SlideShare a Scribd company logo
1
สุวัณณกักกฏกชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๔. สุวัณณกักกฏกชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๓๘๙)
ว่าด้วยปูทองที่ฉลาด
(กาด่างูว่า)
[๙๔] เราถูกปูทองซึ่งมีตาโปนออกมา มีกระดูกเป็นหนัง (คาว่า
มีกระดูกเป็นหนัง ได้แก่ กระดองปู) อาศัยอยู่ในน้า ไม่มีขน หนีบแล้ว
ร้องขอความกรุณาอยู่ เพื่อนเอ๋ย เพราะเหตุใดหนอ ท่านจึงละทิ้งเราไป
(พระศาสดาทรงแสดงข้อความนี้ว่า)
[๙๕] งูผู้เป็ นเพื่อนนั้น เมื่อจะป้ องกันกาผู้เป็นเพื่อน
จึงพ่นพิษพร้อมกับแผ่พังพานใหญ่ไปจนถึงตัวปู ปูจึงได้หนีบงูไว้อีก
(งูถามปูว่า)
[๙๖] ก็ธรรมดาปูไม่ต้องการจะจับกากิน และไม่ต้องการจะจับงูเห่ากิน
ท่านผู้มีตาโปน เราขอถามท่าน เมื่อเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุไรท่านจึงหนีบเราทั้ง
๒ ไว้
(ปูจึงบอกเหตุผลที่หนีบกาไว้ว่า)
[๙๗] ชายนี้เป็นผู้หวังความเจริญแก่ข้าพเจ้า
จับข้าพเจ้าแล้วนาไปที่แอ่งน้า เมื่อเขาตาย ข้าพเจ้าจะมีทุกข์มิใช่น้อย
ข้าพเจ้าและชายนี้ก็จะไม่มีทั้ง ๒ คน
[๙๘] อนึ่ง ชนทั้งมวลเห็นข้าพเจ้ามีร่างกายเจริญเติบโต มีเนื้ออร่อย
มีเนื้อมาก และมีเนื้อนุ่ม ก็ต้องการจะเบียดเบียน
แม้กาทั้งหลายเห็นข้าพเจ้าแล้วก็พึงเบียดเบียน
(งูต้องการลวงปู จึงกล่าวว่า)
[๙๙] ถ้าเราทั้ง ๒ ถูกหนีบเพราะเหตุแห่งชายนี้ ขอชายนี้จงลุกขึ้น
ข้าพเจ้าจะดูดพิษให้ ขอท่านจงปล่อยข้าพเจ้าและกาโดยเร็ว
ก่อนที่พิษอันร้ายแรงจะเข้าสู่ชายนี้
(ปูได้ฟังดังนั้นคิดอุบายได้แล้ว จึงกล่าวว่า)
[๑๐๐] ข้าพเจ้าจะปล่อยงูแต่จะยังไม่ปล่อยกา
กาจักเป็นตัวประกันก่อนจนกว่าข้าพเจ้าจะเห็นชายนี้มีความสุข
ปราศจากโรคแล้ว จึงจะปล่อยกาเหมือนปล่อยงู
(พระศาสดาตรัสพระคาถาสุดท้ายประชุมชาดกว่า)
[๑๐๑] กาในกาลนั้นคือพระเทวทัต ส่วนงูเห่าคือมาร ปูคือพระอานนท์
ส่วนพราหมณ์โชคดีคือเราผู้เป็ นศาสดา
สุวัณณกักกฏกชาดกที่ ๔ จบ
2
-------------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
สุวรรณกักกฏกชาดก
ว่าด้วย ปูตัวฉลาด
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
ทรงปรารภการเสียสละชีพของพระอานนทเถระเพื่อพระองค์ จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
เรื่องแต่ต้นจนถึงการประกอบนายขมังธนู ตรัสแล้วในกัณฑหาลชาดก
การปล่อยช้างธนบาล ตรัสไว้แล้วในจุลลหังสชาดก.
ความย่อว่า ในครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายตั้งเรื่องกันขึ้นในธรรมสภาว่า
พระอานนทเถระผู้เป็ นคลังพระธรรม เป็ นผู้บรรลุเสขปฏิสัมภิทา
เมื่อช้างธนบาลกาลังวิ่งมา ก็ได้สละชีวิตถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.
พระศาสดาเสด็จมาถึงแล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ?
เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่าด้วยเรื่องชื่อนี้. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ไม่ใช่แต่บัดนี้เท่านั้น แม้ในชาติก่อน พระอานนท์ก็สละชีวิตเพื่อเราเหมือนกัน
ดังนี้แล้ว จึงได้ทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล ด้านทิศอิสาณของกรุงราชคฤห์
ได้มีบ้านพราหมณ์ชื่อว่า หลินทิยะ.
ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลกาสิกพราหมณ์ในหมู่บ้านนั้น
เติบโตแล้วดารงทรัพย์สมบัติไว้ให้คนทากสิกรรม ประมาณ ๘ หมื่น
ในนามคธแห่งหนึ่ง ด้านทิศอิสาณของหมู่บ้านนั้น.
วันหนึ่ง เขาไปนาพร้อมกับคนทั้งหลายผู้เป็ นบริวาร
สั่งบังคับกรรมกรทั้งหลายว่า สูเจ้าทั้งหลายจงพากันทางานเถิด
แล้วเข้าไปหนองน้าใหญ่ปลายนา เพื่อต้องการล้างหน้า. ก็แหละในหนองน้านั้น
มีปูตัวหนึ่งมีสีเหมือนสีทอง มีรูปงามน่าเลื่อมใสอาศัยอยู่.
พระโพธิสัตว์เคี้ยวไม้ชาระฟันแล้ว จึงลงไปหนองน้านั้น
ในเวลาพระโพธิสัตว์นั้นล้างหน้า ปูได้มาใกล้พระโพธิสัตว์. ครั้งนั้น
ท่านได้ยกมันขึ้นมาจับให้นอนอยู่ในระหว่างผ้าห่มของตนแล้ว
เมื่อไปทากิจที่ตนจะต้องทาในนา จึงวางมันลงไปในหนองนั้นแล้วได้ไปบ้าน.
ต่อแต่นั้นมาพระโพธิสัตว์ เมื่อมาถึงนาจะไปหนองน้านั้นก่อน
ให้ปูนอนในระหว่างผ้าห่มแล้ว จึงตรวจดูการงานภายหลัง ด้วยประการดังนี้
ความคุ้นเคยกันระหว่างพระโพธิสัตว์กับปูนั้นจึงได้มั่นคง.
พระโพธิสัตว์ก็มานาเนืองนิตย์
ก็แหละประสาทในนัยน์ตาของพระโพธิสัตว์นั้นปรากฏเป็นวงกลม ๓ ชั้นใสแจ๋ว.
3
ครั้งนั้น กาตัวเมียที่รังกาบนต้นตาลต้นหนึ่ง
ที่ปลายนาของพระโพธิสัตว์นั้นเห็นนัยน์ตาของท่านแล้วอยากจะกิน
จึงบอกกาตัวผู้ว่าพี่ ฉันเกิดแพ้ท้องแล้ว.
กาตัวผู้. ธรรมดาการแพ้ท้องเป็ นอย่างไร?
กาตัวเมีย. ฉันอยากกินนัยน์ตาของพราหมณ์คนนั้น.
กาตัวผู้. แกเกิดแพ้ท้องที่เลวร้าย
ใครจักสามารถนานัยน์ตาเหล่านั้นมาได้.
กาตัวเมีย. เจ้าไม่สามารถหรือ?
กาตัวผู้. ข้าไม่สามารถ.
กาตัวเมีย. ฉันรู้เรื่องนี้
ก็ที่จอมปลวกนั่นในที่ไม่ไกลต้นตาลมีงูเห่าหม้ออาศัยอยู่ เจ้าจงปรนนิบัติงูเห่านั้น
พราหมณ์นั้นถูกงูนั้นกัดแล้วจักตาย เมื่อเป็นเช่นนั้น
เจ้าก็จักจิกเอานัยน์ตาของเขามาได้.
กาตัวผู้รับคาว่าดีแล้ว จาเดิมแต่นั้นมาก็ปรนนิบัติงูเห่าหม้อ.
ในเวลาที่ข้าวกล้าที่พระโพธิสัตว์หว่านไว้ตั้งท้อง ปูก็ได้เติบโตขึ้น.
อยู่มาวันหนึ่ง งูพูดกะกาว่า สหายเอ๋ย ท่านปรนนิบัติเราเนืองนิตย์
เพราะเหตุอะไร? เราจะทาอะไรให้ท่านได้. กาบอกว่า นาย ทาสีของท่าน
คือภรรยาของฉันเกิดแพ้ท้อง อยากกินนัยน์ตาของเจ้าของนานั่น
เรานั้นจักได้นัยน์ตาของเจ้าของนานั้นด้วยอานุภาพของท่าน เพราะฉะนั้น
เราจึงปรนนิบัติท่าน. งูบอกให้กานั้นเบาใจว่า
เรื่องนี้ยกไว้เถอะไม่ใช่เรื่องหนักหนา ท่านจักได้แน่.
ในวันรุ่งขึ้นจึงอาศัยคันนาเอาหญ้าปิดไว้ที่ทางมา
นอนดูการมาของเขา. พระโพธิสัตว์ เมื่อมาจะลงไปหนองน้าล้างหน้า
ยังความเสน่หาให้เกิดขึ้น สวมกอดปูทอง
ให้นอนอยู่ในระหว่างผ้าห่มก่อนแล้วจึงเข้าไปนา. งูเห็นพระโพธิสัตว์นั้นกาลังมา
ก็เลื้อยไปโดยเร็วกัดเนื้อปลีแข้ง คือน่องให้ล้มลงไปในที่นั้นนั่นเอง
แล้วจึงหนีไปหมายจอมปลวกเป็นปลายทาง.
การล้มของพระโพธิสัตว์ก็ดี
การกระโดดออกไปจากระหว่างผ้าสาฎกของปูก็ดี
การมาเกาะบนที่อกพระโพธิสัตว์ก็ดี ได้มีไม่ก่อนไม่หลังกัน.
กาเกาะแล้วจะใช้จะงอยปากจิกนัยน์ตา.
ปูคิดว่า ภัยเกิดขึ้นแก่สหายของเราแล้ว เพราะอาศัยกาตัวนี้
เมื่อเราจับกาตัวนี้ไว้ได้ งูก็จักกลับมา
จึงอ้าก้ามหนีบคอกาไว้แน่นเหมือนเอาคีมคีบไว้ให้มันล้า
แล้วจึงได้ทาให้หย่อนไว้หน่อยหนึ่ง คือลาก้ามลง.
4
กาเมื่อจะเรียกงูว่า สหายเอ๋ย สหายจะทิ้งเราไปเพื่อประโยชน์อะไร?
ปูตัวนี้หนีบฉัน ฉันจะยังไม่ตายจนกว่าเพื่อนจะมา จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-
มฤคสิงคี คือปูมีตาโปน มีกระดองแข็ง อาศัยน้า ไม่มีขน
ฉันถูกมันหนีบจะร้องไห้อย่างคนที่ควรกรุณา เฮ้ย
เพื่อนแกจะหนีฉันไปเพื่อประโยชน์อะไร?
งูได้ฟังคานั้นแล้ว ได้แผ่พังพานพ่นพิษร้ายมา.
พระศาสดา เมื่อทรงแสดงเนื้อความนั้น ได้ตรัสอภิสัมพุทธคาถาที่ ๒
ว่า :-
งูที่เป็นเพื่อนนั้น เมื่อจะทัดทานเพื่อนของตนไว้
จึงแผ่พังพานใหญ่ไปพลาง พ่นพิษไปพลาง ได้มาถึงตัวปู ปูก็ได้หนีบงูไว้
ลาดับนั้น งูคิดว่า ธรรมดาปูจะไม่กินเนื้อกาเลยและไม่กินเนื้องูด้วย
เพราะเหตุอะไรหนอ ปูตัวนี้จึงหนีบพวกเราไว้
เมื่อจะถามปูนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ไว้ว่า :-
ปูไม่ต้องการกินกา ไม่ต้องการกินพระยางู แต่หนีบไว้ เจ้าปูตาโปนเอ๋ย
ข้าขอถามเจ้า เหตุไร แกจึงหนีบข้าทั้ง ๒ ไว้?
ปูได้ฟังคานั้นแล้ว เมื่อจะบอกถึงเหตุที่หนีบไว้ จึงได้กล่าวคาถา ๒
คาถาว่า :-
ชายคนนี้ที่จับข้านาไปที่น้า เป็ นผู้หวังความเจริญแก่ข้า เมื่อเขาตาย
ข้าจะมีความทุกข์หาน้อยไม่ เราทั้ง ๒ คือข้าและคนๆ นั้นจะไม่มี.
อนึ่ง คนทุกคนเห็นข้า ผู้มีร่างกายเติบโตแล้ว ต้องการเบียดเบียน
คือกินเนื้อที่ทั้งอร่อย ทั้งอวบ ทั้งนุ่ม ฝ่ายกาเห็นฉันแล้วก็คงจะเบียดเบียน.
ข้อนี้ก็เป็นเหตุแม้ข้ออื่นก็เป็นเหตุ คือเมื่อคนๆ นี้ตายแล้ว
คนทุกคนเห็นฉันเข้าผู้หมดที่พึ่ง ไม่มีปัจจัย แต่มีร่างกายเติบโตแล้ว
คงจะต้องการฆ่าเราโดยเห็นว่า เนื้อของปูตัวนี้ทั้งอร่อยทั้งหนาทั้งนิ่ม
ไม่ใช่แต่คนอย่างเดียวเท่านั้นจักต้องการ แม้กาทั้งหลายที่เป็นสัตว์เดียรัจฉาน
เห็นฉันเข้าก็คงจะเบียดเบียน คือคงจะฆ่าให้ตาย.
งูได้ฟังคานั้นแล้วจึงคิดว่า เราจักลวงปูตัวนี้ด้วยอุบายอย่างหนึ่ง
แล้วให้ปล่อยทั้งกาทั้งตนเองไป.
ลาดับนั้น งูเมื่อจะลวงปูนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๖ ว่า :-
ถ้าหากข้าทั้ง ๒ ถูกหนีบเพราะเหตุแห่งชายคนนั้นไซร้
ข้าจะดูดพิษกลับ ชายคนนี้ลุกขึ้นได้ แกจงปล่อยทั้งข้าทั้งกาโดยเร็ว
ก่อนที่พิษร้ายแรงจะเข้าไปสู่ชายคนนี้.
ปูได้ฟังคานั้นแล้ว จึงคิดว่า
งูตัวนี้ต้องการจะใช้อุบายอย่างหนึ่งให้เราปล่อยทั้ง ๒ ตัวแล้วหนีไป
มันไม่รู้ความฉลาดในอุบายของเรา. บัดนี้เราจะทาก้ามของเราให้หย่อน
5
คือลาก้ามลง พอให้งูจะสามารถเลื้อยไปได้ แต่เราจักไม่ปล่อยกาเลย
ครั้นคิดอย่างนี้แล้ว จึงได้กล่าวคาถาที่ ๗ ว่า :-
ข้าจะปล่อยงู แต่ยังไม่ปล่อยกาก่อน เพราะกาจะเป็นตัวประกันไว้ก่อน
ต่อเมื่อเห็นชายคนนี้ มีความสุขสบายปลอดภัยแล้ว
ข้าจึงจะปล่อยกาไปเหมือนปล่อยงู ฉะนั้น..
ก็แหละ ปูครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว
ก็ได้ลาก้ามลงเพื่อให้งูนั้นเลื้อยไปสะดวก งูดูดพิษออกแล้ว
ได้ทาร่างกายของพระมหาสัตว์ให้หมดพิษ. พระมหาสัตว์นั้นมีทุกข์
จึงลุกขึ้นยืนด้วยรูปพรรณปกตินั่นเอง. ปูคิดว่า ถ้าหากสัตว์ทั้ง ๒
ตัวนี้จักปลอดภัยไซร้ ขึ้นชื่อว่าความเจริญ ก็จักไม่มีแก่สหายของเรา
เราจักให้มันพินาศไป ดังนี้แล้วได้เอาก้ามหนีบศีรษะของสัตว์ทั้ง ๒ ตัว
เหมือนเอาไม้เท้ากดกลีบบัว แล้วให้ถึงความสิ้นชีวิต.
ฝ่ายกาตัวเมียก็ได้หนีไปจากที่นั้น.
พระโพธิสัตว์เอาร่างงูพันที่ท่อนไม้แล้วโยนไปหลังพุ่มไม้
ปล่อยปูสีทองที่หนองน้าแล้ว ไปบ้านหลินทิยะนั่นเอง. จาเดิมแต่นั้นมา
ความคุ้นเคยระหว่างพระโพธิสัตว์นั้นกับปูได้มียิ่งกว่าแต่ก่อน.
พระศาสดา
ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะ แล้วทรงประชุมชาดก
จึงได้ตรัสคาถาสุดท้ายไว้ว่า :-
กาในครั้งนั้น ได้แก่ พระเทวทัต ในบัดนี้
ส่วนงูเห่าหม้อ ได้แก่ ช้างนาฬาคิรี
ปูได้แก่ พระอานนท์ผู้เจริญ
เราตถาคตผู้เป็นศาสดา ได้แก่ พราหมณ์ ในครั้งนั้น.
ในเวลาจบสัจธรรม คนได้เป็นพระโสดาบันมากมาย.
ส่วนกาตัวเมียไม่ได้ตรัสไว้ในพระคาถา มันก็ได้แก่นางจิญจมานวิกา.
จบ อรรถกถาสุวรรณกักกฏกชาดกที่ ๔
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

308 ชวสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
308 ชวสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx308 ชวสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
308 ชวสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
275 รุจิรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
275 รุจิรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx275 รุจิรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
275 รุจิรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 

Similar to 389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

308 ชวสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
308 ชวสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx308 ชวสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
308 ชวสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
271 อุทปานทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
321 กุฏิทูสกชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
038 พกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
325 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
275 รุจิรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
275 รุจิรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx275 รุจิรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
275 รุจิรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 

More from maruay songtanin

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
maruay songtanin
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 

389 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๔. สุวัณณกักกฏกชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๓๘๙) ว่าด้วยปูทองที่ฉลาด (กาด่างูว่า) [๙๔] เราถูกปูทองซึ่งมีตาโปนออกมา มีกระดูกเป็นหนัง (คาว่า มีกระดูกเป็นหนัง ได้แก่ กระดองปู) อาศัยอยู่ในน้า ไม่มีขน หนีบแล้ว ร้องขอความกรุณาอยู่ เพื่อนเอ๋ย เพราะเหตุใดหนอ ท่านจึงละทิ้งเราไป (พระศาสดาทรงแสดงข้อความนี้ว่า) [๙๕] งูผู้เป็ นเพื่อนนั้น เมื่อจะป้ องกันกาผู้เป็นเพื่อน จึงพ่นพิษพร้อมกับแผ่พังพานใหญ่ไปจนถึงตัวปู ปูจึงได้หนีบงูไว้อีก (งูถามปูว่า) [๙๖] ก็ธรรมดาปูไม่ต้องการจะจับกากิน และไม่ต้องการจะจับงูเห่ากิน ท่านผู้มีตาโปน เราขอถามท่าน เมื่อเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุไรท่านจึงหนีบเราทั้ง ๒ ไว้ (ปูจึงบอกเหตุผลที่หนีบกาไว้ว่า) [๙๗] ชายนี้เป็นผู้หวังความเจริญแก่ข้าพเจ้า จับข้าพเจ้าแล้วนาไปที่แอ่งน้า เมื่อเขาตาย ข้าพเจ้าจะมีทุกข์มิใช่น้อย ข้าพเจ้าและชายนี้ก็จะไม่มีทั้ง ๒ คน [๙๘] อนึ่ง ชนทั้งมวลเห็นข้าพเจ้ามีร่างกายเจริญเติบโต มีเนื้ออร่อย มีเนื้อมาก และมีเนื้อนุ่ม ก็ต้องการจะเบียดเบียน แม้กาทั้งหลายเห็นข้าพเจ้าแล้วก็พึงเบียดเบียน (งูต้องการลวงปู จึงกล่าวว่า) [๙๙] ถ้าเราทั้ง ๒ ถูกหนีบเพราะเหตุแห่งชายนี้ ขอชายนี้จงลุกขึ้น ข้าพเจ้าจะดูดพิษให้ ขอท่านจงปล่อยข้าพเจ้าและกาโดยเร็ว ก่อนที่พิษอันร้ายแรงจะเข้าสู่ชายนี้ (ปูได้ฟังดังนั้นคิดอุบายได้แล้ว จึงกล่าวว่า) [๑๐๐] ข้าพเจ้าจะปล่อยงูแต่จะยังไม่ปล่อยกา กาจักเป็นตัวประกันก่อนจนกว่าข้าพเจ้าจะเห็นชายนี้มีความสุข ปราศจากโรคแล้ว จึงจะปล่อยกาเหมือนปล่อยงู (พระศาสดาตรัสพระคาถาสุดท้ายประชุมชาดกว่า) [๑๐๑] กาในกาลนั้นคือพระเทวทัต ส่วนงูเห่าคือมาร ปูคือพระอานนท์ ส่วนพราหมณ์โชคดีคือเราผู้เป็ นศาสดา สุวัณณกักกฏกชาดกที่ ๔ จบ
  • 2. 2 ------------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา สุวรรณกักกฏกชาดก ว่าด้วย ปูตัวฉลาด พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภการเสียสละชีพของพระอานนทเถระเพื่อพระองค์ จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. เรื่องแต่ต้นจนถึงการประกอบนายขมังธนู ตรัสแล้วในกัณฑหาลชาดก การปล่อยช้างธนบาล ตรัสไว้แล้วในจุลลหังสชาดก. ความย่อว่า ในครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายตั้งเรื่องกันขึ้นในธรรมสภาว่า พระอานนทเถระผู้เป็ นคลังพระธรรม เป็ นผู้บรรลุเสขปฏิสัมภิทา เมื่อช้างธนบาลกาลังวิ่งมา ก็ได้สละชีวิตถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า. พระศาสดาเสด็จมาถึงแล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ? เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่าด้วยเรื่องชื่อนี้. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไม่ใช่แต่บัดนี้เท่านั้น แม้ในชาติก่อน พระอานนท์ก็สละชีวิตเพื่อเราเหมือนกัน ดังนี้แล้ว จึงได้ทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้. ในอดีตกาล ด้านทิศอิสาณของกรุงราชคฤห์ ได้มีบ้านพราหมณ์ชื่อว่า หลินทิยะ. ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลกาสิกพราหมณ์ในหมู่บ้านนั้น เติบโตแล้วดารงทรัพย์สมบัติไว้ให้คนทากสิกรรม ประมาณ ๘ หมื่น ในนามคธแห่งหนึ่ง ด้านทิศอิสาณของหมู่บ้านนั้น. วันหนึ่ง เขาไปนาพร้อมกับคนทั้งหลายผู้เป็ นบริวาร สั่งบังคับกรรมกรทั้งหลายว่า สูเจ้าทั้งหลายจงพากันทางานเถิด แล้วเข้าไปหนองน้าใหญ่ปลายนา เพื่อต้องการล้างหน้า. ก็แหละในหนองน้านั้น มีปูตัวหนึ่งมีสีเหมือนสีทอง มีรูปงามน่าเลื่อมใสอาศัยอยู่. พระโพธิสัตว์เคี้ยวไม้ชาระฟันแล้ว จึงลงไปหนองน้านั้น ในเวลาพระโพธิสัตว์นั้นล้างหน้า ปูได้มาใกล้พระโพธิสัตว์. ครั้งนั้น ท่านได้ยกมันขึ้นมาจับให้นอนอยู่ในระหว่างผ้าห่มของตนแล้ว เมื่อไปทากิจที่ตนจะต้องทาในนา จึงวางมันลงไปในหนองนั้นแล้วได้ไปบ้าน. ต่อแต่นั้นมาพระโพธิสัตว์ เมื่อมาถึงนาจะไปหนองน้านั้นก่อน ให้ปูนอนในระหว่างผ้าห่มแล้ว จึงตรวจดูการงานภายหลัง ด้วยประการดังนี้ ความคุ้นเคยกันระหว่างพระโพธิสัตว์กับปูนั้นจึงได้มั่นคง. พระโพธิสัตว์ก็มานาเนืองนิตย์ ก็แหละประสาทในนัยน์ตาของพระโพธิสัตว์นั้นปรากฏเป็นวงกลม ๓ ชั้นใสแจ๋ว.
  • 3. 3 ครั้งนั้น กาตัวเมียที่รังกาบนต้นตาลต้นหนึ่ง ที่ปลายนาของพระโพธิสัตว์นั้นเห็นนัยน์ตาของท่านแล้วอยากจะกิน จึงบอกกาตัวผู้ว่าพี่ ฉันเกิดแพ้ท้องแล้ว. กาตัวผู้. ธรรมดาการแพ้ท้องเป็ นอย่างไร? กาตัวเมีย. ฉันอยากกินนัยน์ตาของพราหมณ์คนนั้น. กาตัวผู้. แกเกิดแพ้ท้องที่เลวร้าย ใครจักสามารถนานัยน์ตาเหล่านั้นมาได้. กาตัวเมีย. เจ้าไม่สามารถหรือ? กาตัวผู้. ข้าไม่สามารถ. กาตัวเมีย. ฉันรู้เรื่องนี้ ก็ที่จอมปลวกนั่นในที่ไม่ไกลต้นตาลมีงูเห่าหม้ออาศัยอยู่ เจ้าจงปรนนิบัติงูเห่านั้น พราหมณ์นั้นถูกงูนั้นกัดแล้วจักตาย เมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าก็จักจิกเอานัยน์ตาของเขามาได้. กาตัวผู้รับคาว่าดีแล้ว จาเดิมแต่นั้นมาก็ปรนนิบัติงูเห่าหม้อ. ในเวลาที่ข้าวกล้าที่พระโพธิสัตว์หว่านไว้ตั้งท้อง ปูก็ได้เติบโตขึ้น. อยู่มาวันหนึ่ง งูพูดกะกาว่า สหายเอ๋ย ท่านปรนนิบัติเราเนืองนิตย์ เพราะเหตุอะไร? เราจะทาอะไรให้ท่านได้. กาบอกว่า นาย ทาสีของท่าน คือภรรยาของฉันเกิดแพ้ท้อง อยากกินนัยน์ตาของเจ้าของนานั่น เรานั้นจักได้นัยน์ตาของเจ้าของนานั้นด้วยอานุภาพของท่าน เพราะฉะนั้น เราจึงปรนนิบัติท่าน. งูบอกให้กานั้นเบาใจว่า เรื่องนี้ยกไว้เถอะไม่ใช่เรื่องหนักหนา ท่านจักได้แน่. ในวันรุ่งขึ้นจึงอาศัยคันนาเอาหญ้าปิดไว้ที่ทางมา นอนดูการมาของเขา. พระโพธิสัตว์ เมื่อมาจะลงไปหนองน้าล้างหน้า ยังความเสน่หาให้เกิดขึ้น สวมกอดปูทอง ให้นอนอยู่ในระหว่างผ้าห่มก่อนแล้วจึงเข้าไปนา. งูเห็นพระโพธิสัตว์นั้นกาลังมา ก็เลื้อยไปโดยเร็วกัดเนื้อปลีแข้ง คือน่องให้ล้มลงไปในที่นั้นนั่นเอง แล้วจึงหนีไปหมายจอมปลวกเป็นปลายทาง. การล้มของพระโพธิสัตว์ก็ดี การกระโดดออกไปจากระหว่างผ้าสาฎกของปูก็ดี การมาเกาะบนที่อกพระโพธิสัตว์ก็ดี ได้มีไม่ก่อนไม่หลังกัน. กาเกาะแล้วจะใช้จะงอยปากจิกนัยน์ตา. ปูคิดว่า ภัยเกิดขึ้นแก่สหายของเราแล้ว เพราะอาศัยกาตัวนี้ เมื่อเราจับกาตัวนี้ไว้ได้ งูก็จักกลับมา จึงอ้าก้ามหนีบคอกาไว้แน่นเหมือนเอาคีมคีบไว้ให้มันล้า แล้วจึงได้ทาให้หย่อนไว้หน่อยหนึ่ง คือลาก้ามลง.
  • 4. 4 กาเมื่อจะเรียกงูว่า สหายเอ๋ย สหายจะทิ้งเราไปเพื่อประโยชน์อะไร? ปูตัวนี้หนีบฉัน ฉันจะยังไม่ตายจนกว่าเพื่อนจะมา จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :- มฤคสิงคี คือปูมีตาโปน มีกระดองแข็ง อาศัยน้า ไม่มีขน ฉันถูกมันหนีบจะร้องไห้อย่างคนที่ควรกรุณา เฮ้ย เพื่อนแกจะหนีฉันไปเพื่อประโยชน์อะไร? งูได้ฟังคานั้นแล้ว ได้แผ่พังพานพ่นพิษร้ายมา. พระศาสดา เมื่อทรงแสดงเนื้อความนั้น ได้ตรัสอภิสัมพุทธคาถาที่ ๒ ว่า :- งูที่เป็นเพื่อนนั้น เมื่อจะทัดทานเพื่อนของตนไว้ จึงแผ่พังพานใหญ่ไปพลาง พ่นพิษไปพลาง ได้มาถึงตัวปู ปูก็ได้หนีบงูไว้ ลาดับนั้น งูคิดว่า ธรรมดาปูจะไม่กินเนื้อกาเลยและไม่กินเนื้องูด้วย เพราะเหตุอะไรหนอ ปูตัวนี้จึงหนีบพวกเราไว้ เมื่อจะถามปูนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ไว้ว่า :- ปูไม่ต้องการกินกา ไม่ต้องการกินพระยางู แต่หนีบไว้ เจ้าปูตาโปนเอ๋ย ข้าขอถามเจ้า เหตุไร แกจึงหนีบข้าทั้ง ๒ ไว้? ปูได้ฟังคานั้นแล้ว เมื่อจะบอกถึงเหตุที่หนีบไว้ จึงได้กล่าวคาถา ๒ คาถาว่า :- ชายคนนี้ที่จับข้านาไปที่น้า เป็ นผู้หวังความเจริญแก่ข้า เมื่อเขาตาย ข้าจะมีความทุกข์หาน้อยไม่ เราทั้ง ๒ คือข้าและคนๆ นั้นจะไม่มี. อนึ่ง คนทุกคนเห็นข้า ผู้มีร่างกายเติบโตแล้ว ต้องการเบียดเบียน คือกินเนื้อที่ทั้งอร่อย ทั้งอวบ ทั้งนุ่ม ฝ่ายกาเห็นฉันแล้วก็คงจะเบียดเบียน. ข้อนี้ก็เป็นเหตุแม้ข้ออื่นก็เป็นเหตุ คือเมื่อคนๆ นี้ตายแล้ว คนทุกคนเห็นฉันเข้าผู้หมดที่พึ่ง ไม่มีปัจจัย แต่มีร่างกายเติบโตแล้ว คงจะต้องการฆ่าเราโดยเห็นว่า เนื้อของปูตัวนี้ทั้งอร่อยทั้งหนาทั้งนิ่ม ไม่ใช่แต่คนอย่างเดียวเท่านั้นจักต้องการ แม้กาทั้งหลายที่เป็นสัตว์เดียรัจฉาน เห็นฉันเข้าก็คงจะเบียดเบียน คือคงจะฆ่าให้ตาย. งูได้ฟังคานั้นแล้วจึงคิดว่า เราจักลวงปูตัวนี้ด้วยอุบายอย่างหนึ่ง แล้วให้ปล่อยทั้งกาทั้งตนเองไป. ลาดับนั้น งูเมื่อจะลวงปูนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๖ ว่า :- ถ้าหากข้าทั้ง ๒ ถูกหนีบเพราะเหตุแห่งชายคนนั้นไซร้ ข้าจะดูดพิษกลับ ชายคนนี้ลุกขึ้นได้ แกจงปล่อยทั้งข้าทั้งกาโดยเร็ว ก่อนที่พิษร้ายแรงจะเข้าไปสู่ชายคนนี้. ปูได้ฟังคานั้นแล้ว จึงคิดว่า งูตัวนี้ต้องการจะใช้อุบายอย่างหนึ่งให้เราปล่อยทั้ง ๒ ตัวแล้วหนีไป มันไม่รู้ความฉลาดในอุบายของเรา. บัดนี้เราจะทาก้ามของเราให้หย่อน
  • 5. 5 คือลาก้ามลง พอให้งูจะสามารถเลื้อยไปได้ แต่เราจักไม่ปล่อยกาเลย ครั้นคิดอย่างนี้แล้ว จึงได้กล่าวคาถาที่ ๗ ว่า :- ข้าจะปล่อยงู แต่ยังไม่ปล่อยกาก่อน เพราะกาจะเป็นตัวประกันไว้ก่อน ต่อเมื่อเห็นชายคนนี้ มีความสุขสบายปลอดภัยแล้ว ข้าจึงจะปล่อยกาไปเหมือนปล่อยงู ฉะนั้น.. ก็แหละ ปูครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว ก็ได้ลาก้ามลงเพื่อให้งูนั้นเลื้อยไปสะดวก งูดูดพิษออกแล้ว ได้ทาร่างกายของพระมหาสัตว์ให้หมดพิษ. พระมหาสัตว์นั้นมีทุกข์ จึงลุกขึ้นยืนด้วยรูปพรรณปกตินั่นเอง. ปูคิดว่า ถ้าหากสัตว์ทั้ง ๒ ตัวนี้จักปลอดภัยไซร้ ขึ้นชื่อว่าความเจริญ ก็จักไม่มีแก่สหายของเรา เราจักให้มันพินาศไป ดังนี้แล้วได้เอาก้ามหนีบศีรษะของสัตว์ทั้ง ๒ ตัว เหมือนเอาไม้เท้ากดกลีบบัว แล้วให้ถึงความสิ้นชีวิต. ฝ่ายกาตัวเมียก็ได้หนีไปจากที่นั้น. พระโพธิสัตว์เอาร่างงูพันที่ท่อนไม้แล้วโยนไปหลังพุ่มไม้ ปล่อยปูสีทองที่หนองน้าแล้ว ไปบ้านหลินทิยะนั่นเอง. จาเดิมแต่นั้นมา ความคุ้นเคยระหว่างพระโพธิสัตว์นั้นกับปูได้มียิ่งกว่าแต่ก่อน. พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะ แล้วทรงประชุมชาดก จึงได้ตรัสคาถาสุดท้ายไว้ว่า :- กาในครั้งนั้น ได้แก่ พระเทวทัต ในบัดนี้ ส่วนงูเห่าหม้อ ได้แก่ ช้างนาฬาคิรี ปูได้แก่ พระอานนท์ผู้เจริญ เราตถาคตผู้เป็นศาสดา ได้แก่ พราหมณ์ ในครั้งนั้น. ในเวลาจบสัจธรรม คนได้เป็นพระโสดาบันมากมาย. ส่วนกาตัวเมียไม่ได้ตรัสไว้ในพระคาถา มันก็ได้แก่นางจิญจมานวิกา. จบ อรรถกถาสุวรรณกักกฏกชาดกที่ ๔ -----------------------------------------------------