ว่าด้วย หญิงขโมยมะม่วง พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภพระเถระผู้เฝ้ามะม่วงรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มี ดังนี้. ได้ยินว่า พระเถระนั้นบวชเมื่อภายแก่ สร้างบรรณศาลาอยู่ ในสวนมะม่วงท้ายพระเชตวัน ดูแลรักษามะม่วง เคี้ยวกินมะม่วงสุกที่หล่นอยู่ ย่อมให้เฉพาะคนที่เกี่ยวข้องกับตน. เมื่อพระเถระนั้นเข้าไปภิกขาจาร คนลักมะม่วงทำผลมะม่วงให้หล่นแล้วกินและถือเอาไป. ขณะนั้น ธิดาของเศรษฐี ๔ คน อาบน้ำในแม่น้ำอจิรวดีแล้วเที่ยวไป จึงเข้าไปยังสวนมะม่วงนั้น. พระแก่มาเห็นธิดาเศรษฐีเหล่านั้นจึงกล่าวว่า พวกเจ้ากินมะม่วงของเรา. ธิดาเศรษฐีเหล่านั้นกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ พวกดิฉันเพิ่งมา ไม่ได้กินมะม่วงของท่าน. พระแก่กล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าจงสบถ. ธิดาเศรษฐีเหล่านั้นรับคำว่าจะกระทำสบถ เจ้าข้า แล้วพากันกระทำสบถ. พระแก่ให้ธิดาเศรษฐีเหล่านั้นทำสบถให้ได้อาย แล้วจึงปล่อยตัวไป. ภิกษุทั้งหลายได้ฟัง การกระทำนั้นของพระแก่รูปนั้น จึงสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า อาวุโสทั้งหลาย ได้ยินว่า พระแก่รูปโน้นให้ธิดาเศรษฐีผู้เข้าไปยังสวนมะม่วงอันเป็นที่อยู่ของตนกระทำสบถ ทำให้ได้อายแล้วปล่อยไป. พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันเรื่องอะไร? เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย มิใช่ชาตินี้เท่านั้น แม้ชาติก่อน พระแก่นี้ได้เป็นผู้เฝ้ามะม่วง ยังธิดาเศรษฐีเหล่านี้ให้ทำการสบถ ทำให้ได้อายแล้วปล่อยไป แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้