ว่าด้วย พระเจ้าวิเทหราชประพาสดาวดึงส์ พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงพระปรารภพวกอุบาสกรักษาอุโบสถ ตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. มีเรื่องย่อว่า ครั้งนั้นพระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนอุบาสกทั้งหลาย บัณฑิตแต่ครั้งก่อน อาศัยอุโบสถกรรมของตน ไปสู่เทวโลกอยู่สิ้นกาลนานด้วยสรีระแห่งมนุษย์นั่นแล ทรงนำอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี้ ในอดีตกาล พระราชาทรงพระนามสาธินะ ทรงครองราชสมบัติโดยธรรม ณ พระนครมิถิลา ท้าวเธอได้สร้างโรงทานไว้ ๖ แห่ง คือที่ประตูพระนครทั้ง ๔ ที่กลางพระนคร และที่ประตูราชนิเวศน์ ทรงบำเพ็ญมหาทาน กระทำชมพูทวีปทุกแห่งหน ให้เก็บไถได้ พระราชทานทรัพย์ประมาณหกแสนกระษาปณ์เป็นราชทรัพย์ที่ทรงใช้จ่ายทุกๆ วัน ทรงรักษาศีล ๕ ทรงถืออุโปสถ. ชาวแว่นแคว้นเล่าก็พากันตั้งอยู่ในโอวาทของท้าวเธอต่างกระทำบุญมีให้ทานเป็นต้น ตายแล้วๆ บังเกิดในเมืองเทวดาทั้งนั้น ฝูงเทพพากันนั่งแน่นเทวสภาชื่อสุธรรมา ต่างพรรณนาพระคุณมีศีลเป็นต้นของพระราชาเท่านั้น. เทพที่เหลือฟังเรื่องนั้นแล้ว ก็มีปรารถนาที่จะเห็นพระราชาไปตามๆ กัน. ท้าวสักกเทวราชทรงทราบใจของเทพเหล่านั้น ตรัสว่า พวกเธอปรารถนาจะเห็นพระเจ้าสาธินราชหรือ พวกเทพพากันกราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าแต่พระผู้เป็นเทพเจ้า. ท้าวเธอจึงตรัสสั่งเทพบุตรมาตลีว่า เธอจงไปจัดเวชยันตรถ รับพระเจ้าสาธินราชมา. เทพบุตรมาตลีรับเทวบัญชาว่า สาธุ แล้วจัดรถไปสู่แคว้นวิเทหะ ครั้งนั้นเป็นวันเพ็ญ เวลาที่พวกมนุษย์บริโภคอาหารเย็น แล้วนั่งสนทนากันด้วยสุขกถาที่ประตูเรือน มาตลีเทพบุตรก็ขับรถพร้อมกับจันทรมณฑล. ฝูงชนพากันกล่าวว่า พระจันทร์ขึ้นสองดวง แต่ครั้นเห็นทั้งรถทั้งจันทรมณฑลวิ่งมา พากันชื่นชมโสมนัสว่า นี่ไม่ใช่ดวงจันทร์ นี่เป็นรถ ทั้งเทพบุตรก็ปรากฏ รถทิพย์เทียมด้วยสินธพมโนมัยคันนี้มารับใคร ไม่มีคนอื่นละต้องเป็นพระราชาของพวกเรา เพราะว่าพระราชาของพวกเราทรงธรรมเป็นพระธรรมราชา แล้วต่างยืนประคองอัญชลี