SlideShare a Scribd company logo
1
สังกัปปราคชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๓. ติกนิบาต
๑. สังกัปปวรรค
หมวดว่าด้วยความดาริ
๑. สังกัปปราคชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๒๕๑)
ว่าด้วยราคะเกิดเพราะความดาริ
(พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาลถูกลูกศรคือกิเลสแทง
จึงกราบทูลพระราชาว่า)
[๑] อาตมาถูกลูกศรคือกิเลสอาบยาพิษคือราคะ
ซึ่งเกิดจากความดาริถึงกาม ลับที่หินคือวิตก
อันนายช่างศรยังมิได้ขัดถูให้เกลี้ยงเกลา
[๒] ยังมิได้ดึงสายธนูให้พ้นหมวกหูข้างขวาของคันธนู
ยังมิทันได้ติดขนปีกนกยูงเป็นต้น
แทงเข้าที่หัวใจทาความเร่าร้อนไปทั่วสรรพางค์กาย
[๓] อาตมามิได้เห็นบาดแผลที่ถูกแทง
และเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลเลย
ตลอดเวลาที่ไม่ได้อบรมจิตด้วยอุบายอันแยบคาย
อาตมาได้นาทุกข์มาให้แก่ตนเสียเอง
สังกัปปราคชาดกที่ ๑ จบ
----------------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
สังกัปปราคชาดก
ว่าด้วย ลูกศรคือกิเลส
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
ทรงปรารภภิกษุผู้กระสัน จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า มีกุลบุตรชาวเมืองสาวัตถีคนหนึ่ง
บวชถวายชีวิตในศาสนาของพระศาสดา
วันหนึ่งเที่ยวบิณฑบาตไปในเมืองสาวัตถี
ได้เห็นหญิงคนหนึ่งตกแต่งประดับประดาสวยงาม เกิดความกาหนัดรักใคร่
ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์.
อาจารย์และอุปัชฌาย์เป็นต้น ได้เห็นอาการดังนั้น
จึงถามถึงเหตุที่ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ ครั้นทราบว่า
เธอมีความประสงค์จะสึก จึงพากันกล่าวว่า นี่แน่ะคุณ
2
ธรรมดาว่าพระบรมศาสดาทรงสังหารกิเลสมีราคะเป็นต้น
ทรงทรมานแล้วประกาศอริยสัจ ประทานโสดาปัตติมรรคเป็นต้น มาเถิดคุณ
พวกเราจะพาไปเฝ้ าพระศาสดา แล้วได้พาไป
และเมื่อพระบรมศาสดาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
พวกเธอพาภิกษุผู้ไม่มีแก่ใจมาทาไมหรือ จึงพากันกราบทูลเรื่องนั้นให้ทรงทราบ.
พระบรมศาสดาตรัสถามว่า ได้ยินว่าเธอกระสันจะสึกจริงหรือภิกษุ?
เมื่อเธอกราบทูลว่า จริงพระเจ้าข้า จึงตรัสถามว่า เพราะเหตุไร?
ภิกษุนั้นจึงกราบทูลเรื่องนั้นให้ทรงทราบ.
ลาดับนั้น พระบรมศาสดาจึงตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุ ธรรมดาว่า
สตรีทั้งหลายนี้ได้เคยทาความเศร้าหมองให้เกิดแม้แก่สัตว์ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายผู้ที่ข่
มกิเลสได้ด้วยกาลังฌาน เหตุไฉน
จักไม่ทาบุคคลผู้ไร้คุณสมบัติเช่นเธอให้เศร้าหมองเล่า
ท่านผู้บริสุทธิ์ยังเศร้าหมองได้
ทั้งท่านผู้พรั่งพร้อมด้วยอุดมยศก็ยังถึงความเสื่อมยศได้
จะป่วยกล่าวไปใยถึงผู้ไม่บริสุทธิ์เล่า ลมที่พัดภูเขาสิเนรุให้หวั่นไหว
ไฉนจักไม่พัดขยะใบใม้เก่าให้กระจัดกระจายเล่า
กิเลสนี้ยังก่อกวนสัตว์ผู้นั่งอยู่ที่โคนต้นโพธิ์ กาลังจะตรัสรู้ได้
ไฉนจักไม่ก่อกวนคนเช่นเธอเล่า.
ครั้นตรัสดังนี้แล้ว ภิกษุทั้งหลายทูลอาราธนา
จึงทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธกดังนี้ :-
ในอดีตกาล
เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี
พระโพธิสัตว์ได้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล มีทรัพย์สมบัติ ๘๐ โกฏิ
ครั้นเจริญวัยแล้ว ไปเล่าเรียนศิลปะทั้งปวงในเมืองตักกสิลา เมื่อเรียนสาเร็จแล้ว
ก็กลับมายังเมืองพาราณสี อยู่ครองเรือนมีบุตรภรรยา ครั้นบิดามารดาล่วงลับไป
ก็ได้กระทากิจเกี่ยวกับการตายของบิดามารดา
เมื่อกระทาการตรวจตราในข้อที่ลี้ลับ จึงราพึงว่า
ทรัพย์ที่บิดามารดารวบรวมไว้ยังปรากฎอยู่ แต่บิดามารดาไม่ปรากฎ
จึงมีความสลดใจ เหงื่อไหลออกจากร่างกาย เขาอยู่ครองเรือนเป็นเวลานาน
ได้ให้ทานมากมาย ละกามทั้งหลาย ละหมู่ญาติผู้มีหน้านองด้วยน้าตา
เข้าป่าหิมพานต์ สร้างบรรณศาลาอยู่ในที่อันน่ารื่นรมย์
เที่ยวแสวงหารากไม้และผลไม้ในป่าเลี้ยงชีพ ไม่นานเท่าไร
ก็ทาอภิญญาและสมาบัติให้เกิดขึ้น เล่นฌานอยู่มาช้านาน จึงคิดได้ว่า
เราไปยังถิ่นมนุษย์จักได้เสพรสเค็มและรสเปรี้ยว เมื่อเป็นเช่นนั้น
3
ร่างกายของเราจักแข็งแรง และจักได้เป็ นการพักผ่อนของเราไปด้วย
ทั้งชนเหล่าใดจักให้ภิกษาหรือจักกระทาการอภิวาทเป็นต้นแก่ผู้มีศีลเช่นกับเรา
ชนเหล่านั้นจักได้ไปเกิดบนสวรรค์.
ครั้นคิดแล้ว จึงออกจากป่าหิมพานต์
เที่ยวจาริกไปโดยลาดับจนถึงเมืองพาราณสี ในเวลาใกล้ค่า
จึงเที่ยวเลือกหาที่พักอาศัย แลเห็นพระราชอุทยานจึงคิดว่า
ที่นี้สมควรแก่การหลีกเร้น เราจักพักอยู่ในที่นี้
ครั้นคิดแล้วจึงเข้าไปยังพระราชอุทยาน นั่งอยู่ที่โคนไม้ต้นหนึ่ง
ทาเวลาราตรีให้หมดไปด้วยความสุขในฌาน.
วันรุ่งขึ้นเวลาเช้า ชาระสรีระกายแล้ว จัดแจงผูกชฎาห่มหนังเสือ
และนุ่งผ้าเปลือกไม้ ถือภาชนะสาหรับภิกขาจาร สารวมอินทรีย์สงบระงับ
สมบูรณ์ด้วยอิริยาบถ ทอดจักษุดูไปชั่วแอก
มีรูปสิริของตนสมบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง อาจดึงเอาสายตาของชาวโลกให้แลดู
เดินเข้าพระนคร เที่ยวภิกขาจารไปจนถึงประตูพระราชนิเวศน์.
พระราชากาลังเสด็จดาเนินอยู่ที่ท้องพระโรง
ทอดพระเนตรเห็นพระโพธิสัตว์ทางช่องพระแกล ทรงเลื่อมใสในอิริยาบถของเธอ
ทรงพระดาริว่า ถ้าธรรมอันสงบระงับมีอยู่ ก็คงจะมีในภายในจิตของท่านผู้นี้
จึงดารัสสั่งอามาตย์ผู้หนึ่งว่า เจ้าจงไปนาพระดาบสนั้นมา.
อามาตย์นั้นไปไหว้แล้วขอรับเอาภาชนะสาหรับภิกขาจารแล้วกล่าวว่า
ข้าแต่พระคุณเจ้า พระราชารับสั่งนิมนต์ท่าน. พระโพธิสัตว์กล่าวว่า
ท่านผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ พระราชาไม่ทรงรู้จักกับอาตมา อามาตย์จึงเรียนว่า
ถ้ากระนั้น ขอนิมนต์พระคุณเจ้ายับยั้งอยู่ที่นี้จนกว่ากระผมจะกลับมา
แล้วกลับไปกราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ.
พระราชารับสั่งว่า
พระดาบสรูปอื่นผู้ที่จะเข้าไปยังราชตระกูลของเรายังไม่มี
เจ้าจงไปนิมนต์พระดาบสนั้นมา.
ฝ่ายพระองค์เองก็ทรงเหยียดพระหัตถ์ออกไหว้ทางช่องพระแกล ตรัสว่า
พระคุณเจ้าผู้เจริญ ขอนิมนต์มาทางพระราชนิเวศน์นี้เถิด.
พระโพธิสัตว์จึงมอบภาชนะสาหรับภิกขาจารให้อามาตย์ถือไป
แล้วก็เดินขึ้นสู่ท้องพระโรง.
ลาดับนั้น พระราชาทรงไหว้พระโพธิสัตว์นั้นแล้ว
นิมนต์ให้นั่งบนราชบัลลังก์
แล้วอังคาสเลี้ยงดูด้วยข้าวยาคูของขบเคี้ยวและภัตตาหารที่เจ้าพนักงานจัดไว้สาห
รับพระองค์ พระโพธิสัตว์ฉันเสร็จแล้ว จึงตรัสถามปัญหา
ทรงพอพระราชหฤทัยการพยากรณ์ปัญหาของพระโพธิสัตว์ยิ่งนัก
4
จึงนมัสการแล้วตรัสถามว่า พระคุณเจ้าผู้เจริญ พระคุณเจ้าอยู่ที่ไหน
และมาจากไหน พระโพธิสัตว์จึงทูลว่า มหาบพิตร อาตมภาพอยู่ป่าหิมพานต์
และมาจากป่าหิมพานต์ จึงตรัสถามอีกว่า มาเพราะเหตุอะไร จึงทูลว่า มหาบพิตร
ในฤดูกาลฝนควรจะได้การอยู่ประจาที่ ทรงตรัสว่า ถ้าอย่างนั้น
ขอนิมนต์พระคุณเจ้าพักอยู่ในพระราชอุทยาน
พระคุณเจ้าจักไม่ลาบากด้วยปัจจัยทั้ง ๔
และโยมก็จักได้บุญอันจะนาตนให้ไปเกิดในสวรรค์
ครั้นทรงทาความตกลงแล้ว และเสวยพระกระยาหาหารแล้ว
ได้เสด็จไปพระราชอุทยานพร้อมกับพระโพธิสัตว์ รับสั่งให้ให้สร้างบรรณศาลา
สร้างที่จงกรม จัดเสนาสนะที่พักกลางคืนและที่พักกลางวันเป็ นต้น
ให้พร้อมเสร็จแล้ว มอบถวายบริขารสาหรับบรรพชิต แล้วตรัสว่า
ขอพระคุณเจ้าจงอยู่โดยความสุขสาราญเถิด แล้วมอบนายอุทยานบาลให้ดูแล.
ตั้งแต่นั้นมา พระโพธิสัตว์ได้อยู่ในพระราชอุทยานนั้นเป็ นเวลา ๑๒ ปี
ต่อมาภายหลัง ประเทศชายแดนของพระราชาเกิดการกาเริบ
พระราชามีพระประสงค์จะเสด็จไประงับเหตุการณ์นั้น
จึงตรัสเรียกพระเทวีมาแล้วตรัสว่า น้องนางผู้เจริญ
เจ้าควรยับยั้งอยู่ยังพระนครก่อน. พระเทวีทูลถามว่า ข้าแต่สมมติเทพ
เพราะอาศัยเหตุอะไร พระองค์จึงตรัสอย่างนี้ พระราชาตรัสว่า
เพราะอาศัยพระดาบสผู้มีศีล ซิน้องนางผู้เจริญ. พระเทวีทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ
หม่อมฉันจักไม่ประมาทในพระดาบสนั้น
การปรนนิบัติพระผู้เป็นเจ้าของพระองค์เป็นภาระของหม่อมฉัน
ขอพระองค์อย่าทรงกังวล จงเสด็จเถิด. พระราชาจึงเสด็จออกไป.
ฝ่ายพระเทวีก็ตั้งใจอุปัฏฐากพระโพธิสัตว์เหมือนอย่างเดิม
ฝ่ายพระโพธิสัตว์หลังจากพระราชาเสด็จไปแล้ว ก็มิได้ไปตามเวลาที่เคยมา
ได้ไปยังพระราชนิเวศน์กระทาภัตตกิจตามเวลาที่ตนชอบใจ. อยู่มาวันหนึ่ง
เมื่อพระโพธิสัตว์ชักช้าอยู่ยังไม่มา
พระราชเทวีจัดแจงขาทนียโภชนียาหารทุกอย่างเสร็จแล้ว
จึงโสรจสรงพระองค์ประดับพระวรกาย แล้วให้นางพนักงานแต่งเตียงน้อย
บรรทมคอยดูการมาของพระโพธิสัตว์
โดยทรงนุ่งพระภูษาเนื้อเกลี้ยงอย่างหย่อนๆ.
ฝ่ายพระโพธิสัตว์กาหนดว่าได้เวลาแล้ว
ก็ถือภิกขาภาชนะเหาะมาจนถึงช่องพระแกลใหญ่.
พระเทวีได้ทรงสดับเสียงผ้าเปลือกไม้กรองของพระโพธิสัตว์ก็เสด็จลุกขึ้นโดยพลั
น พระภูษาเนื้อเกลี้ยงที่ทรงนุ่งนั้นก็หลุดลุ่ยลงทันที
พระโพธิสัตว์ได้เห็นวิสภาคารมณ์มิได้สารวมอินทรีย์
5
ตะลึงแลดูด้วยสามารถแห่งความงาม.
ลาดับนั้น กิเลสของพระโพธิสัตว์ซึ่งสงบนิ่งด้วยกาลังฌานก็กาเริบขึ้น
เหมือนอสรพิษที่ถูกขังอยู่ในข้อง พอออกจากข้องได้ก็แผ่พังพานขึ้นฉะนั้น.
พระโพธิสัตว์ได้เป็ นผู้มีอาการเหมือนเวลาที่ต้นยางถูกกรีดด้วยมีดฉะนั้น.
องค์ฌานทั้งหลายเสื่อมไปพร้อมกับระยะที่กิเลสเกิดขึ้น.
อินทรีย์ทั้งหลายก็มิได้บริบูรณ์ ตนเองได้มีสภาพเหมือนกาปีกขาดฉะนั้น.
พระโพธิสัตว์นั้นมิอาจที่จะนั่งกระทาภัตตกิจเหมือนแต่ก่อนได้
แม้พระเทวีจะตรัสบอกให้นั่งก็ไม่นั่ง.
ลาดับนั้น
พระเทวีจึงทรงใส่ขาทนียะโภชนียาหารทุกอย่างลงในภิกขาภาชนะของพระโพธิสั
ตว์ ก็วันนั้น พระโพธิสัตว์ไม่อาจไปเหมือนในวันก่อนๆ
ซึ่งกระทาภัตตกิจแล้วก็เหาะออกไปทางสีหบัญชร ได้แต่รับภัตตาหารแล้ว
เดินลงทางบันไดใหญ่ไปยังพระราชอุทยาน แม้พระเทวีก็ทรงทราบว่า
พระดาบสมีจิตปฏิพัทธ์ในพระองค์.
พระโพธิสัตว์นั้นไปถึงพระราชอุทยานแล้ว ไม่บริโภคภัตตาหารเลย
เอาวางไว้ใต้เตียง นอนราพันว่า พระหัตถ์เห็นปานนี้ของพระเทวีงาม
พระบาทก็งาม นั้นพระองค์เห็นปานนี้ ลักษณะของพระอูรุเห็นปานนี้ ดังนี้เป็นต้น
นอนบ่นเพ้ออยู่ถึง ๗ วัน ภัตตาหารบูด มีหมู่แมลงวันหัวเขียวตอมกันสะพรั่ง.
ฝ่ายพระราชาทรงระงับปัจจันตชนบทได้แล้ว ก็เสด็จกลับมา
ทรงกระทาประทักษิณพระนคร ซึ่งชาวเมืองตกแต่งประดับประดาไว้รับเสด็จ
แต่หาได้เสด็จไปยังพระราชนิเวศน์ไม่ ได้เสด็จไปยังพระราชอุทยาน
ด้วยหวังพระทัยว่าจักเยี่ยมพระโพธิสัตว์
ได้ทอดพระเนตรเห็นอาศรมบทรกรุงรังด้วยหยากเยื่อ ทรงสาคัญว่า
พระดาบสจักหนีไปแล้ว จึงทรงเปิดประตูบรรณศาลา เสด็จเข้าไปข้างใน
ทอดพระเนตรเห็นดาบสนั้นนอนอยู่ จึงทรงดาริว่า
ชะรอยจะมีความไม่ผาสุกบางประการ จึงรับสั่งให้ทิ้งภัตตาหารบูด
ชาระปัดกวาดบรรณศาลา แล้วตรัสถามว่า พระคุณเจ้า ท่านไม่สบายไปหรือ?
พระดาบสทูลตอบว่า มหาบพิตร อาตมภาพถูกลูกศรเสียบแทง.
พระราชาเข้าพระทัยว่า
ชะรอยพวกปัจจามิตรของเราไม่ได้โอกาสในตัวเรา จึงมายิงพระดาบสนี้
โดยคิดว่า จักทาฐานะอันเป็นที่รักของพระราชานั้น ให้ทุรพลภาพ
จึงทรงพลิกร่างกายตรวจดูรอยที่ถูกยิง ก็ไม่เห็นรอยที่ยิง จึงตรัสถามว่า
ท่านถูกเขายิงที่ไหนหรือ พระคุณเจ้า.
พระโพธิสัตว์ตรัสว่า มหาบพิตร อาตมภาพมิได้ถูกคนอื่นยิง
แต่อาตมภาพยิงตัวของตัวเองแหละที่หัวใจ
6
ครั้นทูลแล้ว จึงลุกขึ้นนั่งกล่าวคาถาเหล่านี้ว่า :-
อาตมภาพถูกแทงที่หัวใจ
ด้วยลูกศรนั้นอันกาซาบด้วยราคะเกิดจากความดาริ อันลับด้วยวิตกคือความดาริ
อันนายช่างมิได้ตกแต่งให้เรียบร้อย
อันนายช่างศรมิได้ทา ยังไม่พ้นหมวกหู ทั้งยังไม่ติดขนนกยูง
แต่ทาความเร่าร้อนให้ทั่วสรรพางค์กาย
อาตมภาพไม่เห็นรูแผลที่เลือดไหลออก
ลูกศรนั้นแทงจิตที่ไม่แยบคายได้มั่นเหมาะ
ความทุกข์นี้อาตมภาพนามาด้วยตนเอง.
พระโพธิสัตว์ครั้นแสดงธรรมแก่พระราชาด้วยคาถา ๓ คาถานี้อย่างนี้
แล้ว จึงทูลให้พระราชาเสด็จออกประทับภายนอกบรรณศาลา
แล้วกระทากสิณบริกรรมทาฌานที่เสื่อมให้เกิดขึ้นแล้ว ออกจากบรรณศาลา
เหาะขึ้นไปนั่งอยู่กลางอากาศ โอวาทพระราชาเสร็จแล้วทูลว่า มหาบพิตร
อาตมภาพจักไปอยู่ป่าหิมพานต์ตามเดิม แม้พระราชาจะตรัสว่า
พระคุณเจ้าผู้เจริญ อย่าไปเลย ก็ทูลชี้แจงว่า มหาบพิตร เพราะอาตมภาพอยู่ในที่นี้
จึงได้รับอาการอันผิดแผกเห็นปานนี้ บัดนี้ ไม่อาจอยู่ในที่นี้ได้ต่อไป ทั้งๆ
ที่พระราชาทรงอ้อนวอนอยู่นั่นเอง ก็เหาะไปป่าหิมพานต์ดารงอยู่จนตลอดอายุ
ในเวลาสิ้นสุดอายุก็ได้ไปเกิดในพรหมโลก.
พระศาสดา
ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประกาศสัจจะ แล้วทรงประชุมชา
ดก.
ในเวลาจบสัจจกถา ภิกษุผู้กระสันจะสึก ก็ได้ดารงอยู่ในพระอรหัต
บางพวกได้เป็ นพระโสดาบัน บางพวกได้เป็นพระสกทาคามี
บางพวกได้เป็ นพระอนาคามี.
พระราชาในกาลนั้น ได้เป็ น พระอานนท์ ในบัดนี้
ส่วนดาบสคือ เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาสังกัปปราคชาดกที่ ๑
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

129 อัคคิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
129 อัคคิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx129 อัคคิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
129 อัคคิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
051 มหาสีลวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
051 มหาสีลวชาดก  พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...051 มหาสีลวชาดก  พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
051 มหาสีลวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
071 วรุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
071 วรุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx071 วรุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
071 วรุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 

Similar to 251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

089 กุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
089 กุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx089 กุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
089 กุหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
129 อัคคิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
129 อัคคิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx129 อัคคิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
129 อัคคิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๑๘. ทาสีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๑๘. ทาสีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๑๘. ทาสีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๑๘. ทาสีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
190 สีลานิสังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
141 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
141 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx141 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
141 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
051 มหาสีลวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
051 มหาสีลวชาดก  พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...051 มหาสีลวชาดก  พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
051 มหาสีลวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
091 ลิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
071 วรุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
071 วรุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx071 วรุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
071 วรุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
506 จัมเปยยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx
215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx
215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

More from maruay songtanin

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
maruay songtanin
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 

251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๓. ติกนิบาต ๑. สังกัปปวรรค หมวดว่าด้วยความดาริ ๑. สังกัปปราคชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๒๕๑) ว่าด้วยราคะเกิดเพราะความดาริ (พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาลถูกลูกศรคือกิเลสแทง จึงกราบทูลพระราชาว่า) [๑] อาตมาถูกลูกศรคือกิเลสอาบยาพิษคือราคะ ซึ่งเกิดจากความดาริถึงกาม ลับที่หินคือวิตก อันนายช่างศรยังมิได้ขัดถูให้เกลี้ยงเกลา [๒] ยังมิได้ดึงสายธนูให้พ้นหมวกหูข้างขวาของคันธนู ยังมิทันได้ติดขนปีกนกยูงเป็นต้น แทงเข้าที่หัวใจทาความเร่าร้อนไปทั่วสรรพางค์กาย [๓] อาตมามิได้เห็นบาดแผลที่ถูกแทง และเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลเลย ตลอดเวลาที่ไม่ได้อบรมจิตด้วยอุบายอันแยบคาย อาตมาได้นาทุกข์มาให้แก่ตนเสียเอง สังกัปปราคชาดกที่ ๑ จบ ---------------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา สังกัปปราคชาดก ว่าด้วย ลูกศรคือกิเลส พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้กระสัน จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ได้ยินว่า มีกุลบุตรชาวเมืองสาวัตถีคนหนึ่ง บวชถวายชีวิตในศาสนาของพระศาสดา วันหนึ่งเที่ยวบิณฑบาตไปในเมืองสาวัตถี ได้เห็นหญิงคนหนึ่งตกแต่งประดับประดาสวยงาม เกิดความกาหนัดรักใคร่ ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์. อาจารย์และอุปัชฌาย์เป็นต้น ได้เห็นอาการดังนั้น จึงถามถึงเหตุที่ไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ ครั้นทราบว่า เธอมีความประสงค์จะสึก จึงพากันกล่าวว่า นี่แน่ะคุณ
  • 2. 2 ธรรมดาว่าพระบรมศาสดาทรงสังหารกิเลสมีราคะเป็นต้น ทรงทรมานแล้วประกาศอริยสัจ ประทานโสดาปัตติมรรคเป็นต้น มาเถิดคุณ พวกเราจะพาไปเฝ้ าพระศาสดา แล้วได้พาไป และเมื่อพระบรมศาสดาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอพาภิกษุผู้ไม่มีแก่ใจมาทาไมหรือ จึงพากันกราบทูลเรื่องนั้นให้ทรงทราบ. พระบรมศาสดาตรัสถามว่า ได้ยินว่าเธอกระสันจะสึกจริงหรือภิกษุ? เมื่อเธอกราบทูลว่า จริงพระเจ้าข้า จึงตรัสถามว่า เพราะเหตุไร? ภิกษุนั้นจึงกราบทูลเรื่องนั้นให้ทรงทราบ. ลาดับนั้น พระบรมศาสดาจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ธรรมดาว่า สตรีทั้งหลายนี้ได้เคยทาความเศร้าหมองให้เกิดแม้แก่สัตว์ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายผู้ที่ข่ มกิเลสได้ด้วยกาลังฌาน เหตุไฉน จักไม่ทาบุคคลผู้ไร้คุณสมบัติเช่นเธอให้เศร้าหมองเล่า ท่านผู้บริสุทธิ์ยังเศร้าหมองได้ ทั้งท่านผู้พรั่งพร้อมด้วยอุดมยศก็ยังถึงความเสื่อมยศได้ จะป่วยกล่าวไปใยถึงผู้ไม่บริสุทธิ์เล่า ลมที่พัดภูเขาสิเนรุให้หวั่นไหว ไฉนจักไม่พัดขยะใบใม้เก่าให้กระจัดกระจายเล่า กิเลสนี้ยังก่อกวนสัตว์ผู้นั่งอยู่ที่โคนต้นโพธิ์ กาลังจะตรัสรู้ได้ ไฉนจักไม่ก่อกวนคนเช่นเธอเล่า. ครั้นตรัสดังนี้แล้ว ภิกษุทั้งหลายทูลอาราธนา จึงทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธกดังนี้ :- ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล มีทรัพย์สมบัติ ๘๐ โกฏิ ครั้นเจริญวัยแล้ว ไปเล่าเรียนศิลปะทั้งปวงในเมืองตักกสิลา เมื่อเรียนสาเร็จแล้ว ก็กลับมายังเมืองพาราณสี อยู่ครองเรือนมีบุตรภรรยา ครั้นบิดามารดาล่วงลับไป ก็ได้กระทากิจเกี่ยวกับการตายของบิดามารดา เมื่อกระทาการตรวจตราในข้อที่ลี้ลับ จึงราพึงว่า ทรัพย์ที่บิดามารดารวบรวมไว้ยังปรากฎอยู่ แต่บิดามารดาไม่ปรากฎ จึงมีความสลดใจ เหงื่อไหลออกจากร่างกาย เขาอยู่ครองเรือนเป็นเวลานาน ได้ให้ทานมากมาย ละกามทั้งหลาย ละหมู่ญาติผู้มีหน้านองด้วยน้าตา เข้าป่าหิมพานต์ สร้างบรรณศาลาอยู่ในที่อันน่ารื่นรมย์ เที่ยวแสวงหารากไม้และผลไม้ในป่าเลี้ยงชีพ ไม่นานเท่าไร ก็ทาอภิญญาและสมาบัติให้เกิดขึ้น เล่นฌานอยู่มาช้านาน จึงคิดได้ว่า เราไปยังถิ่นมนุษย์จักได้เสพรสเค็มและรสเปรี้ยว เมื่อเป็นเช่นนั้น
  • 3. 3 ร่างกายของเราจักแข็งแรง และจักได้เป็ นการพักผ่อนของเราไปด้วย ทั้งชนเหล่าใดจักให้ภิกษาหรือจักกระทาการอภิวาทเป็นต้นแก่ผู้มีศีลเช่นกับเรา ชนเหล่านั้นจักได้ไปเกิดบนสวรรค์. ครั้นคิดแล้ว จึงออกจากป่าหิมพานต์ เที่ยวจาริกไปโดยลาดับจนถึงเมืองพาราณสี ในเวลาใกล้ค่า จึงเที่ยวเลือกหาที่พักอาศัย แลเห็นพระราชอุทยานจึงคิดว่า ที่นี้สมควรแก่การหลีกเร้น เราจักพักอยู่ในที่นี้ ครั้นคิดแล้วจึงเข้าไปยังพระราชอุทยาน นั่งอยู่ที่โคนไม้ต้นหนึ่ง ทาเวลาราตรีให้หมดไปด้วยความสุขในฌาน. วันรุ่งขึ้นเวลาเช้า ชาระสรีระกายแล้ว จัดแจงผูกชฎาห่มหนังเสือ และนุ่งผ้าเปลือกไม้ ถือภาชนะสาหรับภิกขาจาร สารวมอินทรีย์สงบระงับ สมบูรณ์ด้วยอิริยาบถ ทอดจักษุดูไปชั่วแอก มีรูปสิริของตนสมบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง อาจดึงเอาสายตาของชาวโลกให้แลดู เดินเข้าพระนคร เที่ยวภิกขาจารไปจนถึงประตูพระราชนิเวศน์. พระราชากาลังเสด็จดาเนินอยู่ที่ท้องพระโรง ทอดพระเนตรเห็นพระโพธิสัตว์ทางช่องพระแกล ทรงเลื่อมใสในอิริยาบถของเธอ ทรงพระดาริว่า ถ้าธรรมอันสงบระงับมีอยู่ ก็คงจะมีในภายในจิตของท่านผู้นี้ จึงดารัสสั่งอามาตย์ผู้หนึ่งว่า เจ้าจงไปนาพระดาบสนั้นมา. อามาตย์นั้นไปไหว้แล้วขอรับเอาภาชนะสาหรับภิกขาจารแล้วกล่าวว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า พระราชารับสั่งนิมนต์ท่าน. พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ท่านผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ พระราชาไม่ทรงรู้จักกับอาตมา อามาตย์จึงเรียนว่า ถ้ากระนั้น ขอนิมนต์พระคุณเจ้ายับยั้งอยู่ที่นี้จนกว่ากระผมจะกลับมา แล้วกลับไปกราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ. พระราชารับสั่งว่า พระดาบสรูปอื่นผู้ที่จะเข้าไปยังราชตระกูลของเรายังไม่มี เจ้าจงไปนิมนต์พระดาบสนั้นมา. ฝ่ายพระองค์เองก็ทรงเหยียดพระหัตถ์ออกไหว้ทางช่องพระแกล ตรัสว่า พระคุณเจ้าผู้เจริญ ขอนิมนต์มาทางพระราชนิเวศน์นี้เถิด. พระโพธิสัตว์จึงมอบภาชนะสาหรับภิกขาจารให้อามาตย์ถือไป แล้วก็เดินขึ้นสู่ท้องพระโรง. ลาดับนั้น พระราชาทรงไหว้พระโพธิสัตว์นั้นแล้ว นิมนต์ให้นั่งบนราชบัลลังก์ แล้วอังคาสเลี้ยงดูด้วยข้าวยาคูของขบเคี้ยวและภัตตาหารที่เจ้าพนักงานจัดไว้สาห รับพระองค์ พระโพธิสัตว์ฉันเสร็จแล้ว จึงตรัสถามปัญหา ทรงพอพระราชหฤทัยการพยากรณ์ปัญหาของพระโพธิสัตว์ยิ่งนัก
  • 4. 4 จึงนมัสการแล้วตรัสถามว่า พระคุณเจ้าผู้เจริญ พระคุณเจ้าอยู่ที่ไหน และมาจากไหน พระโพธิสัตว์จึงทูลว่า มหาบพิตร อาตมภาพอยู่ป่าหิมพานต์ และมาจากป่าหิมพานต์ จึงตรัสถามอีกว่า มาเพราะเหตุอะไร จึงทูลว่า มหาบพิตร ในฤดูกาลฝนควรจะได้การอยู่ประจาที่ ทรงตรัสว่า ถ้าอย่างนั้น ขอนิมนต์พระคุณเจ้าพักอยู่ในพระราชอุทยาน พระคุณเจ้าจักไม่ลาบากด้วยปัจจัยทั้ง ๔ และโยมก็จักได้บุญอันจะนาตนให้ไปเกิดในสวรรค์ ครั้นทรงทาความตกลงแล้ว และเสวยพระกระยาหาหารแล้ว ได้เสด็จไปพระราชอุทยานพร้อมกับพระโพธิสัตว์ รับสั่งให้ให้สร้างบรรณศาลา สร้างที่จงกรม จัดเสนาสนะที่พักกลางคืนและที่พักกลางวันเป็ นต้น ให้พร้อมเสร็จแล้ว มอบถวายบริขารสาหรับบรรพชิต แล้วตรัสว่า ขอพระคุณเจ้าจงอยู่โดยความสุขสาราญเถิด แล้วมอบนายอุทยานบาลให้ดูแล. ตั้งแต่นั้นมา พระโพธิสัตว์ได้อยู่ในพระราชอุทยานนั้นเป็ นเวลา ๑๒ ปี ต่อมาภายหลัง ประเทศชายแดนของพระราชาเกิดการกาเริบ พระราชามีพระประสงค์จะเสด็จไประงับเหตุการณ์นั้น จึงตรัสเรียกพระเทวีมาแล้วตรัสว่า น้องนางผู้เจริญ เจ้าควรยับยั้งอยู่ยังพระนครก่อน. พระเทวีทูลถามว่า ข้าแต่สมมติเทพ เพราะอาศัยเหตุอะไร พระองค์จึงตรัสอย่างนี้ พระราชาตรัสว่า เพราะอาศัยพระดาบสผู้มีศีล ซิน้องนางผู้เจริญ. พระเทวีทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ หม่อมฉันจักไม่ประมาทในพระดาบสนั้น การปรนนิบัติพระผู้เป็นเจ้าของพระองค์เป็นภาระของหม่อมฉัน ขอพระองค์อย่าทรงกังวล จงเสด็จเถิด. พระราชาจึงเสด็จออกไป. ฝ่ายพระเทวีก็ตั้งใจอุปัฏฐากพระโพธิสัตว์เหมือนอย่างเดิม ฝ่ายพระโพธิสัตว์หลังจากพระราชาเสด็จไปแล้ว ก็มิได้ไปตามเวลาที่เคยมา ได้ไปยังพระราชนิเวศน์กระทาภัตตกิจตามเวลาที่ตนชอบใจ. อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพระโพธิสัตว์ชักช้าอยู่ยังไม่มา พระราชเทวีจัดแจงขาทนียโภชนียาหารทุกอย่างเสร็จแล้ว จึงโสรจสรงพระองค์ประดับพระวรกาย แล้วให้นางพนักงานแต่งเตียงน้อย บรรทมคอยดูการมาของพระโพธิสัตว์ โดยทรงนุ่งพระภูษาเนื้อเกลี้ยงอย่างหย่อนๆ. ฝ่ายพระโพธิสัตว์กาหนดว่าได้เวลาแล้ว ก็ถือภิกขาภาชนะเหาะมาจนถึงช่องพระแกลใหญ่. พระเทวีได้ทรงสดับเสียงผ้าเปลือกไม้กรองของพระโพธิสัตว์ก็เสด็จลุกขึ้นโดยพลั น พระภูษาเนื้อเกลี้ยงที่ทรงนุ่งนั้นก็หลุดลุ่ยลงทันที พระโพธิสัตว์ได้เห็นวิสภาคารมณ์มิได้สารวมอินทรีย์
  • 5. 5 ตะลึงแลดูด้วยสามารถแห่งความงาม. ลาดับนั้น กิเลสของพระโพธิสัตว์ซึ่งสงบนิ่งด้วยกาลังฌานก็กาเริบขึ้น เหมือนอสรพิษที่ถูกขังอยู่ในข้อง พอออกจากข้องได้ก็แผ่พังพานขึ้นฉะนั้น. พระโพธิสัตว์ได้เป็ นผู้มีอาการเหมือนเวลาที่ต้นยางถูกกรีดด้วยมีดฉะนั้น. องค์ฌานทั้งหลายเสื่อมไปพร้อมกับระยะที่กิเลสเกิดขึ้น. อินทรีย์ทั้งหลายก็มิได้บริบูรณ์ ตนเองได้มีสภาพเหมือนกาปีกขาดฉะนั้น. พระโพธิสัตว์นั้นมิอาจที่จะนั่งกระทาภัตตกิจเหมือนแต่ก่อนได้ แม้พระเทวีจะตรัสบอกให้นั่งก็ไม่นั่ง. ลาดับนั้น พระเทวีจึงทรงใส่ขาทนียะโภชนียาหารทุกอย่างลงในภิกขาภาชนะของพระโพธิสั ตว์ ก็วันนั้น พระโพธิสัตว์ไม่อาจไปเหมือนในวันก่อนๆ ซึ่งกระทาภัตตกิจแล้วก็เหาะออกไปทางสีหบัญชร ได้แต่รับภัตตาหารแล้ว เดินลงทางบันไดใหญ่ไปยังพระราชอุทยาน แม้พระเทวีก็ทรงทราบว่า พระดาบสมีจิตปฏิพัทธ์ในพระองค์. พระโพธิสัตว์นั้นไปถึงพระราชอุทยานแล้ว ไม่บริโภคภัตตาหารเลย เอาวางไว้ใต้เตียง นอนราพันว่า พระหัตถ์เห็นปานนี้ของพระเทวีงาม พระบาทก็งาม นั้นพระองค์เห็นปานนี้ ลักษณะของพระอูรุเห็นปานนี้ ดังนี้เป็นต้น นอนบ่นเพ้ออยู่ถึง ๗ วัน ภัตตาหารบูด มีหมู่แมลงวันหัวเขียวตอมกันสะพรั่ง. ฝ่ายพระราชาทรงระงับปัจจันตชนบทได้แล้ว ก็เสด็จกลับมา ทรงกระทาประทักษิณพระนคร ซึ่งชาวเมืองตกแต่งประดับประดาไว้รับเสด็จ แต่หาได้เสด็จไปยังพระราชนิเวศน์ไม่ ได้เสด็จไปยังพระราชอุทยาน ด้วยหวังพระทัยว่าจักเยี่ยมพระโพธิสัตว์ ได้ทอดพระเนตรเห็นอาศรมบทรกรุงรังด้วยหยากเยื่อ ทรงสาคัญว่า พระดาบสจักหนีไปแล้ว จึงทรงเปิดประตูบรรณศาลา เสด็จเข้าไปข้างใน ทอดพระเนตรเห็นดาบสนั้นนอนอยู่ จึงทรงดาริว่า ชะรอยจะมีความไม่ผาสุกบางประการ จึงรับสั่งให้ทิ้งภัตตาหารบูด ชาระปัดกวาดบรรณศาลา แล้วตรัสถามว่า พระคุณเจ้า ท่านไม่สบายไปหรือ? พระดาบสทูลตอบว่า มหาบพิตร อาตมภาพถูกลูกศรเสียบแทง. พระราชาเข้าพระทัยว่า ชะรอยพวกปัจจามิตรของเราไม่ได้โอกาสในตัวเรา จึงมายิงพระดาบสนี้ โดยคิดว่า จักทาฐานะอันเป็นที่รักของพระราชานั้น ให้ทุรพลภาพ จึงทรงพลิกร่างกายตรวจดูรอยที่ถูกยิง ก็ไม่เห็นรอยที่ยิง จึงตรัสถามว่า ท่านถูกเขายิงที่ไหนหรือ พระคุณเจ้า. พระโพธิสัตว์ตรัสว่า มหาบพิตร อาตมภาพมิได้ถูกคนอื่นยิง แต่อาตมภาพยิงตัวของตัวเองแหละที่หัวใจ
  • 6. 6 ครั้นทูลแล้ว จึงลุกขึ้นนั่งกล่าวคาถาเหล่านี้ว่า :- อาตมภาพถูกแทงที่หัวใจ ด้วยลูกศรนั้นอันกาซาบด้วยราคะเกิดจากความดาริ อันลับด้วยวิตกคือความดาริ อันนายช่างมิได้ตกแต่งให้เรียบร้อย อันนายช่างศรมิได้ทา ยังไม่พ้นหมวกหู ทั้งยังไม่ติดขนนกยูง แต่ทาความเร่าร้อนให้ทั่วสรรพางค์กาย อาตมภาพไม่เห็นรูแผลที่เลือดไหลออก ลูกศรนั้นแทงจิตที่ไม่แยบคายได้มั่นเหมาะ ความทุกข์นี้อาตมภาพนามาด้วยตนเอง. พระโพธิสัตว์ครั้นแสดงธรรมแก่พระราชาด้วยคาถา ๓ คาถานี้อย่างนี้ แล้ว จึงทูลให้พระราชาเสด็จออกประทับภายนอกบรรณศาลา แล้วกระทากสิณบริกรรมทาฌานที่เสื่อมให้เกิดขึ้นแล้ว ออกจากบรรณศาลา เหาะขึ้นไปนั่งอยู่กลางอากาศ โอวาทพระราชาเสร็จแล้วทูลว่า มหาบพิตร อาตมภาพจักไปอยู่ป่าหิมพานต์ตามเดิม แม้พระราชาจะตรัสว่า พระคุณเจ้าผู้เจริญ อย่าไปเลย ก็ทูลชี้แจงว่า มหาบพิตร เพราะอาตมภาพอยู่ในที่นี้ จึงได้รับอาการอันผิดแผกเห็นปานนี้ บัดนี้ ไม่อาจอยู่ในที่นี้ได้ต่อไป ทั้งๆ ที่พระราชาทรงอ้อนวอนอยู่นั่นเอง ก็เหาะไปป่าหิมพานต์ดารงอยู่จนตลอดอายุ ในเวลาสิ้นสุดอายุก็ได้ไปเกิดในพรหมโลก. พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประกาศสัจจะ แล้วทรงประชุมชา ดก. ในเวลาจบสัจจกถา ภิกษุผู้กระสันจะสึก ก็ได้ดารงอยู่ในพระอรหัต บางพวกได้เป็ นพระโสดาบัน บางพวกได้เป็นพระสกทาคามี บางพวกได้เป็ นพระอนาคามี. พระราชาในกาลนั้น ได้เป็ น พระอานนท์ ในบัดนี้ ส่วนดาบสคือ เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถาสังกัปปราคชาดกที่ ๑ -----------------------------------------------------