More Related Content
Similar to 146 กากชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)
More from maruay songtanin (20)
146 กากชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
กากชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๖. กากชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๑๔๖)
ว่าด้วยกาวิดน้าด้วยจะงอยปาก
(ฝูงกาปรึกษากันแล้วพูดว่าไม่สามารถจะทาทะเลให้แห้งได้ จึงกล่าวว่า)
[๑๔๖] คางของพวกเราล้าแล้วหนอ ปากก็ซีดเซียว
พวกเราพากันวิดอยู่ก็ไม่อาจทาให้น้าแห้งได้ ห้วงน้าใหญ่ก็ยังคงเต็มอยู่เช่นเดิม
กากชาดกที่ ๖ จบ
----------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
กากชาดก
ว่าด้วย กาวิดน้าด้วยปาก
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภภิกษุแก่ๆ หลายรูปด้วยกัน ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า ภิกษุเหล่านั้น ครั้งเป็ นคฤหัสถ์ เป็ นกุฏุมพีในเมืองสาวัตถี
มั่งมีทรัพย์ เป็นสหายกัน ทาบุญร่วมกัน ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว
พากันดาริว่า พวกเราเป็นคนแก่
จะมีประโยชน์อะไรแก่พวกเราด้วยการอยู่ครองเรือน
พวกเราจักบวชในพระพุทธศาสนาอันเป็ นที่น่ายินดี ในสานักของพระศาสดา
จักกระทาที่สุดแห่งทุกข์ ดังนี้ แล้วต่างยกสมบัติทั้งปวงให้แก่ลูกหลานเป็ นต้น
ละหมู่ญาติผู้มีน้าตานองหน้าเสีย ทูลขอบรรพชากะพระศาสดา และครั้นบวชแล้ว
มิได้ชักชวนกันบาเพ็ญสมณธรรม อันสมควรแก่บรรพชา
แม้พระธรรมก็ไม่ศึกษา เพราะความเป็นคนแก่ ถึงจะบวชแล้ว
ก็เหมือนในครั้งที่ยังเป็นคฤหัสถ์ ให้คนสร้างบรรณศาลาไว้ท้ายวิหาร
คงรวมกันอยู่นั่นแล แม้เมื่อเที่ยวบิณฑบาตก็ไม่ไปที่อื่น
โดยมากชวนกันไปฉันที่บ้านบุตรภรรยาของตนนั่นแหละ
ในบรรดาคนเหล่านั้น ภรรยาเก่าของพระเถระแก่รูปหนึ่ง
ได้มีอุปการะแก่พระเถระแก่ๆ แม้ทั้งปวง เหตุนั้น
แม้พระเถระที่เหลือต่างก็ถืออาหารที่ตนได้
มานั่งฉันในเรือนของของนางเพียงผู้เดียว.
ฝ่ายนางเล่าก็ถวายต้มแกงตามที่ตนจัดไว้ แก่พระเถระเหล่านั้น
นางป่วยด้วยอาพาธอย่างหนึ่ง ทากาละแล้ว.
ครั้งนั้นพระเถระแก่ๆ เหล่านั้นพากันไปสู่วิหาร กอดคอกัน
เที่ยวร้องไห้อยู่ท้ายวิหารว่า อุบาสิกาผู้มีรสมืออร่อย ตายเสียแล้ว
- 2. 2
ฝ่ายภิกษุทั้งหลายฟังเสียงของพระเถระเหล่านั้นแล้ว ก็มาประชุมกันจากที่ต่างๆ
ถามว่า ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เหตุไรพวกท่านจึงร้องไห้ พระเถระเหล่านั้นตอบว่า
ภรรยาเก่าแห่งสหายของพวกกระผม ผู้มีรสมืออร่อยตายเสียแล้ว
นางมีอุปการะแก่พวกผมยิ่งนัก ทีนี้จักหาที่ไหนได้เหมือนนางเล่า
เหตุนี้พวกผมจึงพากันร้องไห้.
ภิกษุทั้งหลายเห็นข้อวิปริตนั้นของพระเถระเหล่านั้นแล้ว
พากันยกเรื่องขึ้นสนทนากันในธรรมสภาว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ด้วยเหตุชื่อนี้
พระเถระแก่ๆ ทั้งหลายกอดคอกันเที่ยวร้องไห้อยู่แถวท้ายวิหาร
พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้
พวกเธอนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร?
เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นที่ภิกษุเหล่านั้นพากันเที่ยวร้องไห้ เพราะหญิงนั้นตายลง
แม้ในครั้งก่อน ภิกษุเหล่านี้อาศัยหญิงนี้ผู้เกิดในกาเนิดกา
แล้วตายเสียในสมุทรร่วมคิดกันว่า พวกเราจักวิดน้าในสมุทร
นานางขึ้นมาให้จงได้ ดังนี้ พากันเพียรพยายาม เพราะได้อาศัยบัณฑิต
จึงได้มีชีวิตอยู่ได้ดังนี้แล้ว ทรงนาเรื่องราวในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล
ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี
พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นเทวดารักษาสมุทร ครั้งนั้น
กาตัวหนึ่งพานางกาผู้ภรรยาของตน เที่ยวแสวงหาเหยื่อได้ไปถึงฝั่งสมุทร
กาลนั้นฝูงชนพากันกระทาพลีกรรมแก่พญานาค ด้วยน้านม ข้าวปายาส ปลา
เนื้อและสุราเป็นต้น แล้วพากันหลีกไป.
ครั้งนั้น กาตัวหนึ่งไปถึงที่พลีกรรม เห็นน้านมเป็ นต้น
ก็พร้อมด้วยนางกากินน้านม ข้าวปายาส ปลาและเนื้อเป็นต้น
แล้วดื่มสุราเข้าไปมาก กาผัวเมียทั้งคู่ ต่างเมามายสุรา คิดจะเล่นสมุทรกรีฑา
เกาะที่ชายหาดทราย หมายใจจะอาบน้า ทีนั้นคลื่นลูกหนึ่งซัดมา
พาเอานางกาเข้าไปเสียในสมุทร ปลาตัวหนึ่งจึงฮุบนางกานั้น กลืนกินเสีย
การ้องไห้ราพันว่า เมียของเราตายเสียแล้ว ครั้นกามากด้วยกัน
ได้ยินเสียงร่าไห้ของมัน ก็มาประชุมกันถามว่า เจ้าร้องไห้เพราะเหตุไร?
มันบอกว่า หญิงสหายของพวกท่านกาลังอาบน้าอยู่ที่ชายหาด
โดนคลื่นซัดไปเสียแล้ว กาเหล่านั้นแม้ทุกตัวก็ร้องเอ็ดอึงเป็ นเสียงเดียวกัน
ครั้งนั้นฝูงกาเหล่านั้น ได้มีความคิดดังนี้ว่า ขึ้นชื่อว่า น้าในสมุทรนี้
จะสาคัญกว่าพวกเราหรือ พวกเราช่วยกันวิดน้าให้แห้ง
ค้นเอาหญิงสหายออกมาให้ได้.
กาเหล่านั้นช่วยกันอมน้าเค็มปากทีเดียว เอาไปบ้วนทิ้งเสียข้างนอก
- 3. 3
และเมื่อคอแห้งเพราะน้าเค็มก็พากันขึ้นไปบนบก พวกมันครั้นขาตะไกรล้า
ปากซีด ตาแดง ก็อิดโรยไปตามกัน จึงเรียกกันมาปรับทุกข์ว่า ชาวเราเอ๋ย
พวกเราพากันอมน้าจากสมุทรไปทิ้งข้างนอก ที่ที่เราอมน้าไปแล้ว
กลับเต็มไปด้วยน้าเสียอีก พวกเราคงไม่สามารถทาให้สมุทรแห้งเป็นแน่ ดังนี้แล้ว
กล่าวคาถานี้ ความว่า :-
"เออหนอ ขาตะไกรของพวกเราล้าเสียแล้ว และปากเล่าก็ซีดเซียว
พวกเราพากันวิดอยู่ ไม่ทาให้สมุทรเหือดแห้งได้ ดูเถอะ
ห้วงน้าใหญ่คงเต็มอย่างเดิม" ดังนี้.
ก็แลครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว กาเหล่านั้นแม้ทั้งหมด
ก็ต่างพูดพร่าเพ้อมากมายว่า จะงอยปากของนางกานั้น งดงามเห็นปานนี้
ตากลมอย่างนี้ ผิวพรรณทรวดทรงงามระหงอย่างนี้ เสียงเพราะปานนี้
เพราะอาศัยสมุทรผู้เป็นโจรนี้ นางกาของพวกเราหายไปแล้ว เทวดาประจาสมุทร
สาแดงรูปน่าสะพึงกลัว ไล่ฝูงกาที่กาลังร้องราพันพร่าเพ้ออยู่อย่างนี้ ให้หนีไป
ความสวัสดีได้มีแก่ฝูงกานั้นด้วยประการฉะนี้.
พระศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
นางกาในครั้งนั้น ได้มาเป็ นภรรยาเก่านี้
กาได้มาเป็นพระเถระแก่ ฝูงกาที่เหลือได้มาเป็นพระเถระแก่ๆ ที่เหลือ
ส่วนเทวดารักษาสมุทร ได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.
-----------------------------------------------------