More Related Content
Similar to Basic m5-2-chapter3 (20)
More from กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนอุตรดิตถ์ (15)
Basic m5-2-chapter3
- 1. บทที่ 3
การสํารวจความคิดเห็น
( 12 ชั่วโมง )
การสํารวจความคิดเห็นเปนการเก็บรวบรวมขอมูลแบบหนึ่งเปนเรื่องที่ใกลตัว
ผูเรียน ซึ่งผูเรียนควรมีความรูพอที่จะสามารถนําผลที่ไดจากการสํารวจไปชวยในการ
ตัดสินใจบางอยางได
ผลการเรียนรูที่คาดหวัง
1. รูจักวิธีการสํารวจความคิดเห็นอยางงาย
2. นําผลที่ไดจากการสํารวจความคิดเห็นไปใชในการคาดการณบางอยางได
ผลการเรียนรูดังกลาวเปนผลการเรียนรูที่สอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูชวง
ชั้นทางดานความรู ในการเรียนการสอนทุกครั้งผูสอนตองคํานึงถึงมาตรฐานการเรียนรู
ทางดานทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรที่จําเปน และสอดแทรกกิจกรรม ปญหา
หรือคําถามที่เสริมสรางทักษะกระบวนการเหลานั้นดวย นอกจากนั้นควรปลูกฝงให
ผูเรียนทํางานอยางเปนระบบ มีระเบียบวินัย รอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ
และมีความเชื่อมั่นในตนเอง
ขอเสนอแนะ
ในการสอนเรื่องการสํารวจความคิดเห็น ซึ่งผลการเรียนรูตองการใหผูเรียนรูจัก
วิธีการสํารวจความคิดเห็นอยางงาย พรอมทั้งสามารถนําไปใชได ดังนั้นในการเรียนการ
สอนจึงควรใหมีภาคปฏิบัติโดยการใชกิจกรรมที่เสริมใหผูเรียนมีความเขาใจในวิธีการและ
ขั้นตอนการสํารวจความคิดเห็นดวยตนเอง และเมื่อผูเรียนไดขอสรุปจากการสํารวจความ
คิดเห็นแลว ผูสอนควรใหผูเรียนทํารายงานเพื่อนําเสนอขอสรุปที่ไดจากการทํางานพรอม
- 2. 51
ทั้งขอเสนอแนะที่อาจเปนความคิดเห็นสวนตัว ทั้งนี้เพื่อฝกใหผูเรียนมีทักษะกระบวนการ
ทางคณิตศาสตรตามมาตรฐานการเรียนรูที่ไดกําหนดไว
กิจกรรมเสนอแนะ
กิจกรรมที่ 1
เพื่อใหผูเรียนเกิดความเขาใจในสาระเรื่องการสํารวจขอมูล ผูสอนอาจใชกิจกรรม
ในการสํารวจขอมูลอยางงาย ๆ โดยใชหัวขอที่เกี่ยวของกับชีวิตประจําวันของผูเรียนใน
การทํากิจกรรมดังกลาว ผูเรียนควรมีความรูเพิ่มเติมในเรื่องตอไปนี้
1. แบบสอบถาม
2. วิธีการสํารวจขอมูลโดยใชแบบสอบถาม
3. การเก็บรวบรวมขอมูลและการสรุปผล
1. แบบสอบถามและการสํารวจขอมูลโดยใชแบบสอบถาม
ในการใชแบบสอบถามเปนเครื่องมือในการสํารวจขอมูล จําเปนตองออกแบบ
สอบถามใหเหมาะสมโดยพิจารณาจาก
1) เนื้อหาของแบบสอบถาม กอนที่จะลงมือเขียนแบบสอบถาม สิ่งที่ควรตอง
ทราบคือ จุดประสงคของการสํารวจขอมูล โดยจะตองกําหนดสิ่งที่ตองการสํารวจพรอม
ทั้งเหตุผล และกําหนดรายละเอียดเปนหัวขอ ซึ่งควรจะเรียงตามลําดับของความสําคัญ
โดยตองไมกําหนดหัวขอหรือเนื้อหามากเกินไป เพื่อไมทําใหแบบสอบถามยาวเกินไป
และไดคําถามที่ถามตรงประเด็นที่ตองการ ตัวอยางเชน
จุดประสงคของการสํารวจขอมูล ตองการปรับปรุงคุณภาพของอาหารและ
บริการของโรงอาหาร
หัวขอที่ตองการสํารวจ
1. คุณภาพของอาหาร ไดแก รสชาติ ความสะอาด
2. ความหลากหลายของอาหาร ไดแก ประเภทหรือชนิดของอาหารที่มีผูนิยม
รับประทาน หรือตองการใหมีการขายเพิ่มเติม
- 3. 52
3. การบริการ เชน ตองการใหมีบริการน้ําดื่ม หรือมีบริการขายอาหารวาง
ชวงเวลาเลิกเรียน
ในการสํารวจขอมูลเกี่ยวกับโรงอาหารในโรงเรียน ผูสอนอาจใหผูเรียนชวยกัน
ระดมความคิดในสิ่งที่ควรทําการสํารวจ จากนั้นจึงนําขอมูลที่ไดมาเรียบเรียงและหา
ขอสรุปเพื่อเลือกประเด็นที่สําคัญ ที่จะใชในการสํารวจขอมูลโดยใชแบบสอบถาม
ขอแนะนําในการเขียนแบบสอบถาม
1. ใชขอความที่กระชับ ชัดเจน เพื่อใหผูตอบแบบสอบถามเขาใจคําถาม หลีกเลี่ยงการ
ใชขอความที่เกี่ยวของกับความรูสึก เชน มาก / นอย โดยไมจําเปนและใชคําถามที่
ผูตอบสามารถตอบไดอยางชัดเจนไมตองอธิบาย เชน
จงระบุรายชื่ออาหารที่ทานชอบมากที่สุดมา 1 รายการ
2. หลีกเลี่ยงการใชคําถามที่อาจไดคําตอบที่แตกตางกันมากทําใหยากในการสรุปขอมูล
เชน ทานมารับประทานอาหารในโรงอาหารเมื่อใด ซึ่งคําตอบอาจจะเปน
7 โมงเชา และเที่ยง
เฉพาะวันจันทร – วันพฤหัสบดี
พักเที่ยงและพักเชา
3. ในกรณีของคําถามปลายเปด การตีกรอบคําตอบอาจชวยทําใหการสรุปขอมูลทําไดงาย
ขึ้น เชน การถามอายุของผูตอบแบบสอบถาม อาจกําหนดอายุเปนชวง ๆ ไว เชน
11 – 13 ป 17 – 25 ป 36 – 50 ป
14 – 16 ป 26 – 35 ป 51 – 60 ป
4. สรางคําถามที่มีคําตอบตายตัว เชน
1) ทานรับประทานอาหารมังสวิรัติหรือไม
ใช ไมใช บางครั้ง
- 4. 53
2) ทานรับประทานอาหารในโรงอาหารของโรงเรียนหรือไม
ทุกวัน บางวัน นาน ๆ ครั้ง ไมเคยใชบริการ
3) ทานคิดวาอาหารในโรงอาหารของโรงเรียนมีคุณภาพอยางไร (โดยรวม)
ดีมาก ดี พอใช ควรปรับปรุง
4) โดยเฉลี่ยแลวทานใชเงินในการจายคาอาหารแตละครั้ง เมื่อใชบริการจากโรงอาหาร
10 – 20 บาท 21 – 50 บาท มากกวา 50 บาท
5) เครื่องดื่มที่ทานเลือกจากรานคาในโรงอาหารเปนประจําไดแก
(ตอบไดมากกวา 1 คําตอบ)
น้ําเปลา น้ําอัดลม ชา กาแฟ
น้ําผลไม เครื่องดื่มบํารุงสุขภาพ (นม น้ําเตาหู)
สําหรับคําถามที่เกี่ยวของกับความคิดเห็นอาจกําหนดใหผูตอบแบบสอบถาม
เรียงลําดับความสําคัญของคําตอบ เชน
1. จงลําดับประเภทอาหารที่ทานชอบโดยให 1 เปนอาหารที่ทานชอบมากที่สุด และ 5
เปนอาหารที่ทานชอบนอยที่สุด
กวยเตี๋ยวแหง น้ํา
ขาวและกับขาว
ขาวมันไก
ขาวขาหมู
อาหารตามสั่ง
- 5. 54
2. จงบอกเหตุผลที่ทานไมชอบใชบริการจากโรงอาหารของโรงเรียน โดยลําดับความ
ไมชอบมากที่สุดเปน 1 และนอยที่สุดเปน 5
แพงเกินไป
คุณภาพไมดี
รสชาติไมดี
มีใหเลือกนอยอยาง
เสียเวลาคอยนาน
นอกจากนั้นควรจะจัดทําแบบสอบถามที่งายตอการทําความเขาใจ และสามารถ
ตอบคําถามไดงายไมสับสน ในแบบสอบถามควรมีคํากลาวนําถึงจุดประสงคของ
แบบสอบถาม ซึ่งไดแกที่มาและสิ่งที่จะดําเนินการเมื่อไดขอสรุปจากแบบสอบถามแลว
เพื่อใหผูตอบแบบสอบถามไดทราบที่มาและประโยชนในการสํารวจขอมูล
กอนที่จะทําการสํารวจจริงผูสอนอาจใหผูเรียนแตละกลุมนําแบบสอบถามที่กลุม
ของตนเขียนมานําเสนอใหเพื่อนและครูผูสอนไดชวยกันพิจารณาปรับปรุงใหเหมาะสม
กอนนําไปใช สําหรับวิธีการสํารวจขอมูลโดยใชแบบสอบถาม
ผูสอนควรใหผูเรียนศึกษาจากหนังสือเรียน แลวนํามาเสนอวิธีการของแตละกลุม
กับผูสอนและเพื่อน เพื่ออภิปรายหาขอสรุปและคําแนะนํากอนดําเนินการ
ขอเสนอแนะในการเก็บรวบรวมขอมูล และการสรุปผล
1. ในการเก็บรวบรวมขอมูล ผูสอนแนะนําใหผูเรียนนําวิธีการในหนังสือเรียนมาใชโดย
อาจสรุปขอมูลที่ไดใหอยูในรูปรอยละ เชน ตัวอยางจากขอมูลสมมติตอไปนี้
- 6. 55
ผลการสํารวจเรื่องการรับประทานอาหารในโรงอาหารของโรงเรียน มีดังนี้
จํานวนผูตอบแบบสอบถาม
(คน)
รอยละ
ทุกวัน
บางวัน
นาน ๆ ครั้ง
ไมเคยใชบริการ
57
38
16
9
47.5
31.7
13.3
7.5
รวม 120
จากการสํารวจขอมูลพบวา คนสวนมาก (92.5%) มารับประทานอาหารในโรง
อาหารของโรงเรียน และสวนใหญของผูที่มารับประทาน จะมารับประทานทุกวัน มีเพียง
สวนนอย (7.5%) ที่ไมเคยใชบริการ
2. สําหรับการสรุปความคิดเห็นที่ใหกําหนดลําดับตามความสําคัญ อาจสรุปไดดัง
ตัวอยางตอไปนี้
ประเภทอาหารที่มีผูนิยมรับประทานมากที่สุด สรุปจากคําตอบของผูตอบ
แบบสอบถามที่เลือกเปนอันดับ 1 มีดังนี้
รายการอาหาร จํานวนผูที่เลือกใหเปนอันดับ 1 รอยละ
กวยเตี๋ยวแหง น้ํา
อาหารตามสั่ง
ขาวมันไก
ขาวขาหมู
ขาวและกับขาว
34
15
29
19
23
28.3
12.5
24.2
15.8
19.2
- 7. 56
จากขอสรุปขางตนพบวา อาหารที่มีผูนิยมรับประทานมากที่สุดโดยเลือกใหเปน
อันดับ 1 คือ กวยเตี๋ยวแหง น้ํา
นอกจากการสรุปโดยใชวิธีที่แสดงขางตน อาจสรุปโดยกําหนดน้ําหนักของ
คะแนนของแตละรายการเปน 1, 2, 3, 4 และ 5 สําหรับการเลือกลําดับที่ 1, 2, 3, 4
และ 5 ตามลําดับ
ใหกวยเตี๋ยวแหง น้ํา มีผูเลือกใหคะแนนเปนลําดับที่ 1 – 5 ดังนี้
ลําดับที่ (n) คะแนน (x) ความถี่ (f)
1
2
3
4
5
1
2
3
4
5
34
31
22
24
9
รวม 120
การหาคะแนนรวมซึ่งเปนคะแนนนิยมของอาหารชนิดนี้ทําไดโดยหาผลรวมของ
คะแนนนิยมที่ไดจากการหาผลคูณคะแนน (x) ของลําดับที่กับจํานวนความถี่ (f) ของผูตอบ
แบบสอบถาม จากตารางขางตน ดังนี้
เนื่องจากจํานวนผูที่เลือกใหกวยเตี๋ยวแหง น้ํา เปนอาหารที่นิยมมากที่สุดเปน
อันดับ 1 มี 34 คน จะไดคะแนนเทากับ 1 × 34 หรือ 34 คะแนน สําหรับคะแนนที่ได
จากลําดับความนิยม 2 – 5 หาไดดังนี้
ลําดับ
(n)
คะแนน
(x)
จํานวนผูที่เลือก
(f)
คะแนนนิยม
(xf)
2
3
4
5
2
3
4
5
31
22
24
9
2 × 31 หรือ 62
3 × 22 หรือ 66
4 × 24 หรือ 96
5 × 9 หรือ 45
- 8. 57
จากคะแนนที่ไดทั้งหมดนํามาสรุปผลคะแนนนิยมของผูที่เลือกกวยเตี๋ยวแหง น้ํา
ซึ่งเทากับ 303 ไดดังนี้
ลําดับที่ (n) ความถี่ (f) คะแนนนิยม (xf)
1
2
3
4
5
34
31
22
24
9
1 × 34 = 34
2 × 31 = 62
3 × 22 = 66
4 × 24 = 96
5 × 9 = 45
รวม 303
โดยใชวิธีการเดียวกันหาคะแนนนิยมของอาหารแตละชนิดจากผลสรุปของ
แบบสอบถาม โดยใชเกณฑการใหคะแนนตามที่กลาวมาดังนี้
คะแนน
1) กวยเตี๋ยวแหง น้ํา 303
2) อาหารตามสั่ง 432
3) ขาวมันไก 302
4) ขาวขาหมู 377
5) ขาวและกับขาว 386
รวม 1,800 คะแนน
จากขอสรุปโดยใชเกณฑการใหคะแนนนิยมขางตนจะพบวา อาหารที่มีผูนิยม
รับประทานมากที่สุดจะเปนอาหารที่มีคะแนนนอยที่สุดไดแก ขาวมันไก (302 คะแนน)
รองลงมาไดแก กวยเตี๋ยวแหง น้ํา (303 คะแนน) ขาวขาหมู (377 คะแนน) และขาวและ
กับขาว (386 คะแนน) สวนอาหารซึ่งมีคะแนนมากที่สุด คือ อาหารตามสั่งมีคะแนน 432
คะแนน จะเปนอาหารที่มีผูนิยมรับประทานนอยที่สุด
- 9. 58
ผูสอนควรจัดกิจกรรมใหผูเรียนไดทําการสํารวจความคิดเห็น โดยผูเรียนจะตองนํา
ความรูที่ไดจากหนังสือเรียนไปทดลองปฏิบัติ เพื่อใหรูจักวิธีการสํารวจความคิดเห็น และ
สามารถนําไปใชประโยชนได
กิจกรรมที่ 2
ในการสํารวจความคิดเห็นจากกลุมบุคคล ในเรื่องตาง ๆ เชน จากคอลัมนใน
หนังสือพิมพรายสัปดาหฉบับหนึ่ง กลาวถึงการสํารวจความเห็นของหญิงไทยตอการ
ทําศัลยกรรมตกแตงวา “ผูหญิงในกรุงเทพฯ สวนใหญ (21.5%) มีความเห็นวา การ
ทําศัลยกรรมตกแตงทําใหสวยขึ้น และเกิดความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ในการสํารวจ
ความเห็นขางตน เปนการสํารวจความคิดเห็นของผูหญิงไทยที่อยูในวัยทํางาน
(ประชากร) โดยสุมตัวอยางจากผูหญิงที่อยูในวัยทํางานในกรุงเทพฯ 200 คน”
จากที่กลาวมาอาจมีขอสงสัยวา ขอสรุปนาเชื่อถือไดหรือไมเพียงใด ในวิชาสถิติมี
วิธีการที่จะบอกไดวา ขอสรุปที่ไดจากการใชตัวอยางเพียงไมกี่ตัวอยาง สามารถที่จะ
บอกลักษณะบางอยางของกลุมประชากรที่สนใจไดอยางถูกตอง หรือนาเชื่อถือไดเพียงใด
โดยการทดสอบสมมติฐาน (testing hypothesis) ซึ่งเปนการวิเคราะหผลที่ไดจากการสุม
ตัวอยางอยางมีหลักเกณฑตามหลักวิธีการทางสถิติที่ถูกตอง อันจะทําใหผลหรือขอสรุปที่
ไดนาเชื่อถือ
การที่จะทดสอบสมมติฐานไดนั้น จําเปนตองมีความรูทางสถิติชั้นสูง
นอกเหนือจากการเรียนรูเนื้อหาสถิติในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อแสดงใหเห็นวา
ขอสรุปที่ไดนาเชื่อถือเพียงใด โดยใชแนวความคิดทางสถิติ และพื้นฐานความรูในเรื่อง
ความนาจะเปน เปนเครื่องมือที่ใชในการวิเคราะหผล ในการทํากิจกรรมที่จะกลาวถึง
ตอไปนี้ ผูสอนควรอธิบายตัวอยางใหผูเรียนเขาใจกอนจากนั้นจึงใหผูเรียนสํารวจความ
คิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากกลุมนักเรียนในหองจํานวน 25 คน เมื่อไดขอสรุปแลวจึง
คอยดําเนินการเพื่อทดสอบวาขอสรุปที่ไดนาเชื่อถือเพียงใดโดยใชวิธีการดังตัวอยาง
ตอไปนี้
- 10. 59
ในการสํารวจความคิดเห็นของผูปกครองกลุมหนึ่งที่มีบุตรหลานเปนวัยรุนและมี
อายุต่ํากวา 18 ป มีความเห็นดวยหรือไมวา ผูมีสิทธิ์ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผูแทน
ราษฎรไดควรมีอายุตั้งแต 20 ป บริบูรณขึ้นไป
การสํารวจความคิดเห็นกระทําโดยการสอบถามผูที่มีบุตร จํานวน 25 คน ดวยการ
สุมตัวอยางจากสมุดรายนามผูใชโทรศัพทในเขตกรุงเทพมหานครไดผลสรุปวา
มีผูเห็นดวย 15 คน
มีผูไมเห็นดวย 10 คน
รวมจํานวนผูแสดงความคิดเห็น 25 คน
จากการสุมตัวอยาง สรุปไดวามี คนในเขตกรุงเทพมหานคร เห็นดวยกับ
ความคิดที่วา ผูมีสิทธิ์ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผูแทนราษฎรได ควรมีอายุ 20 ป
บริบูรณ ขึ้นไป มีจํานวน 15 คน จาก 25 คน หรือคิดเปน 60% ของผูถูกสํารวจ
ขอสรุปดังกลาว เชื่อถือไดหรือไม
เพื่อใหเกิดความมั่นใจมากขึ้นวา คนสวนใหญ (หรือประมาณ 60% ขึ้นไป)
เห็นดวยจริงหรือไม ในทางปฏิบัติอาจจะใชวิธีการสุมซ้ําซึ่งหมายถึงการสํารวจความ
คิดเห็นจากคนที่ถูกสุมมา 25 คน อีกหลาย ๆ กลุมตัวอยาง แลวสํารวจดูวา มีกี่กลุม
ตัวอยางที่มีผูเห็นดวยตั้งแต 15 คน ขึ้นไป
- 12. 61
จากผลการสํารวจขางตน สรุปไดวา
1. จากการสอบถามจากกลุมตัวอยาง 100 กลุม ไมพบกลุมตัวอยางที่มีผูเห็นดวย 0 ถึง 6 คน
และ 19 ถึง 25 คน จากกลุมตัวอยางละ 25 คน
2. จํานวนกลุมตัวอยางที่มีผูตอบวา เห็นดวย ตั้งแต 15 คน ถึง 18 คน มีทั้งหมด 23 กลุม
ตัวอยาง จาก 100 กลุมตัวอยางดังนี้
15 คน มี 9 กลุมตัวอยาง
16 คน มี 7 กลุมตัวอยาง
17 คน มี 5 กลุมตัวอยาง
18 คน มี 2 กลุมตัวอยาง
รวม 23 กลุมตัวอยาง
สรุปไดวา มี 23 กลุมจาก 100 กลุม ที่มีความเห็นเชนเดียวกับขอสรุปขางตน
จึงกลาวไดวา จากการสอบถามจากกลุมตัวอยางทั้งหมด 100 กลุมตัวอยาง ซึ่งแต
ละกลุมตัวอยางแทนผลการสํารวจความคิดเห็นของคน 25 คน พบวามีเพียง 23 กลุม
ตัวอยาง จาก 100 กลุมตัวอยาง หรือเพียง 23% ที่เห็นดวย แสดงวาขอสรุปนี้มีไมถึง
50% ที่เห็นดวย จึงไมนาที่จะใชแทนความคิดเห็นของคนสวนใหญ (ประชากร) ได หรือ
กลาวไดวา ขอสรุปจากผลจากการสํารวจความคิดเห็นครั้งแรกยังไมนาเชื่อถือ
กิจกรรมดังกลาวนี้เปนแนวคิดหนึ่งที่สามารถทําใหเกิดความเขาใจในเรื่องของการ
ทดลองสุมและการตีความจากการสํารวจความคิดเห็นวา สมควรที่จะเชื่อถือไดหรือไม
แตอยางไรก็ดี ผลการสํารวจแตละครั้งจะนาเชื่อถือหรือไมนั้น จะตองอาศัยความรูทาง
สถิติ ในเรื่องการเลือกตัวอยางและการวิเคราะหและสรุปผลการสํารวจอีกมาก กิจกรรมนี้
จึงเปนเพียงการเสนอแนวความคิดใหกับผูเรียนซึ่งยังไมมีความรูทางสถิติลึกซึ้งไดเขาใจ
ความหมายของการตีความจากการสํารวจไดงายขึ้นเทานั้น
- 13. 62
กิจกรรมเพิ่มเติม
1. ใหผูเรียนกําหนดหัวขอที่สนใจเพื่อสอบถามความคิดเห็นจากเพื่อนนักเรียนใน
ชั้น เชน การใหผูเรียนชวยกันสํารวจวา มีกิจกรรมใดที่ผูเรียนตองการใหโรงเรียน
สนับสนุน ตัวอยางเชน
1) ดานกีฬา
2) ดานดนตรี
3) การเพิ่มความรูทางวิชาการ
4) พื้นฐานการงานอาชีพที่สามารถนําไปใชได
5) การออม
หรือการใหผูเรียนสอบถามจากผูเรียนที่ใชหองสมุดของโรงเรียนวา ตองการใหมี
หนังสือวารสาร ฯลฯ ประเภทใดเพิ่มเติมในหองสมุด หรือตองการใหหองสมุดของ
โรงเรียนมีบริการใดเพิ่มเติมบาง
2. เมื่อผูเรียนไดหัวขอที่สนใจแลว จึงใชวิธีการสุมเพื่อสอบถามความคิดเห็นจาก
เพื่อนที่อยูในหองเรียนเดียวกันจํานวน 10 คน และเมื่อไดขอสรุปจากการสอบถามความ
คิดเห็นครั้งนี้แลว จึงทําการสอบถามเพิ่มเติมจากผูเรียนในหองเรียนอื่น หรือชั้นเรียนอื่น
โดยสอบถามใหครบ 10 คน แลวสรุปและใหทําซ้ําจนครบ 50 กลุม หรือ 100 กลุม เพื่อ
หาขอสรุปวา ผูเรียนสวนใหญมีความคิดเห็นสอดคลองกับผูเรียน 10 คนแรกที่อยูใน
หองเรียนเดียวกันหรือไม
การประเมินผล
เนื่องจากการเรียนการสอนในบทนี้ตองการใหผูเรียนมีความเขาใจวิธีการและนําผล
ที่ไดจากการสํารวจความคิดเห็นไปใชได ผูสอนจึงควรประเมินผลการเรียนรูโดยประเมิน
จากกิจกรรมที่มอบหมายใหแตละกลุมไปปฏิบัติโดยใชวิธีการที่หลากหลาย เชน การ
สังเกตการทํางานรวมกันเปนกลุม การวางแผนการทํางาน การคนควาขอมูล เพิ่มเติม
ความคิดสรางสรรคในการทํางาน ความสามารถในการสื่อสารขอมูลไดอยางถูกตอง และ
ชัดเจนรวมทั้งผลงานที่นําเสนอในรูปรายงานดวย
- 14. 63
ตารางเลขสุม
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
1 03 47 43 73 89 36 96 47 36 61 46 98 63 71 62 33 26 16 80 45
2 97 74 24 67 62 42 81 14 54 20 42 53 32 37 32 27 07 36 07 51
3 16 76 62 27 66 56 50 26 71 07 32 90 79 78 83 13 55 38 58 89
4 12 56 85 99 26 96 96 68 27 31 05 03 72 93 15 57 12 10 14 21
5 55 59 56 35 64 38 54 82 46 22 31 62 43 09 90 06 18 44 32 53
6 60 11 14 10 95 06 22 77 94 39 49 54 43 54 81 17 37 93 23 78
7 24 51 79 89 73 84 42 17 53 31 57 24 55 06 88 77 04 74 47 67
8 88 97 54 14 10 63 01 63 78 59 16 95 55 67 19 98 10 50 71 75
9 88 26 49 81 76 33 21 12 34 29 78 64 56 07 82 52 42 07 44 38
10 23 83 01 30 30 53 60 86 32 44 06 47 27 96 54 49 17 46 09 62
11 87 35 20 96 43 84 26 34 91 64 18 18 07 92 46 44 17 16 53 09
12 21 76 33 50 25 83 92 12 06 76 26 62 38 97 75 84 16 07 44 99
13 12 86 73 58 07 44 36 52 38 79 23 42 40 64 74 82 92 77 77 81
14 15 51 11 13 42 99 66 02 79 54 52 36 28 19 95 50 92 26 11 79
15 90 52 84 77 27 08 02 73 43 28 37 85 94 35 12 83 39 50 08 30
16 39 83 86 19 62 06 76 50 30 10 55 23 64 05 05 70 29 14 12 13
17 83 11 46 32 24 20 14 85 88 45 10 93 72 88 70 56 62 18 37 35
18 07 45 32 14 08 32 98 94 07 72 93 85 79 10 75 19 49 57 22 77
19 00 56 76 31 38 80 22 02 53 35 86 60 42 04 53 16 08 15 04 72
20 42 34 03 96 88 54 42 06 87 78 36 35 25 48 39 31 16 93 32 43
21 40 33 20 38 26 13 89 51 03 74 17 76 37 13 04 07 74 21 19 30
22 96 83 50 87 75 97 12 25 93 47 70 33 24 03 54 97 77 46 44 80
23 88 42 94 45 72 16 64 36 16 00 04 43 18 66 79 94 77 24 21 90
24 33 27 14 37 09 45 89 34 68 40 12 72 07 33 45 99 27 72 90 14
25 50 27 89 87 10 20 15 37 00 47 52 85 66 60 44 38 68 88 11 80