More Related Content
Similar to 168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)
More from maruay songtanin (20)
168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
สกุณัคฆิชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๘. สกุณัคฆิชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๑๖๘)
ว่าด้วยเหยี่ยวนกเขาหลงกลนกมูลไถ
(พระศาสดาทรงแสดงเรื่องเหยี่ยวนกเขากับนกมูลไถในอดีตแล้วตรัสเรื่องโคจรข
องภิกษุว่า)
[๓๕] เหยี่ยวนกเขาโฉบลงเต็มแรงด้วยหมายใจว่า
จะจับเอานกมูลไถที่อยู่ในที่หากิน โฉบลงอย่างฉับพลัน เพราะเหตุนั้น
จึงถึงความตาย
(เมื่อเหยี่ยวนกเขาตายแล้ว
นกมูลไถจึงออกมายืนบนอกของเหยี่ยวนกเขา เปล่งอุทานว่า)
[๓๖] เรานั้นเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอุบาย
ยินดีแล้วในที่หากินอันเป็นเขตแห่งบิดา เห็นประโยชน์ของตนอยู่
เป็นผู้ปราศจากศัตรู ย่อมเบิกบานใจ
สกุณัคฆิชาดกที่ ๘ จบ
--------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
สกุณัคฆิชาดก
ว่าด้วย เหยี่ยวนกเขา
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภ พระสูตรว่าด้วยโอวาทของนก อันเป็ นพระอัธยาศัยของพระองค์
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ความพิสดารมีอยู่ว่า วันหนึ่งพระศาสดาตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย
แล้วตรัสพระสูตรในมหาวรรคสังยุตต์นี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
พวกเธอจงเที่ยวไปในโคจรอันเป็ นวิสัยของบิดาของตน แล้วตรัสว่า
พวกเธอจงยกไว้ก่อนเถิด เมื่อก่อนแม้เดียรัจฉานทั้งหลายก็ละวิสัยของตน
แล้วเที่ยวไปในที่เป็นอโคจร ไปสู่เงื้อมมือของข้าศึก แต่รอดจากเงื้อมมือข้าศึกได้
ก็ด้วยความฉลาดในอุบาย เพราะตนมีปัญญาเป็นสมบัติ
แล้วทรงนาเรื่องในอดีตมาเล่า.
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดในกาเนิดนกมูลไถ อาศัยอยู่ในก้อนดินที่ทาการไถ. วันหนึ่ง
นกมูลไถนั้นละถิ่นที่หากินเดิมของตนไปท้ายดง ด้วยคิดว่า จักหาอาหารในถิ่นอื่น
- 2. 2
ครั้งนั้น เหยี่ยวนกเขาเห็นนกมูลไถกาลังหาอาหารอยู่ จึงโฉบจับเอามันไป.
เมื่อมันถูกเหยี่ยวนกเขาพาไป จึงคร่าครวญอย่างนี้ว่า เราเคราะห์ร้ายมาก
มีบุญน้อย เราเที่ยวไปในที่อโคจรอันเป็นถิ่นอื่น ถ้าวันนี้
เราเที่ยวไปในที่โคจรอันเป็นถิ่นบิดาของตนแล้ว
เหยี่ยวนกเขานี้ไม่พอมือเราในการต่อสู้. เหยี่ยวนกเขาถามว่า ดูก่อนนกมูลไถ
ที่หาอาหารอันเป็นถิ่นบิดาของเจ้าเป็ นอย่างไร. นกมูลไถตอบว่า
คือที่ก้อนดินคันไถน่ะซิ. เหยี่ยวนกเขายังออมกาลังของมันไว้
จึงได้ปล่อยมันไปโดยพูดว่า ไปเถิดเจ้านกมูลไถ แม้เจ้าไปในที่นั้น
ก็คงไม่พ้นเราดอก. นกมูลไถบินกลับไปในที่นั้น ได้ขึ้นไปยังดินก้อนใหญ่
ยืนท้าเหยี่ยวว่า มาเดี๋ยวนี้ซิเจ้าเหยี่ยวนกเขา. เหยี่ยวนกเขามิได้ออมกาลังของมัน
ลู่ปีกทั้งสองโฉบนกมูลไถทันทีทันใด.
ก็เมื่อนกมูลไถรู้ว่าเหยี่ยวนี้มาถึงเราด้วยกาลังแรง
จึงบินหลบกลับเข้าไปในระหว่างก้อนดินนั้นเอง. เหยี่ยวไม่อาจยั้งความเร็วได้
จึงกระแทกอกเข้ากับก้อนดินในที่นั้นเอง เหยี่ยวอกแตกตาถลนตายทันที.
พระศาสดา ครั้นทรงแสดงเรื่องในอดีตนี้แล้ว จึงตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้สัตว์เดียรัจฉานเที่ยวไปในที่อโคจรอย่างนี้
ยังถึงเงื้อมมือข้าศึก แต่เมื่อเที่ยวไปในถิ่นหาอาหาร อันเป็ นของบิดาของตน
ก็ยังข่มข้าศึกเสียได้ เพราะฉะนั้น
แม้พวกเธอก็จงอย่าเที่ยวไปในอโคจรซึ่งเป็ นแดนอื่น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อพวกเธอเที่ยวไปในอโคจรอันเป็นแดนอื่น
มารย่อมได้ช่อง มารย่อมได้อารมณ์
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อโคจรอันเป็นแดนอื่นของภิกษุคืออะไร
คือกามคุณห้า
กามคุณห้าเป็นไฉน กามคุณห้า คือ
รูปที่รู้ได้ด้วยตา ๑
เสียงที่รู้ได้ด้วยหู ๑
กลิ่นที่รู้ได้ด้วยจมูก ๑
รสที่รู้ได้ด้วยลิ้น ๑
โผฏฐัพพะที่รู้ได้ด้วยกาย ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลเป็ นอโคจรเป็ นแดนอื่นของภิกษุ
เมื่อทรงบรรลุอภิสัมโพธิญาณแล้ว จึงตรัสคาถาแรกว่า :-
เหยี่ยวนกเขาบินโผลงด้วยกาลัง หมายใจว่าจะเฉี่ยวเอานกมูลไถ
ซึ่งจับอยู่ที่ท้ายดง เพื่อหาเหยื่อโดยฉับพลัน เพราะเหตุนั้น จึงถึงความตาย.
ก็เมื่อเหยี่ยวตาย นกมูลไถจึงออกมายืนบนอกของเหยี่ยว
ด้วยมั่นใจว่าเราชนะข้าศึกได้แล้ว เมื่อจะเปล่งอุทาน จึงกล่าวคาถาที่สองว่า :-