More Related Content
Similar to 109 กุณฑปูวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)
More from maruay songtanin (20)
109 กุณฑปูวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
กุณฑปูวชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๙. กุณฑปูวชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๑๐๙)
ว่าด้วยเทวดากินพลีกรรมที่ทาจากราข้าว
(เทวดาโพธิสัตว์สถิตเหนือค่าคบไม้พูดกับคนยากจนคนหนึ่งผู้มาทาพลีกรรมว่า)
[๑๐๙] คนบริโภคอย่างไร เทวดาของเขาก็บริโภคอย่างนั้น
ท่านจงนาขนมที่ทาด้วยราข้าวมา อย่าให้ส่วนของข้าพเจ้าเสียหายเลย
กุณฑปูวชาดกที่ ๙ จบ
--------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
กุณฑกปูวชาดก
ว่าด้วย มีอย่างไรกินอย่างนั้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระนครสาวัตถี
ทรงปรารภบุรุษผู้เข็ญใจอย่างหนัก ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ความพิสดารว่า ในพระนครสาวัตถี บางครั้งสกุลเพียงสกุลเดียวเท่านั้น
ถวายทานแต่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข บางครั้งสาม-สี่ตระกูลรวมกัน
บางครั้งด้วยความร่วมมือกันเป็นคณะ
บางครั้งด้วยความร่วมใจกันของผู้ที่อยู่ร่วมถนน
บางครั้งรวมคนที่มีฉันทะความพอใจหมดทั้งเมือง
ถวายทานแต่พระสงฆ์มีพระพุทธองค์เป็นประมุข.
ก็ในครั้งนั้น
มีภัตรที่ชื่อว่า วิถีภัตร (คือการถวายภัตตาหารของผู้ที่อยู่ร่วมถนนกัน) ได้มีขึ้น.
ครั้งนั้น พวกมนุษย์กล่าวเชิญชวนกันว่า
เชิญท่านทั้งหลายถวายข้าวยาคู
นาของขบเคี้ยวมาถวายแด่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธองค์เป็นประมุขกันเถิด.
ในกาลนั้น ยังมีลูกจ้างของคนเหล่าอื่นผู้หนึ่ง เป็ นคนยากจนอยู่ในถนนนั้น คิดว่า
เราไม่อาจถวายข้าวยาคูได้ ของขบเคี้ยวพอจัดถวายได้ แล้วนวดราชนิดละเอียด
ให้ชุ่มด้วยน้า ห่อด้วยใบรัก เผาในกองเถ้า คิดว่า
เราจักถวายขนมนี้แด่พระพุทธเจ้า ถือขนมนั้นไปยืนอยู่ในสานักพระศาสดา
พอพระศาสดาตรัสครั้งเดียวว่า พวกท่านจงนาของขบเคี้ยวมาเถิด
ก็ไปก่อนคนทั้งปวง ใส่ขนมนั้นในบาตรของพระศาสดา แล้วยืนอยู่
พระศาสดาไม่ทรงรับของขบเคี้ยวที่คนอื่นๆ ถวาย ทรงเสวยของขบเคี้ยว
คือขนมนั้นเท่านั้น.
- 2. 2
ในขณะนั้นเองทั่วทั้งพระนคร ก็ได้มีเสียงลือตลอดไปว่า ได้ยินว่า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงรังเกียจของขบเคี้ยวทาด้วยราของมหาทุคคตบุรุษ
ทรงเสวยเหมือนเสวยอมฤต ฉะนั้น อิสสรชนมีพระราชา
และมหาอามาตย์แห่งพระราชาเป็นต้น โดยที่สุดตลอดถึงคนเฝ้ าประตู
ประชุมกันทั้งหมดทีเดียว ถวายบังคมพระศาสดาแล้ว เข้าไปหามหาทุคคตบุรุษ
พากันกล่าวว่า พ่อมหาจาเริญ เชิญพ่อรับเอาทรัพย์ร้อยหนึ่ง สองร้อย
ห้าร้อยแล้วให้ส่วนบุญแก่พวกเราเถิด.
เขาตอบว่า ต้องกราบทูลสอบถามแล้วถึงจะรู้
แล้วไปสู่สานักของพระศาสดา กราบทูลเนื้อความนั้น พระศาสดาตรัสว่า
ท่านจงรับทรัพย์ แล้วให้ส่วนบุญแก่สรรพสัตว์เถิด เขาเริ่มรับทรัพย์
พวกมนุษย์พากันให้ด้วยการประมูล เป็นทวีคูณ จตุรคูณ และอัฏฐคูณเป็นต้น
ได้ให้ทรัพย์กันถึงเก้าโกฏิ. พระศาสดาทรงกระทาอนุโมทนา แล้วเสด็จไปวิหาร.
เมื่อพวกภิกษุแสดงวัตตปฏิบัติถวายแล้ว ประทานพระสุคโตวาท
เสด็จเข้าพระคันธกุฎี เวลาเย็นวันนั้น พระราชารับสั่งให้มหาทุคคตบุรุษเข้าเฝ้ า
ทรงบูชาด้วยตาแหน่งเศรษฐี พวกภิกษุตั้งเรื่องสนทนากันในโรงธรรมว่า
ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย พระศาสดามิได้ทรงรังเกียจขนมรา
ที่มหาทุคคตบุรุษถวายเลย ทรงเสวยเหมือนอมฤต
ฝ่ายมหาทุคคตบุรุษเล่าได้ทั้งทรัพย์จานวนมาก ได้ทั้งตาแหน่งเศรษฐี
ถึงสมบัติอันยิ่งใหญ่แล้ว.
พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้
พวกเธอสนทนากันด้วยเรื่องอะไร? เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว
ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่เราไม่รังเกียจ
บริโภคขนมราของเขา ถึงครั้งที่เป็นรุกขเทวดา ในกาลก่อน
ก็เคยบริโภคเหมือนกัน แม้ในครั้งนั้นเล่า
เขาก็อาศัยเราได้ตาแหน่งเศรษฐีเหมือนกัน แล้วทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก
ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล
ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี
พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็ นเทวดา สถิต ณ ต้นละหุ่งต้นหนึ่ง. ครั้งนั้น
พวกมนุษย์ในหมู่บ้านนั้น พากันยึดเอารุกขเทวดาเป็นมงคล
เมื่อถึงงานมหรสพคราวหนึ่ง
พวกมนุษย์ต่างพากันกระทาพลีกรรมแก่รุกขเทวดาของตนๆ ครั้งนั้น
มีทุคคตมนุษย์ผู้หนึ่งเห็น คนเหล่านั้นพากันปรนนิบัติรุกขเทวดา
ก็ปฏิบัติต้นละหุ่งต้นหนึ่ง ผู้คนทั้งหลายพากันถือเอาดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้
และของขบเคี้ยวของบริโภคเป็นต้น นานัปการไปเพื่อเทวดาทั้งหลายของตน.
- 3. 3
ฝ่ายเขามีแต่ขนมรา ก็ถือไปพร้อมกระบวยใส่น้า
หยุดยืนไม่ไกลต้นละหุ่ง คิดว่า ธรรมดาย่อมเสวยแต่ของขบเคี้ยวอันเป็ นทิพย์
เทวดาคงจักไม่เสวยขนมรานี้ของเรา
เราจะยอมให้ขนมเสียหายไปด้วยเหตุนี้ทาไม เรานั่นแหละจักกินขนมนั้นเสียเอง
แล้วก็หวลกลับไปจากที่นั้น.
พระโพธิสัตว์สถิตเหนือค่าคบกล่าวว่า บุรุษผู้เจริญ
หากท่านเป็นใหญ่เป็ นโต ก็ต้องให้ของขบเคี้ยวที่อร่อยแก่เรา แต่ท่านเป็นทุคคตะ
เราไม่กินขนมของท่านแล้ว จักกินขนมอื่นได้อย่างไร
อย่าให้ส่วนของเราต้องเสียหายไปเลย.
แล้วกล่าวคาถานี้ ความว่า :-
"บุรุษกินอย่างไร คนของบุรุษก็กินอย่างนั้น ท่านจงเอาขนมรานั้นมา
อย่าให้ส่วนของเราเสียไปเลย" ดังนี้.
เขาหันกลับมามองพระโพธิสัตว์ แล้วกระทาพลีกรรม
พระโพธิสัตว์ก็บริโภคโอชาจากขนมนั้น แล้วกล่าวว่า ดูก่อนบุรุษ
ท่านปฏิบัติเราเพื่อต้องการอะไร? เขากล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เป็นใหญ่
ข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจ มาปรนนิบัติ ก็ด้วยหมายใจว่า
จะอาศัยท่านแล้วพ้นจากความเป็นทุคคตะ.
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ดูก่อนบุรุษผู้เจริญ ท่านอย่าคิดเสียใจไปเลย
ท่านทาการบูชาเราผู้มีกตัญญูกตเวที
รอบต้นละหุ่งนี้มีหม้อใส่ขุมทรัพย์ตั้งไว้เรียงราย จวบจนจรดถึงคอ
ท่านจงกราบทูลพระราชา เอาเกวียนมาขนทรัพย์กองไว้ ณ ท้องพระลานหลวง
พระราชาก็จักโปรดปรานประทานตาแหน่งเศรษฐีแก่ท่าน.
ครั้นบอกแล้ว พระโพธิสัตว์ก็อันตรธานไป เขาได้กระทาตามนั้น
แม้พระราชาก็โปรดปราน ประทานตาแหน่งเศรษฐีแก่เขา
เขาอาศัยพระโพธิสัตว์ถึงสมบัติอันใหญ่หลวง แล้วไปตามยถากรรม
ด้วยประการฉะนี้.
พระศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
ทุคคตบุรุษในครั้งนั้น มาเป็นทุคคตบุรุษในครั้งนี้
ส่วนเทวดาผู้สิงอยู่ ณ ต้นละหุ่ง ได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.
----------------------