More Related Content
Similar to 106 อุทัญจนีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)
More from maruay songtanin (20)
106 อุทัญจนีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
อุทัญจนีชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๖. อุทัญจนีชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๑๐๖)
ว่าด้วยนางอุทัญจนี
(ดาบสผู้เป็นบุตรของพระโพธิสัตว์อดทนต่อการเคี่ยวเข็ญของนางอุทัญจนีไม่ไหว
หนีไปหาบิดาแล้ว จึงกล่าวว่า)
[๑๐๖] นางโจรชื่ออุทัญจนีเบียดเบียนข้าพเจ้า
ผู้อยู่อย่างสบายให้เดือดร้อน
เพราะเรียกตนเองว่าเป็นภรรยาจึงร้องขอน้ามันและเกลือ
อุทัญจนีชาดกที่ ๖ จบ
--------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
อุทัญจนีชาดก
ว่าด้วย หญิงโจร
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภการเล้าโลมของถุลกุมาริกา(หญิงสาวเจ้าเนื้อ) ตรัสพระธรรมเทศนานี้
ดังนี้.
เนื้อเรื่องจักแจ่มแจ้งใน จูฬนารทกัสสปชาดก เตรสนิบาต นั่นแล
ก็พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่า
เธอกระสันจริงหรือ? เมื่อภิกษุนั้นกราบทูลว่า จริง พระเจ้าข้า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า. ตรัสถามต่อไปว่า จิตของเธอปฏิพัทธ์ในอะไรเล่า?
เธอกราบทูลว่า ในหญิงสาวเจ้าเนื้อนางหนึ่ง พระเจ้าข้า.
ลาดับนั้น พระบรมศาสดาจึงตรัสกะภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ
นางนี้เคยทาความฉิบหายให้เธอ แม้ในกาลก่อน
เธออาศัยนางนี่ถึงความเสื่อมจากศีล เที่ยวซบเซาไป
ต่ออาศัยบัณฑิตจึงได้ความสุข แล้วทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
เมื่อเรื่องในอดีต ตั้งแต่คาว่า ในอดีตกาล
ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสีเป็นต้น
ก็จักแจ่มแจ้งในจูฬนารทกัสสปชาดกเหมือนกัน.
ก็ในครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ถือผลาผลมาในเวลาเย็น
เปิดประตูบรรณศาลา เข้าไปได้พูดคานี้กะดาบสน้อยผู้บุตรว่า พ่อเอ๋ย ในวันอื่นๆ
เจ้าหักฟืน ตักน้าดื่มไว้ ก่อไฟไว้ แต่วันนี้ไม่ทาแม้สักอย่างเดียว เหตุไรเล่า
เจ้าจึงมีหน้าเศร้า นั่งซบเซาอยู่.
- 2. 2
ดาบสน้อยตอบว่า ข้าแต่พ่อ เมื่อท่านพ่อไปหาผลาผล
หญิงคนหนึ่งมาเล้าโล้มกระผมชวนให้ไปด้วย แต่กระผมผลัดไว้ว่า
ต่อท่านพ่ออนุญาตแล้วจึงจักไป จึงยังไม่ได้ไป
กระผมให้นางนั่งรออยู่ที่ตรงโน้นแล้วกลับมา คราวนี้กระผมจักไปละครับ
ท่านพ่อ. พระโพธิสัตว์ทราบว่า เราไม่อาจเหนี่ยวรั้งเขาไว้ได้ จึงอนุญาตโดยสั่งว่า
ถ้าเช่นนั้น จงไปเถิดพ่อ แต่เขาพาเจ้าไปแล้ว เมื่อใด นางอยากกินปลากินเนื้อ
หรือมีความต้องการเนย เกลือ และข้าวสารเป็นต้น เมื่อนั้น นางจักเคี่ยวเข็ญเจ้าว่า
จงไปหาสิ่งนี้ๆ มาให้ ตอนนั้น เจ้าจงนึกถึงคุณของพ่อ แล้วพึงหนีมาที่นี่เถิด.
ดาบสได้ไปถิ่นมนุษย์กับนาง ครั้งนั้น
นางก็ให้เขาตกอยู่ในอานาจของตน ต้องการสิ่งใดๆ ก็ใช้ให้ไปหาสิ่งนั้นๆ มา
เช่นสั่งว่า จงไปหาเนื้อมา จงไปหาปลามา คราวนั้น เขาก็ได้คิดว่า
นางนี่เคี่ยวเข็ญให้เราทาอย่างกับเป็นทาสกรรมกรของตน
แล้วหนีมาสู่สานักของบิดา ไหว้บิดาแล้ว ทั้งๆ ที่ยืนอยู่นั่นแหละ กล่าวคาถานี้
ความว่า :-
"หญิงโฉดผู้นาของไปด้วยหม้อน้า
เบียดเบียนฉันผู้มีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข จะขอน้ามันหรือเกลือ
ก็ด้วยการกล่าวคาอ่อนหวาน ฐานภรรยา" ดังนี้.
ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ก็ปลอบดาบสน้อยนั้นว่า ช่างมันเถิดพ่อ มาเถิด
เจ้าจงเจริญเมตตากรุณาไว้เถิด แล้วบอกพรหมวิหาร ๔ ให้ บอกกสิณบริกรรมให้
ไม่นานนักดาบสน้อยนั้น ก็ยังอภิญญาและสมาบัติให้เกิดได้ เจริญพรหมวิหาร
แล้วไปบังเกิดในพรหมโลก พร้อมด้วยบิดา.
พระศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะ ในเวล
าจบสัจจะ ภิกษุนั้นดารงในโสดาปัตติผล ทรงประชุมชาดกว่า
ถุลกุมาริกาในครั้งนั้น ได้มาเป็ นถุลกุมาริกาในบัดนี้
ดาบสน้อยได้มาเป็นภิกษุผู้กระสัน
ส่วนดาบสผู้บิดา ได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.
----------------------------