More Related Content
Similar to 110 สัพพสังหารกปัญหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑.docx (20)
More from maruay songtanin (20)
110 สัพพสังหารกปัญหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑.docx
- 1. 1
สัพพสังหารกปัญหชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๑๐. สัพพสังหารกปัญหชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๑๑๐)
ว่าด้วยการพูดของหญิง ๒ ประเภท
(พระโพธิสัตว์ขัดสีเครื่องประดับอยู่เมื่อรู้ว่าดอกประยงค์บานแล้ว
จึงกล่าวว่า)
[๑๑๐] กลิ่นเครื่องอบทั้งปวงไม่มี มีแต่กลิ่นดอกประยงค์ล้วนๆ ฟุ้ งไป
หญิงนักเลงคนนี้พูดแต่คาเหลาะแหละ ส่วนหญิงผู้ใหญ่พูดแต่คาสัตย์
สัพพสังหารกปัญหชาดกที่ ๑๐ จบ
ปโรสตวรรคที่ ๑๑ จบ
---------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
สัพพสังหารกปัญหา
ว่าด้วย การพูดของหญิง ๒ ประเภท
ปัญหาในเรื่องเครื่องประดับอบด้วยกลิ่นหอมทุกอย่าง ดังนี้
จักแจ่มแจ้งโดยอาการทั้งปวง ในอุมมัคคชาดก (มีความว่า
ยังมีหญิงเข็ญใจคนหนึ่ง เปลื้องเครื่องประดับทาเป็ นปล้อง ถักด้วยด้ายสีต่างๆ
จากคอวางไว้บนผ้าสาฎก ลงสู่สระโบกขรณีที่มโหสถบัณฑิตให้ทาไว้ เพื่ออาบน้า.
หญิงรุ่นสาวคนหนึ่งเห็นเครื่องประดับนั้น เกิดความโลภ
หยิบเครื่องประดับขึ้นชมว่า เครื่องประดับนี้งามเหลือเกิน. แกทาราคาเท่าไร
แม้กันก็จักทารูปเหล่านี้ ตามควรแก่ศิลปะของตน.
กล่าวชมฉะนี้แล้วประดับที่คอตน แล้วกล่าวว่า
กันจะพิจารณาประมาณของเครื่องประดับนั้นก่อน. หญิงเจ้าของกล่าวว่า
จงพิจารณาดูเถิด เพราะหญิงเจ้าของเป็นคนมีจิตซื่อตรง
หญิงรุ่นสาวประดับที่คอตน แล้วหลีกไป. ฝ่ายหญิงเจ้าของเห็นดังนั้น
ก็รีบขึ้นจากโบกขรณี นุ่งผ้าสาฎก แล้ววิ่งตามไปยึดผ้าไว้กล่าวว่า
เอ็งจักถือเอาเครื่องประดับของข้า หนีไปไหน. ฝ่ายหญิงขโมยกล่าวตอบว่า
ข้าไม่ได้เอาของของแก เครื่องประดับคอของข้าต่างหาก.
มหาชนชุมนุมฟังวิวาทกัน. ฝ่ายมโหสถบัณฑิตเล่นอยู่กับเหล่าทารก
ได้ฟังเสียงหญิงสองคนนั้นทะเลาะกันไปทางประตูศาลา ถามว่า นั่นเสียงอะไร.
ได้ฟังเหตุที่หญิงสองคนทะเลาะกันแล้ว จึงให้เรียกเข้ามา แม้รู้อยู่โดยอาการว่า
หญิงนี้เป็ นขโมย หญิงนี้มิใช่ขโมย. ก็ถามเนื้อความนั้นแล้วกล่าวว่า
แกทั้งสองจักตั้งอยู่ในวินิจฉัยของข้าหรือ เมื่อหญิงทั้งสองรับว่า
จักตั้งอยู่ในวินิจฉัย. จึงถามหญิงขโมยก่อนว่า
- 2. 2
แกย้อมเครื่องประดับนี้ด้วยของหอมอะไร. หญิงขโมยตอบว่า
ข้าพเจ้าย้อมด้วยของหอมทุกอย่าง ของหอมที่ทาประกอบด้วยของหอมทั้งปวง
ชื่อว่าของหอมทุกอย่าง. ลาดับนั้น มโหสถบัณฑิตจึงถามหญิงเจ้าของ นางตอบว่า
เพราะข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจ ของหอมทุกอย่างจะมีแต่ไหน
ข้าพเจ้าย้อมด้วยของหอม คือดอกประยงค์เท่านั้นเป็ นนิตย์.
มโหสถบัณฑิตให้คนของตน กาหนดคาของหญิงทั้งสองนั้นไว้
แล้วให้นาภาชนะน้ามาแช่เครื่องประดับน้าในภาชนะน้านั้น.
ให้เรียกคนรู้จักกลิ่นมาสั่งว่า ท่านจงดมเครื่องประดับนั้น จะเป็นกลิ่นอะไร.
คนรู้จักกลิ่นดมเครื่องประดับนั้นแล้วก็รู้ว่า กลิ่นดอกประยงค์
จึงกล่าวคาถานี้ในเอกนิบาตว่า
ของหอมทุกอย่างไม่มี มีแต่กลิ่นดอกประยงค์ล้วน
หญิงนักเลงคือหญิงขโมยกล่าวคาเท็จ หญิงแก่คือหญิงเจ้าของกล่าวคาจริง.
ลาดับนั้น พระมหาสัตว์ยังมหาชนให้รู้เหตุการณ์นั้นแล้วถามว่า
แกเป็นขโมยหรือ แล้วให้สารภาพว่าเป็ นขโมย. จาเดิมแต่นั้น
ความที่พระมหาสัตว์เป็นบัณฑิต ก็ปรากฏแก่มหาชน.).
----------------------------