ว่าด้วย การแสวงหาอย่างประเสริฐ พระศาสดาทรงอาศัยพระนครเวสาลี ประทับอยู่ ณ ปาฏิการาม ทรงปรารภท่านพระสุนักขัตตะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. ความพิสดารว่า สมัยหนึ่ง ท่านพระสุนักขัตตะเป็นผู้อุปัฏฐากพระศาสดา ถือบาตรจีวรตามเสด็จไป เกิดพอใจธรรมของโกรักขัตติยปริพาชก ถวายบาตรจีวรคืนพระทศพล ไปอาศัยโกรักขัตติยปริพาชก ในเมื่อโกรักขัตติยปริพาชกนั้นไปเกิดในกำเนิดอสูรพวกกาลัญชิกะ จึงสึกเป็นคฤหัสถ์ เที่ยวกล่าวติโทษพระศาสดา ตามแนวกำแพงทั้ง ๓ ในพระนครเวสาลี ว่า อุตตริมนุษยธรรม คือญาณทัสสนอันวิเศษ ซึ่งพอแก่ความเป็นพระอริยเจ้าของพระสมณโคดม ไม่มีดอก พระสมณโคดมแสดงธรรมที่ตนกำหนดนึกเอาเอง ค้นคว้าเอาตามที่สอบสวน เป็นปฏิภาณของตนเอง และธรรมที่พระสมณโคดมแสดงนั้นเล่า ก็มิได้นำไปเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบแก่ผู้ปฏิบัติตาม. คราวนั้น ท่านพระสารีบุตรเถระเจ้าเที่ยวบิณฑบาต ได้ยินเขากล่าวติโทษเรื่อยมา กลับจากบิณฑบาตแล้ว ก็กราบทูลข้อความนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนสารีบุตร สุนักขัตตะเป็นคนมักโกรธ เป็นโมฆบุรุษ กล่าวอย่างนี้ด้วยอำนาจความโกรธเท่านั้น กล่าวอยู่ว่า ธรรมนั้นมิได้นำไปเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบแก่ผู้ปฏิบัติตามนั้น ดังนี้ แม้ต้องอำนาจแห่งความโกรธมาก เพราะเหตุที่ไม่รู้จริง จึงกล่าวโทษเราอยู่ตลอดเวลา ก็เขาเป็นโมฆบุรุษ จึงไม่รู้คุณของเราเลย ดูก่อนสารีบุตร ที่แท้คุณพิเศษที่ชื่อว่า อภิญญา ๖ ของเราก็มี แม้ข้อนี้ ก็เป็นอุตตริมนุษยธรรมของเราเหมือนกัน พล ๑๐ ก็มี เวสารัชชญาณ ๔ ประการก็มี ญาณที่จะกำหนดรู้กำเนิดทั้ง ๔ ก็มี ญาณที่จะกำหนดรู้คติทั้ง ๕ ก็มี แม้ข้อนี้ ก็เป็นอุตตริมนุษยธรรมของเราเหมือนกัน ก็ผู้ใดกล่าวว่า เราผู้ถึงพร้อมด้วยอุตตริมนุษยธรรมเพียงเท่านี้อย่างนี้ว่า อุตตริมนุสสธรรมของพระสมณโคดม ไม่มีดอก ผู้นั้นไม่ละคำนั้น ไม่ละความคิดนั้น ไม่ถอนคืนความเห็นนั้น ย่อมถูกฝังในนรก เหมือนกับถูกจับมาฝัง ฉะนั้น ครั้นตรัสพระคุณแห่งอุตตริมนุษยธรรมที่มีในพระองค์อย่างนี้แล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนสารีบุตร ได้ยินว่า สุนักขัตตะเลื่อมใสในมิจฉาตบะด้วยกิริยาแห่งกรรม อันบุคคลทำได้ยากของโกรักขัตติยะ เมื่อเลื่อมใสอยู่ ก็ไม่สมควรจะเลื่อมใสในเราทีเดียว ที่จริงในที่สุดแห่งกัป ๙๑ แต่ภัททกัปนี้ เราทดลองมิจฉาตบะของลัทธิภายนอก เพื่อจะรู้ว่า สาระในตบะนั้นมีจริงหรือไม่ อยู่บำเพ็ญพรหมจรรย์อันประกอบด้วยองค์ ๔ เรากล่าวได้ว่า เป็นผู้เรืองตบะ เรืองตบะอย่างยอดเยี่ยม เป็นผู้เศร้าหมอง เศร้าหมองอย่างยอดเยี่ยม เป็นผู้น่าเกลียด น่าเกลียดอย่างยอดเยี่ยม เป็นผู้เงียบ เงียบอย่างยอดเยี่ยม ดังนี้ อันพระเถระเจ้ากราบทูลอาราธนา จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้