SlideShare a Scribd company logo
1
อัมพชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๑๓. เตรสกนิบาต
๑. อัมพชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๔๗๔)
ว่าด้วยมนต์เสกมะม่วง
(พระราชาตรัสถามคนเฝ้ าสวนมะม่วงว่า)
[๑] ท่านพรหมจารี (ท่านพรหมจารี หมายถึงท่านผู้เรียนพระเวท)
เมื่อก่อนท่านได้นาผลมะม่วงน้อยใหญ่มาให้เรา บัดนี้
ผลไม้ทั้งหลายไม่ปรากฏด้วยมนต์เหล่านั้นของท่านเลยหรือ ท่านพราหมณ์
(มาณพกราบทูลว่า)
[๒] ข้าพระองค์กาลังคานวณการโคจรของดาวฤกษ์
ยังไม่เห็นฤกษ์ยามปรากฏในมนต์เลย
ครั้นได้การโคจรของดาวฤกษ์และฤกษ์ยามแล้ว
ข้าพระองค์จักนาผลมะม่วงมากมายมาถวายได้อย่างแน่นอน
(พระราชาตรัสถามว่า)
[๓] เมื่อก่อน ท่านไม่พูดถึงการโคจรของดาวฤกษ์เลย
ไม่ได้อ้างถึงฤกษ์ยามเลย ได้นาผลมะม่วงที่มีสีงาม กลิ่นหอม รสอร่อย
จานวนมากมายมาให้เราด้วยตนเอง
[๔] แม้เมื่อก่อน ด้วยการร่ายมนต์ของท่าน ผลไม้ทั้งหลายก็ปรากฏมี
ท่านพราหมณ์ แต่วันนี้ ท่านนั้นแม้จะร่ายมนต์อยู่ ก็ไม่สามารถจะให้สาเร็จได้
สภาพของท่านนั้น มันเกิดอะไรขึ้นวันนี้
(มาณพกราบทูลว่า)
[๕] บุตรคนจัณฑาลได้มอบมนต์ให้แก่ข้าพระองค์โดยถูกต้อง
และบอกสาเหตุที่ทาให้มนต์เสื่อมไว้ว่า
ถ้ามีใครมาถามถึงชื่อและโคตรของเราแล้วเจ้าอย่าปกปิด ถ้าปกปิดความจริง
มนต์ก็จะเสื่อมไป
[๖] ข้าพระองค์นั้นถูกพระองค์ผู้เป็ นจอมชนตรัสถามขึ้นในหมู่ชน
เกิดความลบหลู่ครอบงาแล้วจึงได้กราบทูลความพลั้งพลาดไปว่า
มนต์เหล่านี้เป็นของพราหมณ์ ดังนั้น ข้าพระองค์มีมนต์เสื่อมเสียแล้ว
จึงเป็ นคนน่าสงสารร้องไห้อยู่
(พระราชาทรงติเตียนมาณพนั้นว่า)
[๗] คนผู้ต้องการน้าหวานพึงได้น้าหวานจากต้นไม้ใด
จะเป็นต้นละหุ่งก็ตาม ต้นสะเดาก็ตาม หรือต้นทองกวาวก็ตาม
ต้นไม้นั้นแลเป็นต้นไม้ดีที่สุดของเขา
2
[๘] บุคคลพึงรู้แจ้งธรรมจากผู้ใด จะเป็นกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร
จัณฑาล หรือคนเทขยะก็ตาม ผู้นั้นแลเป็นคนสูงสุดของเขา
[๙] ท่านทั้งหลายจงทาโทษ เฆี่ยนตี แล้วจงจับคอเจ้าคนชั่ว
ผู้ที่ยังประโยชน์อันสูงสุดซึ่งตนได้มาแสนยากให้พินาศไป
เพราะความเย่อหยิ่งและดูหมิ่นคน ไสหัวออกไป
(มาณพกล่าวขอเรียนมนต์ใหม่กับอาจารย์ว่า)
[๑๐] บุรุษสาคัญพื้นที่ว่าเรียบ พึงตกบ่อ ตกถ้า ตกเหว ตกหลุมรากไม้ผุ
หรือว่าคนตาบอดสาคัญว่าเชือก พึงเหยียบงูเห่า เหยียบไฟฉันใด
ท่านผู้มีปัญญาพึงรับทราบว่า ข้าพเจ้าพลั้งพลาดไปแล้วฉันนั้นเหมือนกัน
ท่านอาจารย์ทราบแล้ว จงมอบมนต์ให้แก่ข้าพเจ้าผู้มีมนต์เสื่อมแล้วอีกเถิด
(ต่อจากนั้น อาจารย์กล่าวว่า)
[๑๑] เราได้มอบมนต์ให้แก่เจ้าโดยธรรม ถึงเจ้าก็เรียนเอาโดยธรรม
แม้สาเหตุที่ทาให้มนต์เสื่อม เราก็เต็มใจบอกแก่เจ้า ถ้าเจ้าตั้งอยู่ในธรรมแล้ว
มนต์จะไม่เสื่อม
[๑๒] เจ้าคนโง่ คนที่มีปัญญาน้อย
ถึงจะเลี้ยงชีวิตอยู่ได้ในมนุษยโลกทุกวันนี้ ด้วยมนต์ที่ตนได้มาโดยยาก
ได้มาด้วยความลาบากก็จริง แต่เมื่อพูดเหลาะแหละก็ทามนต์บทนั้นให้เสื่อมไปได้
[๑๓] สาหรับเจ้าผู้เป็นคนโง่ หลงงมงาย อกตัญญู พูดเท็จ ไม่ระมัดระวัง
เราจะไม่ให้มนต์ทั้งหลายเช่นนั้นอีก มนต์ที่ไหนกัน ไปเสียเถิดเจ้า
เราไม่พอใจเจ้าเลย
อัมพชาดกที่ ๑ จบ
----------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
อัมพชาดก
ว่าด้วย มนต์เสื่อมเพราะลบหลู่ครูอาจารย์
พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงพระปรารภพระเทวทัต ได้ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ความพิสดารว่า พระเทวทัตบอกคืนอาจารย์ว่า เราจักเป็นพระพุทธเจ้า
พระสมณโคดมมิใช่อาจารย์ มิใช่พระอุปัชฌาย์ของเราเลย เสื่อมจากฌาน
ทาลายสงฆ์ กาลังมาสู่กรุงสาวัตถีโดยลาดับ.
เมื่อแผ่นดินให้ช่องเข้าไปอเวจีมหานรก ภายนอกพระวิหารพระเชตวัน.
ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในธรรมสภาว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย
พระเทวทัตบอกคืนอาจารย์เสียถึงความพินาศใหญ่ บังเกิดในอเวจีมหานรก.
พระศาสดาเสด็จมา ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้
พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ.
3
เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว
จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน
พระเทวทัตก็บอกคืนอาจารย์เสียถึงความพินาศใหญ่แล้วเหมือนกัน
ดังนี้แล้วจึงทรงนาอดีตนิทานมาดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล ครั้งเมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ณ กรุงพาราณสี
ตระกูลแห่งปุโรหิตของพระเจ้าพรหมทัตพระองค์นั้น พินาศไปด้วยอหิวาตกโรค.
บุตรชายคนหนึ่งทาลายฝาเรือนหนีไปได้
เขาไปกรุงตักกสิลาเรียนไตรเพทและศิลปะที่เหลือในสานักอาจารย์ทิศาปาโมกข์
กราบลาอาจารย์.
เมื่อจะออกไปคิดว่าเราต้องรู้จักขนบธรรมเนียมของประเทศจึงเที่ยวไป
ถึงเมืองชายแดนเมืองหนึ่ง.
หมู่บ้านจัณฑาลหมู่ใหญ่ได้อาศัยเมืองนั้นอยู่ ในกาลนั้น
พระโพธิสัตว์อาศัยบ้านนั้นอยู่ เป็ นบัณฑิตเฉลียวฉลาด
รู้มนต์ที่จะทาให้มะม่วงมีผลในเวลามิใช่ฤดูกาลได้. ท่านลุกขึ้นแต่เช้าตรู่
คว้าหาบออกไปจากบ้านนั้น เข้าไปใกล้ต้นมะม่วงต้นหนึ่งในป่า
หยุดยืนอยู่ในระยะที่สุด ๗ ก้าวร่ายมนต์นั้น สาดต้นมะม่วงด้วยน้าซองมือหนึ่ง.
ในขณะนั้นนั่นเอง ใบแก่ๆ ก็ร่วงหล่นลงจากต้น แตกใบอ่อน ออกดอกแล้วร่วงลง
ผลมะม่วงก็มีขึ้น โดยครู่เดียวเท่านั้นก็สุก มีโอชาหวานเช่นเดียวกับมะม่วงทิพย์
แล้วก็หล่นจากต้น. พระมหาสัตว์เก็บผลเหล่านั้นเคี้ยวกินจนพอความต้องการ
เก็บจนเต็มหาบไปสู่เรือน ขายมะม่วงเหล่านั้นเลี้ยงลูกเมีย.
พราหมณ์กุมารนั้นเห็นพระมหาสัตว์ผู้นาผลมะม่วงมาในเวลามิใช่ฤดูก
าลมาขาย จึงคิดว่าไม่ต้องสงสัยละ
อันผลมะม่วงเหล่านั้นต้องเกิดขึ้นด้วยกาลังของมนต์ อาศัยบุรุษนี้
เราจักได้มนต์อันหาค่ามิได้นี้ คอยกาหนดจับลู่ทางที่พระมหาสัตว์นาผลมะม่วงมา
ก็รู้แน่นอน เมื่อท่านยังไม่มาจากป่า ได้ไปสู่เรือนของท่าน เป็ นเหมือนไม่รู้
ถามภรรยาของท่านว่า ท่านอาจารย์ไปไหน. ครั้นภรรยาท่านตอบว่าไปป่า.
จึงยืนรอท่านอยู่ พอเห็นท่านมาก็ต้อนรับ รับหาบจากมือ นามาวางไว้ในเรือน.
พระโพธิสัตว์มองดูเขา กล่าวกะภรรยาว่า นางผู้เจริญ
มาณพนี้มาเพื่อต้องการมนต์
แต่มนต์จะไม่ตั้งอยู่ในกามือเขาได้เพราะเขาเป็นอสัตบุรุษ. ฝ่ายมาณพคิดว่า
เราต้องบาเพ็ญอุปการะแก่อาจารย์จึงจะได้มนต์นี้. ตั้งแต่นั้นมา
กระทากิจทุกอย่างในเรือนของท่าน หาฟืน ซ้อมข้าว หุงข้าว
ให้น้าล้างหน้าเป็ นต้น ล้างเท้า.
วันหนึ่ง เมื่อพระมหาสัตว์กล่าวว่า พ่อมาณพ
เธอจงให้เครื่องหนุนเท้าเตียงเถิด เขามองไม่เห็นสิ่งอื่นก็เลยเอาเท้าเตียงวางบนขา
4
นั่งอยู่ตลอดราตรี.
ครั้นกาลต่อมา ภรรยาของพระมหาสัตว์คลอดบุตร ได้กระทาบริกรรม
ในเวลาคลอดบุตรแก่นาง. วันหนึ่ง นางจึงกล่าวแก่พระมหาสัตว์ว่า ข้าแต่นาย
มาณพนี้ แม้จะสมบูรณ์ด้วยชาติ
ก็ยังยอมกระทาการช่วยเหลือเราด้วยต้องการมนต์
ขอมนต์จงตั้งอยู่ในกามือของเขาหรืออย่าตั้งอยู่ก็ตามเถิด
ท่านโปรดให้มนต์แก่เขาเถิด.
ท่านรับคาว่า ดีละ แล้วให้มนต์แก่เขา กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อเอ๋ย
มนต์หาค่ามิได้ ลาภสักการะอันใหญ่หลวง จักมีแก่เจ้าเพราะอาศัยมนต์นี้
ในเวลาที่เจ้าถูกพระราชาหรือมหาอามาตย์ของพระราชาถามว่า
ใครเป็นอาจารย์ของเจ้า เจ้าอย่าข่มเราเสียนะ
ถ้าหากเจ้าอดสูว่าคนจัณฑาลเป็ นอาจารย์ของเรา
เราเรียนมนต์จากสานักของคนจัณฑาลนั้น
จักกล่าวเสียว่าพราหมณ์ผู้มหาศาลเป็นอาจารย์ของเราไซร้
ผลของมนต์นี้จักไม่มีเลย.
เขากล่าวว่า เหตุไร ผมจักต้องข่มขี่เล่า ในเวลาที่ใครๆ ถาม
ผมต้องบอกอ้างท่านเท่านั้น แล้วกราบลาท่าน ออกไปจากบ้านคนจัณฑาล
ทดลองมนต์แล้ว บรรลุถึงกรุงพาราณสีโดยลาดับ ขายมะม่วงได้ทรัพย์มาก.
ครั้นวันหนึ่ง นายอุทยานบาลซื้อมะม่วงจากมือของเขา
ถวายแด่พระราชา. พระราชาเสวยมะม่วงนั้นแล้ว ตรัสถามว่า
น่าอัศจรรย์อร่อยอย่างยิ่ง เจ้าไปได้มะม่วงชนิดนี้มาจากไหนละ. เขากราบทูลว่า
ขอเดชะ ใต้ฝ่าพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
มาณพผู้หนึ่งนาผลมะม่วงทะวายมาขาย ข้าพระพุทธเจ้าถือเอาจากมาณพนั้น
พระเจ้าข้า. ทรงรับสั่งว่า จงบอกเขาว่า ตั้งแต่บัดนี้ไป จงนาผลมะม่วงมา ณ ที่นี้.
แม้นายอุทยานบาลนั้นก็กระทาตามที่รับสั่งนั้น.
ตั้งแต่นั้นมา มาณพก็นาผลมะม่วงทั้งหลายไปสู่ราชสกุล
เมื่อได้รับสั่งว่า เจ้าจงบารุงเราเถิด ก็บารุงพระราชา ได้รับทรัพย์เป็นอันมาก
ค่อยคุ้นเคยโดยลาดับ.
ครั้นวันหนึ่ง พระราชาตรัสถามเขาว่า มาณพ
เจ้านามะม่วงอันสมบูรณ์ด้วยกลิ่นและรสเห็นปานนี้
ในสมัยมิใช่ฤดูกาลมาจากไหน นาคครุฑหรือเทพเจ้าองค์ใดให้แก่เจ้าหรือไฉน
หรือว่าทั้งนี้เป็นกาลังแห่งมนต์.
เขากราบทูลว่า ขอเดชะ พระมหาราชเจ้า ใครๆ
มิได้ให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า แต่มนต์อันหาค่ามิได้ของข้าพระพุทธเจ้า มีอยู่.
นี้เป็นกาลังแห่งมนต์นั้น พระเจ้าข้า.
5
ตรัสว่า ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะขอดูกาลังมนต์ของเจ้า สักวันหนึ่ง.
เขากราบทูลว่า ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าจักแสดงถวาย พระเจ้าข้า.
วันรุ่งขึ้น พระราชาเสด็จไปสู่พระอุทยานกับตรัสว่า เจ้าจงแสดงเถิด.
เขารับพระดารัสว่า สาธุ เดินเข้าไปใกล้ต้นมะม่วง ยืนในระยะ ๗
ก้าวร่ายมนต์วักน้าสาดต้น. ทันใดนั้นเอง
ต้นมะม่วงก็เผล็ดผลโดยนิยมดังกล่าวแล้ว ในหนหลังนั่นแหละ ฝน
คือผลมะม่วงร่วงพรั่งพรู เป็นดังมหาเมฆ หลั่งกระแสฝน.
มหาชนพากันให้สาธุการ แผ่นผ้าได้ถูกชูขึ้นสลอนไป.
พระราชาทรงเสวยผลมะม่วง ประทานทรัพย์เป็นอันมากแก่เขา
แล้วตรัสถามว่า มาณพ มนต์อันเป็ นอัศจรรย์ของเจ้าเช่นนี้
เจ้าเรียนในสานักของใคร.
มาณพคิดว่า ถ้าเราจักทูลว่าในสานักคนจัณฑาล จักต้องมีความอดสู
และคนทั้งหลายจักติเตียนได้ อย่ากระนั้นเลย มนต์ของเราคล่องแคล่วแม่นยา
คงไม่เสื่อมหายไปในบัดนี้ดอก
เราจักอ้างอาจารย์ทิศาปาโมกข์ แล้วกระทามุสาวาท กล่าวว่า
ข้าพระพุทธเจ้าเรียนในสานักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ในเมืองตักกสิลา พระเจ้าข้า.
เป็นอันบอกคืนอาจารย์เสีย ทันใดนั่นเอง มนต์ก็เสื่อม.
พระราชาทรงโสมนัส ทรงชวนเขาเข้าสู่พระนคร.
วันรุ่งขึ้น ทรงพระดาริว่า เราจักกินมะม่วงจึงเสด็จสู่อุทยาน
ประทับนั่งเหนือแผ่นศิลาอันเป็ นมงคล ตรัสว่า มาณพ เจ้าจงนามะม่วงมาเถิด.
เขารับพระดารัสว่า สาธุ แล้วเข้าไปใกล้ต้นมะม่วง ยืนในระยะ ๗ ก้าว
คิดว่าเราจักร่ายมนต์ ครั้นมนต์ไม่ปรากฏก็ทราบว่าเสื่อมเสียแล้ว ยืนอดสูใจอยู่.
พระราชาทรงพระดาริว่า วันก่อน
มาณพนี้นาผลมะม่วงมาให้เราในท่ามกลางบริษัททีเดียว ให้ฝน
คือผลมะม่วงร่วงหล่นพรั่งพรู เหมือนฝนลูกเห็บตก. บัดนี้ ยืนเหมือนแข็งทื่อ
เหตุอะไรกันเล่าหนอ.
เมื่อจะทรงถามเขา จึงตรัสพระคาถาว่า
ดูก่อนท่านผู้ประพฤติพรหมจรรย์ เมื่อก่อน
ท่านได้นาผลมะม่วงทั้งเล็กทั้งใหญ่มาให้เรา ดูก่อนพราหมณ์ บัดนี้
ผลไม้ทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏด้วยมนต์เหล่านั้นของท่านเลย.
มาณพฟังพระดารัสนั้นแล้วคิดว่า ถ้าเราจักทูลว่า วันนี้
ข้าพระพุทธเจ้าจักถือเอาผลไม้มาถวายมิได้ พระราชาจักกริ้วเรา
เราจักลวงพระองค์ด้วยมุสาวาท.
จึงทูลคาถาที่ ๒ ว่า
6
ข้าพระบาทกาลังคานวณคลองแห่งนักขัตฤกษ์ จนเห็นขณะและครู่
ด้วยมนต์ก่อน ครั้นได้ฤกษ์และยามดีแล้ว จักนาผลมะม่วงเป็ นอันมาก
มาถวายพระองค์ เป็ นแน่.
พระราชาทรงพระดาริว่า
มาณพนี้ในเวลาอื่นไม่พูดถึงคลองแห่งนักขัตฤกษ์เลย นี้มันเรื่องอะไรกันเล่า.
เมื่อจะตรัสถาม ได้ทรงภาษิตคาถา ๒ คาถาว่า
แต่ก่อน ท่านไม่ได้พูดถึงคลองแห่งนักขัตฤกษ์
ไม่ได้เอ่ยถึงขณะและครู่ ทันใดนั้น ท่านก็นาเอาผลมะม่วงเป็นอันมาก
อันประกอบด้วยสี กลิ่น และรส มาให้เราได้.
ดูก่อนพราหมณ์ แม้เมื่อก่อน ผลไม้ทั้งหลายย่อมปรากฏ
ด้วยร่ายมนต์ของท่าน วันนี้ แม้ท่านจะร่ายมนต์ก็ไม่อาจให้สาเร็จได้ วันนี้
สภาพของท่านเป็นอย่างไร.
มาณพฟังพระดารัสนั้นแล้วคิดว่า
เราไม่อาจจะลวงพระราชาด้วยมุสาวาท แม้ว่าเราสารภาพความจริงแล้ว
พระองค์คงไม่ลงพระราชอาญา เราต้องสารภาพความจริงเสียเถอะ ดังนี้แล้ว.
จึงกราบทูล ๒ คาถาว่า
บุตรของคนจัณฑาลได้บอกมนต์ให้ข้าพระบาทโดยธรรม
และได้สั่งกาชับข้าพระบาทว่า ถ้ามีใครมาถามถึงชื่อและโคตรของเราแล้ว
เจ้าอย่าปกปิด มนต์ทั้งหลายก็จะไม่ละเจ้า.
ข้าพระบาทนั้น ครั้นพระองค์ผู้เป็นจอมแห่งประชาชนถามถึงอาจารย์
อันความลบหลู่ครอบงาแล้ว ได้กราบทูลเท็จว่า มนต์เหล่านี้เป็ นของพราหมณ์
ข้าพระบาทจึงเป็ นผู้เสื่อมมนต์ เป็นเหมือนคนกาพร้า ร้องไห้อยู่.
พระราชาทรงสดับคานั้นแล้ว ทรงกริ้วว่า เจ้านี่ลามก
มองไม่เห็นรัตนะเห็นปานฉะนี้ เมื่อได้รัตนะอันสูงสุดเช่นนี้แล้ว
เรื่องชาติจักกระทาอะไรให้ได้
เมื่อทรงติเตียนเขา จึงตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
บุรุษต้องการน้าหวานจะพึงได้น้าหวานจากต้นไม้ใด
จะเป็นต้นละหุ่งก็ตาม ต้นสะเดาก็ตาม ต้นทองหลางก็ตาม ต้นไม้นั่นแล
เป็นต้นไม้สูงสุดของบุรุษนั้น.
บุรุษพึงรู้แจ้งธรรมจากผู้ใด เป็ นกษัตริย์ก็ตาม เป็ นแพทย์ก็ตาม
เป็นศูทรก็ตาม เป็นคนจัณฑาลก็ตาม คนเทหยากเยื่อก็ตาม
ผู้นั้นก็จัดเป็นคนสูงสุดของบุรุษนั้น.
ท่านทั้งหลายจงลงอาชญาและเฆี่ยนตีมาณพผู้นี้
แล้วจับมาณพลามกผู้นี้ไสคอออกไปเสีย มาณพใดได้ประโยชน์อย่างสูงสุด
ด้วยความยากเข็ญ
7
ท่านทั้งหลายจงยังมาณพนั้นให้พินาศเพราะความเย่อหยิ่งจองหอง.
พวกราชบุรุษพากันทาตามพระราชบัญชาอย่างนั้น พากันกล่าวว่า
เจ้าไปเถิด เจ้าไปสู่สานักอาจารย์ของเจ้า ทาให้อาจารย์ของเจ้าชื่นชมได้แล้ว
ถ้าเจ้าจักได้มนต์อีก ค่อยมาในที่นี้ ถ้าไม่ได้ก็อย่ามองดูทิศนี้เลย
ได้กระทาเขาให้หมดอานาจทีเดียว.
เขาหมดที่พึ่งคิดว่า เว้นอาจารย์แล้ว ที่พึ่งอื่นของเราไม่มี
เราต้องไปหาท่าน ทาให้ท่านชื่นชม ขอเรียนมนต์นั้นอีกจนได้
ร้องไห้พลางเดินไปสู่บ้านนั้น.
ครั้งนั้น พระมหาสัตว์เห็นเขาเดินมา ก็เรียกภรรยามา กล่าวว่า
นางผู้เจริญ เชิญดูซิ เจ้านี่ชั่วช้า มนต์เสื่อมหมดแล้ว กาลังกลับมา.
เขาไปหาพระมหาสัตว์ ไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ถูกท่านถามว่า
เหตุไรเล่าเจ้าจึงมา. จึงกล่าวว่า ข้าแต่ท่านอาจารย์ ผมทามุสาวาท
บอกคืนท่านอาจารย์เสีย ถึงความฉิบหายใหญ่โต.
เมื่อจะแสดงโทษที่ล่วงเกินแล้ว ขอเรียนมนต์ใหม่ จึงกล่าวคาถาว่า
บุคคลผู้สาคัญว่าที่เสมอ พึงตกบ่อ ถ้า เหว หรือหลุมที่มีรากไม้ผุ ฉันใด
อนึ่ง บุคคลตาบอดเมื่อสาคัญว่าเชือก พึงเหยียบงูเห่า พึงเหยียบไฟ ฉันใด
ข้าแต่ท่านผู้มีปัญญา ท่านทราบว่า ข้าพเจ้าพลาดไปแล้วฉันนั้น
ขอจงให้มนต์แก่ข้าพเจ้าผู้มีมนต์อันเสื่อมแล้ว อีกสักครั้งหนึ่งเถิด.
ลาดับนั้น อาจารย์กล่าวกะเขาว่า ดูก่อนพ่อ เจ้าพูดอะไร
ธรรมดาว่าคนบอด เมื่อมีผู้ให้สัญญาแล้วย่อมหลบหลีกบ่อเป็นต้นได้
เราเล่าก็บอกเจ้าแล้วแต่แรกทีเดียว คราวนี้เจ้าจะมาหาเราเพื่อประโยชน์อะไรเล่า
แล้วกล่าวคาถาเหล่านี้ว่า
เราได้ให้มนต์แก่ท่านโดยธรรม ฝ่ายท่านก็ได้เรียนมนต์โดยธรรม
หากว่าท่านมีใจดีรักษาปกติไว้ มนต์ก็จะไม่พึงละทิ้งท่าน ผู้ตั้งอยู่ในธรรม.
ดูก่อนคนพาล มนต์อันใดที่จะพึงได้ในมนุษยโลก
มนต์อันนั้นท่านก็จะได้ในวันนี้โดยลาบาก ท่านผู้ไม่มีปัญญา กล่าวคาเท็จ
ทามนต์อันมีค่าเสมอด้วยชีวิต ที่ได้มาโดยยาก ให้เสื่อมเสียแล้ว.
เราจะไม่ให้มนต์เช่นนั้นแก่เจ้าผู้เป็นพาล หลงงมงาย อกตัญญู พูดเท็จ
ไม่มีความสารวม มนต์ที่ไหน ไปเสียเถิด เราไม่พอใจ.
เขาถูกอาจารย์ตะเพิดอย่างนี้ คิดว่า เราจะอยู่ไปทาไม ดังนี้เข้าไปสู่ป่า
ตายอย่างน่าอนาถ.
พระศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มา ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย
มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตก็บอกคืนอาจารย์เสีย
ถึงความพินาศอย่างใหญ่หลวงแล้ว ดังนี้แล้ว.
8
จึงทรงประชุมชาดกว่า
มาณพอกตัญญูในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระเทวทัต
พระราชาได้มาเป็น พระอานนท์
ส่วนบุตรคนจัณฑาล คือ เราตถาคต แล.
จบอรรถกถาอัมพชาดกที่ ๑
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

480 อกิตติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
480 อกิตติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx480 อกิตติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
480 อกิตติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
(๒๑) พระอุบลวรรณาเถรี มจร.pdf
(๒๑) พระอุบลวรรณาเถรี มจร.pdf(๒๑) พระอุบลวรรณาเถรี มจร.pdf
(๒๑) พระอุบลวรรณาเถรี มจร.pdf
maruay songtanin
 
477 จูฬนารทกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
477 จูฬนารทกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...477 จูฬนารทกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
477 จูฬนารทกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
(๒๐) พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี มจร.pdf
(๒๐) พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี มจร.pdf(๒๐) พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี มจร.pdf
(๒๐) พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี มจร.pdf
maruay songtanin
 
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
006 เทวธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
006 เทวธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....006 เทวธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
006 เทวธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
๑๕. อุตตราวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๕. อุตตราวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๕. อุตตราวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๕. อุตตราวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๓.pdf
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๓.pdf๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๓.pdf
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๓.pdf
maruay songtanin
 
13 ภูริทัตตจริยา มจร.pdf
13 ภูริทัตตจริยา มจร.pdf13 ภูริทัตตจริยา มจร.pdf
13 ภูริทัตตจริยา มจร.pdf
maruay songtanin
 
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
348 อรัญญชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
348 อรัญญชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx348 อรัญญชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
348 อรัญญชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
324 จัมมสาฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
324 จัมมสาฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...324 จัมมสาฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
324 จัมมสาฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
๒๑.๕ มหาวิยูหสูตร มจร.pdf
๒๑.๕ มหาวิยูหสูตร มจร.pdf๒๑.๕ มหาวิยูหสูตร มจร.pdf
๒๑.๕ มหาวิยูหสูตร มจร.pdf
maruay songtanin
 
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 

Similar to 474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

480 อกิตติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
480 อกิตติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx480 อกิตติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
480 อกิตติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
(๒๑) พระอุบลวรรณาเถรี มจร.pdf
(๒๑) พระอุบลวรรณาเถรี มจร.pdf(๒๑) พระอุบลวรรณาเถรี มจร.pdf
(๒๑) พระอุบลวรรณาเถรี มจร.pdf
 
477 จูฬนารทกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
477 จูฬนารทกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...477 จูฬนารทกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
477 จูฬนารทกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
(๒๐) พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี มจร.pdf
(๒๐) พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี มจร.pdf(๒๐) พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี มจร.pdf
(๒๐) พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี มจร.pdf
 
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
-------------- --- 4
 -------------- --- 4 -------------- --- 4
-------------- --- 4
 
006 เทวธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
006 เทวธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....006 เทวธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
006 เทวธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
382 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
๑๕. อุตตราวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๕. อุตตราวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๕. อุตตราวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๕. อุตตราวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๓.pdf
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๓.pdf๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๓.pdf
๒๐ มหาปรินิพพานสูตร มจร ตอนที่ ๓.pdf
 
13 ภูริทัตตจริยา มจร.pdf
13 ภูริทัตตจริยา มจร.pdf13 ภูริทัตตจริยา มจร.pdf
13 ภูริทัตตจริยา มจร.pdf
 
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
348 อรัญญชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
348 อรัญญชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx348 อรัญญชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
348 อรัญญชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
324 จัมมสาฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
324 จัมมสาฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...324 จัมมสาฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
324 จัมมสาฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
๒๑.๕ มหาวิยูหสูตร มจร.pdf
๒๑.๕ มหาวิยูหสูตร มจร.pdf๒๑.๕ มหาวิยูหสูตร มจร.pdf
๒๑.๕ มหาวิยูหสูตร มจร.pdf
 
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
 

More from maruay songtanin

๔๕. ปาฏลิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔๕. ปาฏลิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๔๕. ปาฏลิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔๕. ปาฏลิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๔๔. คณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๔๔. คณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx๔๔. คณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๔๔. คณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
๔๓. คูถขาทกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๔๓. คูถขาทกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๔๓. คูถขาทกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๔๓. คูถขาทกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
๔๒. คูถขาทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๔๒. คูถขาทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๔๒. คูถขาทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๔๒. คูถขาทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
maruay songtanin
 
๔๑. ราชปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๔๑. ราชปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๔๑. ราชปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๔๑. ราชปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
maruay songtanin
 
๔๐. กุมารเปตวัต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ถ...
๔๐. กุมารเปตวัต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ถ...๔๐. กุมารเปตวัต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ถ...
๔๐. กุมารเปตวัต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ถ...
maruay songtanin
 
๓๙. เรวตีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๙. เรวตีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๓๙. เรวตีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๙. เรวตีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
๓๘. นันทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๘. นันทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๓๘. นันทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๘. นันทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
๓๗. เสรีสกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓๗. เสรีสกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๓๗. เสรีสกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓๗. เสรีสกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๓๖. อัมพสักขรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๓๖. อัมพสักขรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๓๖. อัมพสักขรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๓๖. อัมพสักขรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๓๕. ธาตุวิวัณณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๓๕. ธาตุวิวัณณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๓๕. ธาตุวิวัณณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๓๕. ธาตุวิวัณณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
maruay songtanin
 
๓๔. กูฏวินิจฉยิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...
๓๔. กูฏวินิจฉยิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...๓๔. กูฏวินิจฉยิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...
๓๔. กูฏวินิจฉยิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...
maruay songtanin
 
๓๓. ทุติยมิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๓๓. ทุติยมิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๓๓. ทุติยมิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๓๓. ทุติยมิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
maruay songtanin
 
๓๒. มิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๓๒. มิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๓๒. มิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๓๒. มิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
๓๑. เสริณีเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๓๑. เสริณีเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๓๑. เสริณีเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๓๑. เสริณีเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
maruay songtanin
 
๓๐. กุมารเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๐. กุมารเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๓๐. กุมารเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๐. กุมารเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
๒๙. ภุสเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๒๙. ภุสเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....๒๙. ภุสเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๒๙. ภุสเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
๒๘. รถการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๘. รถการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒๘. รถการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๘. รถการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๒๗. สานุวาสีเถรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๒๗. สานุวาสีเถรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...๒๗. สานุวาสีเถรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๒๗. สานุวาสีเถรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
maruay songtanin
 
การคิดเชิงวิพากษ์ Critical Thinking.pdf
การคิดเชิงวิพากษ์  Critical Thinking.pdfการคิดเชิงวิพากษ์  Critical Thinking.pdf
การคิดเชิงวิพากษ์ Critical Thinking.pdf
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

๔๕. ปาฏลิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔๕. ปาฏลิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๔๕. ปาฏลิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔๕. ปาฏลิปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๔๔. คณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๔๔. คณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx๔๔. คณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๔๔. คณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
๔๓. คูถขาทกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๔๓. คูถขาทกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๔๓. คูถขาทกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๔๓. คูถขาทกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๔๒. คูถขาทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๔๒. คูถขาทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๔๒. คูถขาทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๔๒. คูถขาทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
 
๔๑. ราชปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๔๑. ราชปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๔๑. ราชปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๔๑. ราชปุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
 
๔๐. กุมารเปตวัต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ถ...
๔๐. กุมารเปตวัต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ถ...๔๐. กุมารเปตวัต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ถ...
๔๐. กุมารเปตวัต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ถ...
 
๓๙. เรวตีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๙. เรวตีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๓๙. เรวตีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๙. เรวตีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๓๘. นันทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๘. นันทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๓๘. นันทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๘. นันทกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๓๗. เสรีสกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓๗. เสรีสกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๓๗. เสรีสกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓๗. เสรีสกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๓๖. อัมพสักขรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๓๖. อัมพสักขรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๓๖. อัมพสักขรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๓๖. อัมพสักขรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๓๕. ธาตุวิวัณณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๓๕. ธาตุวิวัณณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๓๕. ธาตุวิวัณณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๓๕. ธาตุวิวัณณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
 
๓๔. กูฏวินิจฉยิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...
๓๔. กูฏวินิจฉยิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...๓๔. กูฏวินิจฉยิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...
๓๔. กูฏวินิจฉยิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับม...
 
๓๓. ทุติยมิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๓๓. ทุติยมิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๓๓. ทุติยมิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๓๓. ทุติยมิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
 
๓๒. มิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๓๒. มิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๓๒. มิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๓๒. มิคลุททกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๓๑. เสริณีเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๓๑. เสริณีเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๓๑. เสริณีเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๓๑. เสริณีเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
 
๓๐. กุมารเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๐. กุมารเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๓๐. กุมารเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๓๐. กุมารเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๒๙. ภุสเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๒๙. ภุสเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....๒๙. ภุสเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๒๙. ภุสเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
๒๘. รถการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๘. รถการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒๘. รถการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๘. รถการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๒๗. สานุวาสีเถรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๒๗. สานุวาสีเถรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...๒๗. สานุวาสีเถรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๒๗. สานุวาสีเถรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
 
การคิดเชิงวิพากษ์ Critical Thinking.pdf
การคิดเชิงวิพากษ์  Critical Thinking.pdfการคิดเชิงวิพากษ์  Critical Thinking.pdf
การคิดเชิงวิพากษ์ Critical Thinking.pdf
 

474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๑๓. เตรสกนิบาต ๑. อัมพชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๔๗๔) ว่าด้วยมนต์เสกมะม่วง (พระราชาตรัสถามคนเฝ้ าสวนมะม่วงว่า) [๑] ท่านพรหมจารี (ท่านพรหมจารี หมายถึงท่านผู้เรียนพระเวท) เมื่อก่อนท่านได้นาผลมะม่วงน้อยใหญ่มาให้เรา บัดนี้ ผลไม้ทั้งหลายไม่ปรากฏด้วยมนต์เหล่านั้นของท่านเลยหรือ ท่านพราหมณ์ (มาณพกราบทูลว่า) [๒] ข้าพระองค์กาลังคานวณการโคจรของดาวฤกษ์ ยังไม่เห็นฤกษ์ยามปรากฏในมนต์เลย ครั้นได้การโคจรของดาวฤกษ์และฤกษ์ยามแล้ว ข้าพระองค์จักนาผลมะม่วงมากมายมาถวายได้อย่างแน่นอน (พระราชาตรัสถามว่า) [๓] เมื่อก่อน ท่านไม่พูดถึงการโคจรของดาวฤกษ์เลย ไม่ได้อ้างถึงฤกษ์ยามเลย ได้นาผลมะม่วงที่มีสีงาม กลิ่นหอม รสอร่อย จานวนมากมายมาให้เราด้วยตนเอง [๔] แม้เมื่อก่อน ด้วยการร่ายมนต์ของท่าน ผลไม้ทั้งหลายก็ปรากฏมี ท่านพราหมณ์ แต่วันนี้ ท่านนั้นแม้จะร่ายมนต์อยู่ ก็ไม่สามารถจะให้สาเร็จได้ สภาพของท่านนั้น มันเกิดอะไรขึ้นวันนี้ (มาณพกราบทูลว่า) [๕] บุตรคนจัณฑาลได้มอบมนต์ให้แก่ข้าพระองค์โดยถูกต้อง และบอกสาเหตุที่ทาให้มนต์เสื่อมไว้ว่า ถ้ามีใครมาถามถึงชื่อและโคตรของเราแล้วเจ้าอย่าปกปิด ถ้าปกปิดความจริง มนต์ก็จะเสื่อมไป [๖] ข้าพระองค์นั้นถูกพระองค์ผู้เป็ นจอมชนตรัสถามขึ้นในหมู่ชน เกิดความลบหลู่ครอบงาแล้วจึงได้กราบทูลความพลั้งพลาดไปว่า มนต์เหล่านี้เป็นของพราหมณ์ ดังนั้น ข้าพระองค์มีมนต์เสื่อมเสียแล้ว จึงเป็ นคนน่าสงสารร้องไห้อยู่ (พระราชาทรงติเตียนมาณพนั้นว่า) [๗] คนผู้ต้องการน้าหวานพึงได้น้าหวานจากต้นไม้ใด จะเป็นต้นละหุ่งก็ตาม ต้นสะเดาก็ตาม หรือต้นทองกวาวก็ตาม ต้นไม้นั้นแลเป็นต้นไม้ดีที่สุดของเขา
  • 2. 2 [๘] บุคคลพึงรู้แจ้งธรรมจากผู้ใด จะเป็นกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร จัณฑาล หรือคนเทขยะก็ตาม ผู้นั้นแลเป็นคนสูงสุดของเขา [๙] ท่านทั้งหลายจงทาโทษ เฆี่ยนตี แล้วจงจับคอเจ้าคนชั่ว ผู้ที่ยังประโยชน์อันสูงสุดซึ่งตนได้มาแสนยากให้พินาศไป เพราะความเย่อหยิ่งและดูหมิ่นคน ไสหัวออกไป (มาณพกล่าวขอเรียนมนต์ใหม่กับอาจารย์ว่า) [๑๐] บุรุษสาคัญพื้นที่ว่าเรียบ พึงตกบ่อ ตกถ้า ตกเหว ตกหลุมรากไม้ผุ หรือว่าคนตาบอดสาคัญว่าเชือก พึงเหยียบงูเห่า เหยียบไฟฉันใด ท่านผู้มีปัญญาพึงรับทราบว่า ข้าพเจ้าพลั้งพลาดไปแล้วฉันนั้นเหมือนกัน ท่านอาจารย์ทราบแล้ว จงมอบมนต์ให้แก่ข้าพเจ้าผู้มีมนต์เสื่อมแล้วอีกเถิด (ต่อจากนั้น อาจารย์กล่าวว่า) [๑๑] เราได้มอบมนต์ให้แก่เจ้าโดยธรรม ถึงเจ้าก็เรียนเอาโดยธรรม แม้สาเหตุที่ทาให้มนต์เสื่อม เราก็เต็มใจบอกแก่เจ้า ถ้าเจ้าตั้งอยู่ในธรรมแล้ว มนต์จะไม่เสื่อม [๑๒] เจ้าคนโง่ คนที่มีปัญญาน้อย ถึงจะเลี้ยงชีวิตอยู่ได้ในมนุษยโลกทุกวันนี้ ด้วยมนต์ที่ตนได้มาโดยยาก ได้มาด้วยความลาบากก็จริง แต่เมื่อพูดเหลาะแหละก็ทามนต์บทนั้นให้เสื่อมไปได้ [๑๓] สาหรับเจ้าผู้เป็นคนโง่ หลงงมงาย อกตัญญู พูดเท็จ ไม่ระมัดระวัง เราจะไม่ให้มนต์ทั้งหลายเช่นนั้นอีก มนต์ที่ไหนกัน ไปเสียเถิดเจ้า เราไม่พอใจเจ้าเลย อัมพชาดกที่ ๑ จบ ---------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา อัมพชาดก ว่าด้วย มนต์เสื่อมเพราะลบหลู่ครูอาจารย์ พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระปรารภพระเทวทัต ได้ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. ความพิสดารว่า พระเทวทัตบอกคืนอาจารย์ว่า เราจักเป็นพระพุทธเจ้า พระสมณโคดมมิใช่อาจารย์ มิใช่พระอุปัชฌาย์ของเราเลย เสื่อมจากฌาน ทาลายสงฆ์ กาลังมาสู่กรุงสาวัตถีโดยลาดับ. เมื่อแผ่นดินให้ช่องเข้าไปอเวจีมหานรก ภายนอกพระวิหารพระเชตวัน. ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในธรรมสภาว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย พระเทวทัตบอกคืนอาจารย์เสียถึงความพินาศใหญ่ บังเกิดในอเวจีมหานรก. พระศาสดาเสด็จมา ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ.
  • 3. 3 เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตก็บอกคืนอาจารย์เสียถึงความพินาศใหญ่แล้วเหมือนกัน ดังนี้แล้วจึงทรงนาอดีตนิทานมาดังต่อไปนี้. ในอดีตกาล ครั้งเมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ณ กรุงพาราณสี ตระกูลแห่งปุโรหิตของพระเจ้าพรหมทัตพระองค์นั้น พินาศไปด้วยอหิวาตกโรค. บุตรชายคนหนึ่งทาลายฝาเรือนหนีไปได้ เขาไปกรุงตักกสิลาเรียนไตรเพทและศิลปะที่เหลือในสานักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ กราบลาอาจารย์. เมื่อจะออกไปคิดว่าเราต้องรู้จักขนบธรรมเนียมของประเทศจึงเที่ยวไป ถึงเมืองชายแดนเมืองหนึ่ง. หมู่บ้านจัณฑาลหมู่ใหญ่ได้อาศัยเมืองนั้นอยู่ ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์อาศัยบ้านนั้นอยู่ เป็ นบัณฑิตเฉลียวฉลาด รู้มนต์ที่จะทาให้มะม่วงมีผลในเวลามิใช่ฤดูกาลได้. ท่านลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ คว้าหาบออกไปจากบ้านนั้น เข้าไปใกล้ต้นมะม่วงต้นหนึ่งในป่า หยุดยืนอยู่ในระยะที่สุด ๗ ก้าวร่ายมนต์นั้น สาดต้นมะม่วงด้วยน้าซองมือหนึ่ง. ในขณะนั้นนั่นเอง ใบแก่ๆ ก็ร่วงหล่นลงจากต้น แตกใบอ่อน ออกดอกแล้วร่วงลง ผลมะม่วงก็มีขึ้น โดยครู่เดียวเท่านั้นก็สุก มีโอชาหวานเช่นเดียวกับมะม่วงทิพย์ แล้วก็หล่นจากต้น. พระมหาสัตว์เก็บผลเหล่านั้นเคี้ยวกินจนพอความต้องการ เก็บจนเต็มหาบไปสู่เรือน ขายมะม่วงเหล่านั้นเลี้ยงลูกเมีย. พราหมณ์กุมารนั้นเห็นพระมหาสัตว์ผู้นาผลมะม่วงมาในเวลามิใช่ฤดูก าลมาขาย จึงคิดว่าไม่ต้องสงสัยละ อันผลมะม่วงเหล่านั้นต้องเกิดขึ้นด้วยกาลังของมนต์ อาศัยบุรุษนี้ เราจักได้มนต์อันหาค่ามิได้นี้ คอยกาหนดจับลู่ทางที่พระมหาสัตว์นาผลมะม่วงมา ก็รู้แน่นอน เมื่อท่านยังไม่มาจากป่า ได้ไปสู่เรือนของท่าน เป็ นเหมือนไม่รู้ ถามภรรยาของท่านว่า ท่านอาจารย์ไปไหน. ครั้นภรรยาท่านตอบว่าไปป่า. จึงยืนรอท่านอยู่ พอเห็นท่านมาก็ต้อนรับ รับหาบจากมือ นามาวางไว้ในเรือน. พระโพธิสัตว์มองดูเขา กล่าวกะภรรยาว่า นางผู้เจริญ มาณพนี้มาเพื่อต้องการมนต์ แต่มนต์จะไม่ตั้งอยู่ในกามือเขาได้เพราะเขาเป็นอสัตบุรุษ. ฝ่ายมาณพคิดว่า เราต้องบาเพ็ญอุปการะแก่อาจารย์จึงจะได้มนต์นี้. ตั้งแต่นั้นมา กระทากิจทุกอย่างในเรือนของท่าน หาฟืน ซ้อมข้าว หุงข้าว ให้น้าล้างหน้าเป็ นต้น ล้างเท้า. วันหนึ่ง เมื่อพระมหาสัตว์กล่าวว่า พ่อมาณพ เธอจงให้เครื่องหนุนเท้าเตียงเถิด เขามองไม่เห็นสิ่งอื่นก็เลยเอาเท้าเตียงวางบนขา
  • 4. 4 นั่งอยู่ตลอดราตรี. ครั้นกาลต่อมา ภรรยาของพระมหาสัตว์คลอดบุตร ได้กระทาบริกรรม ในเวลาคลอดบุตรแก่นาง. วันหนึ่ง นางจึงกล่าวแก่พระมหาสัตว์ว่า ข้าแต่นาย มาณพนี้ แม้จะสมบูรณ์ด้วยชาติ ก็ยังยอมกระทาการช่วยเหลือเราด้วยต้องการมนต์ ขอมนต์จงตั้งอยู่ในกามือของเขาหรืออย่าตั้งอยู่ก็ตามเถิด ท่านโปรดให้มนต์แก่เขาเถิด. ท่านรับคาว่า ดีละ แล้วให้มนต์แก่เขา กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อเอ๋ย มนต์หาค่ามิได้ ลาภสักการะอันใหญ่หลวง จักมีแก่เจ้าเพราะอาศัยมนต์นี้ ในเวลาที่เจ้าถูกพระราชาหรือมหาอามาตย์ของพระราชาถามว่า ใครเป็นอาจารย์ของเจ้า เจ้าอย่าข่มเราเสียนะ ถ้าหากเจ้าอดสูว่าคนจัณฑาลเป็ นอาจารย์ของเรา เราเรียนมนต์จากสานักของคนจัณฑาลนั้น จักกล่าวเสียว่าพราหมณ์ผู้มหาศาลเป็นอาจารย์ของเราไซร้ ผลของมนต์นี้จักไม่มีเลย. เขากล่าวว่า เหตุไร ผมจักต้องข่มขี่เล่า ในเวลาที่ใครๆ ถาม ผมต้องบอกอ้างท่านเท่านั้น แล้วกราบลาท่าน ออกไปจากบ้านคนจัณฑาล ทดลองมนต์แล้ว บรรลุถึงกรุงพาราณสีโดยลาดับ ขายมะม่วงได้ทรัพย์มาก. ครั้นวันหนึ่ง นายอุทยานบาลซื้อมะม่วงจากมือของเขา ถวายแด่พระราชา. พระราชาเสวยมะม่วงนั้นแล้ว ตรัสถามว่า น่าอัศจรรย์อร่อยอย่างยิ่ง เจ้าไปได้มะม่วงชนิดนี้มาจากไหนละ. เขากราบทูลว่า ขอเดชะ ใต้ฝ่าพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม มาณพผู้หนึ่งนาผลมะม่วงทะวายมาขาย ข้าพระพุทธเจ้าถือเอาจากมาณพนั้น พระเจ้าข้า. ทรงรับสั่งว่า จงบอกเขาว่า ตั้งแต่บัดนี้ไป จงนาผลมะม่วงมา ณ ที่นี้. แม้นายอุทยานบาลนั้นก็กระทาตามที่รับสั่งนั้น. ตั้งแต่นั้นมา มาณพก็นาผลมะม่วงทั้งหลายไปสู่ราชสกุล เมื่อได้รับสั่งว่า เจ้าจงบารุงเราเถิด ก็บารุงพระราชา ได้รับทรัพย์เป็นอันมาก ค่อยคุ้นเคยโดยลาดับ. ครั้นวันหนึ่ง พระราชาตรัสถามเขาว่า มาณพ เจ้านามะม่วงอันสมบูรณ์ด้วยกลิ่นและรสเห็นปานนี้ ในสมัยมิใช่ฤดูกาลมาจากไหน นาคครุฑหรือเทพเจ้าองค์ใดให้แก่เจ้าหรือไฉน หรือว่าทั้งนี้เป็นกาลังแห่งมนต์. เขากราบทูลว่า ขอเดชะ พระมหาราชเจ้า ใครๆ มิได้ให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า แต่มนต์อันหาค่ามิได้ของข้าพระพุทธเจ้า มีอยู่. นี้เป็นกาลังแห่งมนต์นั้น พระเจ้าข้า.
  • 5. 5 ตรัสว่า ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะขอดูกาลังมนต์ของเจ้า สักวันหนึ่ง. เขากราบทูลว่า ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าจักแสดงถวาย พระเจ้าข้า. วันรุ่งขึ้น พระราชาเสด็จไปสู่พระอุทยานกับตรัสว่า เจ้าจงแสดงเถิด. เขารับพระดารัสว่า สาธุ เดินเข้าไปใกล้ต้นมะม่วง ยืนในระยะ ๗ ก้าวร่ายมนต์วักน้าสาดต้น. ทันใดนั้นเอง ต้นมะม่วงก็เผล็ดผลโดยนิยมดังกล่าวแล้ว ในหนหลังนั่นแหละ ฝน คือผลมะม่วงร่วงพรั่งพรู เป็นดังมหาเมฆ หลั่งกระแสฝน. มหาชนพากันให้สาธุการ แผ่นผ้าได้ถูกชูขึ้นสลอนไป. พระราชาทรงเสวยผลมะม่วง ประทานทรัพย์เป็นอันมากแก่เขา แล้วตรัสถามว่า มาณพ มนต์อันเป็ นอัศจรรย์ของเจ้าเช่นนี้ เจ้าเรียนในสานักของใคร. มาณพคิดว่า ถ้าเราจักทูลว่าในสานักคนจัณฑาล จักต้องมีความอดสู และคนทั้งหลายจักติเตียนได้ อย่ากระนั้นเลย มนต์ของเราคล่องแคล่วแม่นยา คงไม่เสื่อมหายไปในบัดนี้ดอก เราจักอ้างอาจารย์ทิศาปาโมกข์ แล้วกระทามุสาวาท กล่าวว่า ข้าพระพุทธเจ้าเรียนในสานักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ในเมืองตักกสิลา พระเจ้าข้า. เป็นอันบอกคืนอาจารย์เสีย ทันใดนั่นเอง มนต์ก็เสื่อม. พระราชาทรงโสมนัส ทรงชวนเขาเข้าสู่พระนคร. วันรุ่งขึ้น ทรงพระดาริว่า เราจักกินมะม่วงจึงเสด็จสู่อุทยาน ประทับนั่งเหนือแผ่นศิลาอันเป็ นมงคล ตรัสว่า มาณพ เจ้าจงนามะม่วงมาเถิด. เขารับพระดารัสว่า สาธุ แล้วเข้าไปใกล้ต้นมะม่วง ยืนในระยะ ๗ ก้าว คิดว่าเราจักร่ายมนต์ ครั้นมนต์ไม่ปรากฏก็ทราบว่าเสื่อมเสียแล้ว ยืนอดสูใจอยู่. พระราชาทรงพระดาริว่า วันก่อน มาณพนี้นาผลมะม่วงมาให้เราในท่ามกลางบริษัททีเดียว ให้ฝน คือผลมะม่วงร่วงหล่นพรั่งพรู เหมือนฝนลูกเห็บตก. บัดนี้ ยืนเหมือนแข็งทื่อ เหตุอะไรกันเล่าหนอ. เมื่อจะทรงถามเขา จึงตรัสพระคาถาว่า ดูก่อนท่านผู้ประพฤติพรหมจรรย์ เมื่อก่อน ท่านได้นาผลมะม่วงทั้งเล็กทั้งใหญ่มาให้เรา ดูก่อนพราหมณ์ บัดนี้ ผลไม้ทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏด้วยมนต์เหล่านั้นของท่านเลย. มาณพฟังพระดารัสนั้นแล้วคิดว่า ถ้าเราจักทูลว่า วันนี้ ข้าพระพุทธเจ้าจักถือเอาผลไม้มาถวายมิได้ พระราชาจักกริ้วเรา เราจักลวงพระองค์ด้วยมุสาวาท. จึงทูลคาถาที่ ๒ ว่า
  • 6. 6 ข้าพระบาทกาลังคานวณคลองแห่งนักขัตฤกษ์ จนเห็นขณะและครู่ ด้วยมนต์ก่อน ครั้นได้ฤกษ์และยามดีแล้ว จักนาผลมะม่วงเป็ นอันมาก มาถวายพระองค์ เป็ นแน่. พระราชาทรงพระดาริว่า มาณพนี้ในเวลาอื่นไม่พูดถึงคลองแห่งนักขัตฤกษ์เลย นี้มันเรื่องอะไรกันเล่า. เมื่อจะตรัสถาม ได้ทรงภาษิตคาถา ๒ คาถาว่า แต่ก่อน ท่านไม่ได้พูดถึงคลองแห่งนักขัตฤกษ์ ไม่ได้เอ่ยถึงขณะและครู่ ทันใดนั้น ท่านก็นาเอาผลมะม่วงเป็นอันมาก อันประกอบด้วยสี กลิ่น และรส มาให้เราได้. ดูก่อนพราหมณ์ แม้เมื่อก่อน ผลไม้ทั้งหลายย่อมปรากฏ ด้วยร่ายมนต์ของท่าน วันนี้ แม้ท่านจะร่ายมนต์ก็ไม่อาจให้สาเร็จได้ วันนี้ สภาพของท่านเป็นอย่างไร. มาณพฟังพระดารัสนั้นแล้วคิดว่า เราไม่อาจจะลวงพระราชาด้วยมุสาวาท แม้ว่าเราสารภาพความจริงแล้ว พระองค์คงไม่ลงพระราชอาญา เราต้องสารภาพความจริงเสียเถอะ ดังนี้แล้ว. จึงกราบทูล ๒ คาถาว่า บุตรของคนจัณฑาลได้บอกมนต์ให้ข้าพระบาทโดยธรรม และได้สั่งกาชับข้าพระบาทว่า ถ้ามีใครมาถามถึงชื่อและโคตรของเราแล้ว เจ้าอย่าปกปิด มนต์ทั้งหลายก็จะไม่ละเจ้า. ข้าพระบาทนั้น ครั้นพระองค์ผู้เป็นจอมแห่งประชาชนถามถึงอาจารย์ อันความลบหลู่ครอบงาแล้ว ได้กราบทูลเท็จว่า มนต์เหล่านี้เป็ นของพราหมณ์ ข้าพระบาทจึงเป็ นผู้เสื่อมมนต์ เป็นเหมือนคนกาพร้า ร้องไห้อยู่. พระราชาทรงสดับคานั้นแล้ว ทรงกริ้วว่า เจ้านี่ลามก มองไม่เห็นรัตนะเห็นปานฉะนี้ เมื่อได้รัตนะอันสูงสุดเช่นนี้แล้ว เรื่องชาติจักกระทาอะไรให้ได้ เมื่อทรงติเตียนเขา จึงตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า บุรุษต้องการน้าหวานจะพึงได้น้าหวานจากต้นไม้ใด จะเป็นต้นละหุ่งก็ตาม ต้นสะเดาก็ตาม ต้นทองหลางก็ตาม ต้นไม้นั่นแล เป็นต้นไม้สูงสุดของบุรุษนั้น. บุรุษพึงรู้แจ้งธรรมจากผู้ใด เป็ นกษัตริย์ก็ตาม เป็ นแพทย์ก็ตาม เป็นศูทรก็ตาม เป็นคนจัณฑาลก็ตาม คนเทหยากเยื่อก็ตาม ผู้นั้นก็จัดเป็นคนสูงสุดของบุรุษนั้น. ท่านทั้งหลายจงลงอาชญาและเฆี่ยนตีมาณพผู้นี้ แล้วจับมาณพลามกผู้นี้ไสคอออกไปเสีย มาณพใดได้ประโยชน์อย่างสูงสุด ด้วยความยากเข็ญ
  • 7. 7 ท่านทั้งหลายจงยังมาณพนั้นให้พินาศเพราะความเย่อหยิ่งจองหอง. พวกราชบุรุษพากันทาตามพระราชบัญชาอย่างนั้น พากันกล่าวว่า เจ้าไปเถิด เจ้าไปสู่สานักอาจารย์ของเจ้า ทาให้อาจารย์ของเจ้าชื่นชมได้แล้ว ถ้าเจ้าจักได้มนต์อีก ค่อยมาในที่นี้ ถ้าไม่ได้ก็อย่ามองดูทิศนี้เลย ได้กระทาเขาให้หมดอานาจทีเดียว. เขาหมดที่พึ่งคิดว่า เว้นอาจารย์แล้ว ที่พึ่งอื่นของเราไม่มี เราต้องไปหาท่าน ทาให้ท่านชื่นชม ขอเรียนมนต์นั้นอีกจนได้ ร้องไห้พลางเดินไปสู่บ้านนั้น. ครั้งนั้น พระมหาสัตว์เห็นเขาเดินมา ก็เรียกภรรยามา กล่าวว่า นางผู้เจริญ เชิญดูซิ เจ้านี่ชั่วช้า มนต์เสื่อมหมดแล้ว กาลังกลับมา. เขาไปหาพระมหาสัตว์ ไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ถูกท่านถามว่า เหตุไรเล่าเจ้าจึงมา. จึงกล่าวว่า ข้าแต่ท่านอาจารย์ ผมทามุสาวาท บอกคืนท่านอาจารย์เสีย ถึงความฉิบหายใหญ่โต. เมื่อจะแสดงโทษที่ล่วงเกินแล้ว ขอเรียนมนต์ใหม่ จึงกล่าวคาถาว่า บุคคลผู้สาคัญว่าที่เสมอ พึงตกบ่อ ถ้า เหว หรือหลุมที่มีรากไม้ผุ ฉันใด อนึ่ง บุคคลตาบอดเมื่อสาคัญว่าเชือก พึงเหยียบงูเห่า พึงเหยียบไฟ ฉันใด ข้าแต่ท่านผู้มีปัญญา ท่านทราบว่า ข้าพเจ้าพลาดไปแล้วฉันนั้น ขอจงให้มนต์แก่ข้าพเจ้าผู้มีมนต์อันเสื่อมแล้ว อีกสักครั้งหนึ่งเถิด. ลาดับนั้น อาจารย์กล่าวกะเขาว่า ดูก่อนพ่อ เจ้าพูดอะไร ธรรมดาว่าคนบอด เมื่อมีผู้ให้สัญญาแล้วย่อมหลบหลีกบ่อเป็นต้นได้ เราเล่าก็บอกเจ้าแล้วแต่แรกทีเดียว คราวนี้เจ้าจะมาหาเราเพื่อประโยชน์อะไรเล่า แล้วกล่าวคาถาเหล่านี้ว่า เราได้ให้มนต์แก่ท่านโดยธรรม ฝ่ายท่านก็ได้เรียนมนต์โดยธรรม หากว่าท่านมีใจดีรักษาปกติไว้ มนต์ก็จะไม่พึงละทิ้งท่าน ผู้ตั้งอยู่ในธรรม. ดูก่อนคนพาล มนต์อันใดที่จะพึงได้ในมนุษยโลก มนต์อันนั้นท่านก็จะได้ในวันนี้โดยลาบาก ท่านผู้ไม่มีปัญญา กล่าวคาเท็จ ทามนต์อันมีค่าเสมอด้วยชีวิต ที่ได้มาโดยยาก ให้เสื่อมเสียแล้ว. เราจะไม่ให้มนต์เช่นนั้นแก่เจ้าผู้เป็นพาล หลงงมงาย อกตัญญู พูดเท็จ ไม่มีความสารวม มนต์ที่ไหน ไปเสียเถิด เราไม่พอใจ. เขาถูกอาจารย์ตะเพิดอย่างนี้ คิดว่า เราจะอยู่ไปทาไม ดังนี้เข้าไปสู่ป่า ตายอย่างน่าอนาถ. พระศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มา ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตก็บอกคืนอาจารย์เสีย ถึงความพินาศอย่างใหญ่หลวงแล้ว ดังนี้แล้ว.
  • 8. 8 จึงทรงประชุมชาดกว่า มาณพอกตัญญูในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระเทวทัต พระราชาได้มาเป็น พระอานนท์ ส่วนบุตรคนจัณฑาล คือ เราตถาคต แล. จบอรรถกถาอัมพชาดกที่ ๑ -----------------------------------------------------