More Related Content
Similar to 152 สิงคาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)
More from maruay songtanin (20)
152 สิงคาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
สิงคาลชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๒. สิงคาลชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๑๕๒)
ว่าด้วยเหตุที่ทาให้สุนัขจิ้งจอกตาย
(ราชสีห์โพธิสัตว์เห็นพี่ชายทั้ง ๖ ตาย จึงกล่าวว่า)
[๓] การงานเหล่านั้นย่อมทาบุคคลผู้มิได้พิจารณา
ทาด้วยความรีบร้อนให้เดือดร้อนเหมือนกลืนของร้อนเข้าไปในปาก
[๔] ราชสีห์ได้บันลือสีหนาทไปทั่วภูเขาเงิน
สุนัขจิ้งจอกที่อาศัยอยู่ในภูเขาเงิน ได้ยินเสียงกึกก้องของราชสีห์
เกิดความกลัวความสะดุ้งจนหัวใจแตกตาย
สิงคาลชาดกที่ ๒ จบ
-----------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
สิคาลชาดก
ว่าด้วย การทาโดยไม่พิจารณา
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา
ทรงปรารภบุตรช่างกัลบกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่เมืองเวสาลี แล้วตรัสพระธรรมเทศนานี้
ดังนี้
ได้ยินว่า บิดาของเขาเป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใส ถึงไตรสรณคมน์
สมาทานศีล ๕ กระทากิจทุกอย่าง เป็นต้นว่า ปลงพระมัสสุ แต่งพระเกศา
ตั้งกระดานสะกาแด่พระราชา พระมเหสี พระราชกุมาร และพระราชกุมารี
ยังกาลเวลาให้ล่วงไปด้วยการฟังธรรมของพระศาสดาเนืองๆ.
วันหนึ่งบิดาไปทางานในราชนิเวศน์ พาบุตรของตนไปด้วย. บุตรนั้น
เห็นนางกุมาริกาแห่งเจ้าลิจฉวีองค์หนึ่ง ในราชนิเวศน์นั้น
ประดับประดาด้วยเครื่องอลังการ เปรียบด้วยนางเทพอัปสร มีจิตปฏิพัทธ์
ครั้นออกจากราชนิเวศน์กับบิดาแล้ว คิดว่า เมื่อเราได้นางกุมาริกานี้
จึงจักมีชีวิตอยู่ เมื่อไม่ได้เราจักตายเสียในที่นี่แหละ
จึงอดอาหารนอนซมเซาอยู่บนเตียง.
ลาดับนั้น บิดาเข้าไปหาบุตรปลอบโยนว่า ลูกเอ๋ย
ลูกอย่าทาความพอใจยินดีในสิ่งที่ไม่สมควรเลย ลูกเป็นคนมีกาเนิดต่าต้อย
เป็นลูกช่างกัลบก ส่วนกุมาริกาของเจ้าลิจฉวี เป็ นธิดากษัตริย์ สมบูรณ์ด้วยชาติ
นางไม่สมควรแก่เจ้าดอก
พ่อจักนากุมาริกาอื่นที่เหมาะสมด้วยชาติแลโคตรมาให้ลูก.
บุตรมิได้เชื่อถ้อยคาของบิดา. ต่อมาญาติและมิตรสหาย คือมารดา พี่ชายน้องสาว
- 2. 2
น้าอาทั้งหมดประชุมกันชี้แจง ก็ไม่อาจให้ยินยอมได้ เขาผอมซูบซีด
นอนตายอยู่บนเตียงนั่นเอง.
บิดาของเขา ครั้นทาฌาปนกิจเสร็จแล้ว เมื่อความโศกสร่างลง คิดว่า
เราจักถวายบังคมพระศาสดา จึงถือของหอม ดอกไม้เป็นต้น
และเครื่องลูบไล้เป็นอันมาก ไปป่ามหาวัน บูชาพระศาสดา ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ
ส่วนข้างหนึ่ง เมื่อพระศาสดาตรัสถามว่า อุบาสก เพราะอะไร
ท่านจึงไม่ปรากฏตลอดวัน. เขาได้กราบทูลความนั้นให้ทรงทราบ
พระศาสดาตรัสว่า อุบาสก บุตรของท่านเกิดพอใจยินดีในสิ่งอันไม่สมควร
แล้วถึงความพินาศ มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อน
บุตรของท่านก็ได้ถึงความพินาศมาแล้ว
เมื่อเขาทูลอาราธนา จึงทรงนาเรื่องในอดีตมา.
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์อุบัติในกาเนิดราชสีห์ ณ ป่าหิมพานต์ ราชสีห์นั้นมีน้องชายหก
มีน้องหญิงหนึ่ง ทั้งหมดอาศัยอยู่ ณ ถ้าทอง. อนึ่ง ที่รชฏบรรพตไม่ไกลจากถ้านั้น
มีถ้าผลึกอยู่ถ้าหนึ่ง ที่ถ้าผลึกนั้นมีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งอาศัยอยู่.
ครั้นต่อมา พ่อแม่ของราชสีห์ทั้งหลายได้ตายลง ราชสีห์ผู้พี่เหล่านั้น
จึงให้นางราชสีห์ผู้น้องอยู่ในถ้าทอง แล้วออกหาอาหาร นาเนื้อมาให้น้อง
สุนัขจิ้งจอกเห็นนางราชสีห์นั้น ได้มีจิตปฏิพัทธ์
แต่เมื่อพ่อแม่ของนางราชสีห์ยังไม่ตาย สุนัขจิ้งจอกจึงไม่ได้โอกาส
ในเวลาที่ราชสีห์พี่น้องทั้ง ๗ ออกไปหาอาหาร สุนัขจิ้งจอกจึงลงจากถ้าแก้วผลึก
ไปยังประตูถ้าทอง กล่าววาจามีเลศนัย อันประกอบด้วยโลกามิส
เฉพาะหน้านางราชสีห์ว่า นี่แน่ะแม่ราชสีห์น้อย เรามีสี่เท้า แม้เจ้าก็มีสี่เท้า
เจ้าจงเป็นภรรยาของเราเถิด เราจักเป็นสามีของเจ้า
เราทั้งสองจักสมสู่อยู่ร่วมกันอย่างบันเทิงใจ
ตั้งแต่นี้ไปเจ้าจงร่วมกับเราด้วยอานาจกิเลส.
นางราชสีห์ฟังคาของสุนัขจิ้งจอกแล้วคิดว่า เจ้าสุนัขจิ้งจอกนี้
เป็นสัตว์เลวทรามน่าขยะแขยง คล้ายตัวจัณฑาลในระหว่างสัตว์สี่เท้าทั้งหลาย
พวกเราเท่ากับราชตระกูลชั้นสูง สุนัขจิ้งจอกนี้พูดจาไม่งดงาม ไม่เหมาะสมกับเรา
เราฟังถ้อยคาชนิดนี้แล้วจะมีชีวิตอยู่ไปทาไม เราจักกลั้นใจตายเสีย
ครั้นแล้วนางราชสีห์ฉุกคิดขึ้นว่า เราตายอย่างนี้ไม่สมควร
รอให้พวกพี่ของเรากลับมาเสียก่อน เราเล่าเรื่องให้พี่ๆ ฟังแล้วจึงจะตาย.
ฝ่ายสุนัขจิ้งจอก ครั้นไม่ได้คาตอบจากนางราชสีห์ คิดว่า
นางไม่เยื่อใยในเราเสียแล้ว เสียใจกลับเข้าไปนอนในถ้าแก้วผลึก.
ราชสีห์ตัวหนึ่งฆ่ากระบือและช้างเป็ นต้น ตัวใดตัวหนึ่งกัดกินเนื้อ
และนาส่วนหนึ่งมาให้นางราชสีห์ผู้น้อง กล่าวว่า น้องเคี้ยวกินเนื้อเสียเถิด.
- 3. 3
นางราชสีห์ตอบว่า พี่ ฉันไม่กินดอก ฉันจะตายละ. ราชสีห์ถามว่า ทาไมเล่าน้อง.
นางได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ราชสีห์ผู้พี่ฟัง. ราชสีห์ถามว่า
เดี๋ยวนี้สุนัขจิ้งจอกมันอยู่ที่ไหนเล่า
นางราชสีห์สาคัญสุนัขจิ้งจอกซึ่งนอนอยู่ในถ้าแก้วผลึกว่า นอนอยู่ในกลางแจ้ง
จึงตอบว่า พี่ไม่เห็นหรือ สุนัขจิ้งจอกนี้นอนอยู่กลางแจ้งใกล้เขารชฏบรรพต.
ลูกราชสีห์ไม่รู้ว่ามันนอนในถ้าแก้วผลึก สาคัญว่ามันนอนในกลางแจ้ง
คิดว่า จักฆ่ามันเสีย จึงวิ่งไปโดยกาลังเร็วของราชสีห์
ชนเอาถ้าแก้วผลึกหัวใจวาย. ลูกราชสีห์นั้น หัวใจวายถึงแก่ความตาย
ล้มลงที่เชิงเขานั้นเอง.
ต่อมา ราชสีห์อีกตัวหนึ่งมา
นางราชสีห์ก็บอกเรื่องราวแก่ราชสีห์เหมือนอย่างเดิม
แม้ราชสีห์นั้นก็ทาอย่างเดียวกันนั้น ถึงแก่ความตายล้มลงที่เชิงเขา
เมื่อพี่ทั้งหกตายหมด ราชสีห์โพธิสัตว์กลับมาภายหลัง
นางราชสีห์ก็เล่าเรื่องให้ราชสีห์โพธิสัตว์ฟัง เมื่อราชสีห์โพธิสัตว์ถามว่า
เดี๋ยวนี้สุนัขจิ้งจอกนั้น มันอยู่ที่ไหน นางก็บอกว่า
มันนอนที่กลางแจ้งใกล้ยอดเขารชฏบรรพต.
ราชสีห์โพธิสัตว์คิดว่า
ธรรมดาสุนัขจิ้งจอกทั้งหลายไม่มีที่อาศัยในกลางแจ้ง
มันต้องนอนอยู่ในถ้าแก้วผลึกเป็นแน่ ราชสีห์โพธิสัตว์จึงเดินไปยังเชิงภูเขา
เห็นพวกน้องๆ ตายหมดหกตัว จึงกล่าวว่า ราชสีห์เหล่านี้คงจะไม่รู้ว่า
สุนัขจิ้งจอกนอนในถ้าแก้วผลึก เพราะไม่มีปัญญาตรวจสอบ
เพราะความที่ตัวโง่จึงชนถ้าตาย ขึ้นชื่อว่าการงานของผู้ไม่พิจารณาแล้ว
รีบทาย่อมเป็นอย่างนี้แหละ
แล้วกล่าวคาถาแรกว่า :-
การงานเหล่านั้น ย่อมเผาบุคคลผู้มีการงานอันมิได้พิจารณาแล้ว
รีบร้อนจะทาให้สาเร็จ
เหมือนกับของร้อนที่บุคคลไม่พิจารณาก่อนแล้วใส่เข้าไปในปาก ฉะนั้น.
บุคคลใดประสงค์จะทาการงานใด มิได้พิจารณา
คือมิได้สอบสวนโทษในการงานนั้น รีบร้อนตกลง ผลุนผลันปฏิบัติ
เพื่อรีบทาการงานนั้น การงานทั้งหลายเช่นนั้น ย่อมเผาผลาญบุคคลผู้นั้น
ผู้มิได้พิจารณาการงานรีบร้อนทาให้สาเร็จ คือทาให้เศร้าโศก ทาให้ลาบาก.
ถามว่า เหมือนอะไร?
ตอบว่า เหมือนของร้อนที่ใส่เข้าไปในปากฉะนั้น อธิบายว่า
เหมือนผู้จะบริโภคไม่ได้พิจารณาว่า ของนี้เย็นของนี้ร้อนใส่ คือวางของที่กลืน
อันร้อนลงไปในปาก ย่อมลวกปากบ้าง คอบ้าง ท้องบ้าง ทาให้เศร้าโศก
- 4. 4
ทาให้ลาบาก ฉันใด การงานทั้งหลายเหล่านั้น ก็ฉันนั้น ย่อมเผาบุคคลเช่นนั้น.
ราชสีห์โพธิสัตว์นั้น ครั้นกล่าวคาถานี้แล้ว จึงพูดว่า น้องๆ
ของเราไม่ฉลาดในอุบาย คิดว่า จักฆ่าสุนัขจิ้งจอก
รีบร้อนผลุนผลันไปตัวเองจึงตาย ส่วนเราจักไม่ทาอย่างนั้น จักฉีกอกสุนัขจิ้งจอก
ซึ่งนอนสะดุ้งอยู่ในถ้าแก้วผลึกให้จงได้.
ราชสีห์โพธิสัตว์สังเกตทางขึ้นลงของสุนัขจิ้งจอกเสร็จแล้ว
จึงมุ่งหน้าไปทางนั้น บันลือสีหนาทสามครั้ง
อากาศกับผืนแผ่นดินได้มีเสียงกึกก้องเป็ นอันเดียวกัน
หัวใจสุนัขจิ้งจอกซึ่งนอนหวาดสะดุ้งอยู่ในถ้าแก้วผลึก ก็แตกทาลาย
สุนัขจิ้งจอกถึงแก่ความตาย ในที่นั้นเอง.
พระศาสดาตรัสว่า
สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นได้ยินราชสีห์แผดเสียงอย่างนี้แล้ว ถึงแก่ความตาย
เมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้ว จึงตรัสคาถาที่สองว่า :-
อนึ่ง ราชสีห์ได้แผดสีหนาทที่ภูเขาเงิน
สุนัขจิ้งจอกอยู่ในภูเขาเงินได้ฟังราชสีห์แผดเสียง ก็กลัวตาย หวาดกลัว
หัวใจแตกตาย.
ราชสีห์โพธิสัตว์ ครั้นให้สุนัขจิ้งจอกถึงแก่ความตายแล้ว
จึงปกคลุมพวกน้องๆ ไว้ในที่แห่งหนึ่งแล้ว
แจ้งการตายของราชสีห์เหล่านั้นให้นางราชสีห์ผู้น้องรู้ ปลอบน้อง
อยู่อาศัยในถ้าทองจนสิ้นชีพ แล้วก็ไปตามยถากรรม.
พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว
จึงทรงประกาศสัจธรรม ประชุมชาดก ในเวลาจบสัจธรรม
อุบาสกตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล
สุนัขจิ้งจอกในครั้งนั้นได้เป็ น บุตรช่างกัลบก ในบัดนี้.
นางราชสีห์ได้เป็นกุมาริกาแห่งเจ้าลิจฉวี
น้องๆ ทั้งหกได้เป็ นพระเถระรูปใดรูปหนึ่ง
ส่วนราชสีห์พี่ใหญ่ได้เป็น เราตถาคต นี้แล.
-------------------------------