ว่าด้วย สมุทรสาคร พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระมหาวิหารเชตวัน ทรงปรารภพระอุปนันทเถระ จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ได้ยินว่า พระอุปนันทะนั้นบริโภคมาก มีความทะเยอทะยานมาก ใครๆ ไม่อาจให้พระอุปนันทะนั้นอิ่มหนำแม้ด้วยปัจจัยเต็มเล่มเกวียน. ในวันใกล้เข้าพรรษา พระอุปนันทะนั้นวางรองเท้าไว้ในวิหารหนึ่ง วางลักจั่นไว้ในวิหารหนึ่ง วางไม้เท้าไว้ในวิหารหนึ่ง ตนเองอยู่ในวิหารหนึ่ง คราวหนึ่งไปยังวิหารในชนบท เห็นภิกษุทั้งหลายมีบริขารประณีต จึงกล่าวอริยวังสกถาพรรณนาถึงความเป็นวงศ์ของอริยะ ให้ภิกษุเหล่านั้นถือผ้าบังสุกุล แล้วถือเอาจีวรของภิกษุเหล่านั้น ให้ภิกษุเหล่านั้นถือบาตรดินแล้ว ตนเองเอาบาตรที่ชอบๆ และภาชนะมีถาดเป็นต้น บรรทุกเต็มยานน้อยแล้วมาสู่พระเชตวันมหาวิหาร. อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย พระอุปนันทะศากยบุตร บริโภคมาก มักมาก แสดงข้อปฏิบัติแก่ภิกษุเหล่าอื่น แล้วเอาสมณบริขารบรรทุกเต็มยานน้อยมา. พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุปนันทะกล่าวอริยวังสกถาแก่ผู้อื่น แล้วกระทำกรรมอันไม่สมควร เพราะควรที่ตนจะต้องเป็นผู้มักน้อยก่อนแล้ว จึงกล่าวอริยวังสกถาแก่ผู้อื่นในภายหลัง แล้วทรงแสดง คาถาในพระธรรมบท ดังนี้ว่า :- บุคคลควรตั้งตนไว้ในคุณอันสมควรก่อน แล้วพึงสั่งสอนผู้อื่นในภายหลัง บัณฑิตจะไม่พึงเศร้าหมอง. ครั้นแล้วจึงทรงติเตียนพระอุปนันทะ แล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ พระอุปนันทะเป็นผู้มักมากในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อนก็ยังสำคัญน้ำแม้ในมหาสมุทรว่า ตนควรจะรักษา แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้