู่ในเทวโลกนี้ของพระองค์เหลืออยู่น้อย
[๒๑๑] พระราชาผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เป็ นใหญ่ทั่วทิศ
ขอเชิญพระองค์ประทับอยู่ด้วยเทวานุภาพ
เสวยกามซึ่งมิใช่ของมนุษย์ในหมู่เทพชั้นดาวดึงส์เถิด
(พระโพธิสัตว์ทรงห้ามท้าวสักกะว่า)
[๒๑๒] สิ่งใดที่ได้มาเพราะเหตุที่ผู้อื่นให้ สิ่งนั้นเปรียบกันได้
เหมือนยานพาหนะที่ยืมเขามา เหมือนทรัพย์ที่ยืมเขามา
[๒๑๓] ก็สมบัติที่ได้มาเพราะเหตุที่ผู้อื่นให้นั้น หม่อมฉันไม่ปรารถนา
บุญทั้งหลายที่หม่อมฉันทาเอง บุญนั้นจะเป็นทรัพย์เฉพาะตนของหม่อมฉัน
[๒๑๔] หม่อมฉันนั้นไปอยู่ในหมู่มนุษย์แล้วจะทากุศลให้มาก
ด้วยการให้ทาน การประพฤติธรรมให้สม่าเสมอ
การสารวมและด้วยการฝึกฝนอินทรีย์ ซึ่งเป็ นกรรมที่บุคคลทาแล้วมีความสุข
และไม่ทาให้เดือดร้อนในภายหลัง
(พระโพธิสัตว์จูงพระหัตถ์พระเจ้านารทะเที่ยวไปในอุทยานได้ตรัสว่า)
[๒๑๕] ภูมิภาคตรงนี้คืออุทยานนั้น
ตรงนี้คือลารางไขน้าพร้อมทั้งอ่างรองรับน้าที่ไหลเข้ามา ตรงนี้คือภูมิภาคทั้ง ๒
ข้างแห่งลารางไขน้า ซึ่งปกคลุมด้วยหญ้าเขียวขจี
ตรงนี้คือแม่น้าที่มีกระแสไหลอยู่ไม่ขาดสาย
[๒๑๖] ตรงนี้คือสระโบกขรณีอันน่ารื่นรมย์
มีนกจักรพากขันขานเสียงระงม ดารดาษไปด้วยดอกมณฑาลก ดอกปทุม
และดอกอุบล ที่เหล่าชนพากันหลงใหลยึดถือว่าเป็นของเรา เขาไปไหนหนอ
[๒๑๗] ตรงนี้พื้นที่นั้นมีแต่พื้นดินที่รกเท่านั้น
มีแต่สวนและแนวป่าเท่านั้นเอง นารทะ เมื่อเรามองไม่เห็นหมู่ชนนั้น
ทิศทั้งหลายปรากฏแก่เราเหมือนกับว่างเปล่า
(พระเจ้าสาธินะตรัสว่า)
[๒๑๘] ข้าพเจ้าได้เห็นวิมานส่องแสงไปทั้ง ๔ ทิศ
ต่อพระพักตร์ท้าวเทวราชและต่อหน้าเทวดาชั้นไตรทศ
[๒๑๙] เราได้อยู่ในทิพยวิมาน บริโภคกามซึ่งมิใช่ของมนุษย์
ในหมู่เทพชั้นดาวดึงส์ที่มั่งคั่งด้วยกามทุกอย่าง
3
[๒๒๐] เรานั้นละกามเช่นนี้ มาในโลกนี้เพื่อต้องการทาบุญ
จะประพฤติธรรมอย่างเดียว ไม่ต้องการราชสมบัติ
[๒๒๑] เราจะดาเนินไปตามทางที่ไม่ต้องใช้อาชญา
ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้แล้ว เป็นทางที่ท่านผู้ปฏิบัติดีดาเนินไปอยู่
สาธินราชชาดกที่ ๑๑ จบ
---------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
สาธินราชชาดก
ว่าด้วย พระเจ้าวิเทหราชประพาสดาวดึงส์
พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับ ณ พระวิหารเชตวัน
ทรงพระปรารภพวกอุบาสกรักษาอุโบสถ ตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
มีเรื่องย่อว่า ครั้งนั้นพระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนอุบาสกทั้งหลาย
บัณฑิตแต่ครั้งก่อน อาศัยอุโบสถกรรมของตน
ไปสู่เทวโลกอยู่สิ้นกาลนานด้วยสรีระแห่งมนุษย์นั่นแล ทรงนาอดีตนิทานมา
ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล
พระราชาทรงพระนามสาธินะ ทรงครองราชสมบัติโดยธรรม ณ พระนครมิถิลา
ท้าวเธอได้สร้างโรงทานไว้ ๖ แห่ง คือที่ประตูพระนครทั้ง ๔ ที่กลางพระนคร
และที่ประตูราชนิเวศน์ ทรงบาเพ็ญมหาทาน กระทาชมพูทวีปทุกแห่งหน
ให้เก็บไถได้
พระราชทานทรัพย์ประมาณหกแสนกระษาปณ์เป็นราชทรัพย์ที่ทรงใช้จ่ายทุกๆ วั
น ทรงรักษาศีล ๕ ทรงถืออุโปสถ.
ชาวแว่นแคว้นเล่าก็พากันตั้งอยู่ในโอวาทของท้าวเธอต่างกระทาบุญมี
ให้ทานเป็นต้น ตายแล้วๆ บังเกิดในเมืองเทวดาทั้งนั้น
ฝูงเทพพากันนั่งแน่นเทวสภาชื่อสุธรรมา
ต่างพรรณนาพระคุณมีศีลเป็นต้นของพระราชาเท่านั้น.
เทพที่เหลือฟังเรื่องนั้นแล้ว ก็มีปรารถนาที่จะเห็นพระราชาไปตามๆ กัน.
ท้าวสักกเทวราชทรงทราบใจของเทพเหล่านั้น ตรัสว่า
พวกเธอปรารถนาจะเห็นพระเจ้าสาธินราชหรือ
พวกเทพพากันกราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าแต่พระผู้เป็นเทพเจ้า.
ท้าวเธอจึงตรัสสั่งเทพบุตรมาตลีว่า เธอจงไปจัดเวชยันตรถ
รับพระเจ้าสาธินราชมา. เทพบุตรมาตลีรับเทวบัญชาว่า สาธุ
แล้วจัดรถไปสู่แคว้นวิเทหะ
ครั้งนั้นเป็ นวันเพ็ญ เวลาที่พวกมนุษย์บริโภคอาหารเย็น
แล้วนั่งสนทนากันด้วยสุขกถาที่ประตูเรือน
4
มาตลีเทพบุตรก็ขับรถพร้อมกับจันทรมณฑล.
ฝูงชนพากันกล่าวว่า พระจันทร์ขึ้นสองดวง
แต่ครั้นเห็นทั้งรถทั้งจันทรมณฑลวิ่งมา พากันชื่นชมโสมนัสว่า นี่ไม่ใช่ดวงจันทร์
นี่เป็นรถ ทั้งเทพบุตรก็ปรากฏ รถทิพย์เทียมด้วยสินธพมโนมัยคันนี้มารับใคร
ไม่มีคนอื่นละต้องเป็ นพระราชาของพวกเรา
เพราะว่าพระราชาของพวกเราทรงธรรมเป็นพระธรรมราชา
แล้วต่างยืนประคองอัญชลี
กล่าวคาถาเป็นปฐมว่า
อัศจรรย์จริงหนอ ขนพองสยองเกล้าเกิดขึ้นแล้วในโลก
รถทิพย์ได้ปรากฏแก่พระเจ้าวิเทหราชผู้เรืองยศ.
คาอันเป็นคาถานั้น มีอธิบายว่า พระจอมวิเทหะผู้เรืองพระยศ
ราชาของพวกเรานั้นเป็นผู้น่าอัศจรรย์จริงละ
ความขนพองสยองเกล้าเกิดแล้วในโลกตรงที่รถทิพย์ปรากฏเพื่อพระองค์.
มาตลีเทพบุตรนารถมาถึง เมื่อฝูงชนพากันบูชาด้วยดอกไม้เป็นต้น
ก็กระทาประทักษิณพระนคร ๓ รอบ
แล้วไปสู่ทวารวังของพระราชากลับรถจอดไว้ใกล้ธรณีช่องพระแกลทางส่วนด้าน
หลัง ยืนเตรียมรับเสด็จ วันนั้นเล่าพระราชาตรวจโรงทาน ตรัสสั่งว่า
สูทั้งหลายจงให้ทานโดยทานองนี้ทีเดียว ทรงสมาทานอุโบสถ
ประทับยับยั้งอยู่ตลอดวัน มีหมู่อามาตย์แวดล้อม
ประทับนั่งผันพระพักตร์เฉพาะช่องพระแกลด้านตะวันออก
ตรัสกถาอันประกอบด้วยธรรมอยู่ ณ ท้องพระโรงอันอลงกต.
ครั้งนั้น มาตลีเทพบุตรก็ทูลเชิญพระองค์เสด็จขึ้นสู่รถ พาไป.
พระศาสดา เมื่อทรงประกาศเนื้อความนั้น ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
มาตลีเทพบุตรเทพสารถีผู้มีฤทธิ์มาก
ได้เชื้อเชิญพระเจ้าวิเทหราชผู้ครองมิถิลานครว่า
ข้าแต่พระราชาผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ผู้เป็นใหญ่ทั่วทิศ
ขอเชิญพระองค์เสด็จทรงรถนี้เถิด
ด้วยว่าทวยเทพชั้นดาวดึงส์พร้อมด้วยสมเด็จอมรินทราธิราช ใคร่จะเห็นพระองค์
ทวยเทพเหล่านั้นประชุมพร้อมกันอยู่ ณ สุธรรมาเทวสภา
ลาดับนั้นแล พระเจ้าวิเทหราชพระนามว่าสาธินะ ผู้ครองมิถิลานคร
เสด็จทรงรถอันเทียมด้วยม้าพันหนึ่ง ได้เสด็จไปยังสานักเทวดาทั้งหลาย
(พระมหาราชาทรงประทับยืนบนทิพยาน อันเทียมด้วยม้าพันหนึ่งซึ่งม้าลากไป
เสด็จไปอยู่ ได้ทอดพระเนตรเห็นเทวสภานี้)
ทวยเทพเห็นพระราชาเสด็จมาดังนั้น ก็พากันชื่นชมยินดี
5
กระทาปฏิสันถารเชื้อเชิญว่า ข้าแต่พระมหาราชา พระองค์เสด็จมาดีแล้ว อนึ่ง
ชื่อว่าพระองค์มิได้เสด็จมาร้าย ข้าแต่พระราชาผู้แสวงหาคุณใหญ่
ขอพระองค์ทรงประทับใกล้ๆ กับท้าวเทวราชเสียแต่บัดนี้เถิด
ฝ่ายท้าววาสวสักกเทวราชทรงชื่นชมยินดี
เชื้อเชิญพระเจ้าสาธินราชผู้ครองมิถิลานครด้วยทิพยกามารมณ์และอาสนะว่า
ข้าแต่พระราชฤาษี
เป็นการดีแล้วที่พระองค์เสด็จมาถึงที่อยู่ของทวยเทพผู้บันดาลให้เป็นไปในอานาจ
ได้ ขอเชิญพระองค์ประทับอยู่ในหมู่ทวยเทพผู้ให้สาเร็จทิพยกามารมณ์ทุกอย่าง
ขอเชิญพระองค์ทรงเสวยกามคุณ
อันมิใช่ของมนุษย์ในหมู่ทวยเทพชั้นดาวดึงส์เถิด.
เมื่อพระเจ้าสาธินราชพระองค์นั้นทรงเสวยราชสมบัติ
อันท้าวสักกเทวราชทรงแบ่งเทพนครมีประมาณหมื่นโยชน์
และนางเทพอัปสรสองโกฏิกึ่ง กับเวชยันตปราสาทประทานให้ครึ่งหนึ่ง
กาลเวลาล่วงไปถึง ๗๐๐ ปี ด้วยการนับตามปีมนุษย์
พระองค์ประทับอยู่ในเทวโลกด้วยอัตภาพนั้น. เมื่อเวลาสิ้นบุญ
พระองค์เกิดเบื่อหน่าย เพราะฉะนั้น เมื่อท้าวเธอจะตรัสสนทนากับท้าวสักกะ
จึงตรัสพระคาถาว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐกว่าจอมเทพ เมื่อหม่อมฉันมาถึงสวรรค์แล้ว
ย่อมยินดีด้วยการฟ้ อนราขับร้องและเครื่องประโคมทั้งหลาย บัดนี้
หม่อมฉันนั้นไม่ยินดีอยู่ในสวรรค์เลย จะหมดอายุ หรือใกล้จะตาย
หรือว่าหม่อมฉันหลงใหลไปเสียแล้ว.
ลาดับนั้น ท้าวสักกะตรัสกะท้าวเธอว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้แกล้วกล้ากว่านรชน ผู้ประเสริฐ
พระชนมายุของพระองค์ยังไม่หมดสิ้น ความสิ้นพระชนม์ก็ยังห่างไกล อนึ่ง
พระองค์จะได้ทรงหลงใหลไปก็หาไม่ แต่ว่าวิบากแห่งบุญกุศลของพระองค์
ที่ได้ทรงเสวยในเทวโลกนี้มีน้อยไป ข้าแต่พระราชาผู้ประเสริฐผู้เป็นใหญ่ทั่วทิศ
ขอเชิญพระองค์ประทับอยู่เสวยกามคุณอันมิใช่ของมนุษย์ในหมู่ทวยเทพชาวดาว
ดึงส์ ด้วยเทวานุภาพต่อไปเถิด.
ท้าวสักกะ เมื่อทรงปลอบพระเจ้าสาธินราชนั้น จึงตรัสพระคาถาว่า
เป็นการดีนักแลที่พระองค์เสด็จถึงที่อยู่แห่งเทพผู้ทรงอานาจ
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นราชาเพียงดังฤาษี
เชิญประทับอยู่ในหมู่เทพผู้มีความปรารถนาทุกอย่างสาเร็จได้
เชิญบริโภคกามอันมิใช่ของมนุษย์ในหมู่เทพชั้นดาวดึงส์เถิด.
พระมหาสัตว์ เมื่อจะทรงห้ามท้าวเธอเสีย จึงตรัสพระคาถาว่า
ขอยืมยานเขามาขับ ขอยืมทรัพย์เขามาใช้ฉันใด
6
การที่ได้เสวยความสุข เป็นความสุขที่ผู้อื่นยื่นให้ ก็เปรียบกันได้ฉะนั้นแล
ก็แลการได้เสวยความสุข โดยเป็นความสุขที่ผู้อื่นยื่นให้
หม่อมฉันไม่ปรารถนาเลย
บุญทั้งหลายอันหม่อมฉันทาเองแล้วนั้น
ย่อมเป็นทรัพย์อันอาจติดตามหม่อมฉันไปได้
หม่อมฉันไปในมนุษย์แล้วจักได้ทากุศลให้มาก
ที่บุคคลกระทาแล้วได้รับความสุขและไม่ต้องเดือดร้อนในภายหลัง ด้วยทาน
ด้วยการประพฤติสม่าเสมอ ด้วยการสารวม ด้วยการฝึกตน.
ครั้นท้าวสักกะทรงสดับพระดารัสของพระเจ้าสาธินราชนั้นแล้ว
ทรงสั่งเทพบุตรมาตลีว่า ไปเถิด
นาเสด็จพระเจ้าสาธินราชไปสู่มิถิลาให้เสด็จลงในพระอุทยาน.
มาตลีเทพบุตรนั้นได้กระทาตามเทวบัญชา.
พระราชาเสด็จพระจงกรมอยู่ในพระอุทยานนั่นเอง.
ครั้งนั้นนายอุยยานบาลเห็นพระองค์แล้ว ก็ไปกราบทูลแด่พระราชานารทะ.
ฝ่ายพระเจ้านารทะนั้นทรงสดับการเสด็จมาของพระราชาแล้วตรัสว่า
นายอุยยานบาล เจ้าจงล่วงหน้าไปเตรียมอุทยาน จัดตั้งอาสนะไว้ ๒ ที่
สาหรับพระราชานั้นที่ ๑ สาหรับเราที่ ๑ ทรงส่งนายอุยยานบาลนั้นไป.
เขาได้กระทาตามพระบัญชา
ที่นั้น พระราชาจึงตรัสถามเขาว่า เจ้าจัดตั้งอาสนะ ๒ ที่เพื่อใครเล่า
กราบทูลว่า เพื่อพระองค์ที่ ๑ เพื่อพระราชาของพวกข้าพระองค์ที่ ๑
พระเจ้าข้า.
ครั้งนั้นพระราชาตรัสว่า
สัตว์อื่นใครเล่าจักนั่งเหนืออาสนะในสานักของเรา แล้วประทับนั่งเหนืออาสนะ ๑
วางพระบาททั้งคู่เหนืออาสนะ ๑.
พระราชานารทะเสด็จมาถวายบังคมพระบาทยุคลของพระองค์แล้ว
ประทับนั่ง ณ ที่อันสมควรข้างหนึ่ง.
ได้ยินว่า พระเจ้านารทะเป็ นพระนัดดาของพระเจ้าสาธินราชองค์ที่ ๗
ทีเดียว
ข่าวว่า ครั้งนั้นพระเจ้านารทะทรงพระชนมายุได้ ๑๐๐ พรรษาแล้ว
แต่พระมหาสัตว์ทรงพระชนม์ยืนนานตลอดกาลเพียงนี้
ด้วยกาลังบุญของพระองค์. พระองค์ทรงจูงพระหัตถ์ของพระเจ้านารทะ
เสด็จเที่ยวไปในพระอุทยาน ได้ตรัสพระคาถา ๓ คาถาว่า
ที่ตรงนี้เป็ นไร่นา ที่ตรงนี้ตรงร่องน้าตรงดี
ที่ตรงนี้เป็ นภูมิภาคมีหญ้าแพรกเขียวสะพรั่ง ที่ตรงนี้เป็นแม่น้าไหลอยู่ไม่ขาดสาย
ที่ตรงนี้เป็ นสระโบกขรณีอันน่ารื่นรมย์ มีฝูงนกจักรพรากร้องเสียงระงม
7
เปี่ยมไปด้วยน้าใสสะอาด ดารดาษไปด้วยดอกปทุมและดอกอุบล
พวกข้าเฝ้ าและนางสนมพากันยึดถือสถานที่เหล่านี้ว่าเป็นของเรา
เขาเหล่านั้นพากันไปเสียทางทิศใดหนอ
ดูก่อนพ่อนารทะ ไร่นาเหล่านั้น ภูมิภาคตรงนั้น
และอุปจารแห่งสวนและป่าไม้ยังคงมีอยู่ดังเดิม เมื่อเราไม่เห็นหมู่ชนเหล่านั้น
ทิศทั้งหลายก็ปรากฏว่าว่างเปล่าแก่เรา.
ครั้งนั้นพระเจ้านารทะกราบทูลท้าวเธอว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ เมื่อพระองค์เสด็จไปเทวโลก กาหนดได้
๗๐๐ ปีเข้านี้แล้ว หม่อมฉันเป็นหลานคนที่ ๗ ของพระองค์
อุปัฏฐากของพระองค์สิ้นพระชนม์ไปหมดแล้ว
ขอเชิญพระองค์เสวยราชสมบัติอันเป็นส่วนของพระองค์เถิด พระเจ้าข้า.
พระราชาตรัสว่า พ่อนารทะเอ๋ย
ฉันมาทั้งนี้มิได้มาเพื่อต้องการราชสมบัติ มาเพื่อต้องการทาบุญ
ฉันจักทาบุญเท่านั้น จึงตรัสพระคาถาว่า
วิมานทั้งหลายอันสว่างไสวทั้งสี่ทิศ
ฉันได้เห็นแล้วเฉพาะพระพักตร์ของท้าวสักกเทวราช
และเฉพาะหน้าของทวยเทพชาวไตรทศ ภพที่ฉันเห็นอยู่เป็นทิพย์
กามทั้งหลายอันมิใช่ของมนุษย์ ฉันได้บริโภคแล้ว
ในทวยเทพของชาวไตรทศ ภพที่ฉันอยู่ก็เป็นทิพย์
กามทั้งหลายอันมิใช่ของมนุษย์ ฉันได้บริโภคแล้ว
ในทวยเทพชาวดาวดึงส์ ผู้สาเร็จสิ่งที่น่าปรารถนาทุกอย่าง
ฉันนั้นละสมบัติเช่นนั้นเสียแล้วมาในมนุษยโลกนี้
เพื่อต้องการทาบุญเท่านั้น ฉันจักประพฤติแต่ธรรมเท่านั้น
ฉันไม่มีความต้องการด้วยราชสมบัติ
ฉันจักดาเนินไปตามทางที่ท่านผู้ไม่มีอาชญาพากันท่องเที่ยวไป
อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้
ซึ่งเป็ นทางสาหรับไปของท่านผู้มีวัตรงามทั้งหลาย.
พระโพธิสัตว์ตรัสคาถาเหล่านี้ใส่ไว้ในพระสัพพัญญุตญาณด้วยประกา
รฉะนี้.
ครั้งนั้นพระราชานารทะกราบทูลย้ากะพระองค์อีกว่า
เชิญพระองค์ทรงครองราชสมบัติสืบไปเถิด พระเจ้าข้า.
ตรัสว่า พ่อเอ๋ย ฉันไม่ต้องการราชสมบัติ จะขอให้ทานฉลอง ๗๐๐ ปี
เพียง ๗ วันเท่านั้นแหละ. พระราชานารทะทรงรับพระดารัสของพระองค์ว่า
เชิญเถิด พระเจ้าข้า ทรงเตรียมมหาทาน.
พระราชาทรงให้มหาทานตลอด ๗ วัน ในวันที่ ๗ สิ้นพระชนม์
8
บังเกิดในภพชั้นดาวดึงส์นั้นเอง.
พระศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงแสดงว่า
ดูก่อนอุบาสกทั้งหลาย อันอุโบสถกรรมควรที่จะพึงบาเพ็ญ
ด้วยประการฉะนี้
แล้วทรงประกาศสัจจะทั้งหลาย เมื่อจบสัจจะบรรดาอุบาสกผู้รักษาอุโบ
สถเหล่านั้น บางพวกดารงอยู่ในโสดาปัตติผล บางพวกในสกทาคามิผล
บางพวกในอนาคามิผล บางพวกในอรหัตผล
แล้วประชุมชาดกว่า
พระราชานารทะในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระสารีบุตร
เทพบุตรมาตลีได้มาเป็ น พระอานนท์
ท้าวสักกะได้มาเป็น พระอนุรุทธะ
บริษัทที่เหลือได้มาเป็ น พุทธบริษัท
ส่วนพระเจ้าสาธินราชได้มาเป็น เราตถาคต แล.
จบอรรถกถาสาธินราชชาดกที่ ๑๑
--------------------------------

More Related Content

Similar to 494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๐๒. มหาชนกชาดก.pdf
๐๒. มหาชนกชาดก.pdf๐๒. มหาชนกชาดก.pdf
๐๒. มหาชนกชาดก.pdf
maruay songtanin
 
371 ทีฆีติโกสลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
371 ทีฆีติโกสลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...371 ทีฆีติโกสลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
371 ทีฆีติโกสลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
323 พรหมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
323 พรหมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...323 พรหมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
323 พรหมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
454 ฆตปัณฑิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
454 ฆตปัณฑิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...454 ฆตปัณฑิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
454 ฆตปัณฑิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
๓๐. อุจฉุทายิกาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๓๐. อุจฉุทายิกาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๓๐. อุจฉุทายิกาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๓๐. อุจฉุทายิกาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
228 กามนีตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
228 กามนีตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx228 กามนีตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
228 กามนีตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
๐๑. เตมิยชาดก.pdf
๐๑. เตมิยชาดก.pdf๐๑. เตมิยชาดก.pdf
๐๑. เตมิยชาดก.pdf
maruay songtanin
 
151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 

Similar to 494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
170 กกัณฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐๒. มหาชนกชาดก.pdf
๐๒. มหาชนกชาดก.pdf๐๒. มหาชนกชาดก.pdf
๐๒. มหาชนกชาดก.pdf
 
371 ทีฆีติโกสลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
371 ทีฆีติโกสลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...371 ทีฆีติโกสลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
371 ทีฆีติโกสลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
323 พรหมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
323 พรหมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...323 พรหมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
323 พรหมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
454 ฆตปัณฑิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
454 ฆตปัณฑิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...454 ฆตปัณฑิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
454 ฆตปัณฑิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๓๐. อุจฉุทายิกาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๓๐. อุจฉุทายิกาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๓๐. อุจฉุทายิกาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๓๐. อุจฉุทายิกาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
228 กามนีตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
228 กามนีตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx228 กามนีตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
228 กามนีตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
๐๑. เตมิยชาดก.pdf
๐๑. เตมิยชาดก.pdf๐๑. เตมิยชาดก.pdf
๐๑. เตมิยชาดก.pdf
 
151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
151 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 

More from maruay songtanin

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
maruay songtanin
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๑๑. สาธินราชชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๔๙๔) ว่าด้วยพระเจ้าสาธินะ (พวกมนุษย์ดีใจยืนประคองอัญชลี ได้กล่าวว่า) [๒๐๒] น่าอัศจรรย์จริงหนอ รถทิพย์ได้ปรากฏแก่พระเจ้าวิเทหะ ผู้เรืองยศ พระองค์ทรงอุบัติขึ้นมาในโลก ทาให้เกิดขนพองสยองเกล้า (พระศาสดาทรงประกาศข้อความนั้นว่า) [๒๐๓] มาตลีเทพบุตร เทพสารถีผู้มีฤทธิ์มาก ทูลเชิญเสด็จพระเจ้าวิเทหะผู้ครอบครองมิถิลานครว่า [๒๐๔] พระราชาผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เป็ นใหญ่ทั่วทิศ ขอเชิญพระองค์เสด็จทรงรถทิพย์นี้เถิด เทพชั้นดาวดึงส์ทั้งหลาย พร้อมทั้งองค์อมรินทร์ใคร่จะทรงทัศนาพระองค์ ก็เทพเหล่านั้นระลึกถึงพระองค์ ประชุมพร้อมกันอยู่ที่สภาชื่อสุธรรมา [๒๐๕] ก็ลาดับนั้น พระเจ้าวิเทหะทรงพระนามสาธินะ ผู้ครอบครองมิถิลานคร เสด็จประทับรถทิพย์ ซึ่งเทียมด้วยม้าอัสดร ๑,๐๐๐ ตัว ได้เสด็จไปในสานักแห่งเทพ (พระมหาราชาประทับยืนบนทิพยยาน ซึ่งเทียมด้วยม้าอัสดร ๑,๐๐๐ ตัวนาไป เสด็จไปอยู่ ได้ทอดพระเนตรเห็นเทวสภานี้) เทพครั้นเห็นพระราชาเสด็จมาก็ยินดีต้อนรับพระองค์ [๒๐๖] ขอเดชะพระมหาราช พระองค์เสด็จมาดีแล้ว มิใช่เสด็จมาร้าย พระราชาผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ บัดนี้ ขอเชิญประทับ ณ สานักท้าวสักกเทวราชเถิด [๒๐๗] แม้ท้าวสักกะก็ทรงยินดีต้อนรับ พระเจ้าวิเทหะผู้ครอบครองมิถิลานคร ท้าววาสวะทรงเชื้อเชิญด้วยกามทั้งหลายพร้อมทั้งอาสนะ [๒๐๘] พระราชาผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เป็ นการดีแท้ ที่พระองค์เสด็จมาถึงสถานที่อยู่แห่งเหล่าเทพผู้ครองอานาจ ขอเชิญประทับอยู่ในหมู่ทวยเทพผู้มั่งคั่งด้วยกามทุกอย่าง ขอพระองค์เสวยกามซึ่งมิใช่ของมนุษย์ ในหมู่เทพชั้นดาวดึงส์เถิด (พระเจ้าสาธินะตรัสกับท้าวสักกะว่า) [๒๐๙] เมื่อก่อน หม่อมฉันอยู่ในสวรรค์ ย่อมยินดีการฟ้ อนราขับร้องและประโคมดนตรี แต่บัดนี้
  • 2. 2 วันนี้หม่อมฉันนั้นหายินดีในสวรรค์ไม่ พระองค์ผู้ประเสริฐกว่าจอมเทพ อายุของหม่อมฉันสิ้นแล้วหรือ หม่อมฉันใกล้ตายหรือ หรือว่าหม่อมฉันหลงไป (ท้าวสักกะตรัสว่า) [๒๑๐] พระองค์ผู้กล้าหาญ ผู้ประเสริฐกว่านรชน พระชนมายุของพระองค์ยังไม่สิ้นไป ความตายก็ยังอยู่ห่างไกล และแม้พระองค์ก็ยังไม่หลง แต่บุญที่พระองค์เสวยวิบากอยู่ในเทวโลกนี้ของพระองค์เหลืออยู่น้อย [๒๑๑] พระราชาผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เป็ นใหญ่ทั่วทิศ ขอเชิญพระองค์ประทับอยู่ด้วยเทวานุภาพ เสวยกามซึ่งมิใช่ของมนุษย์ในหมู่เทพชั้นดาวดึงส์เถิด (พระโพธิสัตว์ทรงห้ามท้าวสักกะว่า) [๒๑๒] สิ่งใดที่ได้มาเพราะเหตุที่ผู้อื่นให้ สิ่งนั้นเปรียบกันได้ เหมือนยานพาหนะที่ยืมเขามา เหมือนทรัพย์ที่ยืมเขามา [๒๑๓] ก็สมบัติที่ได้มาเพราะเหตุที่ผู้อื่นให้นั้น หม่อมฉันไม่ปรารถนา บุญทั้งหลายที่หม่อมฉันทาเอง บุญนั้นจะเป็นทรัพย์เฉพาะตนของหม่อมฉัน [๒๑๔] หม่อมฉันนั้นไปอยู่ในหมู่มนุษย์แล้วจะทากุศลให้มาก ด้วยการให้ทาน การประพฤติธรรมให้สม่าเสมอ การสารวมและด้วยการฝึกฝนอินทรีย์ ซึ่งเป็ นกรรมที่บุคคลทาแล้วมีความสุข และไม่ทาให้เดือดร้อนในภายหลัง (พระโพธิสัตว์จูงพระหัตถ์พระเจ้านารทะเที่ยวไปในอุทยานได้ตรัสว่า) [๒๑๕] ภูมิภาคตรงนี้คืออุทยานนั้น ตรงนี้คือลารางไขน้าพร้อมทั้งอ่างรองรับน้าที่ไหลเข้ามา ตรงนี้คือภูมิภาคทั้ง ๒ ข้างแห่งลารางไขน้า ซึ่งปกคลุมด้วยหญ้าเขียวขจี ตรงนี้คือแม่น้าที่มีกระแสไหลอยู่ไม่ขาดสาย [๒๑๖] ตรงนี้คือสระโบกขรณีอันน่ารื่นรมย์ มีนกจักรพากขันขานเสียงระงม ดารดาษไปด้วยดอกมณฑาลก ดอกปทุม และดอกอุบล ที่เหล่าชนพากันหลงใหลยึดถือว่าเป็นของเรา เขาไปไหนหนอ [๒๑๗] ตรงนี้พื้นที่นั้นมีแต่พื้นดินที่รกเท่านั้น มีแต่สวนและแนวป่าเท่านั้นเอง นารทะ เมื่อเรามองไม่เห็นหมู่ชนนั้น ทิศทั้งหลายปรากฏแก่เราเหมือนกับว่างเปล่า (พระเจ้าสาธินะตรัสว่า) [๒๑๘] ข้าพเจ้าได้เห็นวิมานส่องแสงไปทั้ง ๔ ทิศ ต่อพระพักตร์ท้าวเทวราชและต่อหน้าเทวดาชั้นไตรทศ [๒๑๙] เราได้อยู่ในทิพยวิมาน บริโภคกามซึ่งมิใช่ของมนุษย์ ในหมู่เทพชั้นดาวดึงส์ที่มั่งคั่งด้วยกามทุกอย่าง
  • 3. 3 [๒๒๐] เรานั้นละกามเช่นนี้ มาในโลกนี้เพื่อต้องการทาบุญ จะประพฤติธรรมอย่างเดียว ไม่ต้องการราชสมบัติ [๒๒๑] เราจะดาเนินไปตามทางที่ไม่ต้องใช้อาชญา ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้แล้ว เป็นทางที่ท่านผู้ปฏิบัติดีดาเนินไปอยู่ สาธินราชชาดกที่ ๑๑ จบ --------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา สาธินราชชาดก ว่าด้วย พระเจ้าวิเทหราชประพาสดาวดึงส์ พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงพระปรารภพวกอุบาสกรักษาอุโบสถ ตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. มีเรื่องย่อว่า ครั้งนั้นพระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนอุบาสกทั้งหลาย บัณฑิตแต่ครั้งก่อน อาศัยอุโบสถกรรมของตน ไปสู่เทวโลกอยู่สิ้นกาลนานด้วยสรีระแห่งมนุษย์นั่นแล ทรงนาอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี้ ในอดีตกาล พระราชาทรงพระนามสาธินะ ทรงครองราชสมบัติโดยธรรม ณ พระนครมิถิลา ท้าวเธอได้สร้างโรงทานไว้ ๖ แห่ง คือที่ประตูพระนครทั้ง ๔ ที่กลางพระนคร และที่ประตูราชนิเวศน์ ทรงบาเพ็ญมหาทาน กระทาชมพูทวีปทุกแห่งหน ให้เก็บไถได้ พระราชทานทรัพย์ประมาณหกแสนกระษาปณ์เป็นราชทรัพย์ที่ทรงใช้จ่ายทุกๆ วั น ทรงรักษาศีล ๕ ทรงถืออุโปสถ. ชาวแว่นแคว้นเล่าก็พากันตั้งอยู่ในโอวาทของท้าวเธอต่างกระทาบุญมี ให้ทานเป็นต้น ตายแล้วๆ บังเกิดในเมืองเทวดาทั้งนั้น ฝูงเทพพากันนั่งแน่นเทวสภาชื่อสุธรรมา ต่างพรรณนาพระคุณมีศีลเป็นต้นของพระราชาเท่านั้น. เทพที่เหลือฟังเรื่องนั้นแล้ว ก็มีปรารถนาที่จะเห็นพระราชาไปตามๆ กัน. ท้าวสักกเทวราชทรงทราบใจของเทพเหล่านั้น ตรัสว่า พวกเธอปรารถนาจะเห็นพระเจ้าสาธินราชหรือ พวกเทพพากันกราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าแต่พระผู้เป็นเทพเจ้า. ท้าวเธอจึงตรัสสั่งเทพบุตรมาตลีว่า เธอจงไปจัดเวชยันตรถ รับพระเจ้าสาธินราชมา. เทพบุตรมาตลีรับเทวบัญชาว่า สาธุ แล้วจัดรถไปสู่แคว้นวิเทหะ ครั้งนั้นเป็ นวันเพ็ญ เวลาที่พวกมนุษย์บริโภคอาหารเย็น แล้วนั่งสนทนากันด้วยสุขกถาที่ประตูเรือน
  • 4. 4 มาตลีเทพบุตรก็ขับรถพร้อมกับจันทรมณฑล. ฝูงชนพากันกล่าวว่า พระจันทร์ขึ้นสองดวง แต่ครั้นเห็นทั้งรถทั้งจันทรมณฑลวิ่งมา พากันชื่นชมโสมนัสว่า นี่ไม่ใช่ดวงจันทร์ นี่เป็นรถ ทั้งเทพบุตรก็ปรากฏ รถทิพย์เทียมด้วยสินธพมโนมัยคันนี้มารับใคร ไม่มีคนอื่นละต้องเป็ นพระราชาของพวกเรา เพราะว่าพระราชาของพวกเราทรงธรรมเป็นพระธรรมราชา แล้วต่างยืนประคองอัญชลี กล่าวคาถาเป็นปฐมว่า อัศจรรย์จริงหนอ ขนพองสยองเกล้าเกิดขึ้นแล้วในโลก รถทิพย์ได้ปรากฏแก่พระเจ้าวิเทหราชผู้เรืองยศ. คาอันเป็นคาถานั้น มีอธิบายว่า พระจอมวิเทหะผู้เรืองพระยศ ราชาของพวกเรานั้นเป็นผู้น่าอัศจรรย์จริงละ ความขนพองสยองเกล้าเกิดแล้วในโลกตรงที่รถทิพย์ปรากฏเพื่อพระองค์. มาตลีเทพบุตรนารถมาถึง เมื่อฝูงชนพากันบูชาด้วยดอกไม้เป็นต้น ก็กระทาประทักษิณพระนคร ๓ รอบ แล้วไปสู่ทวารวังของพระราชากลับรถจอดไว้ใกล้ธรณีช่องพระแกลทางส่วนด้าน หลัง ยืนเตรียมรับเสด็จ วันนั้นเล่าพระราชาตรวจโรงทาน ตรัสสั่งว่า สูทั้งหลายจงให้ทานโดยทานองนี้ทีเดียว ทรงสมาทานอุโบสถ ประทับยับยั้งอยู่ตลอดวัน มีหมู่อามาตย์แวดล้อม ประทับนั่งผันพระพักตร์เฉพาะช่องพระแกลด้านตะวันออก ตรัสกถาอันประกอบด้วยธรรมอยู่ ณ ท้องพระโรงอันอลงกต. ครั้งนั้น มาตลีเทพบุตรก็ทูลเชิญพระองค์เสด็จขึ้นสู่รถ พาไป. พระศาสดา เมื่อทรงประกาศเนื้อความนั้น ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า มาตลีเทพบุตรเทพสารถีผู้มีฤทธิ์มาก ได้เชื้อเชิญพระเจ้าวิเทหราชผู้ครองมิถิลานครว่า ข้าแต่พระราชาผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ผู้เป็นใหญ่ทั่วทิศ ขอเชิญพระองค์เสด็จทรงรถนี้เถิด ด้วยว่าทวยเทพชั้นดาวดึงส์พร้อมด้วยสมเด็จอมรินทราธิราช ใคร่จะเห็นพระองค์ ทวยเทพเหล่านั้นประชุมพร้อมกันอยู่ ณ สุธรรมาเทวสภา ลาดับนั้นแล พระเจ้าวิเทหราชพระนามว่าสาธินะ ผู้ครองมิถิลานคร เสด็จทรงรถอันเทียมด้วยม้าพันหนึ่ง ได้เสด็จไปยังสานักเทวดาทั้งหลาย (พระมหาราชาทรงประทับยืนบนทิพยาน อันเทียมด้วยม้าพันหนึ่งซึ่งม้าลากไป เสด็จไปอยู่ ได้ทอดพระเนตรเห็นเทวสภานี้) ทวยเทพเห็นพระราชาเสด็จมาดังนั้น ก็พากันชื่นชมยินดี
  • 5. 5 กระทาปฏิสันถารเชื้อเชิญว่า ข้าแต่พระมหาราชา พระองค์เสด็จมาดีแล้ว อนึ่ง ชื่อว่าพระองค์มิได้เสด็จมาร้าย ข้าแต่พระราชาผู้แสวงหาคุณใหญ่ ขอพระองค์ทรงประทับใกล้ๆ กับท้าวเทวราชเสียแต่บัดนี้เถิด ฝ่ายท้าววาสวสักกเทวราชทรงชื่นชมยินดี เชื้อเชิญพระเจ้าสาธินราชผู้ครองมิถิลานครด้วยทิพยกามารมณ์และอาสนะว่า ข้าแต่พระราชฤาษี เป็นการดีแล้วที่พระองค์เสด็จมาถึงที่อยู่ของทวยเทพผู้บันดาลให้เป็นไปในอานาจ ได้ ขอเชิญพระองค์ประทับอยู่ในหมู่ทวยเทพผู้ให้สาเร็จทิพยกามารมณ์ทุกอย่าง ขอเชิญพระองค์ทรงเสวยกามคุณ อันมิใช่ของมนุษย์ในหมู่ทวยเทพชั้นดาวดึงส์เถิด. เมื่อพระเจ้าสาธินราชพระองค์นั้นทรงเสวยราชสมบัติ อันท้าวสักกเทวราชทรงแบ่งเทพนครมีประมาณหมื่นโยชน์ และนางเทพอัปสรสองโกฏิกึ่ง กับเวชยันตปราสาทประทานให้ครึ่งหนึ่ง กาลเวลาล่วงไปถึง ๗๐๐ ปี ด้วยการนับตามปีมนุษย์ พระองค์ประทับอยู่ในเทวโลกด้วยอัตภาพนั้น. เมื่อเวลาสิ้นบุญ พระองค์เกิดเบื่อหน่าย เพราะฉะนั้น เมื่อท้าวเธอจะตรัสสนทนากับท้าวสักกะ จึงตรัสพระคาถาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐกว่าจอมเทพ เมื่อหม่อมฉันมาถึงสวรรค์แล้ว ย่อมยินดีด้วยการฟ้ อนราขับร้องและเครื่องประโคมทั้งหลาย บัดนี้ หม่อมฉันนั้นไม่ยินดีอยู่ในสวรรค์เลย จะหมดอายุ หรือใกล้จะตาย หรือว่าหม่อมฉันหลงใหลไปเสียแล้ว. ลาดับนั้น ท้าวสักกะตรัสกะท้าวเธอว่า ข้าแต่พระองค์ผู้แกล้วกล้ากว่านรชน ผู้ประเสริฐ พระชนมายุของพระองค์ยังไม่หมดสิ้น ความสิ้นพระชนม์ก็ยังห่างไกล อนึ่ง พระองค์จะได้ทรงหลงใหลไปก็หาไม่ แต่ว่าวิบากแห่งบุญกุศลของพระองค์ ที่ได้ทรงเสวยในเทวโลกนี้มีน้อยไป ข้าแต่พระราชาผู้ประเสริฐผู้เป็นใหญ่ทั่วทิศ ขอเชิญพระองค์ประทับอยู่เสวยกามคุณอันมิใช่ของมนุษย์ในหมู่ทวยเทพชาวดาว ดึงส์ ด้วยเทวานุภาพต่อไปเถิด. ท้าวสักกะ เมื่อทรงปลอบพระเจ้าสาธินราชนั้น จึงตรัสพระคาถาว่า เป็นการดีนักแลที่พระองค์เสด็จถึงที่อยู่แห่งเทพผู้ทรงอานาจ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นราชาเพียงดังฤาษี เชิญประทับอยู่ในหมู่เทพผู้มีความปรารถนาทุกอย่างสาเร็จได้ เชิญบริโภคกามอันมิใช่ของมนุษย์ในหมู่เทพชั้นดาวดึงส์เถิด. พระมหาสัตว์ เมื่อจะทรงห้ามท้าวเธอเสีย จึงตรัสพระคาถาว่า ขอยืมยานเขามาขับ ขอยืมทรัพย์เขามาใช้ฉันใด
  • 6. 6 การที่ได้เสวยความสุข เป็นความสุขที่ผู้อื่นยื่นให้ ก็เปรียบกันได้ฉะนั้นแล ก็แลการได้เสวยความสุข โดยเป็นความสุขที่ผู้อื่นยื่นให้ หม่อมฉันไม่ปรารถนาเลย บุญทั้งหลายอันหม่อมฉันทาเองแล้วนั้น ย่อมเป็นทรัพย์อันอาจติดตามหม่อมฉันไปได้ หม่อมฉันไปในมนุษย์แล้วจักได้ทากุศลให้มาก ที่บุคคลกระทาแล้วได้รับความสุขและไม่ต้องเดือดร้อนในภายหลัง ด้วยทาน ด้วยการประพฤติสม่าเสมอ ด้วยการสารวม ด้วยการฝึกตน. ครั้นท้าวสักกะทรงสดับพระดารัสของพระเจ้าสาธินราชนั้นแล้ว ทรงสั่งเทพบุตรมาตลีว่า ไปเถิด นาเสด็จพระเจ้าสาธินราชไปสู่มิถิลาให้เสด็จลงในพระอุทยาน. มาตลีเทพบุตรนั้นได้กระทาตามเทวบัญชา. พระราชาเสด็จพระจงกรมอยู่ในพระอุทยานนั่นเอง. ครั้งนั้นนายอุยยานบาลเห็นพระองค์แล้ว ก็ไปกราบทูลแด่พระราชานารทะ. ฝ่ายพระเจ้านารทะนั้นทรงสดับการเสด็จมาของพระราชาแล้วตรัสว่า นายอุยยานบาล เจ้าจงล่วงหน้าไปเตรียมอุทยาน จัดตั้งอาสนะไว้ ๒ ที่ สาหรับพระราชานั้นที่ ๑ สาหรับเราที่ ๑ ทรงส่งนายอุยยานบาลนั้นไป. เขาได้กระทาตามพระบัญชา ที่นั้น พระราชาจึงตรัสถามเขาว่า เจ้าจัดตั้งอาสนะ ๒ ที่เพื่อใครเล่า กราบทูลว่า เพื่อพระองค์ที่ ๑ เพื่อพระราชาของพวกข้าพระองค์ที่ ๑ พระเจ้าข้า. ครั้งนั้นพระราชาตรัสว่า สัตว์อื่นใครเล่าจักนั่งเหนืออาสนะในสานักของเรา แล้วประทับนั่งเหนืออาสนะ ๑ วางพระบาททั้งคู่เหนืออาสนะ ๑. พระราชานารทะเสด็จมาถวายบังคมพระบาทยุคลของพระองค์แล้ว ประทับนั่ง ณ ที่อันสมควรข้างหนึ่ง. ได้ยินว่า พระเจ้านารทะเป็ นพระนัดดาของพระเจ้าสาธินราชองค์ที่ ๗ ทีเดียว ข่าวว่า ครั้งนั้นพระเจ้านารทะทรงพระชนมายุได้ ๑๐๐ พรรษาแล้ว แต่พระมหาสัตว์ทรงพระชนม์ยืนนานตลอดกาลเพียงนี้ ด้วยกาลังบุญของพระองค์. พระองค์ทรงจูงพระหัตถ์ของพระเจ้านารทะ เสด็จเที่ยวไปในพระอุทยาน ได้ตรัสพระคาถา ๓ คาถาว่า ที่ตรงนี้เป็ นไร่นา ที่ตรงนี้ตรงร่องน้าตรงดี ที่ตรงนี้เป็ นภูมิภาคมีหญ้าแพรกเขียวสะพรั่ง ที่ตรงนี้เป็นแม่น้าไหลอยู่ไม่ขาดสาย ที่ตรงนี้เป็ นสระโบกขรณีอันน่ารื่นรมย์ มีฝูงนกจักรพรากร้องเสียงระงม
  • 7. 7 เปี่ยมไปด้วยน้าใสสะอาด ดารดาษไปด้วยดอกปทุมและดอกอุบล พวกข้าเฝ้ าและนางสนมพากันยึดถือสถานที่เหล่านี้ว่าเป็นของเรา เขาเหล่านั้นพากันไปเสียทางทิศใดหนอ ดูก่อนพ่อนารทะ ไร่นาเหล่านั้น ภูมิภาคตรงนั้น และอุปจารแห่งสวนและป่าไม้ยังคงมีอยู่ดังเดิม เมื่อเราไม่เห็นหมู่ชนเหล่านั้น ทิศทั้งหลายก็ปรากฏว่าว่างเปล่าแก่เรา. ครั้งนั้นพระเจ้านารทะกราบทูลท้าวเธอว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ เมื่อพระองค์เสด็จไปเทวโลก กาหนดได้ ๗๐๐ ปีเข้านี้แล้ว หม่อมฉันเป็นหลานคนที่ ๗ ของพระองค์ อุปัฏฐากของพระองค์สิ้นพระชนม์ไปหมดแล้ว ขอเชิญพระองค์เสวยราชสมบัติอันเป็นส่วนของพระองค์เถิด พระเจ้าข้า. พระราชาตรัสว่า พ่อนารทะเอ๋ย ฉันมาทั้งนี้มิได้มาเพื่อต้องการราชสมบัติ มาเพื่อต้องการทาบุญ ฉันจักทาบุญเท่านั้น จึงตรัสพระคาถาว่า วิมานทั้งหลายอันสว่างไสวทั้งสี่ทิศ ฉันได้เห็นแล้วเฉพาะพระพักตร์ของท้าวสักกเทวราช และเฉพาะหน้าของทวยเทพชาวไตรทศ ภพที่ฉันเห็นอยู่เป็นทิพย์ กามทั้งหลายอันมิใช่ของมนุษย์ ฉันได้บริโภคแล้ว ในทวยเทพของชาวไตรทศ ภพที่ฉันอยู่ก็เป็นทิพย์ กามทั้งหลายอันมิใช่ของมนุษย์ ฉันได้บริโภคแล้ว ในทวยเทพชาวดาวดึงส์ ผู้สาเร็จสิ่งที่น่าปรารถนาทุกอย่าง ฉันนั้นละสมบัติเช่นนั้นเสียแล้วมาในมนุษยโลกนี้ เพื่อต้องการทาบุญเท่านั้น ฉันจักประพฤติแต่ธรรมเท่านั้น ฉันไม่มีความต้องการด้วยราชสมบัติ ฉันจักดาเนินไปตามทางที่ท่านผู้ไม่มีอาชญาพากันท่องเที่ยวไป อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ซึ่งเป็ นทางสาหรับไปของท่านผู้มีวัตรงามทั้งหลาย. พระโพธิสัตว์ตรัสคาถาเหล่านี้ใส่ไว้ในพระสัพพัญญุตญาณด้วยประกา รฉะนี้. ครั้งนั้นพระราชานารทะกราบทูลย้ากะพระองค์อีกว่า เชิญพระองค์ทรงครองราชสมบัติสืบไปเถิด พระเจ้าข้า. ตรัสว่า พ่อเอ๋ย ฉันไม่ต้องการราชสมบัติ จะขอให้ทานฉลอง ๗๐๐ ปี เพียง ๗ วันเท่านั้นแหละ. พระราชานารทะทรงรับพระดารัสของพระองค์ว่า เชิญเถิด พระเจ้าข้า ทรงเตรียมมหาทาน. พระราชาทรงให้มหาทานตลอด ๗ วัน ในวันที่ ๗ สิ้นพระชนม์
  • 8. 8 บังเกิดในภพชั้นดาวดึงส์นั้นเอง. พระศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงแสดงว่า ดูก่อนอุบาสกทั้งหลาย อันอุโบสถกรรมควรที่จะพึงบาเพ็ญ ด้วยประการฉะนี้ แล้วทรงประกาศสัจจะทั้งหลาย เมื่อจบสัจจะบรรดาอุบาสกผู้รักษาอุโบ สถเหล่านั้น บางพวกดารงอยู่ในโสดาปัตติผล บางพวกในสกทาคามิผล บางพวกในอนาคามิผล บางพวกในอรหัตผล แล้วประชุมชาดกว่า พระราชานารทะในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระสารีบุตร เทพบุตรมาตลีได้มาเป็ น พระอานนท์ ท้าวสักกะได้มาเป็น พระอนุรุทธะ บริษัทที่เหลือได้มาเป็ น พุทธบริษัท ส่วนพระเจ้าสาธินราชได้มาเป็น เราตถาคต แล. จบอรรถกถาสาธินราชชาดกที่ ๑๑ --------------------------------