SlideShare a Scribd company logo
1
สัตติคุมพชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๗. สัตติคุมพชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๕๐๓)
ว่าด้วยนกแขกเต้าชื่อว่าสัตติคุมพะ
(พระศาสดาทรงนาอดีตนิทานมาตรัสว่า)
[๑๕๙] พระมหาราชผู้เป็นจอมทัพแห่งชาวแคว้นปัญจาละ
ทรงเป็นดุจนายพรานเนื้อ เสด็จออกพร้อมกับเสนา ทรงพลัดกับหมู่คณะ
เสด็จมายังราวป่า
[๑๖๐] ทอดพระเนตรเห็นกระท่อมที่พวกโจรสร้างไว้ในป่านั้น
นกแขกเต้าได้บินออกจากกระท่อมไป กล่าวถ้อยคาที่หยาบช้าว่า
[๑๖๑] มีกษัตริย์หนุ่มน้อยพร้อมทั้งพาหนะ
มีพระกุณฑลงามเกลี้ยงเกลาดี มีกรอบพระพักตร์แดงงาม
หมือนดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่างในกลางวัน
[๑๖๒] พระราชาบรรทมหลับพร้อมกับนายสารถี เอาเถิด
พวกเราจะรีบช่วยกัน แย่งชิงอาภรณ์ของท้าวเธอเสียทั้งหมด
[๑๖๓] แม้เวลานี้ก็เงียบสงัดเหมือนเวลาเที่ยงวัน
พระราชาบรรทมหลับอยู่พร้อมกับนายสารถี
พวกเราช่วยกันแย่งชิงพระภูษาและพระกุณฑลแก้วมณี
ปลงพระชนม์แล้วกลบพระศพด้วยกิ่งไม้
(พ่อครัวปติโกลัมพะได้ฟังคาพูดของลูกนกแขกเต้านั้น จึงออกไปดู
รู้ว่าเป็ นพระราชา ตกใจกลัว จึงกล่าวว่า)
[๑๖๔] เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร สัตติคุมพะ พูดออกมาได้
ธรรมดาพระราชาทั้งหลายยากที่จะเข้าถึงพระองค์ได้ เหมือนดังไฟที่ลุกโพลง
(นกแขกเต้าสัตติคุมพะกล่าวโต้ตอบพ่อครัวว่า)
[๑๖๕] ปติโกลัมพะ เมื่อท่านเมาคุยคาโตๆ ออกมา
เมื่อมารดาของเราเปลือยกาย ท่านจึงรังเกียจโจรกรรมหรือหนอ
(พระราชาตื่นบรรทมได้ยินคาพูดของนกแขกเต้าสัตติคุมพะพูดกับพ่อครัวด้วยภา
ษามนุษย์ ปลุกนายสารถีให้ลุกขึ้น ตรัสว่า)
[๑๖๖] ลุกขึ้นเถิด พ่อสารถีเพื่อนยาก เจ้าจงรีบเทียมรถ
เราไม่ชอบใจนกนี้เลย เราไปยังอาศรมอื่นกันเถิด
(นายสารถีลุกขึ้นเทียมรถแล้วกราบทูลว่า)
2
[๑๖๗] ขอเดชะพระมหาราช ราชรถเทียมไว้แล้ว
พาหนะอันทรงกาลังก็พร้อมแล้ว เชิญเสด็จขึ้นประทับเถิดพะย่ะค่ะ
พวกเราจะพากันไปยังอาศรมอื่น
(นกแขกเต้าสัตติคุมพะเห็นราชรถแล่นไปอยู่ถึงความสลดใจ
จึงกล่าวว่า)
[๑๖๘] พวกโจรในค่ายนี้พากันไปไหนหมดหนอ
นั่นพระเจ้าปัญจาละกาลังเสด็จหนีไป พ้นสายตาพวกโจรไปแล้ว
[๑๖๙] พวกท่านจงถือเอาเกาทัณฑ์ หอก และโตมร
นั่นพระเจ้าปัญจาละกาลังเสด็จหนีไป พวกท่านอย่าปล่อยให้พระองค์มีชีวิตอยู่
(พระศาสดาทรงประกาศข้อความนี้ว่า)
[๑๗๐] ครั้งนั้น นกแขกเต้าอีกตัวหนึ่งซึ่งมีจะงอยปากแดง
ยินดีต้อนรับด้วยกล่าวว่า พระมหาราช พระองค์เสด็จมาดีแล้ว มิได้เสด็จมาร้าย
พระองค์ผู้ทรงเป็ นใหญ่ เสด็จมาถึงแล้วโดยลาดับ สิ่งของที่มีอยู่ในอาศรมนี้
ขอพระองค์เสวยเถิด
[๑๗๑] คือ ผลมะพลับ ผลมะหาด ผลมะซาง ผลหมากเม่า
และผลไม้ทั้งหลายที่มีรสพอสมควร ขอพระองค์เสวยผลไม้ที่ดีๆ เถิดพระเจ้าข้า
[๑๗๒] นี้น้าเย็นนามาจากซอกเขา พระมหาราช ขอพระองค์ทรงดื่มเถิด
ถ้าพระองค์ทรงประสงค์
[๑๗๓] ฤๅษีทั้งหลายในอาศรมนี้พากันไปป่าเพื่อแสวงหามูลผลาหาร
ขอพระองค์เสด็จลุกขึ้นหยิบเอาเองเถิด ข้าพระองค์ไม่มีมือจะทูลถวาย
ขอพระองค์เสด็จลุกขึ้นหยิบเอาเองเถิด ข้าพระองค์ไม่มีมือจะทูลถวาย
(พระราชาทรงเลื่อมใสการปฏิสันถารของนกปุปผกะ จึงทรงชมเชยว่า)
[๑๗๔] ปักษีตัวนี้ดีจริงหนอ เป็ นนกแต่ทรงธรรมอย่างยอดเยี่ยม
ส่วนเจ้านกแขกเต้าตัวหนึ่งนั้นพูดแต่คาหยาบช้าว่า
[๑๗๕] จงฆ่ามัน จงมัดมัน อย่าปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่
เมื่อมันบ่นพร่าเพ้ออยู่อย่างนี้แล เราได้ถึงอาศรมนี้โดยความสวัสดี
(นกปุปผกะครั้นได้ฟังพระราชดารัสแล้ว จึงกราบทูลว่า)
[๑๗๖] พระมหาราช ข้าพระองค์ทั้ง ๒
เป็นพี่น้องร่วมท้องมารดาเดียวกัน เจริญเติบโตอยู่ที่ต้นไม้ต้นเดียวกัน
แต่พลัดตกไปอยู่ต่างเขตแดนกัน
[๑๗๗] นกสัตติคุมพะเจริญเติบโตในแดนโจร
ส่วนข้าพระองค์เจริญเติบโตอยู่ในสานักของฤๅษี ณ ที่นี้
นกสัตติคุมพะนั้นอยู่ใกล้อสัตบุรุษ ข้าพระองค์อยู่ใกล้สัตบุรุษ เพราะเหตุนั้น
ข้าพระองค์ทั้ง ๒ จึงแตกต่างกันโดยธรรม
(นกปุปผกะจาแนกธรรมนั้นว่า)
3
[๑๗๘] ที่ใดมีแต่การฆ่า การจองจา การหลอกลวงด้วยของปลอม
การหลอกลวงซึ่งๆ หน้า การปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์
และการข่มขู่กระทาทารุณอย่างแสนสาหัส
นกสัตติคุมพะนั้นสาเหนียกแต่การกระทาเหล่านั้นในที่นั้น
[๑๗๙] ที่นี้มีแต่ความจริง สุจริตธรรม ความไม่เบียดเบียน ความสารวม
และการฝึกฝนอินทรีย์ พระองค์ผู้ทรงเป็นหน่อเนื้อแห่งภารตวงศ์
ข้าพระองค์เจริญเติบโตอยู่บนตักของฤๅษีผู้มีปกติให้อาสนะและน้า
(บัดนี้เมื่อจะแสดงธรรมถวายพระราชา จึงกล่าวว่า)
[๑๘๐] ขอเดชะพระราชา ธรรมดาบุคคลคบหาคนใดๆ
เป็นสัตบุรุษก็ตาม อสัตบุรุษก็ตาม มีศีลก็ตาม ไม่มีศีลก็ตาม
ย่อมเป็นไปตามอานาจของคนนั้นนั่นเอง
[๑๘๑] บุคคลทาคนเช่นไรให้เป็ นมิตร และคบหาจนสนิทกับคนเช่นไร
ถึงเขาก็เป็นเช่นคนนั้น เพราะการอยู่ร่วมกันเป็นเช่นนั้น
[๑๘๒] คนชั่วใครคบเข้าย่อมเปื้อนคนคบ ซึ่งมิได้เปื้ อนมาแต่เดิม
คนชั่วใครสัมผัสถูกต้อง หรือเมื่อสัมผัสถูกต้องคนอื่น
ก็ย่อมเปื้อนคนที่ตนสัมผัสถูกต้อง ซึ่งมิได้เปื้อนมาแต่เดิม
ดุจลูกศรที่กาซาบด้วยยาพิษก็พลอยแปดเปื้อนแล่งไปด้วย
เพราะกลัวแต่การแปดเปื้อน นักปราชญ์จึงไม่ควรมีคนชั่วเป็นเพื่อน
[๑๘๓] คนใดห่อปลาเน่าด้วยใบหญ้าคา
แม้ใบหญ้าคาก็พลอยมีกลิ่นเหม็นเน่าฟุ้ งไปด้วย การคบหาคนพาลก็เป็นฉันนั้น
[๑๘๔] ส่วนคนใดห่อกฤษณาด้วยใบไม้
แม้ใบไม้ก็พลอยมีกลิ่นหอมฟุ้ งไปด้วย การคบหากับนักปราชญ์ก็เป็นฉันนั้น
[๑๘๕] เพราะเหตุนั้น บัณฑิตรู้การคบของตน
เหมือนกับใบไม้ห่อสิ่งของแล้ว ไม่พึงเข้าไปคบหาอสัตบุรุษ พึงคบหาแต่สัตบุรุษ
เพราะอสัตบุรุษย่อมนาไปสู่นรก ส่วนสัตบุรุษย่อมช่วยให้ไปถึงสุคติ
สัตติคุมพชาดกที่ ๗ จบ
-------------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
สัตติคุมพชาดก
ว่าด้วย พี่น้องก็ยังต่างใจกัน
พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระคทายวิหาร ใกล้ถ้ามัททกุจฉิ
ทรงปรารภพระเทวทัต ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ความย่อว่า เมื่อพระเทวทัตกลิ้งศิลา
สะเก็ดแตกมากระทบพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วก็เกิดทุกขเวทนาเป็น
กาลัง ภิกษุทั้งหลายเป็นอันมากมาประชุมกันเพื่อเฝ้ าเยี่ยมพระตถาคตเจ้า
4
ลาดับนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าทอดพระเนตรเห็นพุทธบริษัทมาประชุมกันแล้ว
มีพระดารัสว่า ภิกษุทั้งหลาย เสนาสนะนี้คับแคบนัก จักมีการประชุมใหญ่
พวกเธอจงนาเราขึ้นคานหามไปที่ถ้ามัททกุจฉิเถิด.
ภิกษุทั้งหลายพากันกระทาตามพุทธดารัส.
หมอชีวกโกมารภัจได้จัดการรักษาพระบาทของพระตถาคตเจ้าให้ผาสุก.
ภิกษุทั้งหลายนั่งประชุมสนทนากันในสานักของพระศาสดาว่า
อาวุโสทั้งหลาย พระเทวทัต แม้ตนเองก็ลามก แม้บริษัทของเธอก็ลามก
พระเทวทัตนั้นเป็นคนลามก มีบริวารลามกอยู่อย่างนี้.
พระศาสดาตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย
พวกเธอประชุมสนทนาอะไรกัน? เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว
ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ใช่แต่ในชาตินี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในชาติก่อน
พระเทวทัตก็เป็นคนลามก มีบริวารลามกเหมือนกัน
แล้วทรงนาอดีตนิทานมาตรัสดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล
พระราชาพระนามว่า ปัญจาละ เสวยราชสมบัติอยู่ในอุตตรปัญจาลนคร
กาลนั้น พระมหาสัตว์บังเกิดเป็ นลูกพญานกแขกเต้าตัวหนึ่ง
สองตัวพี่น้องอยู่ที่สิมพลีวันใกล้สานุบรรพตแห่งหนึ่งในแนวป่า.
ก็ในด้านเหนือของภูเขาลูกนั้น มีบ้านโจรเป็นที่อยู่อาศัยของโจร ๕๐๐
ในด้านใต้เป็ นอาศรมสถานที่อยู่ของหมู่ฤาษี ๕๐๐ ตน.
ในกาลเมื่อสุวโปดกสองพี่น้องนั้นกาลังสอนบิน บังเกิดลมหัวด้วนขึ้น
สุวโปดกตัวหนึ่งถูกลมพัดไปตกระหว่างอาวุธของพวกโจรในโจรคาม
เพราะสุวโปดกตกลงในระหว่างกองอาวุธ พวกโจรจับได้จึงตั้งชื่อว่า สัตติคุมพะ.
ส่วนสุวโปดกตัวหนึ่งลมพัดไปตกระหว่างกองดอกไม้ที่เนินทรายใกล้อ
าศรมพระฤาษี เพราะสุวโปดกนั้นตกลงในระหว่างกองดอกไม้
พระฤาษีทั้งหลายจึงพากันตั้งชื่อนกนั้นว่า ปุปฺผกะ.
สัตติคุมพสุวโปดกเจริญเติบโตในระหว่างพวกโจร
บุปผกสุวโปดกเจริญเติบโตในระหว่างพระฤาษีทั้งหลาย.
อยู่มาวันหนึ่ง
พระเจ้าปัญจาลราชประดับตกแต่งองค์ด้วยเครื่องสรรพาลังการ
เสด็จทรงรถพระที่นั่งอันประเสริฐ
เสด็จสู่ชายป่าอันเป็นรมณียสถานมีดอกไม้ผลไม้ผลิดอกออกผลงามดี ณ
ที่ใกล้พระนคร โดยทรงประสงค์จะล่ามฤค พร้อมด้วยบริวารเป็ นจานวนมาก
แล้วทรงประกาศว่า มฤคหนีออกได้โดยด้านหน้าที่ของผู้ใด
อาชญาจะพึงมีแก่ผู้นั้น แล้วเสด็จลงจากราชรถ
5
ทรงธนูศรประทับยืนซ่อนพระองค์อยู่ในซุ้มที่ราชบุรุษจัดทาถวาย.
เมื่อพวกราชบุรุษพากันตีเคาะที่ละเมาะพุ่มไม้
เพื่อที่จะให้มฤคทั้งหลายลุกขึ้น เนื้อทรายตัวหนึ่งลุกขึ้น แลดูทางที่จะไป
เห็นสถานที่ด้านพระราชาประทับยืนอยู่สงัดเงียบ
จึงบ่ายหน้าตรงทิศนั้นเผ่นหนีไป. อามาตย์ทั้งหลายร้องถามกันว่า
มฤคหนีไปทางด้านหน้าที่ของใคร
รู้ว่าทางด้านหน้าที่ของพระราชาแล้วพากันทาการยิ้มเยาะพระราชา.
พระเจ้าปัญจาลราชทรงกลั้นการเย้ยหยันของเหล่าอามาตย์ไม่ได้
ด้วยอัสมิมานะ เสด็จขึ้นสู่รถพระที่นั่งตรัสสั่งว่า เราจักจับมฤคนั้นให้ได้เดี๋ยวนี้
แล้วตรัสสั่งบังคับนายสารถีว่า จงขับรถไปโดยเร็ว เสด็จไปตามทางที่มฤคหนีไป.
ราชบริษัทไม่สามารถจะติดตามรถพระที่นั่งซึ่งกาลังวิ่งไปโดยเร็วได้
พระราชาสองคนกับนายสารถีเสด็จไปจนถึงเวลาเที่ยงวัน
ไม่พบเนื้อจึงเสด็จกลับมา
ทอดพระเนตรเห็นลาธารอันเป็ นรมณียสถานใกล้โจรคามนั้น
แล้วเสด็จลงจากราชรถทรงเสวยแล้วเสด็จขึ้น. ลาดับนั้น
นายสารถีจึงเลิกเครื่องปูรถ แต่งให้เป็นที่บรรทมที่ภายใต้ร่มไม้.
พระราชาทรงบรรทม ณ ที่นั้น
ฝ่ายนายสารถีก็นั่งถวายงานนวดพระบาทยุคลของพระราชาอยู่.
พระราชาทรงบรรทมหลับๆ ตื่นๆ ในระยะติดๆ กัน.
ฝ่ายพวกโจรชาวโจรคามเข้าป่าเพื่อถวายอารักขาพระราชากันหมด.
ในโคจรคามจึงเหลืออยู่แต่สัตติคุมพสุวโปดก
กับบุรุษพ่อครัวชื่อปติโกลุมพะ สองคนเท่านั้น. ขณะนั้น
สัตติคุมพสุวโปดกบินออกจากบ้านไปเห็นพระราชา จึงคิดว่า
เราจักฆ่าพระราชาผู้กาลังหลับนี้เสีย เก็บเอาเครื่องประดับไปเสีย
แล้วบินกลับไปยังสานักของนายปติโกลุมพะ แจ้งเหตุนั้นให้ทราบ.
พระศาสดา เมื่อจะประกาศเนื้อความนั้น ได้ตรัสพระคาถา ๕
คาถาความว่า
พระมหาราชาผู้เป็นจอมแห่งชนชาวปัญจาลรัฐ เป็นดุจนายพรานเนื้อ
เสด็จออกมาสู่ป่าพร้อมด้วยเสนา พลัดจากหมู่เสนาไป.
ท้าวเธอได้ทอดพระเนตรเห็นกระท่อมที่เขาทาไว้เป็นที่อาศัยของโจรทั้
งหลายในป่านั้น สุวโปดกออกจากกระท่อมนั้นไปแล้ว
กลับมาพูดแข็งขันกับพ่อครัวว่า มีบุรุษหนุ่มน้อย มีรถม้าเป็นพาหนะ
มีกุณฑลเกลี้ยงเกลาดี มีกรอบหน้าแดง งดงามเหมือนพระอาทิตย์
ส่องแสงสว่างในกลางวัน ฉะนั้น.
เมื่อถึงเที่ยงวัน พระราชากาลังบรรทมหลับพร้อมกับนายสารถี
6
(สุวโปดกป่าวร้องว่า) เอาซิพวกเรา จงรีบไปชิงเอาทรัพย์ทั้งหมดของท้าวเธอเสีย
เวลานี้ก็เงียบสงัดดุจกลางคืน พระราชากาลังบรรทมหลับพร้อมกับนายสารถี
พวกเราจงไปแย่งเอาผ้าและกุณฑลแก้วมณี แล้วฆ่าเสียเอากิ่งไม้กลบไว้.
สัตติคุมพสุวโปดกนั้น ครั้นบินออกไปโดยเร็วครั้งหนึ่ง
แล้วก็บินกลับไปยังสานักของนายปติโกลุมพะ อีกครั้งหนึ่งด้วยประการฉะนี้.
พ่อครัวปติโกลุมพะได้ฟังถ้อยคาของสุวโปดกนั้นแล้ว
จึงออกไปดูรู้ว่าเป็ นพระราชาแล้ว ก็สะดุ้งตกใจกลัว
กล่าวคาถา ความว่า
ดูก่อนสุวโปดกสัตติคุมพะ เจ้าเป็นบ้าไปกระมังจึงได้พูดอย่างนั้น
เพราะว่า พระราชาทั้งหลายถึงจะเสด็จมาแต่ไกล
ก็ย่อมทรงเดชานุภาพเหมือนดังไฟสว่างไสว ฉะนั้น.
ลาดับนั้น สุวโปดกได้กล่าวตอบพ่อครัวปติโกลุมพะ
โดยวจนประพันธ์คาถา ความว่า
ดูก่อนปติโกลุมพะ ท่านเมาแล้วย่อมเก่งกาจมากมิใช่หรือ
เมื่อมารดาของเราเปลือยกายอยู่ ไยท่านจึงเกลียดการโจรกรรมเล่า.
พระเจ้าปัญจาลราชทรงตื่นพระบรรทมได้ทรงสดับคาของสุวโปดกกล่า
วกับพ่อครัวโดยภาษามนุษย์ ทรงดาริว่าสถานที่นี้มีภัยเฉพาะหน้า
เมื่อจะทรงปลุกนายสารถีให้ลุกขึ้น จึงตรัสพระคาถา ความว่า
ดูก่อนนายสารถีเพื่อนยาก จงลุกขึ้นเทียมรถ เราไม่ชอบใจนก
เราจงไปอาศรมอื่นกันเถิด.
ฝ่ายนายสารถีก็ลุกขึ้นโดยด่วน เทียมราชรถแล้ว
กล่าวคาถากราบทูลว่า
ข้าแต่มหาราชเจ้า ราชรถได้เทียมแล้ว
และม้าราชพาหนะมีกาลังก็ได้จัดเทียมแล้ว เชิญพระองค์เสด็จขึ้นประทับเถิด
จะได้เสด็จไปยังอาศรมอื่นพระเจ้าข้า.
เมื่อพระเจ้าปัญจาลราชเสด็จขึ้นประทับบนราชรถเท่านั้น
ม้าสินธพทั้งคู่ก็วิ่งไปโดยเร็วดังลมพัด.
สัตติคุมพสุวโปดกเห็นราชรถกาลังวิ่งไปถึงความเคียดแค้น ได้กล่าวคาถา ๒
คาถาความว่า
พวกโจรในอาศรมนี้พากันไปเสียที่ไหนหมดเล่า
พระเจ้าปัญจาลราชนั้นหลุดพ้นไปได้ เพราะพวกโจรเหล่านั้นไม่เห็น
ท่านทั้งหลายจงจับเกาทัณฑ์ หอกและโตมร พระเจ้าปัญจาลราชกาลังหนีไป
ท่านทั้งหลายอย่าได้ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ได้เลย.
เมื่อสัตติคุมพสุวโปดกนั้นร้องพลางบินตามพระราชาไปอยู่อย่างนี้
พระราชาก็เสด็จถึงอาศรมของฤาษีทั้งหลาย ขณะนั้นหมู่ฤาษีไปแสวงหาผลาผล
7
มีปุปผกสุวโปดกตัวเดียวเท่านั้นอยู่ในอาศรม. มันเห็นพระราชาแล้ว
บินออกมารับเสด็จ ได้ทาการปฏิสันถาร.
พระบรมศาสดา เมื่อจะทรงประกาศความนั้น ได้ตรัสพระคาถา ๔
คาถาความว่า
ขณะนั้น ปุปผกสุวโปดก ตัวมีจะงอยปากแดงงาม
ยินดีต้อนรับพระราชาว่า ข้าแต่พระมหาราชา พระองค์เสด็จมาดีแล้ว อนึ่ง
พระองค์มิได้เสด็จมาร้าย พระองค์ผู้ทรงอิสรภาพ เสด็จมาถึงแล้วโดยลาดับ
ของสิ่งใดมีอยู่ในอาศรมนี้ ขอพระองค์ทรงเลือกเสวยของสิ่งนั้น
ผลมะพลับ ผลมะหาด ผลมะซาง ผลหมากเม่า
อันเป็นผลไม้มีรสหวานเล็กน้อย ขอพระองค์จงเลือกเสวยแต่ที่ดีๆ
ข้าแต่พระมหาราชา น้านี้เย็นนามาแต่ซอกภูเขา
ขอเชิญพระองค์ทรงดื่มถ้าทรงปรารถนา
ฤาษีทั้งหลายในอาศรมนี้พากันไปป่าเพื่อแสวงหาผลาผล
เชิญพระองค์เสด็จลุกขึ้นไปทรงเลือกหยิบเอาเองเถิด
เพราะข้าพระองค์ไม่มีมือจะทูลถวายได้.
พระราชาทรงเลื่อมใสในการปฏิสันถารของปุปผกสุวโปดก
เมื่อจะทรงทาการชมเชย จึงตรัสพระคาถา ๒ คาถา ความว่า
นกแขกเต้าตัวนี้เจริญดีหนอ ประกอบด้วยคุณธรรมอย่างยิ่ง
ส่วนนกแขกเต้าตัวโน้นพูดคาหยาบคายว่า
จงจับมัดพระราชานี้ฆ่าเสียอย่าให้รอดชีวิตไปได้เลย
เมื่อนกแขกเต้าตัวนั้นราพันเพ้ออยู่อย่างนี้ เราได้มาถึงอาศรมนี้โดยสวัสดี.
ปุปผกสุวโปดกฟังพระดารัสของพระราชาแล้ว ได้กล่าวคาถา ๒
คาถาความว่า
ข้าแต่พระมหาราชา ข้าพระองค์ทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน
ได้เจริญเติบโตที่ต้นไม้เดียวกัน แต่ต่างพลัดกันไปอยู่คนละเขตแดน
สัตติคุมพะเจริญอยู่ในสานักของพวกโจร
ส่วนข้าพระองค์เจริญอยู่ในสานักของฤาษีในอาศรมนี้
สัตติคุมพะนั้นเข้าอยู่ในสานักของอสัตบุรุษ ข้าพระองค์อยู่ในสานักของสัตบุรุษ
ฉะนั้น ข้าพระองค์ทั้งสองจึงต่างกันโดยธรรม.
บัดนี้ ปุปผกสุวโปดก เมื่อจะจาแนกธรรมนั้น จึงกล่าวคาถา ๒
คาถาความว่า
การฆ่าก็ดี การจองจาก็ดี การหลอกลวงด้วยของปลอมก็ดี
การหลอกลวงด้วยอาการตรงๆ ก็ดี การปล้นฆ่าชาวบ้านก็ดี
การกระทากรรมอันแสนสาหัสก็ดี มีอยู่ในที่ใด
สัตติคุมพะนั้นย่อมศึกษาสิ่งเหล่านั้นในที่นั้น
8
ข้าแต่พระองค์ผู้ภารตวงศ์ ในอาศรมของฤาษีนี้มีแต่สัจจธรรม
ความไม่เบียดเบียน ความสารวมและความฝึกอินทรีย์
ข้าพระองค์เป็นผู้เจริญแล้วบนตักของฤาษีทั้งหลายผู้มีปกติให้อาสนะและน้า.
บัดนี้ เมื่อปุปผกสุวโปดก จะแสดงธรรมแก่พระราชาสืบไป
ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ความว่า
ข้าแต่พระราชา บุคคลคบคนใดๆ เป็นสัตบุรุษ อสัตบุรุษ มีศีล
หรือไม่มีศีล บุคคลนั้นย่อมไปสู่อานาจของบุคคลนั้นนั่นแล
บุคคลคบคนเช่นใดเป็ นมิตร หรือเข้าไปซ่องเสพคนเช่นใด
ก็ย่อมเป็นเช่นคนนั้น เพราะการอยู่ร่วมกันเป็นเช่นนั้น
อาจารย์คบอันเตวาสิกย่อมทาอันเตวาสิกผู้ยังไม่แปดเปื้อนให้แปดเปื้อ
นได้
อาจารย์ถูกอันเตวาสิกพาแปดเปื้อนแล้วย่อมพาอาจารย์อื่นให้เปื้อนอีก
เหมือนลูกศรที่เปื้อนยาพิษแล้ว ย่อมทาแล่งลูกศรให้เปื้อน ฉะนั้น
นักปราชญ์ไม่พึงมีสหายลามกเลยทีเดียว
เพราะกลัวแต่การแปดเปื้อนด้วยบาปธรรม นรชนใดห่อปลาเน่าด้วยใบหญ้าคา
แม้ใบหญ้าคาของนรชนนั้นก็ย่อมมีกลิ่นเน่าฟุ้ งไปฉันใด
การเข้าไปเสพคนพาลก็ฉันนั้นเหมือนกัน
นรชนใดห่อกฤษณาด้วยใบไม้
แม้ใบไม้ของนรชนนั้นก็ย่อมหอมฟุ้ งไปฉันใด
การเข้าไปเสพนักปราชญ์ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุนั้น
บัณฑิตรู้ความเปลี่ยนแปลงของตน ดุจห่อใบไม้แล้ว ไม่ควรเข้าไปเสพอสัตบุรุษ
ควรเสพแต่สัตบุรุษ ด้วยว่า อสัตบุรุษย่อมนาไปสู่นรก สัตบุรุษย่อมพาให้ถึงสุคติ.
พระเจ้าปัญจาลราชทรงเลื่อมใสในธรรมกถาของปุปผกสุวโปดกนั้น.
ฝ่ายหมู่พระฤาษีกลับมาจากป่า
พระราชาทรงนมัสการพระฤาษีทั้งหลายแล้ว ตรัสว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ
เมื่อพระคุณเจ้าทั้งหลายจะอนุเคราะห์ข้าพเจ้า
โปรดพากันไปอยู่ในสถานที่อยู่ของข้าพเจ้าเถิด
ทรงรับปฏิญญาของฤาษีทั้งหลายเหล่านั้นแล้ว เสด็จไปพระนคร
ได้พระราชทานอภัยแก่สุวโปดกทั้งหลาย.
ฝ่ายพวกฤาษีก็ได้พากันไปในพระนครนั้น
พระราชาทรงนิมนต์หมู่พระฤาษีให้อยู่ในพระราชอุทยาน
ทรงอุปัฏฐากบารุงตลอดพระชนมายุแล้วเสด็จสู่สวรรคาลัย.
ฝ่ายพระราชโอรสของท้าวเธอโปรดให้ยกเศวตฉัตรเสวยราชสมบัติสืบ
ต่อมา ทรงปฏิบัติหมู่พระฤาษี เสมือนพระราชบิดา. ในราชสกุลต่อมานั้น
ได้ยังทานให้เป็ นไปแก่หมู่พระฤาษี ชั่วพระราชาเจ็ดพระองค์
9
พระมหาสัตว์
เมื่ออยู่ในอรัญประเทศตามสมควรก็ไปตามยถากรรมของตน.
พระบรมศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในชาติก่อนพระเทวทัตก็เป็นคนลามก
มีบริวารลามกเหมือนกันอย่างนี้
แล้วทรงประชุมชาดกว่า
สัตติคุมพสุวโปดกในครั้งนั้น ได้มาเป็ น พระเทวทัต นี้
โจรทั้งหลายได้มาเป็ น บริษัทบริวารของพระเทวทัต
พระราชาได้มาเป็น พระอานนท์
หมู่แห่งฤาษีได้มาเป็ น พุทธบริษัท
ส่วนปุปผกสุวโปดกได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบอรรถกถาสัตติคุมพชาดกที่ ๗
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
209 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
209 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx209 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
209 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
138 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
138 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx138 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
138 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx
215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx
215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx
maruay songtanin
 
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 

Similar to 503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
168 สกุณัคฆิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
209 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
209 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx209 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
209 กุกกุฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
138 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
138 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx138 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
138 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
187 จตุมัฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
494 สาธินราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
251 สังกัปปราคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
372 มิคโปตกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx
215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx
215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx
 
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

More from maruay songtanin

๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
maruay songtanin
 
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
maruay songtanin
 
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
maruay songtanin
 
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
maruay songtanin
 
๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
maruay songtanin
 
๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
maruay songtanin
 
๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
maruay songtanin
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
 
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
 
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
 
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
 
๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๖. ปัญจปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
 
๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๕. ติโรกุฑฑเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
 
๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๔. ปิฏฐธีตลิกเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓. ปูติมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒. สูกรมุขเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑. เขตตูปมเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐. คำนำ เปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 

503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๗. สัตติคุมพชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๕๐๓) ว่าด้วยนกแขกเต้าชื่อว่าสัตติคุมพะ (พระศาสดาทรงนาอดีตนิทานมาตรัสว่า) [๑๕๙] พระมหาราชผู้เป็นจอมทัพแห่งชาวแคว้นปัญจาละ ทรงเป็นดุจนายพรานเนื้อ เสด็จออกพร้อมกับเสนา ทรงพลัดกับหมู่คณะ เสด็จมายังราวป่า [๑๖๐] ทอดพระเนตรเห็นกระท่อมที่พวกโจรสร้างไว้ในป่านั้น นกแขกเต้าได้บินออกจากกระท่อมไป กล่าวถ้อยคาที่หยาบช้าว่า [๑๖๑] มีกษัตริย์หนุ่มน้อยพร้อมทั้งพาหนะ มีพระกุณฑลงามเกลี้ยงเกลาดี มีกรอบพระพักตร์แดงงาม หมือนดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่างในกลางวัน [๑๖๒] พระราชาบรรทมหลับพร้อมกับนายสารถี เอาเถิด พวกเราจะรีบช่วยกัน แย่งชิงอาภรณ์ของท้าวเธอเสียทั้งหมด [๑๖๓] แม้เวลานี้ก็เงียบสงัดเหมือนเวลาเที่ยงวัน พระราชาบรรทมหลับอยู่พร้อมกับนายสารถี พวกเราช่วยกันแย่งชิงพระภูษาและพระกุณฑลแก้วมณี ปลงพระชนม์แล้วกลบพระศพด้วยกิ่งไม้ (พ่อครัวปติโกลัมพะได้ฟังคาพูดของลูกนกแขกเต้านั้น จึงออกไปดู รู้ว่าเป็ นพระราชา ตกใจกลัว จึงกล่าวว่า) [๑๖๔] เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร สัตติคุมพะ พูดออกมาได้ ธรรมดาพระราชาทั้งหลายยากที่จะเข้าถึงพระองค์ได้ เหมือนดังไฟที่ลุกโพลง (นกแขกเต้าสัตติคุมพะกล่าวโต้ตอบพ่อครัวว่า) [๑๖๕] ปติโกลัมพะ เมื่อท่านเมาคุยคาโตๆ ออกมา เมื่อมารดาของเราเปลือยกาย ท่านจึงรังเกียจโจรกรรมหรือหนอ (พระราชาตื่นบรรทมได้ยินคาพูดของนกแขกเต้าสัตติคุมพะพูดกับพ่อครัวด้วยภา ษามนุษย์ ปลุกนายสารถีให้ลุกขึ้น ตรัสว่า) [๑๖๖] ลุกขึ้นเถิด พ่อสารถีเพื่อนยาก เจ้าจงรีบเทียมรถ เราไม่ชอบใจนกนี้เลย เราไปยังอาศรมอื่นกันเถิด (นายสารถีลุกขึ้นเทียมรถแล้วกราบทูลว่า)
  • 2. 2 [๑๖๗] ขอเดชะพระมหาราช ราชรถเทียมไว้แล้ว พาหนะอันทรงกาลังก็พร้อมแล้ว เชิญเสด็จขึ้นประทับเถิดพะย่ะค่ะ พวกเราจะพากันไปยังอาศรมอื่น (นกแขกเต้าสัตติคุมพะเห็นราชรถแล่นไปอยู่ถึงความสลดใจ จึงกล่าวว่า) [๑๖๘] พวกโจรในค่ายนี้พากันไปไหนหมดหนอ นั่นพระเจ้าปัญจาละกาลังเสด็จหนีไป พ้นสายตาพวกโจรไปแล้ว [๑๖๙] พวกท่านจงถือเอาเกาทัณฑ์ หอก และโตมร นั่นพระเจ้าปัญจาละกาลังเสด็จหนีไป พวกท่านอย่าปล่อยให้พระองค์มีชีวิตอยู่ (พระศาสดาทรงประกาศข้อความนี้ว่า) [๑๗๐] ครั้งนั้น นกแขกเต้าอีกตัวหนึ่งซึ่งมีจะงอยปากแดง ยินดีต้อนรับด้วยกล่าวว่า พระมหาราช พระองค์เสด็จมาดีแล้ว มิได้เสด็จมาร้าย พระองค์ผู้ทรงเป็ นใหญ่ เสด็จมาถึงแล้วโดยลาดับ สิ่งของที่มีอยู่ในอาศรมนี้ ขอพระองค์เสวยเถิด [๑๗๑] คือ ผลมะพลับ ผลมะหาด ผลมะซาง ผลหมากเม่า และผลไม้ทั้งหลายที่มีรสพอสมควร ขอพระองค์เสวยผลไม้ที่ดีๆ เถิดพระเจ้าข้า [๑๗๒] นี้น้าเย็นนามาจากซอกเขา พระมหาราช ขอพระองค์ทรงดื่มเถิด ถ้าพระองค์ทรงประสงค์ [๑๗๓] ฤๅษีทั้งหลายในอาศรมนี้พากันไปป่าเพื่อแสวงหามูลผลาหาร ขอพระองค์เสด็จลุกขึ้นหยิบเอาเองเถิด ข้าพระองค์ไม่มีมือจะทูลถวาย ขอพระองค์เสด็จลุกขึ้นหยิบเอาเองเถิด ข้าพระองค์ไม่มีมือจะทูลถวาย (พระราชาทรงเลื่อมใสการปฏิสันถารของนกปุปผกะ จึงทรงชมเชยว่า) [๑๗๔] ปักษีตัวนี้ดีจริงหนอ เป็ นนกแต่ทรงธรรมอย่างยอดเยี่ยม ส่วนเจ้านกแขกเต้าตัวหนึ่งนั้นพูดแต่คาหยาบช้าว่า [๑๗๕] จงฆ่ามัน จงมัดมัน อย่าปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ เมื่อมันบ่นพร่าเพ้ออยู่อย่างนี้แล เราได้ถึงอาศรมนี้โดยความสวัสดี (นกปุปผกะครั้นได้ฟังพระราชดารัสแล้ว จึงกราบทูลว่า) [๑๗๖] พระมหาราช ข้าพระองค์ทั้ง ๒ เป็นพี่น้องร่วมท้องมารดาเดียวกัน เจริญเติบโตอยู่ที่ต้นไม้ต้นเดียวกัน แต่พลัดตกไปอยู่ต่างเขตแดนกัน [๑๗๗] นกสัตติคุมพะเจริญเติบโตในแดนโจร ส่วนข้าพระองค์เจริญเติบโตอยู่ในสานักของฤๅษี ณ ที่นี้ นกสัตติคุมพะนั้นอยู่ใกล้อสัตบุรุษ ข้าพระองค์อยู่ใกล้สัตบุรุษ เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์ทั้ง ๒ จึงแตกต่างกันโดยธรรม (นกปุปผกะจาแนกธรรมนั้นว่า)
  • 3. 3 [๑๗๘] ที่ใดมีแต่การฆ่า การจองจา การหลอกลวงด้วยของปลอม การหลอกลวงซึ่งๆ หน้า การปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ และการข่มขู่กระทาทารุณอย่างแสนสาหัส นกสัตติคุมพะนั้นสาเหนียกแต่การกระทาเหล่านั้นในที่นั้น [๑๗๙] ที่นี้มีแต่ความจริง สุจริตธรรม ความไม่เบียดเบียน ความสารวม และการฝึกฝนอินทรีย์ พระองค์ผู้ทรงเป็นหน่อเนื้อแห่งภารตวงศ์ ข้าพระองค์เจริญเติบโตอยู่บนตักของฤๅษีผู้มีปกติให้อาสนะและน้า (บัดนี้เมื่อจะแสดงธรรมถวายพระราชา จึงกล่าวว่า) [๑๘๐] ขอเดชะพระราชา ธรรมดาบุคคลคบหาคนใดๆ เป็นสัตบุรุษก็ตาม อสัตบุรุษก็ตาม มีศีลก็ตาม ไม่มีศีลก็ตาม ย่อมเป็นไปตามอานาจของคนนั้นนั่นเอง [๑๘๑] บุคคลทาคนเช่นไรให้เป็ นมิตร และคบหาจนสนิทกับคนเช่นไร ถึงเขาก็เป็นเช่นคนนั้น เพราะการอยู่ร่วมกันเป็นเช่นนั้น [๑๘๒] คนชั่วใครคบเข้าย่อมเปื้อนคนคบ ซึ่งมิได้เปื้ อนมาแต่เดิม คนชั่วใครสัมผัสถูกต้อง หรือเมื่อสัมผัสถูกต้องคนอื่น ก็ย่อมเปื้อนคนที่ตนสัมผัสถูกต้อง ซึ่งมิได้เปื้อนมาแต่เดิม ดุจลูกศรที่กาซาบด้วยยาพิษก็พลอยแปดเปื้อนแล่งไปด้วย เพราะกลัวแต่การแปดเปื้อน นักปราชญ์จึงไม่ควรมีคนชั่วเป็นเพื่อน [๑๘๓] คนใดห่อปลาเน่าด้วยใบหญ้าคา แม้ใบหญ้าคาก็พลอยมีกลิ่นเหม็นเน่าฟุ้ งไปด้วย การคบหาคนพาลก็เป็นฉันนั้น [๑๘๔] ส่วนคนใดห่อกฤษณาด้วยใบไม้ แม้ใบไม้ก็พลอยมีกลิ่นหอมฟุ้ งไปด้วย การคบหากับนักปราชญ์ก็เป็นฉันนั้น [๑๘๕] เพราะเหตุนั้น บัณฑิตรู้การคบของตน เหมือนกับใบไม้ห่อสิ่งของแล้ว ไม่พึงเข้าไปคบหาอสัตบุรุษ พึงคบหาแต่สัตบุรุษ เพราะอสัตบุรุษย่อมนาไปสู่นรก ส่วนสัตบุรุษย่อมช่วยให้ไปถึงสุคติ สัตติคุมพชาดกที่ ๗ จบ ------------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา สัตติคุมพชาดก ว่าด้วย พี่น้องก็ยังต่างใจกัน พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระคทายวิหาร ใกล้ถ้ามัททกุจฉิ ทรงปรารภพระเทวทัต ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. ความย่อว่า เมื่อพระเทวทัตกลิ้งศิลา สะเก็ดแตกมากระทบพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วก็เกิดทุกขเวทนาเป็น กาลัง ภิกษุทั้งหลายเป็นอันมากมาประชุมกันเพื่อเฝ้ าเยี่ยมพระตถาคตเจ้า
  • 4. 4 ลาดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทอดพระเนตรเห็นพุทธบริษัทมาประชุมกันแล้ว มีพระดารัสว่า ภิกษุทั้งหลาย เสนาสนะนี้คับแคบนัก จักมีการประชุมใหญ่ พวกเธอจงนาเราขึ้นคานหามไปที่ถ้ามัททกุจฉิเถิด. ภิกษุทั้งหลายพากันกระทาตามพุทธดารัส. หมอชีวกโกมารภัจได้จัดการรักษาพระบาทของพระตถาคตเจ้าให้ผาสุก. ภิกษุทั้งหลายนั่งประชุมสนทนากันในสานักของพระศาสดาว่า อาวุโสทั้งหลาย พระเทวทัต แม้ตนเองก็ลามก แม้บริษัทของเธอก็ลามก พระเทวทัตนั้นเป็นคนลามก มีบริวารลามกอยู่อย่างนี้. พระศาสดาตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอประชุมสนทนาอะไรกัน? เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ใช่แต่ในชาตินี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในชาติก่อน พระเทวทัตก็เป็นคนลามก มีบริวารลามกเหมือนกัน แล้วทรงนาอดีตนิทานมาตรัสดังต่อไปนี้ ในอดีตกาล พระราชาพระนามว่า ปัญจาละ เสวยราชสมบัติอยู่ในอุตตรปัญจาลนคร กาลนั้น พระมหาสัตว์บังเกิดเป็ นลูกพญานกแขกเต้าตัวหนึ่ง สองตัวพี่น้องอยู่ที่สิมพลีวันใกล้สานุบรรพตแห่งหนึ่งในแนวป่า. ก็ในด้านเหนือของภูเขาลูกนั้น มีบ้านโจรเป็นที่อยู่อาศัยของโจร ๕๐๐ ในด้านใต้เป็ นอาศรมสถานที่อยู่ของหมู่ฤาษี ๕๐๐ ตน. ในกาลเมื่อสุวโปดกสองพี่น้องนั้นกาลังสอนบิน บังเกิดลมหัวด้วนขึ้น สุวโปดกตัวหนึ่งถูกลมพัดไปตกระหว่างอาวุธของพวกโจรในโจรคาม เพราะสุวโปดกตกลงในระหว่างกองอาวุธ พวกโจรจับได้จึงตั้งชื่อว่า สัตติคุมพะ. ส่วนสุวโปดกตัวหนึ่งลมพัดไปตกระหว่างกองดอกไม้ที่เนินทรายใกล้อ าศรมพระฤาษี เพราะสุวโปดกนั้นตกลงในระหว่างกองดอกไม้ พระฤาษีทั้งหลายจึงพากันตั้งชื่อนกนั้นว่า ปุปฺผกะ. สัตติคุมพสุวโปดกเจริญเติบโตในระหว่างพวกโจร บุปผกสุวโปดกเจริญเติบโตในระหว่างพระฤาษีทั้งหลาย. อยู่มาวันหนึ่ง พระเจ้าปัญจาลราชประดับตกแต่งองค์ด้วยเครื่องสรรพาลังการ เสด็จทรงรถพระที่นั่งอันประเสริฐ เสด็จสู่ชายป่าอันเป็นรมณียสถานมีดอกไม้ผลไม้ผลิดอกออกผลงามดี ณ ที่ใกล้พระนคร โดยทรงประสงค์จะล่ามฤค พร้อมด้วยบริวารเป็ นจานวนมาก แล้วทรงประกาศว่า มฤคหนีออกได้โดยด้านหน้าที่ของผู้ใด อาชญาจะพึงมีแก่ผู้นั้น แล้วเสด็จลงจากราชรถ
  • 5. 5 ทรงธนูศรประทับยืนซ่อนพระองค์อยู่ในซุ้มที่ราชบุรุษจัดทาถวาย. เมื่อพวกราชบุรุษพากันตีเคาะที่ละเมาะพุ่มไม้ เพื่อที่จะให้มฤคทั้งหลายลุกขึ้น เนื้อทรายตัวหนึ่งลุกขึ้น แลดูทางที่จะไป เห็นสถานที่ด้านพระราชาประทับยืนอยู่สงัดเงียบ จึงบ่ายหน้าตรงทิศนั้นเผ่นหนีไป. อามาตย์ทั้งหลายร้องถามกันว่า มฤคหนีไปทางด้านหน้าที่ของใคร รู้ว่าทางด้านหน้าที่ของพระราชาแล้วพากันทาการยิ้มเยาะพระราชา. พระเจ้าปัญจาลราชทรงกลั้นการเย้ยหยันของเหล่าอามาตย์ไม่ได้ ด้วยอัสมิมานะ เสด็จขึ้นสู่รถพระที่นั่งตรัสสั่งว่า เราจักจับมฤคนั้นให้ได้เดี๋ยวนี้ แล้วตรัสสั่งบังคับนายสารถีว่า จงขับรถไปโดยเร็ว เสด็จไปตามทางที่มฤคหนีไป. ราชบริษัทไม่สามารถจะติดตามรถพระที่นั่งซึ่งกาลังวิ่งไปโดยเร็วได้ พระราชาสองคนกับนายสารถีเสด็จไปจนถึงเวลาเที่ยงวัน ไม่พบเนื้อจึงเสด็จกลับมา ทอดพระเนตรเห็นลาธารอันเป็ นรมณียสถานใกล้โจรคามนั้น แล้วเสด็จลงจากราชรถทรงเสวยแล้วเสด็จขึ้น. ลาดับนั้น นายสารถีจึงเลิกเครื่องปูรถ แต่งให้เป็นที่บรรทมที่ภายใต้ร่มไม้. พระราชาทรงบรรทม ณ ที่นั้น ฝ่ายนายสารถีก็นั่งถวายงานนวดพระบาทยุคลของพระราชาอยู่. พระราชาทรงบรรทมหลับๆ ตื่นๆ ในระยะติดๆ กัน. ฝ่ายพวกโจรชาวโจรคามเข้าป่าเพื่อถวายอารักขาพระราชากันหมด. ในโคจรคามจึงเหลืออยู่แต่สัตติคุมพสุวโปดก กับบุรุษพ่อครัวชื่อปติโกลุมพะ สองคนเท่านั้น. ขณะนั้น สัตติคุมพสุวโปดกบินออกจากบ้านไปเห็นพระราชา จึงคิดว่า เราจักฆ่าพระราชาผู้กาลังหลับนี้เสีย เก็บเอาเครื่องประดับไปเสีย แล้วบินกลับไปยังสานักของนายปติโกลุมพะ แจ้งเหตุนั้นให้ทราบ. พระศาสดา เมื่อจะประกาศเนื้อความนั้น ได้ตรัสพระคาถา ๕ คาถาความว่า พระมหาราชาผู้เป็นจอมแห่งชนชาวปัญจาลรัฐ เป็นดุจนายพรานเนื้อ เสด็จออกมาสู่ป่าพร้อมด้วยเสนา พลัดจากหมู่เสนาไป. ท้าวเธอได้ทอดพระเนตรเห็นกระท่อมที่เขาทาไว้เป็นที่อาศัยของโจรทั้ งหลายในป่านั้น สุวโปดกออกจากกระท่อมนั้นไปแล้ว กลับมาพูดแข็งขันกับพ่อครัวว่า มีบุรุษหนุ่มน้อย มีรถม้าเป็นพาหนะ มีกุณฑลเกลี้ยงเกลาดี มีกรอบหน้าแดง งดงามเหมือนพระอาทิตย์ ส่องแสงสว่างในกลางวัน ฉะนั้น. เมื่อถึงเที่ยงวัน พระราชากาลังบรรทมหลับพร้อมกับนายสารถี
  • 6. 6 (สุวโปดกป่าวร้องว่า) เอาซิพวกเรา จงรีบไปชิงเอาทรัพย์ทั้งหมดของท้าวเธอเสีย เวลานี้ก็เงียบสงัดดุจกลางคืน พระราชากาลังบรรทมหลับพร้อมกับนายสารถี พวกเราจงไปแย่งเอาผ้าและกุณฑลแก้วมณี แล้วฆ่าเสียเอากิ่งไม้กลบไว้. สัตติคุมพสุวโปดกนั้น ครั้นบินออกไปโดยเร็วครั้งหนึ่ง แล้วก็บินกลับไปยังสานักของนายปติโกลุมพะ อีกครั้งหนึ่งด้วยประการฉะนี้. พ่อครัวปติโกลุมพะได้ฟังถ้อยคาของสุวโปดกนั้นแล้ว จึงออกไปดูรู้ว่าเป็ นพระราชาแล้ว ก็สะดุ้งตกใจกลัว กล่าวคาถา ความว่า ดูก่อนสุวโปดกสัตติคุมพะ เจ้าเป็นบ้าไปกระมังจึงได้พูดอย่างนั้น เพราะว่า พระราชาทั้งหลายถึงจะเสด็จมาแต่ไกล ก็ย่อมทรงเดชานุภาพเหมือนดังไฟสว่างไสว ฉะนั้น. ลาดับนั้น สุวโปดกได้กล่าวตอบพ่อครัวปติโกลุมพะ โดยวจนประพันธ์คาถา ความว่า ดูก่อนปติโกลุมพะ ท่านเมาแล้วย่อมเก่งกาจมากมิใช่หรือ เมื่อมารดาของเราเปลือยกายอยู่ ไยท่านจึงเกลียดการโจรกรรมเล่า. พระเจ้าปัญจาลราชทรงตื่นพระบรรทมได้ทรงสดับคาของสุวโปดกกล่า วกับพ่อครัวโดยภาษามนุษย์ ทรงดาริว่าสถานที่นี้มีภัยเฉพาะหน้า เมื่อจะทรงปลุกนายสารถีให้ลุกขึ้น จึงตรัสพระคาถา ความว่า ดูก่อนนายสารถีเพื่อนยาก จงลุกขึ้นเทียมรถ เราไม่ชอบใจนก เราจงไปอาศรมอื่นกันเถิด. ฝ่ายนายสารถีก็ลุกขึ้นโดยด่วน เทียมราชรถแล้ว กล่าวคาถากราบทูลว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า ราชรถได้เทียมแล้ว และม้าราชพาหนะมีกาลังก็ได้จัดเทียมแล้ว เชิญพระองค์เสด็จขึ้นประทับเถิด จะได้เสด็จไปยังอาศรมอื่นพระเจ้าข้า. เมื่อพระเจ้าปัญจาลราชเสด็จขึ้นประทับบนราชรถเท่านั้น ม้าสินธพทั้งคู่ก็วิ่งไปโดยเร็วดังลมพัด. สัตติคุมพสุวโปดกเห็นราชรถกาลังวิ่งไปถึงความเคียดแค้น ได้กล่าวคาถา ๒ คาถาความว่า พวกโจรในอาศรมนี้พากันไปเสียที่ไหนหมดเล่า พระเจ้าปัญจาลราชนั้นหลุดพ้นไปได้ เพราะพวกโจรเหล่านั้นไม่เห็น ท่านทั้งหลายจงจับเกาทัณฑ์ หอกและโตมร พระเจ้าปัญจาลราชกาลังหนีไป ท่านทั้งหลายอย่าได้ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ได้เลย. เมื่อสัตติคุมพสุวโปดกนั้นร้องพลางบินตามพระราชาไปอยู่อย่างนี้ พระราชาก็เสด็จถึงอาศรมของฤาษีทั้งหลาย ขณะนั้นหมู่ฤาษีไปแสวงหาผลาผล
  • 7. 7 มีปุปผกสุวโปดกตัวเดียวเท่านั้นอยู่ในอาศรม. มันเห็นพระราชาแล้ว บินออกมารับเสด็จ ได้ทาการปฏิสันถาร. พระบรมศาสดา เมื่อจะทรงประกาศความนั้น ได้ตรัสพระคาถา ๔ คาถาความว่า ขณะนั้น ปุปผกสุวโปดก ตัวมีจะงอยปากแดงงาม ยินดีต้อนรับพระราชาว่า ข้าแต่พระมหาราชา พระองค์เสด็จมาดีแล้ว อนึ่ง พระองค์มิได้เสด็จมาร้าย พระองค์ผู้ทรงอิสรภาพ เสด็จมาถึงแล้วโดยลาดับ ของสิ่งใดมีอยู่ในอาศรมนี้ ขอพระองค์ทรงเลือกเสวยของสิ่งนั้น ผลมะพลับ ผลมะหาด ผลมะซาง ผลหมากเม่า อันเป็นผลไม้มีรสหวานเล็กน้อย ขอพระองค์จงเลือกเสวยแต่ที่ดีๆ ข้าแต่พระมหาราชา น้านี้เย็นนามาแต่ซอกภูเขา ขอเชิญพระองค์ทรงดื่มถ้าทรงปรารถนา ฤาษีทั้งหลายในอาศรมนี้พากันไปป่าเพื่อแสวงหาผลาผล เชิญพระองค์เสด็จลุกขึ้นไปทรงเลือกหยิบเอาเองเถิด เพราะข้าพระองค์ไม่มีมือจะทูลถวายได้. พระราชาทรงเลื่อมใสในการปฏิสันถารของปุปผกสุวโปดก เมื่อจะทรงทาการชมเชย จึงตรัสพระคาถา ๒ คาถา ความว่า นกแขกเต้าตัวนี้เจริญดีหนอ ประกอบด้วยคุณธรรมอย่างยิ่ง ส่วนนกแขกเต้าตัวโน้นพูดคาหยาบคายว่า จงจับมัดพระราชานี้ฆ่าเสียอย่าให้รอดชีวิตไปได้เลย เมื่อนกแขกเต้าตัวนั้นราพันเพ้ออยู่อย่างนี้ เราได้มาถึงอาศรมนี้โดยสวัสดี. ปุปผกสุวโปดกฟังพระดารัสของพระราชาแล้ว ได้กล่าวคาถา ๒ คาถาความว่า ข้าแต่พระมหาราชา ข้าพระองค์ทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน ได้เจริญเติบโตที่ต้นไม้เดียวกัน แต่ต่างพลัดกันไปอยู่คนละเขตแดน สัตติคุมพะเจริญอยู่ในสานักของพวกโจร ส่วนข้าพระองค์เจริญอยู่ในสานักของฤาษีในอาศรมนี้ สัตติคุมพะนั้นเข้าอยู่ในสานักของอสัตบุรุษ ข้าพระองค์อยู่ในสานักของสัตบุรุษ ฉะนั้น ข้าพระองค์ทั้งสองจึงต่างกันโดยธรรม. บัดนี้ ปุปผกสุวโปดก เมื่อจะจาแนกธรรมนั้น จึงกล่าวคาถา ๒ คาถาความว่า การฆ่าก็ดี การจองจาก็ดี การหลอกลวงด้วยของปลอมก็ดี การหลอกลวงด้วยอาการตรงๆ ก็ดี การปล้นฆ่าชาวบ้านก็ดี การกระทากรรมอันแสนสาหัสก็ดี มีอยู่ในที่ใด สัตติคุมพะนั้นย่อมศึกษาสิ่งเหล่านั้นในที่นั้น
  • 8. 8 ข้าแต่พระองค์ผู้ภารตวงศ์ ในอาศรมของฤาษีนี้มีแต่สัจจธรรม ความไม่เบียดเบียน ความสารวมและความฝึกอินทรีย์ ข้าพระองค์เป็นผู้เจริญแล้วบนตักของฤาษีทั้งหลายผู้มีปกติให้อาสนะและน้า. บัดนี้ เมื่อปุปผกสุวโปดก จะแสดงธรรมแก่พระราชาสืบไป ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ความว่า ข้าแต่พระราชา บุคคลคบคนใดๆ เป็นสัตบุรุษ อสัตบุรุษ มีศีล หรือไม่มีศีล บุคคลนั้นย่อมไปสู่อานาจของบุคคลนั้นนั่นแล บุคคลคบคนเช่นใดเป็ นมิตร หรือเข้าไปซ่องเสพคนเช่นใด ก็ย่อมเป็นเช่นคนนั้น เพราะการอยู่ร่วมกันเป็นเช่นนั้น อาจารย์คบอันเตวาสิกย่อมทาอันเตวาสิกผู้ยังไม่แปดเปื้อนให้แปดเปื้อ นได้ อาจารย์ถูกอันเตวาสิกพาแปดเปื้อนแล้วย่อมพาอาจารย์อื่นให้เปื้อนอีก เหมือนลูกศรที่เปื้อนยาพิษแล้ว ย่อมทาแล่งลูกศรให้เปื้อน ฉะนั้น นักปราชญ์ไม่พึงมีสหายลามกเลยทีเดียว เพราะกลัวแต่การแปดเปื้อนด้วยบาปธรรม นรชนใดห่อปลาเน่าด้วยใบหญ้าคา แม้ใบหญ้าคาของนรชนนั้นก็ย่อมมีกลิ่นเน่าฟุ้ งไปฉันใด การเข้าไปเสพคนพาลก็ฉันนั้นเหมือนกัน นรชนใดห่อกฤษณาด้วยใบไม้ แม้ใบไม้ของนรชนนั้นก็ย่อมหอมฟุ้ งไปฉันใด การเข้าไปเสพนักปราชญ์ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุนั้น บัณฑิตรู้ความเปลี่ยนแปลงของตน ดุจห่อใบไม้แล้ว ไม่ควรเข้าไปเสพอสัตบุรุษ ควรเสพแต่สัตบุรุษ ด้วยว่า อสัตบุรุษย่อมนาไปสู่นรก สัตบุรุษย่อมพาให้ถึงสุคติ. พระเจ้าปัญจาลราชทรงเลื่อมใสในธรรมกถาของปุปผกสุวโปดกนั้น. ฝ่ายหมู่พระฤาษีกลับมาจากป่า พระราชาทรงนมัสการพระฤาษีทั้งหลายแล้ว ตรัสว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ เมื่อพระคุณเจ้าทั้งหลายจะอนุเคราะห์ข้าพเจ้า โปรดพากันไปอยู่ในสถานที่อยู่ของข้าพเจ้าเถิด ทรงรับปฏิญญาของฤาษีทั้งหลายเหล่านั้นแล้ว เสด็จไปพระนคร ได้พระราชทานอภัยแก่สุวโปดกทั้งหลาย. ฝ่ายพวกฤาษีก็ได้พากันไปในพระนครนั้น พระราชาทรงนิมนต์หมู่พระฤาษีให้อยู่ในพระราชอุทยาน ทรงอุปัฏฐากบารุงตลอดพระชนมายุแล้วเสด็จสู่สวรรคาลัย. ฝ่ายพระราชโอรสของท้าวเธอโปรดให้ยกเศวตฉัตรเสวยราชสมบัติสืบ ต่อมา ทรงปฏิบัติหมู่พระฤาษี เสมือนพระราชบิดา. ในราชสกุลต่อมานั้น ได้ยังทานให้เป็ นไปแก่หมู่พระฤาษี ชั่วพระราชาเจ็ดพระองค์
  • 9. 9 พระมหาสัตว์ เมื่ออยู่ในอรัญประเทศตามสมควรก็ไปตามยถากรรมของตน. พระบรมศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในชาติก่อนพระเทวทัตก็เป็นคนลามก มีบริวารลามกเหมือนกันอย่างนี้ แล้วทรงประชุมชาดกว่า สัตติคุมพสุวโปดกในครั้งนั้น ได้มาเป็ น พระเทวทัต นี้ โจรทั้งหลายได้มาเป็ น บริษัทบริวารของพระเทวทัต พระราชาได้มาเป็น พระอานนท์ หมู่แห่งฤาษีได้มาเป็ น พุทธบริษัท ส่วนปุปผกสุวโปดกได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล. จบอรรถกถาสัตติคุมพชาดกที่ ๗ -----------------------------------------------------