ว่าด้วย สิ่งที่ครอบงำคนประมาท
พระศาสดาทรงอาศัยกุณฑิยนคร ประทับอยู่ ณ กุณฑธานวัน ทรงปรารภอุบาสิกานามว่า สุปปวาสา ผู้เป็นธิดาแห่งโกลิยกษัตริย์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ความพิสดารว่า ในสมัยนั้น พระนางสุปปวาสาต้องทรงบริหารพระครรภ์ถึง ๗ ปี แล้วยังต้องเจ็บพระครรภ์อีก ๗ วัน เวทนาเป็นไปขนาดหนัก พระนางแม้จะถูกเวทนาขนาดหนัก เสียดแทงถึงอย่างนี้ ก็อดกลั้นทุกข์เสียได้ด้วยวิตก ๓ ประการเหล่านี้ คือ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดเล่า ทรงแสดงธรรมเพื่อการละทุกข์เห็นปานนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแท้หนอ หมู่แห่งสาวกของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นใดเล่า ปฏิบัติแล้วเพื่อการละทุกข์เห็นปานนี้ หมู่สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น นั้นเป็นผู้ปฏิบัติดีแน่หนอ ทุกข์เห็นปานนี้ไม่มีในพระนิพพานใดเล่า พระนิพพานนั้นเป็นสุขจริงหนอ
พระนางตรัสเรียกพระสวามีมาแล้ว ขอให้ไปเฝ้าพระศาสดา เพื่อกราบทูลความเป็นไปของพระนาง และข่าวกราบถวายบังคม พระศาสดาทรงทราบข่าวการถวายบังคมแล้ว ตรัสว่า โกลิยธิดา สุปปวาสา จงมีความสุขเถิด จงมีความสุข ไม่มีโรค คลอดโอรส ผู้หาโรคมิได้เถิด ก็พร้อมๆ กับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้านั่นแหละ พระนางสุปปวาสา โกลิยธิดา ก็ทรงสำราญ ปราศจากพระโรคาพาธ ประสูติพระโอรสผู้ไม่มีโรคแล้ว
ครั้นพระสวามีของพระนางเสด็จถึงนิเวศน์ ทอดพระเนตรเห็นพระนางประสูติแล้ว ได้ทรงเกิดอัศจรรย์หลากพระทัยว่า น่าอัศจรรย์จริงหนอ อานุภาพของพระตถาคตเหลือประมาณ แม้พระนางสุปปวาสาทรงประสูติพระกุมารแล้ว ก็ปรารถนาจะถวายมหาทานแด่พระภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธองค์เป็นประมุข จึงส่งพระสวามีกลับไป เพื่อนิมนต์
ก็สมัยนั้นเล่า อุปัฏฐากของพระมหาโมคคัลลานะ นิมนต์พระภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธองค์เป็นประมุขไว้แล้ว พระศาสดาจึงส่งพระสวามีของพระนางไปสู่สำนักของพระเถระเจ้า ให้ท่านทำให้อุปัฏฐากยอมตกลง เพื่อให้โอกาสแก่ทานของพระนางสุปปวาสาแล้ว ทรงรับทานของพระนางตลอด ๗ วันกับภิกษุสงฆ์.
ครั้นถึงวันที่ ๗ พระนางสุปปวาสาตกแต่งพระสีวลีกุมารผู้โอรส ให้ถวายบังคมพระศาสดา และพระภิกษุสงฆ์ เมื่อพระกุมารถูกนำเข้าไปสู่สำนักของพระเถระเจ้าโดยลำดับ พระเถระเจ้าได้กระทำปฏิสันถารกับเธอว่า สีวลี เธอยังจะพอทนได้หรือ? สีวลีกุมารตรัสคำเห็นปานนี้กับพระเถระเจ้าว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ กระผมจะมีความสุขที่ไหนได้เล่า กระผมนั้นต้องอยู่ในโลหกุมภีถึง ๗ ปี พระนางสุปปวาสาทรงสดับถ้อยคำนั้นของพระโอรสแล้ว ทรงโสมนัสว่า ลูกของเราเกิดได้ ๗ วัน พูดคุยกับพระอนุพุทธธรรมเสนาบดีได้ พระศาสดาตรัสว่า สุปปวาสายังจะปรารถนาบุตรอย่างนี้คนอื่นๆ อีกไหมเล่า? พระนางกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้ากระหม่อมฉันพึงได้โอรสอื่นๆ อย่างนี้ ๗ คน เกล้ากระหม่อมฉันพึงปรารถนาทีเดียว พระเจ้าค่ะ พระศาสดาทรงเปล่งพระอุทาน กระทำอนุโมทนาแล้วเสด็จหลีกไป ฝ่ายพระกุมารสีวลีพอมีพระชนม์ได้ ๗ พรรษาเท่านั้น ก็ทรงบวชถวายชีวิตในพระศาสนา ครั้นมีอายุครบ ก็ได้อุปสมบทเป็นผู้มีบุญ ถึงความเป็นผู้เลิศด้วยลาภและยศ บรรลือลั่นตลอดพื้นปฐพี บรรลุพระอรหัตผลแล้ว ได้รับฐานะเป็นเอตทัคคะในกลุ่มแห่งท่านผู้มีบุญทั้งหลาย.