More Related Content
Similar to 158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)
More from maruay songtanin (20)
158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
สุหนุชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๘. สุหนุชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๑๕๘)
ว่าด้วยพฤติกรรมของม้าสุหนุ
(อามาตย์สาเร็จราชกิจโพธิสัตว์ได้กราบทูลพระราชาถึงพฤติกรรมของม้าว่า)
[๑๕] การที่ม้าพยศสุหนุกับม้าพยศโสณะ
กระทาความสนิทสนมกันไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ม้าโสณะเป็นเช่นใด
แม้ม้าสุหนุก็เป็นเช่นนั้น ม้าโสณะมีอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นใด
ม้าสุหนุก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นนั้น
[๑๖] ม้าทั้ง ๒ ตัวมีปกติวิ่งพล่านไปด้วยอารมณ์
คึกคะนองชอบกัดเชือกล่ามตัวเองเป็นนิตย์พอๆ กัน
ความชั่วเข้ากันได้กับความชั่ว ความไม่สงบเข้ากันได้กับความไม่สงบ
สุหนุชาดกที่ ๘ จบ
---------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
สุหนุชาดก
ว่าด้วย การเปรียบเทียบม้า ๒ ม้า
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
ทรงปรารภภิกษุดุร้ายสองรูป ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ความพิสดารมีว่า ในสมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่ง แม้ในพระวิหารเชตวัน
ได้เป็ นผู้ดุร้ายหยาบคายอย่างสาหัส ในชนบทก็ได้มีภิกษุรูปหนึ่งดุร้าย.
อยู่มาวันหนึ่ง
ภิกษุที่อยู่ในชนบทได้ไปพระวิหารเชตวันด้วยกรณียกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง.
บรรดาสามเณรและภิกษุหนุ่มรู้ว่า ภิกษุชาวชนบทรูปนั้นดุร้าย
จึงส่งภิกษุรูปนั้นไปยังที่อยู่ของภิกษุรูปที่อยู่สานักพระเชตวัน ด้วยแตกตื่นว่า
จักเห็นภิกษุดุร้ายสองรูปนั้นทะเลาะกัน. ภิกษุทั้ง ๒ รูปนั้น
ครั้นเห็นกันและกันแล้วก็สามัคคีกัน อยู่ชื่นชมกันด้วยความรัก
ได้กระทากิจมีนวดมือ นวดเท้าและนวดหลังให้กันและกัน.
ภิกษุทั้งหลายประชุมสนทนากันในโรงธรรมว่า ดูก่อนอาวุโส
ภิกษุดุร้ายสองรูป เป็ นผู้ดุร้ายหยาบคายอย่างสาหัสต่อผู้อื่น
แต่ทั้งสองรูปนั้นมีความสามัคคีกัน ชื่นชมกันอยู่ด้วยความรักต่อกันและกัน.
พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร? เมื่อกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า
- 2. 2
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนภิกษุสองรูปนี้ก็ดุร้าย
หยาบคายอย่างสาหัส แต่ครั้นเห็นกันแล้วก็สามัคคีกัน ชื่นชอบกันด้วยความรัก
แล้วทรงนาเรื่องในอดีตมาตรัสเล่า
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์ได้เป็ นอามาตย์สาเร็จราชการในทุกอย่าง
เป็นผู้ถวายอรรถถวายธรรมแด่พระราชา. ส่วนพระราชาพระองค์นั้น
ปกติทรงละโมบพระราชทรัพย์อยู่หน่อย พระองค์มีม้าโกงชื่อมหาโสณะ คราวนั้น
พวกพ่อค้าม้าชาวอุตตราบถนาม้ามา ๕๐๐ ตัว
พวกอามาตย์กราบทูลถึงเรื่องที่ม้ามาถวายพระราชาให้ทรงทราบ. ก็แต่ก่อน
พระโพธิสัตว์ตีราคาม้าให้ทรัพย์ไม่ทาราคาให้ตก (ไม่ลดค่าม้า)
พระราชาทรงเห็นพระโพธิสัตว์ไม่ต่อราคาให้ลด
จึงตรัสเรียกอามาตย์คนอื่นมาแล้วตรัสว่า นี่แน่เจ้า เจ้าจงตีราคาม้า
และเมื่อจะตีราคา จงปล่อยม้ามหาโสณะเข้าไปในระหว่างม้าเหล่านั้นก่อน
แล้วให้กัดม้าทาให้เป็นแผล ในเมื่อม้าพิการ จงต่อราคาให้ลดลง.
อามาตย์นั้นรับพระราชบัญชาได้กระทาตามพระราชประสงค์.
พ่อค้าม้าทั้งหลายไม่พอใจ จึงเล่าถึงกิริยาที่อามาตย์นั้นทาให้พระโพธิสัตว์ทราบ.
พระโพธิสัตว์ถามว่า ในเมืองของพวกท่าน ไม่มีม้าโกงบ้างหรือ.
มีจ้ะนาย ม้าโกงชื่อสุหนุ ดุร้ายหยาบคายมาก. ถ้าอย่างนั้น เมื่อท่านมาอีก
จงนาม้านั้นมาด้วย. พวกพ่อค้าม้ารับคา
เมื่อพวกเขามาอีกได้นาม้าโกงนั้นมาด้วย.
พระราชาทรงสดับว่า พวกพ่อค้าม้ามา รับสั่งให้เปิดสีหบัญชร
ทอดพระเนตรม้าทั้งหลาย แล้วมีพระบัญชาให้ปล่อยม้ามหาโสณะ.
พวกพ่อค้าม้าเห็นม้ามหาโสณะมา ก็ปล่อยม้าสุหนุไป.
ม้าทั้งสองประจัญหน้ากันต่างก็เลียร่างกายกันด้วยความชื่นชม.
พระราชาจึงตรัสถามพระโพธิสัตว์ว่า ดูซิ
ม้าโกงสองตัวนี้ดุร้ายหยาบคายแสนสาหัสต่อม้าอื่น กัดม้าอื่นให้ได้รับการเจ็บป่วย
บัดนี้ มันเลียร่างกายกันและกันด้วยความชื่นชม นี่มันเรื่องอะไรกัน.
พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า ขอเดชะข้าแต่พระองค์
ม้าเหล่านี้มีปกติไม่เสมอกันหามิได้ มันมีปกติเสมอกัน มีธาตุเสมอกัน
แล้วได้กล่าวคาถาสองคาถาว่า :-
การที่ม้าโกงสุหนุกระทาความรักกับม้าโสณะนี้
ย่อมมีด้วยปกติที่ไม่เสมอกัน หามิได้ ม้าโสณะเป็นเช่นใด
แม้ม้าสุหนุก็เป็นเช่นนั้น ม้าโสณะมีความประพฤติเช่นใด
ม้าสุหนุก็มีความประพฤติเช่นนั้น
ม้าทั้งสองนั้น ย่อมเสมอกันด้วยการวิ่งไปด้วยความคะนอง