SlideShare a Scribd company logo
1
อกิตติชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๗. อกิตติชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๔๘๐)
ว่าด้วยอกิตติดาบส
(พระศาสดาทรงประกาศเรื่องนี้ว่า)
[๘๓]
ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทอดพระเนตรเห็นอกิตติดาบสเข้าฌานอยู่
จึงตรัสถามว่า ท่านมหาพราหมณ์ พระคุณเจ้าปรารถนาอะไรหรือ
จึงเข้าฌานอยู่องค์เดียวในเวลาอากาศอบอ้าว
(พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
[๘๔] ขอถวายพระพรท้าวสักกะ การเกิดอีก ๑ การที่สรีระแตกทาลาย ๑
การหลงลืมสติตาย ๑ เป็นทุกข์ เพราะเหตุนั้น ท้าววาสวะ อาตมาจึงเข้าฌาน
(ท้าวสักกะถวายพรว่า)
[๘๕] พระคุณเจ้ากัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้าเจรจานั้น ไพเราะ
เหมาะสม เป็นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่พระคุณเจ้าตามที่ใจของท่านปรารถนา
(พระโพธิสัตว์เมื่อจะรับพร จึงกราบทูลว่า)
[๘๖] ขอถวายพระพรท้าวสักกะ ผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง
หากมหาบพิตรจะประทานพรแก่อาตมา นรชนทั้งหลายได้บุตร ภรรยา ทรัพย์
ข้าวเปลือก และสิ่งของอันเป็ นที่รักแล้วยังไม่อิ่ม เพราะความโลภอันใด
ความโลภอันนั้นขออย่าได้มีอยู่ในอาตมาเลย
(ท้าวสักกะประทานพรให้ยิ่งขึ้นไปว่า)
[๘๗] พระคุณเจ้ากัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้าเจรจานั้น ไพเราะ
เหมาะสม เป็นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่พระคุณเจ้าตามที่ใจของท่านปรารถนา
(พระโพธิสัตว์เมื่อจะรับพร จึงกราบทูลว่า)
[๘๘] ขอถวายพระพรท้าวสักกะ ผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง
หากมหาบพิตรจะประทานพรแก่อาตมา นา สวน เงิน โค ม้า
และคนผู้เป็ นทาสย่อมเสื่อมสิ้นไป เพราะโทสะที่เกิดแล้วอันใด
โทสะอันนั้นขออย่าได้มีอยู่ในอาตมาเลย
(ท้าวสักกะตรัสว่า)
[๘๙] พระคุณเจ้ากัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้าเจรจานั้น ไพเราะ
เหมาะสม เป็นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่พระคุณเจ้าตามที่ใจของท่านปรารถนา
(พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
[๙๐] ขอถวายพระพรท้าวสักกะ ผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง
หากมหาบพิตรจะประทานพรแก่อาตมา ขอให้อาตมาไม่พึงพบเห็นคนพาล
2
ไม่พึงได้ยิน ไม่พึงอยู่ร่วมกับคนพาล ไม่พึงทาการเจรจาปราศรัย
และไม่พึงพอใจการเจรจาปราศรัยกับคนพาลเลย
(ท้าวสักกะตรัสว่า)
[๙๑] พระคุณเจ้ากัสสปะ คนพาลได้ทาอะไรแก่พระคุณเจ้าหรือ
ขอจงบอกเหตุ เพราะเหตุไร พระคุณเจ้าจึงไม่ต้องการพบเห็นคนพาล
(พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
[๙๒] คนพาลมีปัญญาทราม ย่อมแนะนาสิ่งที่ไม่ควรแนะนา
ชักชวนในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ การแนะนาชั่วเป็นสิ่งที่ประเสริฐสาหรับเขา
เขาถูกว่ากล่าวโดยชอบก็โกรธ คนพาลนั้นไม่รู้วินัย
การไม่พบเห็นเขาเสียได้เป็นการดี
(ท้าวสักกะตรัสว่า)
[๙๓] พระคุณเจ้ากัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้าเจรจานั้น ไพเราะ
เหมาะสม เป็นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่พระคุณเจ้าตามที่ใจของท่านปรารถนา
(พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
[๙๔] ขอถวายพระพรท้าวสักกะ ผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง
หากมหาบพิตรจะประทานพรแก่อาตมา ขอให้อาตมาพึงได้พบ พึงได้ยิน
พึงได้อยู่ร่วมกับนักปราชญ์
พึงได้เจรจาปราศรัยและพอใจการเจรจาปราศรัยกับนักปราชญ์เถิด
(ท้าวสักกะตรัสว่า)
[๙๕] พระคุณเจ้ากัสสปะ นักปราชญ์ได้ทาอะไรแก่พระคุณเจ้าหรือ
ขอจงบอกเหตุ เพราะเหตุไร พระคุณเจ้าจึงต้องการพบเห็นนักปราชญ์
(พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
[๙๖] นักปราชญ์ผู้มีปัญญาย่อมแนะนาสิ่งที่ควรแนะนา
ไม่ชักชวนในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ
การแนะนาดีเป็นสิ่งประเสริฐของเขาเขาถูกว่ากล่าวโดยชอบก็ไม่โกรธ
นักปราชญ์นั้นรู้วินัย การสมาคมกับท่านเป็นการดี
(ท้าวสักกะตรัสว่า)
[๙๗] พระคุณเจ้ากัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้าเจรจานั้น ไพเราะ
เหมาะสม เป็ นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่พระคุณเจ้าตามที่ใจของท่านปรารถนา
(พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
[๙๘] ขอถวายพระพรท้าวสักกะ ผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง
หากมหาบพิตรจะประทานพรแก่อาตมา เมื่อราตรีนั้นสิ้นไป
ในเวลาดวงอาทิตย์ขึ้น ขอภักษาอันเป็นทิพย์และยาจกผู้มีศีลพึงปรากฏ
3
[๙๙] ขอถวายพระพร เมื่ออาตมาให้อยู่ ขอภักษาอย่าพึงหมดสิ้นไป
ครั้นให้แล้ว ขออาตมาอย่าพึงเดือดร้อนในภายหลัง ขณะกาลังให้
ก็พึงทาจิตให้เลื่อมใส
(ท้าวสักกะตรัสว่า)
[๑๐๐] พระคุณเจ้ากัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้าเจรจานั้น ไพเราะ
เหมาะสม เป็นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่พระคุณเจ้าตามที่ใจของท่านปรารถนา
(พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
[๑๐๑] ขอถวายพระพรท้าวสักกะ ผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง
หากมหาบพิตรจะประทานพรแก่อาตมา
ขอมหาบพิตรอย่าเสด็จมาหาอาตมาอีกเลย
(ท้าวสักกะตรัสว่า)
[๑๐๒] นรชนชายหญิงทั้งหลายหวังอย่างยิ่งที่จะพบโยม
ด้วยการบาเพ็ญจริยาวัตรเป็ นอันมาก ในการเห็นโยมน่ากลัวนักหรือ
(พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
[๑๐๓] มหาบพิตรผู้มีวรรณะเหมือนวรรณะแห่งเทพ
บันดาลความใคร่ทั้งปวงให้สาเร็จได้เช่นนั้น อาตมาพบเห็นแล้ว
พึงประมาทการบาเพ็ญตบะ
สิ่งนั้นจึงเป็นภัยแก่อาตมาเพราะการพบเห็นมหาบพิตร
อกิตติชาดกที่ ๗ จบ
--------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
อกิตติชาดก
ว่าด้วย อกิตติดาบสขอพรท้าวสักกะ
พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภอุบาสกผู้ทานบดีชาวกรุงสาวัตถีผู้หนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
เล่ากันมาว่า อุบาสกนั้นนิมนต์พระศาสดา ถวายมหาทานแด่ภิกษุสงฆ์
มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานตลอด ๗ วัน
ในวันสุดท้ายได้ถวายบริขารทั้งปวงแก่พระอริยสงฆ์.
ลาดับนั้น พระศาสดาประทับท่ามกลางบริษัทนั้นแหละ
เมื่อทรงกระทาอนุโมทนาตรัสว่า อุบาสก การบริจาคของเธอใหญ่หลวง
กรรมที่ทาได้ยากยิ่งเธอกระทาแล้ว ธรรมดาว่าทานวงศ์นี้เป็นวงศ์ของหมู่บัณฑิต
แต่ก่อนแท้จริง อันชื่อว่าทาน ไม่ว่าจะเป็ นคฤหัสถ์ ไม่ว่าเป็ นบรรพชิต
ควรให้ทั้งนั้น ก็บัณฑิตแต่เก่าก่อนบวชอยู่ในป่า
และแม้จะฉันใบหมากเม่านึ่งกับวัตถุเพียงแต่น้า ไม่เค็มและไร้กลิ่น
ก็ยังให้แก่ยาจกที่ประจวบเหมาะ ตนเองยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยปีติสุข.
4
อุบาสกนั้นกราบทูลอาราธนาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
การถวายบริกขารทั้งปวงนี้ปรากฏแก่มหาชนแล้วละ พระเจ้าข้า
ข้อนี้พระองค์ตรัสยังมิได้ปรากฏ โปรดตรัสคานั้นแก่พวกข้าพระองค์เถิด
พระเจ้าข้า.
ดังนี้แล้วจึงทรงนาอดีตนิทานมาดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ณ กรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลพราหมณ์มหาศาลมีสมบัติ ๘๐ โกฏิ
บิดามารดาขนานนามว่า อกิตติ. เมื่อท่านเดินได้แล้ว
มารดาคลอดน้องสาวคนหนึ่ง บิดามารดาขนานนามว่า ยสวดี.
พระมหาสัตว์ได้อายุ ๑๖ ปี
ไปเมืองตักกศิลาเรียนศิลปะทั้งปวงแล้วกลับมา.
ลาดับนั้น มารดาบิดาของท่านทากาลกิริยาลง
ท่านได้จัดทาเปตกิจแก่มารดาบิดาแล้ว ทาการสารวจทรัพย์อยู่ สดับว่า
ท่านผู้ชื่อโน้นสร้างสมบัติไว้เท่านี้ล่วงลับไปแล้ว
ท่านผู้โน้นสร้างสมบัติประมาณเท่านี้ล่วงลับไปแล้ว มีใจสลด ดาริว่า
ทรัพย์นี้ปรากฏแก่เรา ผู้รวบรวมทรัพย์หาปรากฏไม่
ทุกคนทิ้งทรัพย์นี้ไปเสียทั้งนั้น เราก็คงขนเอามันไปไม่ได้
จึงเรียกน้องสาวมาบอกว่า เธอจงดูแลทรัพย์นี้เถิด.
น้องสาวถามว่า ก็พี่มีอัธยาศัยอย่างไรเล่าพี่.
กล่าวว่าฉันอยากจะบวช น้อง.
คุณพี่เจ้าคะ ดิฉันไม่ขอน้อมเศียรรับทรัพย์ที่พี่ถ่มทิ้งไว้แล้ว
ดิฉันไม่ต้องการทรัพย์นี้ดอก แม้ดิฉันก็จักบวชบ้าง.
ท่านอาลาพระราชา แล้วให้คนเที่ยวตีกลองร้องประกาศว่า
เหล่าชนผู้มีความต้องการทรัพย์ จงพากันไปสู่เรือนของท่านอกิตติบัณฑิตเถิด.
ท่านบาเพ็ญมหาทานตลอด ๗ วัน ครั้นยังไม่สิ้นไป ก็ดาริว่า
อายุสังขารของเราย่อมเสื่อมไป เราจะมัวรอให้ทรัพย์หมดสิ้นไปทาไมกัน
ผู้ต้องการจงพากันถือเอาไป แล้วเปิดประตูนิเวศน์ประกาศว่า เราให้หมดเลย
เชิญขนไปเถิด ทิ้งเรือนอันมีเงินทองเสีย พาน้องสาวออกจากพระนครพาราณสีไป
ทั้งๆ ที่มวลญาติพากันร่าไห้.
ท่านออกทางประตูใด ประตูนั้นได้นามว่า ประตูอกิตติ
ท่านข้ามแม่น้าท่าใด แม้ท่านั้นก็ได้นามว่า ท่าอกิตติ
ท่านเดินไปได้สองสามโยชน์ ก็สร้างบรรณศาลาในสถานอันน่ารื่นรมย์
แล้วบวชพร้อมกับน้องสาว. ตั้งแต่กาลท่านบวช ประชาชนชาวบ้าน
ชาวตาบลและราชธานีเป็นอันมากพากันบวช จึงได้มีบริวารมาก
เกิดลาภสักการะมากเป็นไปเหมือนครั้งพุทธุปบาทกาล.
5
ลาดับนั้น พระมหาสัตว์ดาริว่า ลาภสักการะนี้มีมากนัก
ทั้งบริวารของเราก็มีมากมาย แต่เราควรอยู่ลาพังผู้เดียวเท่านั้น ถึงยามปลอด
แม้แต่น้องสาวก็ไม่บอกให้ทราบ ออกไปลาพังผู้เดียวเท่านั้น
ไปถึงแคว้นทมิฬโดยพักอยู่ในอุทยานใกล้กับท่ากาจีระ
ยังฌานและอภิญญาให้บังเกิดแล้ว.
แม้ในที่นั้น ลาภและสักการะมากมายก็บังเกิดแก่ท่าน
ท่านรังเกียจลาภสักการะนั้นก็ทิ้งเหาะไปทางอากาศลงที่เกาะหมากเม่า
ใกล้เกาะนาค ครั้งนั้นเกาะหมากเม่าได้นามว่าเกาะงู.
ท่านสร้างบรรณศาลาชิดต้นหมากเม่าใหญ่พานักอยู่ในเกาะงูนั้น
การที่ท่านอยู่ในเกาะนั้นไม่มีใครทราบเลย.
ลาดับนั้น น้องสาวของท่านตามหาพี่ชาย ลุถึงแคว้นทมิฬโดยลาดับ
ไม่ได้พบท่านจึงอยู่ในสถานที่ท่านเคยอยู่นั่นแหละ
แต่ไม่สามารถจะทาฌานให้เกิดได้. พระมหาสัตว์มิได้ไปที่ไหนๆ
เพราะท่านปรารถนาน้อย ในเวลาที่ต้นหมากเม่านั้นมีผลก็ฉันผลหมากเม่า
เวลามีแต่ใบก็เก็บมานึ่งฉัน.
ด้วยเดชแห่งศีลของท่าน บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ของท้าวสักกเทวราช
แสดงอาการร้อนแล้ว. ท้าวสักกเทวราชทรงนึกว่า
ใครเล่านะประสงค์จะให้เราเคลื่อนจากที่ ทรงเห็นอกิตติบัณฑิต ก็ทรงดาริว่า
ดาบสนี้รักษาศีลเพื่ออะไรเล่า ต้องการเป็นท้าวสักกะ หรือปรารถนาอย่างอื่น
ต้องทดลองท่านดู แล้วทรงดาริต่อไปว่า ดาบสนี้เลี้ยงชีวิตด้วยลาบาก
ฉันใบหมากเม่าที่เพียงนึ่งกับน้า ถ้าปรารถนาความเป็ นท้าวสักกะ
คงจะให้ใบหมากเม่านึ่งแก่เรา ถ้าไม่ปรารถนาคงไม่ให้
แล้วแปลงเป็ นพราหมณ์ไปสู่สานักของท่าน.
พระโพธิสัตว์นึ่งใบหมากเม่าแล้วปลงลง คิดว่าเราให้เย็นจึงจะฉัน
นั่งอยู่ที่ประตูบรรณศาลา.
ลาดับนั้น ท้าวสักกะได้ยืนอยู่เฉพาะหน้าท่านเพื่อขอภิกษา
พระมหาสัตว์เห็นท้าวสักกะแล้วมีความโสมนัส ดาริว่า
เป็นลาภเหลือหลายของเราซินะ เราเห็นยาจก
วันนี้เราต้องให้ทานทามโนรถของเราให้ลุถึงที่สุด
ถือใบหมากเม่านึ่งไปใส่ในภาชนะของท้าวเธอ มิได้เหลือไว้เพื่อตนเลยด้วยคิดว่า
ขอทานของเรานี้จงเป็นปัจจัยแห่งพระสัพพัญญุตญาณดังนี้.
พราหมณ์ได้รับใบหมากเม่านึ่งนั้นเดินไปหน่อย ก็อันตรธานไป.
ฝ่ายพระโพธิสัตว์ ครั้นให้แก่ท้าวเธอแล้ว ก็มิได้นึ่งใหม่
คงยับยั้งด้วยปีตินั่นเอง.
วันรุ่งขึ้น นึ่งเสร็จก็นั่งที่ประตูบรรณศาลานั่นแหละ
6
ท้าวสักกะก็แปลงเป็นพราหมณ์มาอีก พระมหาสัตว์ก็ให้แก่ท้าวเธออีก
คงยับยั้งอยู่ด้วยอาการอย่างเดียว.
แม้ในวันเป็นคารบสาม คงให้อย่างนั้นแหละ ถึงโสมนัสว่า โอ
เป็นลาภเหลือหลายของเรา เราอาศัยใบหมากเม่าประสบบุญใหญ่โต
แม้ถึงจะอิดโรยเพราะไม่มีอาหารตลอดสามวัน
ก็ยังออกจากบรรณศาลาในเวลาเที่ยงคืน
ได้นั่งที่ประตูบรรณศาลาราพึงถึงทานอยู่.
ท้าวสักกะทรงพระดาริว่า พราหมณ์นี้ขาดอาหารตลอดสามวัน
แม้จะอิดโรยเห็นปานนั้น ก็ยังให้ทานได้อย่างน่ายินดี
แม้ความแปรแห่งจิตก็มิได้มีเลย เรายังมิได้รู้ว่าท่านปรารถนาชื่อนี้แล้วให้ทาน
ต้องถามจึงจักทราบอัธยาศัยของท่าน.
ท้าวเธอเสด็จมาในเวลาเที่ยงคืน ยืนอยู่เบื้องหน้าพระมหาสัตว์ตรัสว่า
เจ้าพระคุณดาบส ในเมื่อลมร้อนเห็นปานฉะนี้พัดพานอยู่
พระคุณเจ้าก็คงกระทาตปกรรมอยู่ในป่าอันมีน้าเค็มล้อมรอบเห็นปานนี้
เพื่ออะไรเล่าขอรับ.
พระศาสดา เมื่อจะประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสพระคาถาที่ ๑ ว่า
ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูต ทรงเห็นอกิตติดาบสผู้ยับยั้งอยู่
จึงได้ตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์ ท่านปรารถนาสมบัติอะไร
ถึงยับยั้งอยู่ผู้เดียวในถิ่นอันแห้งแล้ง.
พระมหาสัตว์ได้ฟังดังนั้นและทราบว่าท้าวเธอเป็นท้าวสักกะ
เพื่อประกาศว่า อาตมภาพมิได้ปรารถนาสมบัติเหล่านั้นเลย
แต่ปรารถนาพระสัพพัญญุตญาณ จึงกระทาการบาเพ็ญตบะ ดังนี้ จึงกล่าวคาถาที่
๒ ว่า
ดูก่อนท้าวสักกะ การเกิดบ่อยๆ เป็ นทุกข์ อนึ่ง
ความแตกทาลายแห่งร่างกายและความตายอย่างหลงใหล ก็เป็นทุกข์
เพราะเหตุนั้น อาตมภาพจึงยับยั้งอยู่ ณ ที่นี้.
ท้าวสักกะสดับคานั้นแล้วทรงมีพระหฤทัยยินดีว่า ข่าวว่า
พระคุณเจ้ารูปนี้เบื่อหน่ายในภพทั้งปวงแล้ว อยู่ในป่าเพื่อต้องการพระนิพพาน
เราต้องถวายพระพรแก่ท่าน
เมื่อจะเชิญท่านรับพร จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า
ข้าแต่ท่านกัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้ากล่าวนี้
เป็นถ้อยคาสมควร เป็นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา.
พระมหาสัตว์ เมื่อจะรับพร จึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า
ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง
ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ ชนทั้งหลายได้บุตร ภรรยา ทรัพย์
7
ข้าวเปลือกและสิ่งของอันเป็ นที่รักทั้งหลายแล้วยังไม่อิ่มด้วยความโลภใด
ความโลภนั้นอย่าพึงมีในอาตมภาพเลย.
ลาดับนั้น ท้าวสักกะทรงยินดีต่อท่าน เมื่อจะให้พรยิ่งขึ้นไป
และพระมหาสัตว์เมื่อจะรับพร ต่างก็กล่าวคาถาทั้งหลายว่า
ข้าแต่ท่านกัสสปะ
เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคาสมควร เป็ นสุภาษิต
โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา.
ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง
ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ นา ที่ดิน เงิน โค ม้า ทาส
กรรมกรย่อมเสื่อมสิ้นไปด้วยโทสะใด โทสะนั้นอย่าพึงมีในอาตมภาพเลย.
ข้าแต่ท่านกัสสปะ
เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคาสมควร เป็ นสุภาษิต
โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา.
ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง
ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ อาตมภาพไม่พึงเห็น
ไม่พึงได้ฟังคนพาล ไม่พึงอยู่ร่วมกับคนพาล
ไม่ขอกระทาและไม่ขอชอบใจการเจรจาปราศรัยกับคนพาล.
ข้าแต่ท่านกัสสปะ คนพาลได้กระทาอะไรให้แก่ท่านหรือ
ขอท่านจงบอกเหตุนั้นแก่โยม เพราะเหตุไร ท่านจึงไม่ปรารถนาเห็นคนพาล.
คนพาลผู้มีปัญญาทราม ย่อมแนะนาสิ่งที่ไม่ควรจะแนะนา
ย่อมชักชวนในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ การแนะนาชั่วเป็นความดีของเขา
คนพาลนั้นถึงจะพูดดีก็โกรธ เขามิได้รู้วินัย การไม่เห็นคนพาลนั้นเป็ นความดี.
ข้าแต่ท่านกัสสปะ
เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคาสมควร เป็ นสุภาษิต
โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา.
ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง
ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ อาตมภาพพึงขอเห็น
ขอฟังนักปราชญ์ ขออยู่ร่วมกันกับนักปราชญ์
ขอกระทาและขอชอบใจการเจรจาปราศรัยกับนักปราชญ์.
ข้าแต่ท่านกัสสปะ นักปราชญ์ได้กระทาอะไรให้แก่ท่านหรือ
ท่านจงบอกเหตุนั้นแก่โยม เพราะเหตุไร ท่านจึงปรารถนาเห็นนักปราชญ์.
นักปราชญ์ย่อมแนะนาสิ่งที่ควรแนะนา
ย่อมไม่ชักชวนในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ การแนะนาดีเป็นความดีของนักปราชญ์นั้น
นักปราชญ์นั้น ผู้อื่นกล่าวชอบก็ไม่โกรธ ย่อมรู้จักวินัย
การสมาคมคบหากันกับนักปราชญ์นั้นเป็ นความดี.
8
ข้าแต่ท่านกัสสปะ
เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคาสมควร เป็ นสุภาษิต
โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา.
ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง
ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ เมื่อราตรีสว่างจ้า
พระอาทิตย์อุทัยขึ้นแล้ว
ขออาหารอันเป็ นทิพย์และยาจกผู้มีศีลพึงปรากฏขึ้น เมื่ออาตมภาพให้ทานอยู่ ขอ
ให้ศรัทธาของอาตมภาพไม่พึงเสื่อมสิ้นไป
ครั้นให้ทานแล้ว ขอให้อาตมภาพไม่พึงเดือดร้อนภายหลัง เมื่อกาลังให้อยู่
ก็ขอให้อาตมภาพพึงยังจิตให้เลื่อมใส ดูก่อนท้าวสักกะ
ขอมหาบพิตรทรงประทานพรนี้แก่อาตมภาพเถิด.
ข้าแต่ท่านกัสสปะ
เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคาสมควร เป็ นสุภาษิต
โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา.
ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง
ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ
มหาบพิตรอย่าพึงเข้ามาใกล้อาตมภาพอีกเลย ดูก่อนท้าวสักกะ
ขอมหาบพิตรทรงประทานพรนี้แก่อาตมภาพเถิด.
นรชาติหญิงชายทั้งหลายย่อมปรารถนาจะเห็นโยม
ด้วยวัตรจริยาเป็นอันมาก เพราะเหตุไรหนอ การเห็นโยมจึงเป็นภัยแก่ท่าน.
อาตมภาพเห็นเพศเทวดาเช่นพระองค์ผู้สาเร็จด้วยสิ่งที่ต้องประสงค์ทุก
อย่างแล้ว ก็จะพึงประมาททาความเพียรปรารถนาตาแหน่งท้าวสักกะ
การเห็นมหาบพิตรจึงเป็นภัยแก่อาตมภาพ.
ท้าวสักกเทวราชรับคาว่า ดีละพระคุณเจ้า
ตั้งแต่บัดนี้ข้าพเจ้าจักไม่มาสู่สานักพระคุณเจ้าละ บังคมท่าน
ขอขมาแล้วก็ครรไลหลีกไป. พระมหาสัตว์อยู่ ณ ที่นั้นเองตลอดชีวิต
เจริญพรหมวิหารธรรมบังเกิดในพรหมโลกแล้ว.
พระศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
ท้าวสักกะในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอนุรุทธะ
ส่วนอกิตติบัณฑิต คือ เราตถาคต แล.
จบอรรถกถาอกิตติชาดกที่ ๗
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 480 อกิตติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

041 โลสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
041 โลสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx041 โลสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
041 โลสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
441 จตุโปสถิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
441 จตุโปสถิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...441 จตุโปสถิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
441 จตุโปสถิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
444 มัณฑัพยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
444 มัณฑัพยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....444 มัณฑัพยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
444 มัณฑัพยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
470 โกสิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
470 โกสิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx470 โกสิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
470 โกสิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
178 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
178 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx178 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
178 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
(๖) พระอนุรุทธเถราปทาน มจร.pdf
(๖) พระอนุรุทธเถราปทาน มจร.pdf(๖) พระอนุรุทธเถราปทาน มจร.pdf
(๖) พระอนุรุทธเถราปทาน มจร.pdf
maruay songtanin
 
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
489 สุรุจิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
489 สุรุจิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx489 สุรุจิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
489 สุรุจิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)Tongsamut vorasan
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
220 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
220 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...220 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
220 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
(๑) พุทธาปทาน มจร.pdf
(๑) พุทธาปทาน มจร.pdf(๑) พุทธาปทาน มจร.pdf
(๑) พุทธาปทาน มจร.pdf
maruay songtanin
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 

Similar to 480 อกิตติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

041 โลสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
041 โลสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx041 โลสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
041 โลสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
441 จตุโปสถิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
441 จตุโปสถิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...441 จตุโปสถิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
441 จตุโปสถิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
444 มัณฑัพยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
444 มัณฑัพยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....444 มัณฑัพยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
444 มัณฑัพยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
470 โกสิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
470 โกสิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx470 โกสิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
470 โกสิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
300 วกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
178 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
178 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx178 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
178 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
(๖) พระอนุรุทธเถราปทาน มจร.pdf
(๖) พระอนุรุทธเถราปทาน มจร.pdf(๖) พระอนุรุทธเถราปทาน มจร.pdf
(๖) พระอนุรุทธเถราปทาน มจร.pdf
 
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
489 สุรุจิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
489 สุรุจิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx489 สุรุจิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
489 สุรุจิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
Tri91 25+สังยุตตนิกาย+สคาถวรรค+เล่ม+๑+ภาค+๒ (1)
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
 
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
154 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
220 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
220 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...220 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
220 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
(๑) พุทธาปทาน มจร.pdf
(๑) พุทธาปทาน มจร.pdf(๑) พุทธาปทาน มจร.pdf
(๑) พุทธาปทาน มจร.pdf
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

More from maruay songtanin

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
maruay songtanin
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 

480 อกิตติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 อกิตติชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๗. อกิตติชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๔๘๐) ว่าด้วยอกิตติดาบส (พระศาสดาทรงประกาศเรื่องนี้ว่า) [๘๓] ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทอดพระเนตรเห็นอกิตติดาบสเข้าฌานอยู่ จึงตรัสถามว่า ท่านมหาพราหมณ์ พระคุณเจ้าปรารถนาอะไรหรือ จึงเข้าฌานอยู่องค์เดียวในเวลาอากาศอบอ้าว (พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า) [๘๔] ขอถวายพระพรท้าวสักกะ การเกิดอีก ๑ การที่สรีระแตกทาลาย ๑ การหลงลืมสติตาย ๑ เป็นทุกข์ เพราะเหตุนั้น ท้าววาสวะ อาตมาจึงเข้าฌาน (ท้าวสักกะถวายพรว่า) [๘๕] พระคุณเจ้ากัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้าเจรจานั้น ไพเราะ เหมาะสม เป็นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่พระคุณเจ้าตามที่ใจของท่านปรารถนา (พระโพธิสัตว์เมื่อจะรับพร จึงกราบทูลว่า) [๘๖] ขอถวายพระพรท้าวสักกะ ผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง หากมหาบพิตรจะประทานพรแก่อาตมา นรชนทั้งหลายได้บุตร ภรรยา ทรัพย์ ข้าวเปลือก และสิ่งของอันเป็ นที่รักแล้วยังไม่อิ่ม เพราะความโลภอันใด ความโลภอันนั้นขออย่าได้มีอยู่ในอาตมาเลย (ท้าวสักกะประทานพรให้ยิ่งขึ้นไปว่า) [๘๗] พระคุณเจ้ากัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้าเจรจานั้น ไพเราะ เหมาะสม เป็นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่พระคุณเจ้าตามที่ใจของท่านปรารถนา (พระโพธิสัตว์เมื่อจะรับพร จึงกราบทูลว่า) [๘๘] ขอถวายพระพรท้าวสักกะ ผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง หากมหาบพิตรจะประทานพรแก่อาตมา นา สวน เงิน โค ม้า และคนผู้เป็ นทาสย่อมเสื่อมสิ้นไป เพราะโทสะที่เกิดแล้วอันใด โทสะอันนั้นขออย่าได้มีอยู่ในอาตมาเลย (ท้าวสักกะตรัสว่า) [๘๙] พระคุณเจ้ากัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้าเจรจานั้น ไพเราะ เหมาะสม เป็นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่พระคุณเจ้าตามที่ใจของท่านปรารถนา (พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า) [๙๐] ขอถวายพระพรท้าวสักกะ ผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง หากมหาบพิตรจะประทานพรแก่อาตมา ขอให้อาตมาไม่พึงพบเห็นคนพาล
  • 2. 2 ไม่พึงได้ยิน ไม่พึงอยู่ร่วมกับคนพาล ไม่พึงทาการเจรจาปราศรัย และไม่พึงพอใจการเจรจาปราศรัยกับคนพาลเลย (ท้าวสักกะตรัสว่า) [๙๑] พระคุณเจ้ากัสสปะ คนพาลได้ทาอะไรแก่พระคุณเจ้าหรือ ขอจงบอกเหตุ เพราะเหตุไร พระคุณเจ้าจึงไม่ต้องการพบเห็นคนพาล (พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า) [๙๒] คนพาลมีปัญญาทราม ย่อมแนะนาสิ่งที่ไม่ควรแนะนา ชักชวนในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ การแนะนาชั่วเป็นสิ่งที่ประเสริฐสาหรับเขา เขาถูกว่ากล่าวโดยชอบก็โกรธ คนพาลนั้นไม่รู้วินัย การไม่พบเห็นเขาเสียได้เป็นการดี (ท้าวสักกะตรัสว่า) [๙๓] พระคุณเจ้ากัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้าเจรจานั้น ไพเราะ เหมาะสม เป็นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่พระคุณเจ้าตามที่ใจของท่านปรารถนา (พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า) [๙๔] ขอถวายพระพรท้าวสักกะ ผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง หากมหาบพิตรจะประทานพรแก่อาตมา ขอให้อาตมาพึงได้พบ พึงได้ยิน พึงได้อยู่ร่วมกับนักปราชญ์ พึงได้เจรจาปราศรัยและพอใจการเจรจาปราศรัยกับนักปราชญ์เถิด (ท้าวสักกะตรัสว่า) [๙๕] พระคุณเจ้ากัสสปะ นักปราชญ์ได้ทาอะไรแก่พระคุณเจ้าหรือ ขอจงบอกเหตุ เพราะเหตุไร พระคุณเจ้าจึงต้องการพบเห็นนักปราชญ์ (พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า) [๙๖] นักปราชญ์ผู้มีปัญญาย่อมแนะนาสิ่งที่ควรแนะนา ไม่ชักชวนในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ การแนะนาดีเป็นสิ่งประเสริฐของเขาเขาถูกว่ากล่าวโดยชอบก็ไม่โกรธ นักปราชญ์นั้นรู้วินัย การสมาคมกับท่านเป็นการดี (ท้าวสักกะตรัสว่า) [๙๗] พระคุณเจ้ากัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้าเจรจานั้น ไพเราะ เหมาะสม เป็ นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่พระคุณเจ้าตามที่ใจของท่านปรารถนา (พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า) [๙๘] ขอถวายพระพรท้าวสักกะ ผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง หากมหาบพิตรจะประทานพรแก่อาตมา เมื่อราตรีนั้นสิ้นไป ในเวลาดวงอาทิตย์ขึ้น ขอภักษาอันเป็นทิพย์และยาจกผู้มีศีลพึงปรากฏ
  • 3. 3 [๙๙] ขอถวายพระพร เมื่ออาตมาให้อยู่ ขอภักษาอย่าพึงหมดสิ้นไป ครั้นให้แล้ว ขออาตมาอย่าพึงเดือดร้อนในภายหลัง ขณะกาลังให้ ก็พึงทาจิตให้เลื่อมใส (ท้าวสักกะตรัสว่า) [๑๐๐] พระคุณเจ้ากัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้าเจรจานั้น ไพเราะ เหมาะสม เป็นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่พระคุณเจ้าตามที่ใจของท่านปรารถนา (พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า) [๑๐๑] ขอถวายพระพรท้าวสักกะ ผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง หากมหาบพิตรจะประทานพรแก่อาตมา ขอมหาบพิตรอย่าเสด็จมาหาอาตมาอีกเลย (ท้าวสักกะตรัสว่า) [๑๐๒] นรชนชายหญิงทั้งหลายหวังอย่างยิ่งที่จะพบโยม ด้วยการบาเพ็ญจริยาวัตรเป็ นอันมาก ในการเห็นโยมน่ากลัวนักหรือ (พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า) [๑๐๓] มหาบพิตรผู้มีวรรณะเหมือนวรรณะแห่งเทพ บันดาลความใคร่ทั้งปวงให้สาเร็จได้เช่นนั้น อาตมาพบเห็นแล้ว พึงประมาทการบาเพ็ญตบะ สิ่งนั้นจึงเป็นภัยแก่อาตมาเพราะการพบเห็นมหาบพิตร อกิตติชาดกที่ ๗ จบ -------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา อกิตติชาดก ว่าด้วย อกิตติดาบสขอพรท้าวสักกะ พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภอุบาสกผู้ทานบดีชาวกรุงสาวัตถีผู้หนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. เล่ากันมาว่า อุบาสกนั้นนิมนต์พระศาสดา ถวายมหาทานแด่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานตลอด ๗ วัน ในวันสุดท้ายได้ถวายบริขารทั้งปวงแก่พระอริยสงฆ์. ลาดับนั้น พระศาสดาประทับท่ามกลางบริษัทนั้นแหละ เมื่อทรงกระทาอนุโมทนาตรัสว่า อุบาสก การบริจาคของเธอใหญ่หลวง กรรมที่ทาได้ยากยิ่งเธอกระทาแล้ว ธรรมดาว่าทานวงศ์นี้เป็นวงศ์ของหมู่บัณฑิต แต่ก่อนแท้จริง อันชื่อว่าทาน ไม่ว่าจะเป็ นคฤหัสถ์ ไม่ว่าเป็ นบรรพชิต ควรให้ทั้งนั้น ก็บัณฑิตแต่เก่าก่อนบวชอยู่ในป่า และแม้จะฉันใบหมากเม่านึ่งกับวัตถุเพียงแต่น้า ไม่เค็มและไร้กลิ่น ก็ยังให้แก่ยาจกที่ประจวบเหมาะ ตนเองยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยปีติสุข.
  • 4. 4 อุบาสกนั้นกราบทูลอาราธนาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การถวายบริกขารทั้งปวงนี้ปรากฏแก่มหาชนแล้วละ พระเจ้าข้า ข้อนี้พระองค์ตรัสยังมิได้ปรากฏ โปรดตรัสคานั้นแก่พวกข้าพระองค์เถิด พระเจ้าข้า. ดังนี้แล้วจึงทรงนาอดีตนิทานมาดังต่อไปนี้. ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ณ กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลพราหมณ์มหาศาลมีสมบัติ ๘๐ โกฏิ บิดามารดาขนานนามว่า อกิตติ. เมื่อท่านเดินได้แล้ว มารดาคลอดน้องสาวคนหนึ่ง บิดามารดาขนานนามว่า ยสวดี. พระมหาสัตว์ได้อายุ ๑๖ ปี ไปเมืองตักกศิลาเรียนศิลปะทั้งปวงแล้วกลับมา. ลาดับนั้น มารดาบิดาของท่านทากาลกิริยาลง ท่านได้จัดทาเปตกิจแก่มารดาบิดาแล้ว ทาการสารวจทรัพย์อยู่ สดับว่า ท่านผู้ชื่อโน้นสร้างสมบัติไว้เท่านี้ล่วงลับไปแล้ว ท่านผู้โน้นสร้างสมบัติประมาณเท่านี้ล่วงลับไปแล้ว มีใจสลด ดาริว่า ทรัพย์นี้ปรากฏแก่เรา ผู้รวบรวมทรัพย์หาปรากฏไม่ ทุกคนทิ้งทรัพย์นี้ไปเสียทั้งนั้น เราก็คงขนเอามันไปไม่ได้ จึงเรียกน้องสาวมาบอกว่า เธอจงดูแลทรัพย์นี้เถิด. น้องสาวถามว่า ก็พี่มีอัธยาศัยอย่างไรเล่าพี่. กล่าวว่าฉันอยากจะบวช น้อง. คุณพี่เจ้าคะ ดิฉันไม่ขอน้อมเศียรรับทรัพย์ที่พี่ถ่มทิ้งไว้แล้ว ดิฉันไม่ต้องการทรัพย์นี้ดอก แม้ดิฉันก็จักบวชบ้าง. ท่านอาลาพระราชา แล้วให้คนเที่ยวตีกลองร้องประกาศว่า เหล่าชนผู้มีความต้องการทรัพย์ จงพากันไปสู่เรือนของท่านอกิตติบัณฑิตเถิด. ท่านบาเพ็ญมหาทานตลอด ๗ วัน ครั้นยังไม่สิ้นไป ก็ดาริว่า อายุสังขารของเราย่อมเสื่อมไป เราจะมัวรอให้ทรัพย์หมดสิ้นไปทาไมกัน ผู้ต้องการจงพากันถือเอาไป แล้วเปิดประตูนิเวศน์ประกาศว่า เราให้หมดเลย เชิญขนไปเถิด ทิ้งเรือนอันมีเงินทองเสีย พาน้องสาวออกจากพระนครพาราณสีไป ทั้งๆ ที่มวลญาติพากันร่าไห้. ท่านออกทางประตูใด ประตูนั้นได้นามว่า ประตูอกิตติ ท่านข้ามแม่น้าท่าใด แม้ท่านั้นก็ได้นามว่า ท่าอกิตติ ท่านเดินไปได้สองสามโยชน์ ก็สร้างบรรณศาลาในสถานอันน่ารื่นรมย์ แล้วบวชพร้อมกับน้องสาว. ตั้งแต่กาลท่านบวช ประชาชนชาวบ้าน ชาวตาบลและราชธานีเป็นอันมากพากันบวช จึงได้มีบริวารมาก เกิดลาภสักการะมากเป็นไปเหมือนครั้งพุทธุปบาทกาล.
  • 5. 5 ลาดับนั้น พระมหาสัตว์ดาริว่า ลาภสักการะนี้มีมากนัก ทั้งบริวารของเราก็มีมากมาย แต่เราควรอยู่ลาพังผู้เดียวเท่านั้น ถึงยามปลอด แม้แต่น้องสาวก็ไม่บอกให้ทราบ ออกไปลาพังผู้เดียวเท่านั้น ไปถึงแคว้นทมิฬโดยพักอยู่ในอุทยานใกล้กับท่ากาจีระ ยังฌานและอภิญญาให้บังเกิดแล้ว. แม้ในที่นั้น ลาภและสักการะมากมายก็บังเกิดแก่ท่าน ท่านรังเกียจลาภสักการะนั้นก็ทิ้งเหาะไปทางอากาศลงที่เกาะหมากเม่า ใกล้เกาะนาค ครั้งนั้นเกาะหมากเม่าได้นามว่าเกาะงู. ท่านสร้างบรรณศาลาชิดต้นหมากเม่าใหญ่พานักอยู่ในเกาะงูนั้น การที่ท่านอยู่ในเกาะนั้นไม่มีใครทราบเลย. ลาดับนั้น น้องสาวของท่านตามหาพี่ชาย ลุถึงแคว้นทมิฬโดยลาดับ ไม่ได้พบท่านจึงอยู่ในสถานที่ท่านเคยอยู่นั่นแหละ แต่ไม่สามารถจะทาฌานให้เกิดได้. พระมหาสัตว์มิได้ไปที่ไหนๆ เพราะท่านปรารถนาน้อย ในเวลาที่ต้นหมากเม่านั้นมีผลก็ฉันผลหมากเม่า เวลามีแต่ใบก็เก็บมานึ่งฉัน. ด้วยเดชแห่งศีลของท่าน บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ของท้าวสักกเทวราช แสดงอาการร้อนแล้ว. ท้าวสักกเทวราชทรงนึกว่า ใครเล่านะประสงค์จะให้เราเคลื่อนจากที่ ทรงเห็นอกิตติบัณฑิต ก็ทรงดาริว่า ดาบสนี้รักษาศีลเพื่ออะไรเล่า ต้องการเป็นท้าวสักกะ หรือปรารถนาอย่างอื่น ต้องทดลองท่านดู แล้วทรงดาริต่อไปว่า ดาบสนี้เลี้ยงชีวิตด้วยลาบาก ฉันใบหมากเม่าที่เพียงนึ่งกับน้า ถ้าปรารถนาความเป็ นท้าวสักกะ คงจะให้ใบหมากเม่านึ่งแก่เรา ถ้าไม่ปรารถนาคงไม่ให้ แล้วแปลงเป็ นพราหมณ์ไปสู่สานักของท่าน. พระโพธิสัตว์นึ่งใบหมากเม่าแล้วปลงลง คิดว่าเราให้เย็นจึงจะฉัน นั่งอยู่ที่ประตูบรรณศาลา. ลาดับนั้น ท้าวสักกะได้ยืนอยู่เฉพาะหน้าท่านเพื่อขอภิกษา พระมหาสัตว์เห็นท้าวสักกะแล้วมีความโสมนัส ดาริว่า เป็นลาภเหลือหลายของเราซินะ เราเห็นยาจก วันนี้เราต้องให้ทานทามโนรถของเราให้ลุถึงที่สุด ถือใบหมากเม่านึ่งไปใส่ในภาชนะของท้าวเธอ มิได้เหลือไว้เพื่อตนเลยด้วยคิดว่า ขอทานของเรานี้จงเป็นปัจจัยแห่งพระสัพพัญญุตญาณดังนี้. พราหมณ์ได้รับใบหมากเม่านึ่งนั้นเดินไปหน่อย ก็อันตรธานไป. ฝ่ายพระโพธิสัตว์ ครั้นให้แก่ท้าวเธอแล้ว ก็มิได้นึ่งใหม่ คงยับยั้งด้วยปีตินั่นเอง. วันรุ่งขึ้น นึ่งเสร็จก็นั่งที่ประตูบรรณศาลานั่นแหละ
  • 6. 6 ท้าวสักกะก็แปลงเป็นพราหมณ์มาอีก พระมหาสัตว์ก็ให้แก่ท้าวเธออีก คงยับยั้งอยู่ด้วยอาการอย่างเดียว. แม้ในวันเป็นคารบสาม คงให้อย่างนั้นแหละ ถึงโสมนัสว่า โอ เป็นลาภเหลือหลายของเรา เราอาศัยใบหมากเม่าประสบบุญใหญ่โต แม้ถึงจะอิดโรยเพราะไม่มีอาหารตลอดสามวัน ก็ยังออกจากบรรณศาลาในเวลาเที่ยงคืน ได้นั่งที่ประตูบรรณศาลาราพึงถึงทานอยู่. ท้าวสักกะทรงพระดาริว่า พราหมณ์นี้ขาดอาหารตลอดสามวัน แม้จะอิดโรยเห็นปานนั้น ก็ยังให้ทานได้อย่างน่ายินดี แม้ความแปรแห่งจิตก็มิได้มีเลย เรายังมิได้รู้ว่าท่านปรารถนาชื่อนี้แล้วให้ทาน ต้องถามจึงจักทราบอัธยาศัยของท่าน. ท้าวเธอเสด็จมาในเวลาเที่ยงคืน ยืนอยู่เบื้องหน้าพระมหาสัตว์ตรัสว่า เจ้าพระคุณดาบส ในเมื่อลมร้อนเห็นปานฉะนี้พัดพานอยู่ พระคุณเจ้าก็คงกระทาตปกรรมอยู่ในป่าอันมีน้าเค็มล้อมรอบเห็นปานนี้ เพื่ออะไรเล่าขอรับ. พระศาสดา เมื่อจะประกาศเนื้อความนั้น จึงตรัสพระคาถาที่ ๑ ว่า ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูต ทรงเห็นอกิตติดาบสผู้ยับยั้งอยู่ จึงได้ตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์ ท่านปรารถนาสมบัติอะไร ถึงยับยั้งอยู่ผู้เดียวในถิ่นอันแห้งแล้ง. พระมหาสัตว์ได้ฟังดังนั้นและทราบว่าท้าวเธอเป็นท้าวสักกะ เพื่อประกาศว่า อาตมภาพมิได้ปรารถนาสมบัติเหล่านั้นเลย แต่ปรารถนาพระสัพพัญญุตญาณ จึงกระทาการบาเพ็ญตบะ ดังนี้ จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า ดูก่อนท้าวสักกะ การเกิดบ่อยๆ เป็ นทุกข์ อนึ่ง ความแตกทาลายแห่งร่างกายและความตายอย่างหลงใหล ก็เป็นทุกข์ เพราะเหตุนั้น อาตมภาพจึงยับยั้งอยู่ ณ ที่นี้. ท้าวสักกะสดับคานั้นแล้วทรงมีพระหฤทัยยินดีว่า ข่าวว่า พระคุณเจ้ารูปนี้เบื่อหน่ายในภพทั้งปวงแล้ว อยู่ในป่าเพื่อต้องการพระนิพพาน เราต้องถวายพระพรแก่ท่าน เมื่อจะเชิญท่านรับพร จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า ข้าแต่ท่านกัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้ากล่าวนี้ เป็นถ้อยคาสมควร เป็นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา. พระมหาสัตว์ เมื่อจะรับพร จึงกล่าวคาถาที่ ๔ ว่า ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ ชนทั้งหลายได้บุตร ภรรยา ทรัพย์
  • 7. 7 ข้าวเปลือกและสิ่งของอันเป็ นที่รักทั้งหลายแล้วยังไม่อิ่มด้วยความโลภใด ความโลภนั้นอย่าพึงมีในอาตมภาพเลย. ลาดับนั้น ท้าวสักกะทรงยินดีต่อท่าน เมื่อจะให้พรยิ่งขึ้นไป และพระมหาสัตว์เมื่อจะรับพร ต่างก็กล่าวคาถาทั้งหลายว่า ข้าแต่ท่านกัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคาสมควร เป็ นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา. ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ นา ที่ดิน เงิน โค ม้า ทาส กรรมกรย่อมเสื่อมสิ้นไปด้วยโทสะใด โทสะนั้นอย่าพึงมีในอาตมภาพเลย. ข้าแต่ท่านกัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคาสมควร เป็ นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา. ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ อาตมภาพไม่พึงเห็น ไม่พึงได้ฟังคนพาล ไม่พึงอยู่ร่วมกับคนพาล ไม่ขอกระทาและไม่ขอชอบใจการเจรจาปราศรัยกับคนพาล. ข้าแต่ท่านกัสสปะ คนพาลได้กระทาอะไรให้แก่ท่านหรือ ขอท่านจงบอกเหตุนั้นแก่โยม เพราะเหตุไร ท่านจึงไม่ปรารถนาเห็นคนพาล. คนพาลผู้มีปัญญาทราม ย่อมแนะนาสิ่งที่ไม่ควรจะแนะนา ย่อมชักชวนในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ การแนะนาชั่วเป็นความดีของเขา คนพาลนั้นถึงจะพูดดีก็โกรธ เขามิได้รู้วินัย การไม่เห็นคนพาลนั้นเป็ นความดี. ข้าแต่ท่านกัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคาสมควร เป็ นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา. ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ อาตมภาพพึงขอเห็น ขอฟังนักปราชญ์ ขออยู่ร่วมกันกับนักปราชญ์ ขอกระทาและขอชอบใจการเจรจาปราศรัยกับนักปราชญ์. ข้าแต่ท่านกัสสปะ นักปราชญ์ได้กระทาอะไรให้แก่ท่านหรือ ท่านจงบอกเหตุนั้นแก่โยม เพราะเหตุไร ท่านจึงปรารถนาเห็นนักปราชญ์. นักปราชญ์ย่อมแนะนาสิ่งที่ควรแนะนา ย่อมไม่ชักชวนในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ การแนะนาดีเป็นความดีของนักปราชญ์นั้น นักปราชญ์นั้น ผู้อื่นกล่าวชอบก็ไม่โกรธ ย่อมรู้จักวินัย การสมาคมคบหากันกับนักปราชญ์นั้นเป็ นความดี.
  • 8. 8 ข้าแต่ท่านกัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคาสมควร เป็ นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา. ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ เมื่อราตรีสว่างจ้า พระอาทิตย์อุทัยขึ้นแล้ว ขออาหารอันเป็ นทิพย์และยาจกผู้มีศีลพึงปรากฏขึ้น เมื่ออาตมภาพให้ทานอยู่ ขอ ให้ศรัทธาของอาตมภาพไม่พึงเสื่อมสิ้นไป ครั้นให้ทานแล้ว ขอให้อาตมภาพไม่พึงเดือดร้อนภายหลัง เมื่อกาลังให้อยู่ ก็ขอให้อาตมภาพพึงยังจิตให้เลื่อมใส ดูก่อนท้าวสักกะ ขอมหาบพิตรทรงประทานพรนี้แก่อาตมภาพเถิด. ข้าแต่ท่านกัสสปะ เพราะถ้อยคาที่พระคุณเจ้ากล่าวนี้เป็นถ้อยคาสมควร เป็ นสุภาษิต โยมขอถวายพรแก่ท่านตามที่ท่านมีใจปรารถนา. ดูก่อนท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่แห่งภูตทั้งปวง ถ้ามหาบพิตรจะทรงประทานพรแก่อาตมภาพ มหาบพิตรอย่าพึงเข้ามาใกล้อาตมภาพอีกเลย ดูก่อนท้าวสักกะ ขอมหาบพิตรทรงประทานพรนี้แก่อาตมภาพเถิด. นรชาติหญิงชายทั้งหลายย่อมปรารถนาจะเห็นโยม ด้วยวัตรจริยาเป็นอันมาก เพราะเหตุไรหนอ การเห็นโยมจึงเป็นภัยแก่ท่าน. อาตมภาพเห็นเพศเทวดาเช่นพระองค์ผู้สาเร็จด้วยสิ่งที่ต้องประสงค์ทุก อย่างแล้ว ก็จะพึงประมาททาความเพียรปรารถนาตาแหน่งท้าวสักกะ การเห็นมหาบพิตรจึงเป็นภัยแก่อาตมภาพ. ท้าวสักกเทวราชรับคาว่า ดีละพระคุณเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ข้าพเจ้าจักไม่มาสู่สานักพระคุณเจ้าละ บังคมท่าน ขอขมาแล้วก็ครรไลหลีกไป. พระมหาสัตว์อยู่ ณ ที่นั้นเองตลอดชีวิต เจริญพรหมวิหารธรรมบังเกิดในพรหมโลกแล้ว. พระศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า ท้าวสักกะในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอนุรุทธะ ส่วนอกิตติบัณฑิต คือ เราตถาคต แล. จบอรรถกถาอกิตติชาดกที่ ๗ -----------------------------------------------------