ว่าด้วย โทษที่ยกย่องอสัตบุรุษ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน ทรงปรารภการยกย่องอสัตบุรุษของพระเจ้าอชาตศัตรู ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ความพิสดารว่า พระเจ้าอชาตศัตรูนั้นทรงเลื่อมใสในพระเทวทัตผู้ทุศีล มีบาปธรรม เป็นเสี้ยนหนามต่อพระพุทธองค์และพุทธสาวก ทรงยกย่องพระเทวทัตนั้น ผู้ไม่สงบระงับ เป็นอสัตบุรุษ ทรงพระดำริว่า จักทำสักการะแก่เธอ ดังนี้แล้ว ทรงบริจาคทรัพย์เป็นอันมาก ให้สร้างวิหารที่คยาสีสประเทศ ทรงเชื่อถ้อยคำของเธอ สำเร็จโทษพระราชบิดาผู้เป็นพระราชา ผู้ตั้งอยู่ในธรรม เป็นพระอริยสาวกชั้นพระโสดาบันเสีย ตัดรอนอุปนิสัยแห่งโสดาปัตติมรรคของพระองค์ ถึงความพินาศใหญ่หลวง.
ครั้นท้าวเธอทรงสดับว่า พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ ก็สะดุ้งตกพระทัยว่า ตัวเราเล่า จักถูกแผ่นดินสูบบ้างไหมหนอ? ไม่ได้รับความสุขในราชสมบัติ ไม่ได้ประสบความยินดีบนพระแท่นบรรทม ทรงหวาดผวาอยู่เที่ยวไป เหมือนเปรตที่ถูกทรมานอย่างรุนแรง ท้าวเธอนึกเห็นเป็นเสมือนกำลังถูกแผ่นดินสูบ เหมือนเปลวเพลิงในอเวจีกำลังแลบออกมา และเหมือนพระองค์ถูกบังคับให้บรรทมหงาย เหนือแผ่นดินเหล็กที่ร้อน แล้วถูกแทงด้วยหลาวเหล็กฉะนั้น ด้วยเหตุนั้น ขึ้นชื่อว่า ความสงบพระทัยแม้ชั่วครู่จึงมิได้มีแก่พระองค์ผู้หวาดผวาเหมือนไก่ที่ถูกเชือด ท้าวเธอมีพระประสงค์จะเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระประสงค์จะให้พระพุทธองค์ทรงอดโทษ ทั้งมีพระประสงค์จะทูลถามปัญหา แต่เพราะพระองค์มีความผิดอย่างใหญ่หลวง จึงมิอาจที่จะเข้าเฝ้าได้.