More Related Content
Similar to 144 นังคุฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (17)
More from maruay songtanin (20)
144 นังคุฏฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
นังคุฏฐชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๔. นังคุฏฐชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๑๔๔)
ว่าด้วยการบูชาไฟด้วยหางวัว
(พราหมณ์บาเรอไฟผู้เป็นโพธิสัตว์เข้าใจว่าการบูชาไฟไม่มีประโยชน์
จึงกล่าวว่า)
[๑๔๔] ไฟอสัตบุรุษ การที่เราบูชาเจ้าด้วยหางนั้นก็มากพอแล้ว วันนี้
เนื้อไม่มีสาหรับเจ้าผู้ชอบเนื้อ ขอท่านผู้เจริญจงรับเอาเพียงหางเถิด
นังคุฏฐชาดกที่ ๔ จบ
-------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
นังคุฏฐชาดก
ว่าด้วย บูชาไฟด้วยหางวัว
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภตบะที่ผิดของพวกอาชีวก ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า ในครั้งนั้น
พวกอาชีวกพากันประพฤติตบะผิดมีประการต่างๆ ที่หลังพระเชตวันมหาวิหาร
ภิกษุทั้งหลายจานวนมากเห็นตบะที่ผิด อาทิเช่น อุกกุฏิกัปปธานะ
(ตั้งหน้าในการนั่งกระโหย่ง) วัคคุลิวัตร (ทาอย่างค้างคาว) กัณฏกาปัสสยะ
(นอนบนหนาม) ปัญจตมนะ (ย่างด้วยไฟ ๕ กอง) ของพวกนั้น
พากันกราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กุศลหรือความเจริญ อาศัยตบะที่ผิดทั้งนี้
จะมีได้หรือพระเจ้าข้า?
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กุศลหรือความเจริญ
อาศัยตบะที่ผิดอย่างนี้มีไม่ได้ ในครั้งก่อน บัณฑิตสาคัญเสียว่า อาศัยตบะอย่างนี้
กุศลหรือความเจริญคงมีได้ ถือเอาไฟประจากาเนิดเข้าป่า
ไม่พบความเจริญอะไรเลย ด้วยอานาจการบูชาไฟเป็นต้น จึงเอาน้าดับไฟเสีย
บาเพ็ญกสิณบริกรรม ให้อภิญญาสมาบัติบังเกิดแล้ว ได้ไปพรหมโลกต่อไป
แล้วทรงนาเรื่องราวในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล
ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลอุทิจจพราหมณ์ ในวันที่ท่านเกิด
บิดามารดาก็จุดไฟประจากาเนิดตั้งไว้ให้ ครั้นท่านมีอายุได้ ๑๖ ปี
บิดามารดาบอกท่านว่า ลูกเอ๋ย ในวันที่เจ้าเกิดเราจุดไฟไว้ให้
- 2. 2
ถ้าเจ้าประสงค์จะครองเรือน จงเรียนพระเวททั้งสาม หรือมิฉะนั้น
จะประสงค์ไปพรหมโลก ก็จงถือไฟเข้าป่าบาเรอไฟ
ทาให้ท้าวมหาพรหมโปรดปรานแล้ว
ก็จะเป็นผู้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้าได้.
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่ต้องการอยู่ครองเรือน ถือไฟเข้าป่า
สร้างอาศรมบท บาเรอไฟอยู่ในป่า วันหนึ่งได้รับของถวาย
คือโคในหมู่บ้านชายแดน จึงจูงโคไปสู่อาศรมบท คิดว่า
เราจักให้พระอัคคีผู้มีโชคฉันเนื้อโค. ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ได้มีปริวิตกดังนี้ว่า
ที่นี่ไม่มีเกลือ พระอัคคีผู้มีโชคจักไม่สามารถฉันเนื้อที่ไม่เค็มได้
เราจักไปหาเกลือมาจากบ้าน ให้พระอัคคีผู้มีโชคฉันเนื้อที่มีรสเค็ม
พระโพธิสัตว์จึงผูกโคไว้ในที่ตรงนั้นเอง ได้ไปหมู่บ้านเพื่อหาเกลือ ขณะที่ท่านไป
มีพรานหลายคนมาถึงที่นั้น เห็นโคแล้วฆ่าย่างเนื้อกิน ทิ้งหาง แข้ง
และหนังไว้ตรงนั้นแหละ แล้วนาเนื้อที่เหลือไปเสียด้วย พราหมณ์มาแล้ว
เห็นโคเหลือแต่หนังเป็นต้น คิดว่า พระอัคคีผู้มีโชคนี้ แม้แต่ของๆ ตน
ยังไม่อาจรักษาไว้ได้ จักรักษาเราได้ที่ไหนเล่า
การบาเรอไฟนี้น่าจะเป็นสิ่งไร้ประโยชน์
กุศลหรือความเจริญมีการบูชาไฟนี้เป็ นเหตุคงไม่มีแน่
พราหมณ์ก็หมดความพอใจในการบาเรอไฟ กล่าวว่า
ข้าแต่พระอัคคีผู้เจริญ แม้แต่ของของตน ท่านยังไม่สามารถรักษาไว้
ที่ไหนจักรักษาเราได้เล่า เนื้อไม่มีแล้ว จงยินดีเพียงเท่านี้เถิด
เมื่อจะโยนหางเป็ นต้น เข้ากองไฟ กล่าวคาถานี้ ความว่า
"ไฟไม่ใช่ผู้ดี ที่เราบูชาเจ้าด้วยหาง แม้เท่านี้ ก็มากไปแล้ว
วันนี้เนื้อไม่มีสาหรับเจ้าผู้ชอบเนื้อ ท่านอัคคีผู้เจริญ
จงรับเอาแต่เพียงหางเถิดนะ" ดังนี้.
พระมหาสัตว์ ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว ก็เอาน้าดับไฟเสีย บวชเป็นฤๅษี
ทาอภิญญาและสมาบัติให้บังเกิด แล้วได้เป็นผู้มีพรหมโลกเป็ นที่ไปในเบื้องหน้า.
พระศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
ดาบสผู้ดับไฟเสียในครั้งนั้น ได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.
-----------------------