SlideShare a Scribd company logo
1
กุมภชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๒. กุมภชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๕๑๒)
ว่าด้วยหม้อพิเศษ
(สรรพมิตตราชาทรงสนทนากับท้าวสักกะว่า)
[๓๓] ท่านเป็นใคร มาจากสวรรค์ชั้นไตรทศหรือ
ปรากฏอยู่ในนภากาศเหมือนดวงจันทร์ส่องสว่างในยามรัตติกาล
รัศมีทั้งหลายแผ่ซ่านออกจากกายท่านดุจสายฟ้ าที่แลบอยู่ในอากาศ
[๓๔] ท่านนั้นบันดาลเมฆที่ขาดลมให้ไปในอากาศได้
ทั้งเดินทั้งยืนในอากาศได้ ท่านได้บาเพ็ญฤทธิ์ของเทพ
ผู้ไม่ต้องเดินทางไกลด้วยเท้า ทาให้เป็ นที่พึ่งท่านได้หรือ
[๓๕] ท่านอาศัยอากาศก้าวเดินมาหยุดอยู่ กล่าวเนื้อความนั้นว่า
ท่านจงซื้อหม้อ พราหมณ์ ท่านเป็ นใครหรือ หม้อของท่านนี้มีประโยชน์อะไร
ขอท่านจงบอกเนื้อความนั้นแก่ข้าพเจ้า
(ท้าวสักกะแสดงโทษของสุราว่า)
[๓๖] หม้อนี้มิใช่หม้อเนยใส มิใช่หม้อน้ามัน มิใช่หม้อน้าอ้อย
และมิใช่หม้อน้าผึ้ง โทษของหม้อนี้มีมิใช่น้อย
พระองค์จงสดับโทษอย่างมากมายที่มีอยู่ในหม้อนี้
[๓๗] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วเดินโซเซพึงตกเหว ตกบ่อ ตกถ้า
ตกหลุมน้าครา และหลุมโสโครก พึงบริโภคของที่ไม่ควรบริโภคได้มากมาย
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยน้าสุราชนิดนั้น
[๓๘] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วไม่เป็นอิสระในจิต
เที่ยวเปะปะไปเหมือนโคกินกากสุรา เป็นเหมือนคนอนาถา
ร่วมวงขับร้องฟ้ อนราได้ ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๓๙] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วเปลือยกายเหมือนชีเปลือย
เที่ยวไปตามตรอกซอกซอยในหมู่บ้าน มีจิตฟั่นเฟือน มักนอนเลยเวลา
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๔๐] บุคคลดื่มสุราชนิดใดลุกขึ้นแล้วตัวสั่น
โยกศีรษะและแกว่งแขนไปมา เขาฟ้ อนราเหมือนหุ่นยนต์
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๔๑] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วนอนหลับจนถูกไฟครอก
กินของที่พวกสุนัขจิ้งจอกกัดกินเหลือเดนได้ ย่อมได้รับการจองจา การถูกฆ่า
และความเสื่อมจากโภคะ ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
2
[๔๒] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วพึงพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด
นั่งพูดพร่าอยู่ในสภา ปราศจากเสื้อผ้า มีกายเลอะเทอะเปรอะเปื้อน
จมอยู่ในกองอาเจียน ถึงความพินาศ
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๔๓] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วอวดเก่ง มีนัยน์ตาขุ่นขวาง
สาคัญว่าแผ่นดินทั้งหมดเป็นของเราแต่ผู้เดียว พระราชาแม้จะมีมหาสมุทรทั้ง ๔
เป็นขอบเขตก็ไม่เสมอเหมือนเรา
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๔๔] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วเป็นคนถือตัวจัด ก่อการทะเลาะวิวาท
มีนิสัยส่อเสียด มีผิวพรรณทราม มักเปลือยกาย หลบซ่อนอยู่เสมอ อยู่แบบโจร
แบบนักเลง ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๔๕] ตระกูลทั้งหลายที่มั่งคั่งสมบูรณ์ มีทรัพย์ตั้งหลายพันพึงมีอยู่ในโลก
สุราชนิดนี้ทาให้ขาดจากความเป็นทายาทได้
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๔๖] ข้าวเปลือก ทรัพย์สิน เงิน ทอง ไร่นา โค
กระบือในตระกูลใดย่อมพินาศไป
และความขาดสูญแห่งตระกูลที่มีทรัพย์เครื่องปลื้มใจ ย่อมมีได้เพราะสุราชนิดใด
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๔๗] บุรุษดื่มสุราชนิดใดแล้วเป็นเหมือนคนกักขฬะหยาบคาย
ด่าพ่อแม่ จับต้องแม้แม่ยายและลูกสะใภ้
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๔๘] นารีดื่มสุราชนิดใดแล้วเป็ นเหมือนหญิงกักขฬะหยาบคาย
ด่าพ่อผัว แม่ผัว และสามี จับต้องทาสและคนใช้ผู้ชาย
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๔๙] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้ว
พึงฆ่าสมณะและพราหมณ์ผู้ดารงอยู่ในธรรม
เขาพึงไปสู่อบายเพราะกรรมนั้นเป็ นเหตุ
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๕๐] ชนทั้งหลายดื่มสุราชนิดใดแล้ว ประพฤติชั่วทางกาย วาจา และใจ
เพราะประพฤติชั่ว พวกเขาย่อมตกนรก
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๕๑] ชนทั้งหลายแม้บริจาคเงินจานวนมาก
อ้อนวอนผู้ใดให้กล่าวเท็จไม่ได้ ในกาลก่อน
ผู้นั้นดื่มสุรานั้นแล้วก็พูดเหลาะแหละเหลวไหลได้
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
3
[๕๒] ในการรับใช้ คนดื่มสุราชนิดใดแล้วถูกเขาใช้ไป
เมื่อเกิดกรณียกิจรีบด่วน เขาแม้ถูกถามก็ไม่รู้เรื่อง
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๕๓] คนเมาทั้งหลายเพราะความเมามาย
แม้มีความละอายใจก็ทาความไม่ละอายให้ปรากฏได้
แม้เป็นคนดีมีปัญญาก็พูดมาก ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๕๔] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วมักนอนสุมหัวกัน อดข้าวปลาอาหาร
นอนเป็ นทุกข์อยู่บนพื้นดิน
ย่อมประสบกับความมีผิวพรรณทรามและการถูกติฉินนินทา
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๕๕] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วนอนคอตก
เหมือนโคที่ถูกเกราะซึ่งผูกไว้ที่คอตีกระทบ
ฤทธิ์สุราคล้ายกับทาคนให้มีความอดทนด้วยดีก็หาไม่
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๕๖] มนุษย์ทั้งหลายย่อมเว้นสุราชนิดใดซึ่งเปรียบได้กับงูมีพิษร้าย
ใครเล่าควรจะดื่มสุราชนิดนั้นซึ่งเป็ นเช่นกับยาพิษในโลก
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๕๗] พวกโอรสของท้าวอันธกเวณฑะเสวยสุราชนิดใดแล้ว
พาหญิงไปบาเรอใกล้ฝั่งสมุทร ได้ใช้สากประหัตประหารกันและกัน
ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
[๕๘] บุรพเทพ (คืออสูรทั้งหลาย) ดื่มสุราชนิดใดแล้วเมามาย
จุติจากสวรรค์ชั้นไตรทศ ยังสาคัญตนว่าเที่ยง เป็นไปกับด้วยอสูรมายา
พระมหาราช บุคคลเมื่อทราบ น้าเมานี้ว่าไม่มีประโยชน์
จะพึงดื่มน้าชนิดนั้นไปทาไม
[๕๙] พระมหาราช ในหม้อนี้ไม่มีนมส้มหรือน้าผึ้งอยู่เลย
พระองค์ทรงทราบอย่างนี้แล้ว ขอทรงซื้อเถิด พระเจ้าสรรพมิตร
สิ่งของทั้งหลายซึ่งมีอยู่ในหม้อนี้
ข้าพระองค์ได้กราบทูลพระองค์ตามความเป็นจริงอย่างนั้นแล้วแหละ
(พระราชาทรงสดับดังนั้นแล้วเห็นโทษของสุรา
จึงทรงชมเชยท้าวสักกะว่า)
[๖๐] ถึงบิดามารดาของข้าพเจ้าไม่เหมือนท่าน
ผู้ช่วยเหลือเกื้อกูลหวังประโยชน์สูงสุด วันนี้ข้าพเจ้าจะเชื่อฟังคาของท่าน
[๖๑] ข้าพเจ้าจะให้บ้านส่วย ๕ ตาบล สาวใช้ ๑๐๐ คน โค ๗๐๐ ตัว
และรถเทียมม้าอาชาไนย ๑๐ คันนี้แก่ท่าน
ท่านเป็นอาจารย์ผู้หวังประโยชน์แก่ข้าพเจ้า
4
(ท้าวสักกะเมื่อจะให้พระราชารู้ว่าตนเป็นเทวดา จึงตรัสว่า)
[๖๒] พระมหาราช ทาสหญิง ๑๐๐ คน บ้านส่วย โคทั้งหลาย
และรถเทียมม้าอาชาไนยทั้งหลายของพระองค์ จงเป็นของพระองค์เถิด
ข้าพระองค์เป็นท้าวสักกะผู้เป็นจอมเทพชั้นไตรทศ
[๖๓] ขอพระองค์จงเสวยพระกระยาหารที่ปรุงด้วยเนื้อ
ข้าวปายาสที่ระคนด้วยเนยใส และจงเสวยขนมกุมมาสที่ปรุงด้วยน้าผึ้งเถิด
พระองค์ผู้จอมชน ขอพระองค์จงทรงยินดีในธรรม อันใครๆ ไม่ติเตียนแล้ว
เข้าถึงแดนสวรรค์เถิด
กุมภชาดกที่ ๒ จบ
--------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
กุมภชาดก
ว่าด้วย โทษของสุรา
พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภหญิงนักดื่มสุรา ๕๐๐ คนผู้เป็นสหายของนางวิสาขามหาอุบาสิกา
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า เมื่อเขาประกาศเรื่องมหรสพสุรา ในพระนครสาวัตถี หญิง
๕๐๐ คนเหล่านั้นจัดเตรียมสุรามีรสเข้มไว้ เพื่อสามีที่ไปเล่นมหรสพ
แล้วปรึกษากันว่า เราทั้งหลายก็จะเล่นมหรสพ ดังนี้แล้ว
ทุกคนจึงพากันไปยังสานักของนางวิสาขา กล่าวชักชวนว่า สหายรัก
พวกเราไปเล่นมหรสพกันเถิด
เมื่อนางวิสาขาปฏิเสธว่า มหรสพนี้เป็นมหรสพสุรา
เราจักไม่ดื่มสุราเลย
จึงพากันกล่าวว่า ท่านจงถวายทานแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเถิด
พวกเราจักเล่นมหรสพกัน.
นางวิสาขารับคาว่าดีแล้ว จึงส่งคนไปทูลเชิญพระบรมศาสดา
ถวายมหาทานแล้วถือเอาของหอมและระเบียบเป็นอันมาก
ห้อมล้อมด้วยหญิงเหล่านั้น ไปยังพระเชตวันมหาวิหาร เพื่อสดับพระธรรมกถา
ในเวลาเย็น.
ก็หญิงเหล่านั้นดื่มสุราไปพลาง เดินทางร่วมไปกับนางวิสาขา
ยืนดื่มสุราที่ซุ้มประตู แล้วจึงได้เข้าไปยังสานักพระศาสดาพร้อมกับนางวิสาขา.
นางวิสาขาถวายบังคมพระศาสดา แล้วนั่งลง ณ ส่วนข้างหนึ่ง.
บรรดาหญิงเหล่านั้นบางพวกก็ฟ้ อนรา บางพวกก็คะนองมือคะนองเท้า
จนทะเลาะวิวาทกันในสานักของพระศาสดานั่นเอง
พระบรมศาสดาจึงทรงเปล่งพระรัศมีออกจากขนพระโขนง
5
โดยพระประสงค์จะให้หญิงเหล่านั้นเกิดความสังเวช หญิงเหล่านั้นตกใจกลัว
ถูกมรณภัยคุกคาม ด้วยเหตุนั้น หญิงเหล่านั้นจึงสร่างเมา.
พระศาสดาทรงอันตรธานหายไปจากบัลลังก์ที่ประทับ ทรงยืนอยู่ ณ ยอดสิเนรุบร
รพต เปล่งพระรัศมีออกจากพระอุณาโลม
เป็ นประหนึ่งว่าได้มีพระจันทร์และพระอาทิตย์อุทัยขึ้นถึงพันดวง.
พระศาสดาประทับยืน ณ ยอดสิเนรุบรรพตนั่นเอง
โดยพระประสงค์จะให้หญิงเหล่านั้นเกิดความสังเวช จึงตรัสพระคาถานี้ความว่า
ท่านทั้งหลายจะมัวร่าเริง บันเทิงกันอยู่ทาไม
ในเมื่อโลกกาลังลุกเป็ นไฟอยู่เนืองนิตย์ ท่านทั้งหลายอันความมืดมิดหุ้มห่อแล้ว
ยังไม่พากันแสวงหาประทีป คือที่พึ่ง (อีกหรือ?)
ในเวลาจบพระคาถา หญิงทั้ง ๕๐๐ เหล่านั้น ก็ดารงอยู่ในโสดาปัตติผล
พระศาสดาเสด็จมาประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์ใต้ร่มเงาพระคันธกุฎี
ลาดับนั้น นางวิสาขาถวายบังคมพระศาสดา แล้วกราบทูลถามว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น้าดื่มที่ชื่อว่าสุราอันเป็นเครื่องทาลายหิริโอตตัปปะนี้
เกิดแล้วแต่ครั้งไร พระเจ้าข้า.
เมื่อพระศาสดาจะตรัสบอกแก่นาง
จึงทรงนาอดีตนิทานมาตรัสดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในพระนครพาราณสี
มีนายพรานป่าผู้หนึ่งชื่อว่าสุระ เป็นชาวแคว้นกาสี
ได้ไปสู่ป่าหิมพานต์เพื่อต้องการแสวงหาสิ่งของ
ในป่าหิมพานต์นั้น มีต้นไม้ต้นหนึ่งลาต้นตั้งตรง
ที่ฐานสูงประมาณชั่วบุรุษหนึ่งได้แตกออกเป็ นสามค่าคบ ระหว่างค่าคบ ๓
แห่งของต้นไม้นั้นได้มีโพรงใหญ่ขนาดเท่าตุ่ม เมื่อฝนตกก็เต็มไปด้วยน้า
ได้มีต้นสมอ มะขามป้ อมและเถาพริกไทขึ้นล้อมรอบต้นไม้นั้น
ผลแห่งต้นไม้นั้นๆ สุกแล้ว ก็หลุดออกจากขั้วตกลงไปในโพรงนั้น.
ใกล้ๆ ต้นไม้นั้นมีข้าวสาลีเกิดขึ้นเอง
และนกแขกเต้าทั้งหลายมาคาบเอารวงข้าวสาลีจากที่นั้น
แล้วก็บินไปจับกินอยู่บนต้นไม้นั้น เมื่อนกแขกเต้าพากันจิกกินอยู่
เมล็ดข้าวเปลือกก็ดี เมล็ดข้าวสารก็ดี หลุดหล่นลงไปในโพรงนั้น
น้าในโพรงนั้นถูกแสงแดดแผดเผาก็เกิดมีรสมีสีแดงๆ ด้วยประการฉะนี้.
ในฤดูร้อน ฝูงนกทั้งหลายที่ระหายน้า
บินมากินน้านั้นก็มึนเมาพลัดตกลงไปที่โคนต้นไม้
ม่อยไปหน่อยหนึ่งแล้วส่งเสียงคูขันบินไป. ถึงสุนัขป่าและลิงเป็ นต้น
ก็มีนัยอย่างเดียวกันนี้.
พรานป่าเห็นดังนั้นก็หลากใจคิดว่า ถ้าน้านี้เป็ นพิษ สัตว์เหล่านี้คงตาย
6
แต่นี่มันม่อยไปหน่อยหนึ่งแล้วก็บินไปได้ตามสบาย น้านี้คงไม่มีพิษ.
เขาจึงลองดื่มเอง ก็เกิดมึนเมาและอยากจะกินเนื้อสัตว์
ลาดับนั้นเขาจึงก่อไฟให้โชนขึ้น แล้วฆ่านกที่พลัดตกไปที่โคนไม้
มีนกกระทาและไก่เป็ นต้นตาย ย่างเนื้อที่ถ่านเพลิง
มือหนึ่งฟ้ อนรามือหนึ่งถือเนื้อกัดกิน อยู่ในที่นั้นวันหนึ่งถึงสองวัน
ก็ ณ ที่ใกล้บริเวณนั้น
มีดาบสรูปหนึ่งชื่อวรุณะ นายพรานป่าเดินไปยังสานักพระดาบสนั้นโดยธุระอย่าง
อื่น. เขาได้เกิดความคิดว่า เราจักดื่มน้านี้ร่วมกับพระดาบส
เขาจึงตักน้าใส่กระบอกไม้ไผ่อันหนึ่งจนเต็ม หิ้วไปกับเนื้อย่าง
ถึงบรรณศาลาแล้วกล่าวชวนว่า ท่านขอรับ จงลองดื่มน้านี้ดูเถิด
แล้วทั้งสองก็บริโภคเนื้อดื่มน้าด้วยกัน.
ด้วยประการฉะนี้ น้าดื่มนั้นเลยเกิดมีชื่อว่าสุราบ้าง วรุณีบ้าง
เพราะนายพรานสุระและพระวรุณดาบสพบเห็นเข้า.
ฝ่ายสุรพราณกับวรุณดาบส ทั้งสองคนคิดได้ว่า
มีอุบายทามาหากินได้อยู่ จึงตักสุราใส่กระบอกไม้ไผ่จนเต็ม
แล้วพากันหาบไปจนถึงปัจจันตนคร ให้คนกราบทูลพระราชาว่า
มีคนทาน้าดื่มมาเฝ้ า
พระราชาจึงตรัสสั่งให้คนทั้งสองเข้าเฝ้ า เขาจึงนาน้าดื่มเข้าไปถวาย
พระราชาทรงเสวยได้ สอง-สามครั้งก็ทรงมึนเมา แต่น้าเมานั้น
พอเสวยได้เพียงวันสองวันเท่านั้น
ต่อมาพระราชาตรัสถามคนทั้งสองว่า น้าชนิดนี้ มีอยู่ที่อื่นบ้างไหม?
เขาพากันกราบทูลว่า ขอเดชะมีอยู่ พระเจ้าข้า พระราชาตรัสถามว่า มีอยู่ที่ไหน?
เขาทูลว่า ที่ป่าหิมพานต์ พระเจ้าข้า พระราชาตรัสสั่งว่า
ถ้าเช่นนั้นท่านทั้งสองจงไปเอามา
ชนทั้งสองไปนาเอามาคราวสองคราว แล้วปรึกษากันว่า
พวกเราไม่อาจเอามาบ่อยๆ ได้ จึงกาหนดจดจาเครื่องปรุงทั้งปวงไว้
แล้วเอาเปลือกเป็ นต้นของต้นไม้นั้น มาใส่ปนลงในเครื่องปรุงทุกอย่าง
ปรุงสุราขึ้นในพระนคร
ชาวพระนครพากันดื่มสุราจนถึงความประมาทมัวเมา
เลยยากจนเข็ญใจไปตามๆ กัน พระนครก็ได้เป็นเหมือนเมืองร้าง ด้วยเหตุนั้น
คนทาน้าดื่มทั้งสองจึงหลบหนีออกจากพระนครนั้น ไปยังเมืองพาราณสี
ให้กราบทูลพระราชาว่า คนทาน้าดื่มมาเฝ้ า
พระเจ้าพาราณสีตรัสสั่งให้คนทั้งสองเข้าเฝ้ าแล้วพระราชทานเสบียงแ
ก่คนทั้งสอง เขาช่วยกันจัดการปรุงสุราขึ้น แม้ในพระนครพาราณสีนั้น
ถึงพระนครนั้นก็พินาศไปเช่นนั้นอีก
7
เขาทั้งสองจึงหนีออกจากเมืองนั้นไปเมืองสาเกต
หนีออกจากเมืองสาเกตไปยังเมืองสาวัตถี
ครั้งนั้น พระเจ้าสัพพมิตต์ได้เป็ นกษัตริย์พระนครสาวัตถี
ท้าวเธอทาการสงเคราะห์แก่คนทั้งสองนั้น แล้วตรัสถามว่า
พวกเจ้าต้องการสิ่งใดบ้าง เมื่อเขากราบทูลว่า ต้องการรากไม้สาหรับปรุง
แป้ งข้าวสาลี และตุ่มห้าร้อยดังนี้ ก็ตรัสสั่งให้ประทานครบทุกอย่าง.
พรานสุระและวรุณดาบสทั้งสองปรุงสุราใส่ตุ่ม ๕๐๐ ใบตั้งไว้แล้ว
ประสงค์จะป้ องกัน โดยเกรงว่าหนูจะรบกวน จึงผูกแมวไว้ข้างๆ ตุ่มใบละตัว
แมวเหล่านั้นพากันดื่มสุราที่ไหลลงก้นตุ่ม ในเวลาที่ต้มแล้วตักใส่ตุ่ม
จนมึนเมาหลับไป พวกหนูมาแทะหูจมูกหนวดและหางแมว แล้วพากันวิ่งหนีไป
พวกอายุตตกบุรุษ (คนสอดแนม) คิดว่าแมวดื่มสุราพากันตายหมด
จึงไปกราบทูลให้พระราชาทรงทราบ พระเจ้าสัพพมิตต์ทรงเห็นว่า
ชนทั้งสองนี้จักทายาพิษ จึงตรัสสั่งให้ตัดศีรษะคนทั้งสองเสีย
คนทั้งสองพร่าทูลขอร้องว่า ขอเดชะ ดื่มสุรามีรสอร่อย พระเจ้าข้า ดังนี้
จนขาดใจตาย
ครั้นพระราชาตรัสสั่งให้ประหารชีวิตคนทั้งสองแล้ว
มีพระราชโองการให้ทาลายตุ่มเสีย ฝ่ายแมวทั้งหลาย
เมื่อฤทธิ์สุราสร่างจางไปก็ลุกขึ้นวิ่งเล่นได้
พวกราชบุรุษเห็นดังนั้นจึงกราบทูลให้พระราชาทรงทราบ
พระราชาทรงพระดาริว่า ถ้าน้าสุราเป็ นพิษ แมวคงตาย ชะรอยจะมีรสอร่อย
เราจะลองดื่มดู แล้วตรัสสั่งให้ประดับตกแต่งพระนคร
ให้สร้างมณฑปขึ้นที่หน้าพระลาน เสร็จแล้วประทับนั่งบนราชบัลลังก์
ซึ่งยกเศวตฉัตรขึ้นไว้บนมณฑปที่ประดับตบแต่งแล้ว
แวดล้อมด้วยหมู่อามาตย์มุขมนตรี เริ่มจะเสวยสุรา.
ครั้งนั้น ท้าวสักกเทวราชทรงตรวจดูสัตวโลกว่า ชนเหล่าไหนบ้างหนอ
ไม่ประมาทในการบารุงมารดาบิดาเป็ นต้น บาเพ็ญสุจริต ๓ ให้เต็มบริบูรณ์
ทอดพระเนตรเห็นพระเจ้าสัพพมิตต์นั้นประทับนั่งเพื่อจะดื่มสุรา
จึงทรงพระดาริว่า ถ้าพระเจ้าสัพพมิตต์นี้จะดื่มสุราไซร้
สกลชมพูทวีปจักพินาศฉิบหาย เราจักต้องแก้ไขโดยวิธีที่จะให้ท้าวเธองดดื่ม
แล้วทรงวางหม้อที่เต็มไปด้วยสุราใบหนึ่งไว้ที่พระหัตถ์ จาแลงเพศเป็ นพราหมณ์
เสด็จมายืนอยู่ในอากาศ ณ ที่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าสัพพมิตต์ แล้วตรัสว่า
ท่านทั้งหลายจงซื้อหม้อใบนี้
พระเจ้าสัพพมิตตราชทอดพระเนตรเห็นพราหมณ์จาแลงยืนพูดอยู่บน
อากาศอย่างนั้น ทรงสงสัยว่า พราหมณ์นี้มาจากไหนกันหนอ
เมื่อจะทรงสนทนากับพราหมณ์นั้น ได้ตรัสพระคาถา ๓ คาถาความว่า
8
ท่านเป็นใคร มาจากไตรทิพย์หรือ
จึงเปล่งรัศมีสว่างไสวอยู่ในนภากาศ
เหมือนพระจันทร์ส่องสว่างในยามรัตติกาลฉะนั้น
รัศมีแผ่ซ่านออกจากตัวท่านดุจสายฟ้ าแลบในเวหาสฉะนั้น.
ท่านเหยียบลมหนาวในอากาศได้ เดินและยืนในอากาศได้
ฤทธิ์ของเทวดาทั้งหลายผู้ไม่ต้องเดินไกล
ท่านทาให้เป็นที่ตั้งและให้เจริญดีแล้วเป็นไฉน?
ท่านเป็นใครมายืนอยู่ในอากาศ ร้องขายหม้ออยู่
หรือว่าหม้อของท่านนี้ ใช้ประโยชน์อะไรได้ ดูก่อนพราหมณ์
ขอท่านจงบอกเนื้อความนั้นแก่ข้าพเจ้าเถิด.
ลาดับนั้น ท้าวสักกเทวราชตรัสว่า ถ้าเช่นนั้นท่านจงฟัง
เมื่อจะทรงแสดงโทษของสุรา จึงตรัสว่า
หม้อใบนี้มิใช่หม้อเนยใส มิใช่หม้อน้ามัน มิใช่หม้อน้าผึ้ง
โทษของหม้อใบนี้มีอยู่มิใช่น้อย ท่านจงฟังโทษเป็นอันมากที่มีอยู่ในหม้อใบนี้.
บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้วเดินโซเซตกลงไปยังบ่อถ้าหลุมน้าคราและหลุ
มโสโครก พึงบริโภคของที่ไม่ควรบริโภคแม้มากได้ ท่านจงซื้อหม้อนี้
ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้วไม่มีกฎเกณฑ์ในใจ เที่ยวหยาเปไป
เหมือนโคกินกากสุราฉะนั้น เป็ นเหมือนขาดที่พักพิง ย่อมฟ้ อนราได้ขับร้องได้
ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้วแก้ผ้าเปลือยกาย
เที่ยวไปตามตรอกตามถนนในบ้าน เหมือนชีเปลือย มีจิตลุ่มหลง นอนตื่นสาย
ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้วลุกขึ้นโซเซ โคลงศีรษะและยกแขนขึ้นร่ายรา
เหมือนรูปหุ่นไม้ฉะนั้น ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้วนอนจนถูกไฟไหม้
และกินอาหารที่เหลือเดนสุนัขได้ ย่อมถึงการถูกจองจาถูกฆ่า
และความเสื่อมแห่งโภคะ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้วพูดคาพูดที่ไม่ควรพูด นั่งพร่าในที่ประชุม
ปราศจากผ้าผ่อน เลอะเทอะ นอนจมอยู่ในอาเจียนของตน มีแต่เรื่องฉิบหาย
ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้ววางมาดเป็นคนสาคัญ นัยน์ตาขุ่นขวาง
เข้าใจว่าบ้านเมืองเป็ นของเราคนเดียว พระราชาแม้มีมหาสมุทร ๔
เป็ นขอบขัณฑสีมาก็ไม่เสมอเรา ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้วถือตัวจัด ก่อการทะเลาะวิวาท ยุยงส่อเสียด
9
มีผิวพรรณน่าเกลียด เปลือยกายวิ่งไป อยู่อย่างนักเลงเก่า ท่านจงซื้อหม้อใบนี้
ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
น้าชนิดนี้ทาตระกูลทั้งหลายในโลกนี้อันมั่งคั่งบริบูรณ์มีเงินทองตั้งหลา
ยพันให้ขาดทายาทได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
ข้าวเปลือก ทรัพย์สิน เงินทอง ไร่ นา โค กระบือ
ในสกุลใดย่อมพินาศไป ตระกูลที่มั่งมีทั้งหลายขาดสูญไป เพราะดื่มน้าชนิดใด
ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
บุรุษดื่มน้าชนิดใดแล้วเป็นคนหยาบช้า ด่ามารดาบิดาได้
แม้ถึงเป็นพ่อผัวก็พึงหยอกลูกสะใภ้ได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้
ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
นารีดื่มน้าชนิดใดแล้วกลายเป็นคนกักขฬะหยาบช้า
ด่าพ่อผัวแม่ผัวและสามีได้ แม้เป็นทาสเป็ นคนใช้พึงรับเป็ นสามีของตนได้
ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
บุรุษดื่มน้าชนิดใดแล้วฆ่าสมณะ หรือพราหมณ์ผู้ตั้งอยู่ในธรรมได้
พึงไปสู่อบายเพราะกรรมนั้นเป็ นเหตุ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้
ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
ชนทั้งหลายดื่มน้าชนิดใดแล้วประพฤติทุจริตทางกายทางวาจาหรือทาง
ใจได้ ย่อมไปสู่นรกเพราะประพฤติทุจริต ท่านจงซื้อหม้อใบนี้
ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
ชนทั้งหลายแม้จะยอมสละเงินเป็นอันมาก
มาอ้อนวอนบุรุษใดซึ่งไม่เคยดื่มสุรา ให้พูดเท็จย่อมไม่ได้
บุรุษนั้นครั้นดื่มสุราแล้วย่อมพูดเหลาะแหละเหลวไหลได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้
ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
คนรับใช้ดื่มน้าชนิดใดแล้ว เมื่อถูกเขาใช้ไปในกรณียกิจรีบด่วน
ถูกซักถามก็ไม่รู้เนื้อความ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
ชนทั้งหลายดื่มน้าชนิดใดแล้ว ถึงจะเคยมีความละอายใจอยู่
ก็ย่อมจะทาความไม่ละอายให้ปรากฏได้
ถึงแม้จะเป็นคนมีปัญญาก็อดพูดมากไม่ได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้
ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
ชนทั้งหลายดื่มน้าชนิดใดแล้ว นอนคนเดียวไม่มีเพื่อน
คล้ายลูกสุกรนอนเดียวดายด้วยชาติกาเนิดอันต่าฉะนั้น
อดข้าวปลาอาหารย่อมเข้าถึงการนอนเป็นทุกข์อยู่กับแผ่นดิน
สิ้นสง่าราศรีและต้องครหานินทา ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
ชนทั้งหลายดื่มน้าชนิดใดแล้วย่อมนอนคอตก หาเป็นเหมือนโคที่ถูกลง
ปฏักฉะนั้นไม่
10
ฤทธิ์สุราย่อมทาให้คนอดทนได้(ไม่กินข้าวกินน้า) ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้
วยน้าชนิดนั้น.
มนุษย์ทั้งหลายย่อมเว้นดื่มน้าชนิดใด อันเปรียบด้วยงูมีพิษร้าย
นรชนคนใดเล่าควรจะดื่มน้าชนิดนั้นอันเป็ นเช่นยาพิษมีในโลก
ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
โอรสทั้งหลายของท้าวอันธกเวณฑะ
ดื่มสุราแล้วพาหญิงไปบาเรออยู่ที่ริมฝั่งสมุทร ประหารกันและกันด้วยสาก
ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น.
บุรพเทพคืออสูรทั้งหลาย ดื่มน้าชนิดใดแล้วเมามาย
จนจุติจากไตรทิพย์คือดาวดึงสเทวโลก ยังสาคัญตนว่าเที่ยง
เป็นไปกับด้วยอสุรมายา ดูก่อนมหาราชเจ้า บุรุษผู้ฉลาดเช่นกับพระองค์
เมื่อทราบว่าน้าดื่มชนิดนี้เป็ นน้าเมา หาประโยชน์มิได้ จะดื่มทาไม?
ในหม้อใบนี้ไม่มีเนยข้นหรือน้าผึ้ง พระองค์รู้อย่างนี้แล้ว จงซื้อเสีย
ดูก่อนท่านสัพพมิตต์ สิ่งที่อยู่ในหม้อนี้
ข้าพเจ้าบอกแก่ท่านแล้วตามความเป็ นจริงอย่างนี้แหละ.
พระเจ้าสัพพมิตต์ทรงสดับดังนั้น ก็ทรงทราบโทษของสุรา ดีพระทัย
เมื่อจะทรงชมเชยท้าวสักกเทวราช ได้ตรัสพระคาถา ๒ คาถา ความว่า
ท่านมิใช่เป็นบิดาหรือมารดาของข้าพเจ้า
เป็ นคนชนิดใดชนิดหนึ่งซึ่งเป็ นผู้มุ่งเกื้อกูล อนุเคราะห์
ปรารถนาประโยชน์อย่างยิ่งแก่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจักกระทาตามถ้อยคาของท่านในวันนี้.
ข้าพเจ้าจักให้บ้านส่วยห้าตาบล ทาสีหนึ่งร้อย โคเจ็ดร้อย
และรถเทียมด้วยม้าอาชาไนยสิบคันเหล่านี้แก่ท่าน
ขอท่านผู้ปรารถนาประโยชน์จงเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้าเถิด.
ท้าวสักกเทวราชทรงสดับเช่นนั้น
เมื่อจะทรงแสดงอัตภาพของเทพยดาให้พระเจ้าสัพพมิตต์ทรงรู้จักพระองค์
จึงประทับยืนบนอากาศ ได้ตรัสพระคาถา ๒ คาถาความว่า
ดูก่อนพระราชา ทาสี บ้านส่วย โค และรถอันเทียมด้วยม้าอาชาไนย
จงเป็ นของพระองค์ตามเดิมเถิด เราเป็นท้าวสักกะจอมเทพของชาวไตรทิพย์.
พระองค์จงเสวยพระกระยาหาร เนยใสและข้าวปายาส
พึงเสวยขนมกุมมาสอันโอชารส ดูก่อนพระองค์ผู้เป็นจอมประชาชน
พระองค์จงทรงยินดีในธรรม ใครๆ ไม่ติเตียนด้วยอาการอย่างนี้แล้ว
จงเข้าถึงสวรรคสถาน.
ท้าวสักกะครั้นทรงประทานโอวาทแก่พระเจ้าสัพพมิตต์
ด้วยประการฉะนี้แล้ว ก็เสด็จไปยังสถานวิมานของพระองค์ทันที.
11
ฝ่ายพระเจ้าสัพพมิตต์ก็ไม่ทรงดื่มสุรา ตรัสสั่งให้ทาลายภาชนะสุราสิ้น
แล้วทรงสมาทานศีล บริจาคทาน ได้เป็ นผู้มีสวรรค์เป็ นที่ไปในเบื้องหน้า.
การดื่มสุราเกิดนิยมกันอย่างกว้างขวาง แม้ในชมพูทวีป
(ติดต่อสืบเนื่องมาจนบัดนี้).
พระบรมศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว
ทรงประชุมชาดกว่า
พระราชาในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอานนท์
ส่วนท้าวสักกเทวราชได้มาเป็น เราผู้ตถาคต ฉะนี้แล.
จบอรรถกถากุมภชาดกที่ ๒
-----------------------------------------------------

More Related Content

More from maruay songtanin

๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
maruay songtanin
 
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
maruay songtanin
 
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
maruay songtanin
 
๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
maruay songtanin
 
๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
maruay songtanin
 
๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
maruay songtanin
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
 
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
 
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
 
๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
 
๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
 
๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 

512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๒. กุมภชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๕๑๒) ว่าด้วยหม้อพิเศษ (สรรพมิตตราชาทรงสนทนากับท้าวสักกะว่า) [๓๓] ท่านเป็นใคร มาจากสวรรค์ชั้นไตรทศหรือ ปรากฏอยู่ในนภากาศเหมือนดวงจันทร์ส่องสว่างในยามรัตติกาล รัศมีทั้งหลายแผ่ซ่านออกจากกายท่านดุจสายฟ้ าที่แลบอยู่ในอากาศ [๓๔] ท่านนั้นบันดาลเมฆที่ขาดลมให้ไปในอากาศได้ ทั้งเดินทั้งยืนในอากาศได้ ท่านได้บาเพ็ญฤทธิ์ของเทพ ผู้ไม่ต้องเดินทางไกลด้วยเท้า ทาให้เป็ นที่พึ่งท่านได้หรือ [๓๕] ท่านอาศัยอากาศก้าวเดินมาหยุดอยู่ กล่าวเนื้อความนั้นว่า ท่านจงซื้อหม้อ พราหมณ์ ท่านเป็ นใครหรือ หม้อของท่านนี้มีประโยชน์อะไร ขอท่านจงบอกเนื้อความนั้นแก่ข้าพเจ้า (ท้าวสักกะแสดงโทษของสุราว่า) [๓๖] หม้อนี้มิใช่หม้อเนยใส มิใช่หม้อน้ามัน มิใช่หม้อน้าอ้อย และมิใช่หม้อน้าผึ้ง โทษของหม้อนี้มีมิใช่น้อย พระองค์จงสดับโทษอย่างมากมายที่มีอยู่ในหม้อนี้ [๓๗] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วเดินโซเซพึงตกเหว ตกบ่อ ตกถ้า ตกหลุมน้าครา และหลุมโสโครก พึงบริโภคของที่ไม่ควรบริโภคได้มากมาย ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยน้าสุราชนิดนั้น [๓๘] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วไม่เป็นอิสระในจิต เที่ยวเปะปะไปเหมือนโคกินกากสุรา เป็นเหมือนคนอนาถา ร่วมวงขับร้องฟ้ อนราได้ ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๓๙] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วเปลือยกายเหมือนชีเปลือย เที่ยวไปตามตรอกซอกซอยในหมู่บ้าน มีจิตฟั่นเฟือน มักนอนเลยเวลา ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๔๐] บุคคลดื่มสุราชนิดใดลุกขึ้นแล้วตัวสั่น โยกศีรษะและแกว่งแขนไปมา เขาฟ้ อนราเหมือนหุ่นยนต์ ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๔๑] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วนอนหลับจนถูกไฟครอก กินของที่พวกสุนัขจิ้งจอกกัดกินเหลือเดนได้ ย่อมได้รับการจองจา การถูกฆ่า และความเสื่อมจากโภคะ ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
  • 2. 2 [๔๒] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วพึงพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด นั่งพูดพร่าอยู่ในสภา ปราศจากเสื้อผ้า มีกายเลอะเทอะเปรอะเปื้อน จมอยู่ในกองอาเจียน ถึงความพินาศ ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๔๓] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วอวดเก่ง มีนัยน์ตาขุ่นขวาง สาคัญว่าแผ่นดินทั้งหมดเป็นของเราแต่ผู้เดียว พระราชาแม้จะมีมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นขอบเขตก็ไม่เสมอเหมือนเรา ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๔๔] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วเป็นคนถือตัวจัด ก่อการทะเลาะวิวาท มีนิสัยส่อเสียด มีผิวพรรณทราม มักเปลือยกาย หลบซ่อนอยู่เสมอ อยู่แบบโจร แบบนักเลง ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๔๕] ตระกูลทั้งหลายที่มั่งคั่งสมบูรณ์ มีทรัพย์ตั้งหลายพันพึงมีอยู่ในโลก สุราชนิดนี้ทาให้ขาดจากความเป็นทายาทได้ ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๔๖] ข้าวเปลือก ทรัพย์สิน เงิน ทอง ไร่นา โค กระบือในตระกูลใดย่อมพินาศไป และความขาดสูญแห่งตระกูลที่มีทรัพย์เครื่องปลื้มใจ ย่อมมีได้เพราะสุราชนิดใด ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๔๗] บุรุษดื่มสุราชนิดใดแล้วเป็นเหมือนคนกักขฬะหยาบคาย ด่าพ่อแม่ จับต้องแม้แม่ยายและลูกสะใภ้ ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๔๘] นารีดื่มสุราชนิดใดแล้วเป็ นเหมือนหญิงกักขฬะหยาบคาย ด่าพ่อผัว แม่ผัว และสามี จับต้องทาสและคนใช้ผู้ชาย ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๔๙] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้ว พึงฆ่าสมณะและพราหมณ์ผู้ดารงอยู่ในธรรม เขาพึงไปสู่อบายเพราะกรรมนั้นเป็ นเหตุ ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๕๐] ชนทั้งหลายดื่มสุราชนิดใดแล้ว ประพฤติชั่วทางกาย วาจา และใจ เพราะประพฤติชั่ว พวกเขาย่อมตกนรก ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๕๑] ชนทั้งหลายแม้บริจาคเงินจานวนมาก อ้อนวอนผู้ใดให้กล่าวเท็จไม่ได้ ในกาลก่อน ผู้นั้นดื่มสุรานั้นแล้วก็พูดเหลาะแหละเหลวไหลได้ ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น
  • 3. 3 [๕๒] ในการรับใช้ คนดื่มสุราชนิดใดแล้วถูกเขาใช้ไป เมื่อเกิดกรณียกิจรีบด่วน เขาแม้ถูกถามก็ไม่รู้เรื่อง ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๕๓] คนเมาทั้งหลายเพราะความเมามาย แม้มีความละอายใจก็ทาความไม่ละอายให้ปรากฏได้ แม้เป็นคนดีมีปัญญาก็พูดมาก ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๕๔] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วมักนอนสุมหัวกัน อดข้าวปลาอาหาร นอนเป็ นทุกข์อยู่บนพื้นดิน ย่อมประสบกับความมีผิวพรรณทรามและการถูกติฉินนินทา ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๕๕] บุคคลดื่มสุราชนิดใดแล้วนอนคอตก เหมือนโคที่ถูกเกราะซึ่งผูกไว้ที่คอตีกระทบ ฤทธิ์สุราคล้ายกับทาคนให้มีความอดทนด้วยดีก็หาไม่ ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๕๖] มนุษย์ทั้งหลายย่อมเว้นสุราชนิดใดซึ่งเปรียบได้กับงูมีพิษร้าย ใครเล่าควรจะดื่มสุราชนิดนั้นซึ่งเป็ นเช่นกับยาพิษในโลก ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๕๗] พวกโอรสของท้าวอันธกเวณฑะเสวยสุราชนิดใดแล้ว พาหญิงไปบาเรอใกล้ฝั่งสมุทร ได้ใช้สากประหัตประหารกันและกัน ขอพระองค์ทรงซื้อหม้อนี้ซึ่งเต็มด้วยสุราชนิดนั้น [๕๘] บุรพเทพ (คืออสูรทั้งหลาย) ดื่มสุราชนิดใดแล้วเมามาย จุติจากสวรรค์ชั้นไตรทศ ยังสาคัญตนว่าเที่ยง เป็นไปกับด้วยอสูรมายา พระมหาราช บุคคลเมื่อทราบ น้าเมานี้ว่าไม่มีประโยชน์ จะพึงดื่มน้าชนิดนั้นไปทาไม [๕๙] พระมหาราช ในหม้อนี้ไม่มีนมส้มหรือน้าผึ้งอยู่เลย พระองค์ทรงทราบอย่างนี้แล้ว ขอทรงซื้อเถิด พระเจ้าสรรพมิตร สิ่งของทั้งหลายซึ่งมีอยู่ในหม้อนี้ ข้าพระองค์ได้กราบทูลพระองค์ตามความเป็นจริงอย่างนั้นแล้วแหละ (พระราชาทรงสดับดังนั้นแล้วเห็นโทษของสุรา จึงทรงชมเชยท้าวสักกะว่า) [๖๐] ถึงบิดามารดาของข้าพเจ้าไม่เหมือนท่าน ผู้ช่วยเหลือเกื้อกูลหวังประโยชน์สูงสุด วันนี้ข้าพเจ้าจะเชื่อฟังคาของท่าน [๖๑] ข้าพเจ้าจะให้บ้านส่วย ๕ ตาบล สาวใช้ ๑๐๐ คน โค ๗๐๐ ตัว และรถเทียมม้าอาชาไนย ๑๐ คันนี้แก่ท่าน ท่านเป็นอาจารย์ผู้หวังประโยชน์แก่ข้าพเจ้า
  • 4. 4 (ท้าวสักกะเมื่อจะให้พระราชารู้ว่าตนเป็นเทวดา จึงตรัสว่า) [๖๒] พระมหาราช ทาสหญิง ๑๐๐ คน บ้านส่วย โคทั้งหลาย และรถเทียมม้าอาชาไนยทั้งหลายของพระองค์ จงเป็นของพระองค์เถิด ข้าพระองค์เป็นท้าวสักกะผู้เป็นจอมเทพชั้นไตรทศ [๖๓] ขอพระองค์จงเสวยพระกระยาหารที่ปรุงด้วยเนื้อ ข้าวปายาสที่ระคนด้วยเนยใส และจงเสวยขนมกุมมาสที่ปรุงด้วยน้าผึ้งเถิด พระองค์ผู้จอมชน ขอพระองค์จงทรงยินดีในธรรม อันใครๆ ไม่ติเตียนแล้ว เข้าถึงแดนสวรรค์เถิด กุมภชาดกที่ ๒ จบ -------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา กุมภชาดก ว่าด้วย โทษของสุรา พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภหญิงนักดื่มสุรา ๕๐๐ คนผู้เป็นสหายของนางวิสาขามหาอุบาสิกา ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. ได้ยินว่า เมื่อเขาประกาศเรื่องมหรสพสุรา ในพระนครสาวัตถี หญิง ๕๐๐ คนเหล่านั้นจัดเตรียมสุรามีรสเข้มไว้ เพื่อสามีที่ไปเล่นมหรสพ แล้วปรึกษากันว่า เราทั้งหลายก็จะเล่นมหรสพ ดังนี้แล้ว ทุกคนจึงพากันไปยังสานักของนางวิสาขา กล่าวชักชวนว่า สหายรัก พวกเราไปเล่นมหรสพกันเถิด เมื่อนางวิสาขาปฏิเสธว่า มหรสพนี้เป็นมหรสพสุรา เราจักไม่ดื่มสุราเลย จึงพากันกล่าวว่า ท่านจงถวายทานแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเถิด พวกเราจักเล่นมหรสพกัน. นางวิสาขารับคาว่าดีแล้ว จึงส่งคนไปทูลเชิญพระบรมศาสดา ถวายมหาทานแล้วถือเอาของหอมและระเบียบเป็นอันมาก ห้อมล้อมด้วยหญิงเหล่านั้น ไปยังพระเชตวันมหาวิหาร เพื่อสดับพระธรรมกถา ในเวลาเย็น. ก็หญิงเหล่านั้นดื่มสุราไปพลาง เดินทางร่วมไปกับนางวิสาขา ยืนดื่มสุราที่ซุ้มประตู แล้วจึงได้เข้าไปยังสานักพระศาสดาพร้อมกับนางวิสาขา. นางวิสาขาถวายบังคมพระศาสดา แล้วนั่งลง ณ ส่วนข้างหนึ่ง. บรรดาหญิงเหล่านั้นบางพวกก็ฟ้ อนรา บางพวกก็คะนองมือคะนองเท้า จนทะเลาะวิวาทกันในสานักของพระศาสดานั่นเอง พระบรมศาสดาจึงทรงเปล่งพระรัศมีออกจากขนพระโขนง
  • 5. 5 โดยพระประสงค์จะให้หญิงเหล่านั้นเกิดความสังเวช หญิงเหล่านั้นตกใจกลัว ถูกมรณภัยคุกคาม ด้วยเหตุนั้น หญิงเหล่านั้นจึงสร่างเมา. พระศาสดาทรงอันตรธานหายไปจากบัลลังก์ที่ประทับ ทรงยืนอยู่ ณ ยอดสิเนรุบร รพต เปล่งพระรัศมีออกจากพระอุณาโลม เป็ นประหนึ่งว่าได้มีพระจันทร์และพระอาทิตย์อุทัยขึ้นถึงพันดวง. พระศาสดาประทับยืน ณ ยอดสิเนรุบรรพตนั่นเอง โดยพระประสงค์จะให้หญิงเหล่านั้นเกิดความสังเวช จึงตรัสพระคาถานี้ความว่า ท่านทั้งหลายจะมัวร่าเริง บันเทิงกันอยู่ทาไม ในเมื่อโลกกาลังลุกเป็ นไฟอยู่เนืองนิตย์ ท่านทั้งหลายอันความมืดมิดหุ้มห่อแล้ว ยังไม่พากันแสวงหาประทีป คือที่พึ่ง (อีกหรือ?) ในเวลาจบพระคาถา หญิงทั้ง ๕๐๐ เหล่านั้น ก็ดารงอยู่ในโสดาปัตติผล พระศาสดาเสด็จมาประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์ใต้ร่มเงาพระคันธกุฎี ลาดับนั้น นางวิสาขาถวายบังคมพระศาสดา แล้วกราบทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น้าดื่มที่ชื่อว่าสุราอันเป็นเครื่องทาลายหิริโอตตัปปะนี้ เกิดแล้วแต่ครั้งไร พระเจ้าข้า. เมื่อพระศาสดาจะตรัสบอกแก่นาง จึงทรงนาอดีตนิทานมาตรัสดังต่อไปนี้ ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในพระนครพาราณสี มีนายพรานป่าผู้หนึ่งชื่อว่าสุระ เป็นชาวแคว้นกาสี ได้ไปสู่ป่าหิมพานต์เพื่อต้องการแสวงหาสิ่งของ ในป่าหิมพานต์นั้น มีต้นไม้ต้นหนึ่งลาต้นตั้งตรง ที่ฐานสูงประมาณชั่วบุรุษหนึ่งได้แตกออกเป็ นสามค่าคบ ระหว่างค่าคบ ๓ แห่งของต้นไม้นั้นได้มีโพรงใหญ่ขนาดเท่าตุ่ม เมื่อฝนตกก็เต็มไปด้วยน้า ได้มีต้นสมอ มะขามป้ อมและเถาพริกไทขึ้นล้อมรอบต้นไม้นั้น ผลแห่งต้นไม้นั้นๆ สุกแล้ว ก็หลุดออกจากขั้วตกลงไปในโพรงนั้น. ใกล้ๆ ต้นไม้นั้นมีข้าวสาลีเกิดขึ้นเอง และนกแขกเต้าทั้งหลายมาคาบเอารวงข้าวสาลีจากที่นั้น แล้วก็บินไปจับกินอยู่บนต้นไม้นั้น เมื่อนกแขกเต้าพากันจิกกินอยู่ เมล็ดข้าวเปลือกก็ดี เมล็ดข้าวสารก็ดี หลุดหล่นลงไปในโพรงนั้น น้าในโพรงนั้นถูกแสงแดดแผดเผาก็เกิดมีรสมีสีแดงๆ ด้วยประการฉะนี้. ในฤดูร้อน ฝูงนกทั้งหลายที่ระหายน้า บินมากินน้านั้นก็มึนเมาพลัดตกลงไปที่โคนต้นไม้ ม่อยไปหน่อยหนึ่งแล้วส่งเสียงคูขันบินไป. ถึงสุนัขป่าและลิงเป็ นต้น ก็มีนัยอย่างเดียวกันนี้. พรานป่าเห็นดังนั้นก็หลากใจคิดว่า ถ้าน้านี้เป็ นพิษ สัตว์เหล่านี้คงตาย
  • 6. 6 แต่นี่มันม่อยไปหน่อยหนึ่งแล้วก็บินไปได้ตามสบาย น้านี้คงไม่มีพิษ. เขาจึงลองดื่มเอง ก็เกิดมึนเมาและอยากจะกินเนื้อสัตว์ ลาดับนั้นเขาจึงก่อไฟให้โชนขึ้น แล้วฆ่านกที่พลัดตกไปที่โคนไม้ มีนกกระทาและไก่เป็ นต้นตาย ย่างเนื้อที่ถ่านเพลิง มือหนึ่งฟ้ อนรามือหนึ่งถือเนื้อกัดกิน อยู่ในที่นั้นวันหนึ่งถึงสองวัน ก็ ณ ที่ใกล้บริเวณนั้น มีดาบสรูปหนึ่งชื่อวรุณะ นายพรานป่าเดินไปยังสานักพระดาบสนั้นโดยธุระอย่าง อื่น. เขาได้เกิดความคิดว่า เราจักดื่มน้านี้ร่วมกับพระดาบส เขาจึงตักน้าใส่กระบอกไม้ไผ่อันหนึ่งจนเต็ม หิ้วไปกับเนื้อย่าง ถึงบรรณศาลาแล้วกล่าวชวนว่า ท่านขอรับ จงลองดื่มน้านี้ดูเถิด แล้วทั้งสองก็บริโภคเนื้อดื่มน้าด้วยกัน. ด้วยประการฉะนี้ น้าดื่มนั้นเลยเกิดมีชื่อว่าสุราบ้าง วรุณีบ้าง เพราะนายพรานสุระและพระวรุณดาบสพบเห็นเข้า. ฝ่ายสุรพราณกับวรุณดาบส ทั้งสองคนคิดได้ว่า มีอุบายทามาหากินได้อยู่ จึงตักสุราใส่กระบอกไม้ไผ่จนเต็ม แล้วพากันหาบไปจนถึงปัจจันตนคร ให้คนกราบทูลพระราชาว่า มีคนทาน้าดื่มมาเฝ้ า พระราชาจึงตรัสสั่งให้คนทั้งสองเข้าเฝ้ า เขาจึงนาน้าดื่มเข้าไปถวาย พระราชาทรงเสวยได้ สอง-สามครั้งก็ทรงมึนเมา แต่น้าเมานั้น พอเสวยได้เพียงวันสองวันเท่านั้น ต่อมาพระราชาตรัสถามคนทั้งสองว่า น้าชนิดนี้ มีอยู่ที่อื่นบ้างไหม? เขาพากันกราบทูลว่า ขอเดชะมีอยู่ พระเจ้าข้า พระราชาตรัสถามว่า มีอยู่ที่ไหน? เขาทูลว่า ที่ป่าหิมพานต์ พระเจ้าข้า พระราชาตรัสสั่งว่า ถ้าเช่นนั้นท่านทั้งสองจงไปเอามา ชนทั้งสองไปนาเอามาคราวสองคราว แล้วปรึกษากันว่า พวกเราไม่อาจเอามาบ่อยๆ ได้ จึงกาหนดจดจาเครื่องปรุงทั้งปวงไว้ แล้วเอาเปลือกเป็ นต้นของต้นไม้นั้น มาใส่ปนลงในเครื่องปรุงทุกอย่าง ปรุงสุราขึ้นในพระนคร ชาวพระนครพากันดื่มสุราจนถึงความประมาทมัวเมา เลยยากจนเข็ญใจไปตามๆ กัน พระนครก็ได้เป็นเหมือนเมืองร้าง ด้วยเหตุนั้น คนทาน้าดื่มทั้งสองจึงหลบหนีออกจากพระนครนั้น ไปยังเมืองพาราณสี ให้กราบทูลพระราชาว่า คนทาน้าดื่มมาเฝ้ า พระเจ้าพาราณสีตรัสสั่งให้คนทั้งสองเข้าเฝ้ าแล้วพระราชทานเสบียงแ ก่คนทั้งสอง เขาช่วยกันจัดการปรุงสุราขึ้น แม้ในพระนครพาราณสีนั้น ถึงพระนครนั้นก็พินาศไปเช่นนั้นอีก
  • 7. 7 เขาทั้งสองจึงหนีออกจากเมืองนั้นไปเมืองสาเกต หนีออกจากเมืองสาเกตไปยังเมืองสาวัตถี ครั้งนั้น พระเจ้าสัพพมิตต์ได้เป็ นกษัตริย์พระนครสาวัตถี ท้าวเธอทาการสงเคราะห์แก่คนทั้งสองนั้น แล้วตรัสถามว่า พวกเจ้าต้องการสิ่งใดบ้าง เมื่อเขากราบทูลว่า ต้องการรากไม้สาหรับปรุง แป้ งข้าวสาลี และตุ่มห้าร้อยดังนี้ ก็ตรัสสั่งให้ประทานครบทุกอย่าง. พรานสุระและวรุณดาบสทั้งสองปรุงสุราใส่ตุ่ม ๕๐๐ ใบตั้งไว้แล้ว ประสงค์จะป้ องกัน โดยเกรงว่าหนูจะรบกวน จึงผูกแมวไว้ข้างๆ ตุ่มใบละตัว แมวเหล่านั้นพากันดื่มสุราที่ไหลลงก้นตุ่ม ในเวลาที่ต้มแล้วตักใส่ตุ่ม จนมึนเมาหลับไป พวกหนูมาแทะหูจมูกหนวดและหางแมว แล้วพากันวิ่งหนีไป พวกอายุตตกบุรุษ (คนสอดแนม) คิดว่าแมวดื่มสุราพากันตายหมด จึงไปกราบทูลให้พระราชาทรงทราบ พระเจ้าสัพพมิตต์ทรงเห็นว่า ชนทั้งสองนี้จักทายาพิษ จึงตรัสสั่งให้ตัดศีรษะคนทั้งสองเสีย คนทั้งสองพร่าทูลขอร้องว่า ขอเดชะ ดื่มสุรามีรสอร่อย พระเจ้าข้า ดังนี้ จนขาดใจตาย ครั้นพระราชาตรัสสั่งให้ประหารชีวิตคนทั้งสองแล้ว มีพระราชโองการให้ทาลายตุ่มเสีย ฝ่ายแมวทั้งหลาย เมื่อฤทธิ์สุราสร่างจางไปก็ลุกขึ้นวิ่งเล่นได้ พวกราชบุรุษเห็นดังนั้นจึงกราบทูลให้พระราชาทรงทราบ พระราชาทรงพระดาริว่า ถ้าน้าสุราเป็ นพิษ แมวคงตาย ชะรอยจะมีรสอร่อย เราจะลองดื่มดู แล้วตรัสสั่งให้ประดับตกแต่งพระนคร ให้สร้างมณฑปขึ้นที่หน้าพระลาน เสร็จแล้วประทับนั่งบนราชบัลลังก์ ซึ่งยกเศวตฉัตรขึ้นไว้บนมณฑปที่ประดับตบแต่งแล้ว แวดล้อมด้วยหมู่อามาตย์มุขมนตรี เริ่มจะเสวยสุรา. ครั้งนั้น ท้าวสักกเทวราชทรงตรวจดูสัตวโลกว่า ชนเหล่าไหนบ้างหนอ ไม่ประมาทในการบารุงมารดาบิดาเป็ นต้น บาเพ็ญสุจริต ๓ ให้เต็มบริบูรณ์ ทอดพระเนตรเห็นพระเจ้าสัพพมิตต์นั้นประทับนั่งเพื่อจะดื่มสุรา จึงทรงพระดาริว่า ถ้าพระเจ้าสัพพมิตต์นี้จะดื่มสุราไซร้ สกลชมพูทวีปจักพินาศฉิบหาย เราจักต้องแก้ไขโดยวิธีที่จะให้ท้าวเธองดดื่ม แล้วทรงวางหม้อที่เต็มไปด้วยสุราใบหนึ่งไว้ที่พระหัตถ์ จาแลงเพศเป็ นพราหมณ์ เสด็จมายืนอยู่ในอากาศ ณ ที่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าสัพพมิตต์ แล้วตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงซื้อหม้อใบนี้ พระเจ้าสัพพมิตตราชทอดพระเนตรเห็นพราหมณ์จาแลงยืนพูดอยู่บน อากาศอย่างนั้น ทรงสงสัยว่า พราหมณ์นี้มาจากไหนกันหนอ เมื่อจะทรงสนทนากับพราหมณ์นั้น ได้ตรัสพระคาถา ๓ คาถาความว่า
  • 8. 8 ท่านเป็นใคร มาจากไตรทิพย์หรือ จึงเปล่งรัศมีสว่างไสวอยู่ในนภากาศ เหมือนพระจันทร์ส่องสว่างในยามรัตติกาลฉะนั้น รัศมีแผ่ซ่านออกจากตัวท่านดุจสายฟ้ าแลบในเวหาสฉะนั้น. ท่านเหยียบลมหนาวในอากาศได้ เดินและยืนในอากาศได้ ฤทธิ์ของเทวดาทั้งหลายผู้ไม่ต้องเดินไกล ท่านทาให้เป็นที่ตั้งและให้เจริญดีแล้วเป็นไฉน? ท่านเป็นใครมายืนอยู่ในอากาศ ร้องขายหม้ออยู่ หรือว่าหม้อของท่านนี้ ใช้ประโยชน์อะไรได้ ดูก่อนพราหมณ์ ขอท่านจงบอกเนื้อความนั้นแก่ข้าพเจ้าเถิด. ลาดับนั้น ท้าวสักกเทวราชตรัสว่า ถ้าเช่นนั้นท่านจงฟัง เมื่อจะทรงแสดงโทษของสุรา จึงตรัสว่า หม้อใบนี้มิใช่หม้อเนยใส มิใช่หม้อน้ามัน มิใช่หม้อน้าผึ้ง โทษของหม้อใบนี้มีอยู่มิใช่น้อย ท่านจงฟังโทษเป็นอันมากที่มีอยู่ในหม้อใบนี้. บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้วเดินโซเซตกลงไปยังบ่อถ้าหลุมน้าคราและหลุ มโสโครก พึงบริโภคของที่ไม่ควรบริโภคแม้มากได้ ท่านจงซื้อหม้อนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้วไม่มีกฎเกณฑ์ในใจ เที่ยวหยาเปไป เหมือนโคกินกากสุราฉะนั้น เป็ นเหมือนขาดที่พักพิง ย่อมฟ้ อนราได้ขับร้องได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้วแก้ผ้าเปลือยกาย เที่ยวไปตามตรอกตามถนนในบ้าน เหมือนชีเปลือย มีจิตลุ่มหลง นอนตื่นสาย ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้วลุกขึ้นโซเซ โคลงศีรษะและยกแขนขึ้นร่ายรา เหมือนรูปหุ่นไม้ฉะนั้น ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้วนอนจนถูกไฟไหม้ และกินอาหารที่เหลือเดนสุนัขได้ ย่อมถึงการถูกจองจาถูกฆ่า และความเสื่อมแห่งโภคะ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้วพูดคาพูดที่ไม่ควรพูด นั่งพร่าในที่ประชุม ปราศจากผ้าผ่อน เลอะเทอะ นอนจมอยู่ในอาเจียนของตน มีแต่เรื่องฉิบหาย ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้ววางมาดเป็นคนสาคัญ นัยน์ตาขุ่นขวาง เข้าใจว่าบ้านเมืองเป็ นของเราคนเดียว พระราชาแม้มีมหาสมุทร ๔ เป็ นขอบขัณฑสีมาก็ไม่เสมอเรา ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. บุคคลดื่มน้าชนิดใดแล้วถือตัวจัด ก่อการทะเลาะวิวาท ยุยงส่อเสียด
  • 9. 9 มีผิวพรรณน่าเกลียด เปลือยกายวิ่งไป อยู่อย่างนักเลงเก่า ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. น้าชนิดนี้ทาตระกูลทั้งหลายในโลกนี้อันมั่งคั่งบริบูรณ์มีเงินทองตั้งหลา ยพันให้ขาดทายาทได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. ข้าวเปลือก ทรัพย์สิน เงินทอง ไร่ นา โค กระบือ ในสกุลใดย่อมพินาศไป ตระกูลที่มั่งมีทั้งหลายขาดสูญไป เพราะดื่มน้าชนิดใด ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. บุรุษดื่มน้าชนิดใดแล้วเป็นคนหยาบช้า ด่ามารดาบิดาได้ แม้ถึงเป็นพ่อผัวก็พึงหยอกลูกสะใภ้ได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. นารีดื่มน้าชนิดใดแล้วกลายเป็นคนกักขฬะหยาบช้า ด่าพ่อผัวแม่ผัวและสามีได้ แม้เป็นทาสเป็ นคนใช้พึงรับเป็ นสามีของตนได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. บุรุษดื่มน้าชนิดใดแล้วฆ่าสมณะ หรือพราหมณ์ผู้ตั้งอยู่ในธรรมได้ พึงไปสู่อบายเพราะกรรมนั้นเป็ นเหตุ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. ชนทั้งหลายดื่มน้าชนิดใดแล้วประพฤติทุจริตทางกายทางวาจาหรือทาง ใจได้ ย่อมไปสู่นรกเพราะประพฤติทุจริต ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. ชนทั้งหลายแม้จะยอมสละเงินเป็นอันมาก มาอ้อนวอนบุรุษใดซึ่งไม่เคยดื่มสุรา ให้พูดเท็จย่อมไม่ได้ บุรุษนั้นครั้นดื่มสุราแล้วย่อมพูดเหลาะแหละเหลวไหลได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. คนรับใช้ดื่มน้าชนิดใดแล้ว เมื่อถูกเขาใช้ไปในกรณียกิจรีบด่วน ถูกซักถามก็ไม่รู้เนื้อความ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. ชนทั้งหลายดื่มน้าชนิดใดแล้ว ถึงจะเคยมีความละอายใจอยู่ ก็ย่อมจะทาความไม่ละอายให้ปรากฏได้ ถึงแม้จะเป็นคนมีปัญญาก็อดพูดมากไม่ได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. ชนทั้งหลายดื่มน้าชนิดใดแล้ว นอนคนเดียวไม่มีเพื่อน คล้ายลูกสุกรนอนเดียวดายด้วยชาติกาเนิดอันต่าฉะนั้น อดข้าวปลาอาหารย่อมเข้าถึงการนอนเป็นทุกข์อยู่กับแผ่นดิน สิ้นสง่าราศรีและต้องครหานินทา ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. ชนทั้งหลายดื่มน้าชนิดใดแล้วย่อมนอนคอตก หาเป็นเหมือนโคที่ถูกลง ปฏักฉะนั้นไม่
  • 10. 10 ฤทธิ์สุราย่อมทาให้คนอดทนได้(ไม่กินข้าวกินน้า) ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้ วยน้าชนิดนั้น. มนุษย์ทั้งหลายย่อมเว้นดื่มน้าชนิดใด อันเปรียบด้วยงูมีพิษร้าย นรชนคนใดเล่าควรจะดื่มน้าชนิดนั้นอันเป็ นเช่นยาพิษมีในโลก ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. โอรสทั้งหลายของท้าวอันธกเวณฑะ ดื่มสุราแล้วพาหญิงไปบาเรออยู่ที่ริมฝั่งสมุทร ประหารกันและกันด้วยสาก ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้าชนิดนั้น. บุรพเทพคืออสูรทั้งหลาย ดื่มน้าชนิดใดแล้วเมามาย จนจุติจากไตรทิพย์คือดาวดึงสเทวโลก ยังสาคัญตนว่าเที่ยง เป็นไปกับด้วยอสุรมายา ดูก่อนมหาราชเจ้า บุรุษผู้ฉลาดเช่นกับพระองค์ เมื่อทราบว่าน้าดื่มชนิดนี้เป็ นน้าเมา หาประโยชน์มิได้ จะดื่มทาไม? ในหม้อใบนี้ไม่มีเนยข้นหรือน้าผึ้ง พระองค์รู้อย่างนี้แล้ว จงซื้อเสีย ดูก่อนท่านสัพพมิตต์ สิ่งที่อยู่ในหม้อนี้ ข้าพเจ้าบอกแก่ท่านแล้วตามความเป็ นจริงอย่างนี้แหละ. พระเจ้าสัพพมิตต์ทรงสดับดังนั้น ก็ทรงทราบโทษของสุรา ดีพระทัย เมื่อจะทรงชมเชยท้าวสักกเทวราช ได้ตรัสพระคาถา ๒ คาถา ความว่า ท่านมิใช่เป็นบิดาหรือมารดาของข้าพเจ้า เป็ นคนชนิดใดชนิดหนึ่งซึ่งเป็ นผู้มุ่งเกื้อกูล อนุเคราะห์ ปรารถนาประโยชน์อย่างยิ่งแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจักกระทาตามถ้อยคาของท่านในวันนี้. ข้าพเจ้าจักให้บ้านส่วยห้าตาบล ทาสีหนึ่งร้อย โคเจ็ดร้อย และรถเทียมด้วยม้าอาชาไนยสิบคันเหล่านี้แก่ท่าน ขอท่านผู้ปรารถนาประโยชน์จงเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้าเถิด. ท้าวสักกเทวราชทรงสดับเช่นนั้น เมื่อจะทรงแสดงอัตภาพของเทพยดาให้พระเจ้าสัพพมิตต์ทรงรู้จักพระองค์ จึงประทับยืนบนอากาศ ได้ตรัสพระคาถา ๒ คาถาความว่า ดูก่อนพระราชา ทาสี บ้านส่วย โค และรถอันเทียมด้วยม้าอาชาไนย จงเป็ นของพระองค์ตามเดิมเถิด เราเป็นท้าวสักกะจอมเทพของชาวไตรทิพย์. พระองค์จงเสวยพระกระยาหาร เนยใสและข้าวปายาส พึงเสวยขนมกุมมาสอันโอชารส ดูก่อนพระองค์ผู้เป็นจอมประชาชน พระองค์จงทรงยินดีในธรรม ใครๆ ไม่ติเตียนด้วยอาการอย่างนี้แล้ว จงเข้าถึงสวรรคสถาน. ท้าวสักกะครั้นทรงประทานโอวาทแก่พระเจ้าสัพพมิตต์ ด้วยประการฉะนี้แล้ว ก็เสด็จไปยังสถานวิมานของพระองค์ทันที.
  • 11. 11 ฝ่ายพระเจ้าสัพพมิตต์ก็ไม่ทรงดื่มสุรา ตรัสสั่งให้ทาลายภาชนะสุราสิ้น แล้วทรงสมาทานศีล บริจาคทาน ได้เป็ นผู้มีสวรรค์เป็ นที่ไปในเบื้องหน้า. การดื่มสุราเกิดนิยมกันอย่างกว้างขวาง แม้ในชมพูทวีป (ติดต่อสืบเนื่องมาจนบัดนี้). พระบรมศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า พระราชาในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอานนท์ ส่วนท้าวสักกเทวราชได้มาเป็น เราผู้ตถาคต ฉะนี้แล. จบอรรถกถากุมภชาดกที่ ๒ -----------------------------------------------------