SlideShare a Scribd company logo
1
สิริชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๔. สิริชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๒๘๔)
ว่าด้วยสมบัติเกิดขึ้นแก่ผู้มีบุญ
(พระศาสดาทรงนาอดีตนิทานมาแสดงแล้ว ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า)
[๑๐๐] ผู้ไม่มีบุญจะมีศิลปะหรือไม่มีศีลปะก็ตามที
ขวนขวายรวบรวมทรัพย์ใดไว้เป็ นจานวนมาก ทรัพย์นั้นผู้มีบุญย่อมได้ใช้สอย
[๑๐๑] สมบัติจานวนมากล่วงเลยคนเหล่าอื่นไปเสีย
ย่อมเกิดขึ้นแก่ผู้กระทาบุญไว้ในที่ทั้งปวงเท่านั้น
แม้รัตนะทั้งหลายก็เกิดขึ้นในที่มิใช่บ่อเกิดแห่งรัตนะ
(พระศาสดาเมื่อจะทรงแสดงรัตนะเหล่านั้น จึงตรัสว่า)
[๑๐๒] ไก่ แก้วมณี ไม้เท้า และหญิงชื่อปุญญลักขณาเทวี
เกิดขึ้นแก่อนาถบิณฑิกเศรษฐีผู้ไม่ทาบาปทาแต่บุญไว้แล้ว
สิริชาดกที่ ๔ จบ
--------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
สิริชาดก
ว่าด้วย โภคะเกิดแก่ผู้มีบุญ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร
ทรงปรารภพราหมณ์โจรผู้ลักสิริคนหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
ในชาดกนี้
เรื่องปัจจุบันมีพิสดารแล้วใน ขทิรังคารชาดก ในหนหลังนั่นแล.
แต่ในที่นี้
เทวดาผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งสิงอยู่ที่ซุ้มประตูที่สี่ ในเรือนของท่านอนาถบิณฑิกเศร
ษฐีนั้น เมื่อจะทาทัณฑกรรมแก่ตนเอง จึงนาเอาเงิน ๕๔ โกฏิมาใส่เต็มฉาง
ได้เป็นสหายกับท่านเศรษฐี.
ลาดับนั้น ท่านเศรษฐีได้นาเทวดานั้นไปยังสานักของพระศาสดา
พระศาสดาทรงแสดงธรรมแก่เทวดานั้น เทวดานั้น
ครั้นได้ฟังธรรมแล้วได้เป็นพระโสดาบัน. ตั้งแต่นั้นมา
ยศของท่านเศรษฐีก็ได้เป็นเหมือนอย่างเดิม.
ครั้งนั้น มีพราหมณ์ผู้รู้ลักษณะสิริชาวเมืองสาวัตถีคนหนึ่งคิดว่า
อนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็ นคนเข็ญใจแล้ว กลับเป็ นใหญ่ขึ้นอีก อย่ากระนั้นเลย
เราทาทีเหมือนต้องการจะไปเยี่ยมท่านเศรษฐีนั้น
ไปลักเอาสิริจากเรือนของท่านเศรษฐีนั้นมาเสีย.
2
พราหมณ์นั้นไปยังเรือนของท่านเศรษฐี
อันท่านเศรษฐีนั้นกระทาสักการะและสัมมานะแล้ว
เมื่อกาลังกล่าวถ้อยคาเครื่องให้ระลึกถึงกันและกันอยู่ ท่านเศรษฐีกล่าวว่า
ท่านมาหาข้าพเจ้าเพื่อต้องการอะไร? ก็ตรวจดูว่า สิริประดิษฐานอยู่ที่ไหนหนอ
ก็ท่านเศรษฐีมีไก่ขาวปลอดมีส่วนเปรียบดุจสังข์ที่ขัดแล้วใส่ไว้ในกรงทองตั้งอยู่
สิริประดิษฐานอยู่ที่หงอนของไก่นั้น.
พราหมณ์ตรวจดูอยู่รู้ว่าสิริประดิษฐานอยู่ที่ไก่นั้น จึงกล่าวว่า ท่านมหาเศรษฐี
ข้าพเจ้าสอนมนต์พวกมาณพ ๕๐๐ คน เพราะอาศัยไก่ตัวหนึ่งขันไม่เป็ นเวลา
พวกมาณพและข้าพเจ้าจึงย่อมลาบาก ได้ยินว่า ก็ไก่ตัวนี้ขันตรงเวลา
ข้าพเจ้ามาเพื่อต้องการไก่ตัวนี้ ท่านโปรดให้ไก่ตัวนี้แก่ข้าพเจ้าเถิด.
ท่านเศรษฐีกล่าวว่า จับเอาไปเถอะพราหมณ์ ข้าพเจ้าให้ไก่ตัวนี้แก่ท่าน.
ก็ในขณะที่ท่านเศรษฐีกล่าวว่าให้เท่านั้น
สิริก็เคลื่อนจากหงอนของไก่นั้น
ไปประดิษฐานอยู่ที่ดวงแก้วมณีซึ่งวางอยู่เหนือหัวนอน.
พราหมณ์รู้ว่าสิริไปประดิษฐานอยู่ที่แก้วมณีจึงขอแก้วมณีแม้ดวงนั้น.
ในขณะที่ท่านเศรษฐีกล่าวว่าข้าพเจ้าให้แก้วมณีเท่านั้น สิริก็เคลื่อนจากแก้วมณี
ไปประดิษฐานอยู่ที่ไม้เจว็ดซึ่งวางอยู่เหนือหัวนอน.
พราหมณ์รู้ว่าสิริไปประดิษฐานอยู่ที่ไม้เจว็ดนั้น จึงขอไม้เจว็ดแม้นั้น.
ในขณะที่ท่านเศรษฐีกล่าวว่าจงถือเอาไปเถอะเท่านั้น สิริก็เคลื่อนจากไม้เจว็ด
ไปประดิษฐานอยู่ที่ศีรษะของภรรยาเอกของท่านเศรษฐี ชื่อว่าบุญญลักษณาเทวี.
พราหมณ์ผู้เป็นโจรลักสิริรู้ว่าสิริไปประดิษฐานอยู่ที่ภรรยาเอกของท่าน
เศรษฐี จึงคิดว่า เราไม่อาจขอภรรยาเอกนี้ซึ่งเป็ นภัณฑ์ที่ท่านเศรษฐีสละไม่ได้
จึงได้กล่าวคานี้กะท่านเศรษฐีว่า ท่านมหาเศรษฐี ข้าพเจ้ามาด้วยใจว่า
จักลักสิริในเรือนของท่านไป ก็สิริได้ประดิษฐานอยู่ที่หงอนไก่ของท่าน
เมื่อท่านให้ไก่นี้แก่ข้าพเจ้า สิริก็เคลื่อนที่จากไก่นั้นไปประดิษฐานที่แก้วมณี
เมื่อท่านให้แก้วมณี สิริก็ไปประดิษฐานอยู่ที่ไม้เจว็ด เมื่อท่านให้ไม้เจว็ด
สิริก็เคลื่อนจากไม้เจว็ดไปประดิษฐานที่ศีรษะของนางบุญญลักษณาเทวี
ข้าพเจ้าคิดว่า สิ่งนี้หนอเป็นสิ่งที่สละไม่ได้ จึงไม่อาจลักสิริของท่าน
ของของท่านก็จงเป็นของท่านเท่านั้น ครั้นกล่าวแล้ว ก็ลุกจากอาสนะหลีกไป.
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีคิดว่าจักกราบทูลเหตุการณ์นี้แก่พระผู้มีพระภ
าคเจ้า จึงไปยังวิหาร บูชาพระศาสดา ถวายบังคมพระศาสดา แล้วนั่ง ณ
ส่วนสุดข้างหนึ่ง กราบทูลเรื่องราวนั้นทั้งหมดแก่พระตถาคตเจ้า.
พระศาสดาได้ทรงสดับดังนั้น จึงตรัสว่า คฤหบดี
มิใช่ในบัดนี้เท่านั้นที่สิริของคนอื่นจะไปในที่อื่น ก็แม้ในกาลก่อน
สิริที่คนผู้มีบุญน้อยให้เกิดขึ้น ก็ไปอยู่แทบบาทมูลของคนผู้มีบุญเท่านั้น
3
อันท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีทูลอ้อนวอนแล้ว จึงทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก
ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล
เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในพระนครพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ในกาสิกรัฐ พอเจริญวัยแล้ว
ก็ได้เล่าเรียนศิลปะทั้งปวงในเมืองตักกสิลา อยู่ครองเรือน
สลดใจเพราะบิดามารดาทากาลกิริยาตายไป
จึงออกบวชเป็ นฤาษีอยู่ในหิมวันตประเทศ ยังอภิญญาและสมาบัติให้บังเกิดขึ้น
โดยกาลล่วงมาช้านาน ได้ไปยังชนบทเพื่อต้องการรสเค็มและรสเปรี้ยว
ได้อยู่ในพระราชอุทยานของพระเจ้าพาราณสี.
วันรุ่งขึ้น เมื่อจะเที่ยวภิกขาจารได้ไปยังประตูเรือนของนายหัตถาจารย์
นายหัตถาจารย์นั้นเลื่อมใสในอาจารมรรยาทและวิหารธรรมของดาบสนั้น
จึงถวายภิกษาหารแล้วให้อยู่ในอุทยาน ปรนนิบัติอยู่เป็นนิตย์. เวลานั้น
คนหาฟืนเลี้ยงชีพคนหนึ่งนาฟืนมาจากป่าไม่สามารถจะมาทันประตูเมืองได้ตามเ
วลาในเวลาเย็น จึงทาฟ่อนไม้ให้เป็ นเครื่องหนุนศีรษะนอน ณ ศาลเจ้าแห่งหนึ่ง.
มีไก่จานวนมาก แม้ที่ชาวบ้านเขาปล่อยไว้ที่ศาลเจ้า
พากันนอนอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งไม่ไกลชายหาฟืนนั้น ในเวลาใกล้รุ่ง
ไก่ตัวที่นอนอยู่เหนือไก่เหล่านั้น ถ่ายคูถรดตามตัวของไก่ซึ่งนอนอยู่เบื้องล่าง
และเมื่อไก่ที่นอนเบื้องล่างถามว่า ใครถ่ายคูถรดตัวเรา จึงกล่าวว่า ข้าพเจ้าเอง.
และเมื่อไก่ตัวล่างกล่าวว่า เพราะอะไร? จึงกล่าวว่า
เพราะไม่ทันพิจารณาแล้วก็ถ่ายคูถรดลงไปอีก. แต่นั้น
ไก่ทั้งสองตัวก็โกรธกันและกัน ทาการทะเลาะกันว่า กาลังของท่านมีหรือ
กาลังของท่านมีหรือ?
ลาดับนั้น ไก่ตัวที่นอนอยู่เบื้องล่างกล่าวว่า
ใครฆ่าเราแล้วกินเนื้อที่สุกด้วยถ่านไฟ จักได้ทรัพย์พันกหาปณะแต่เช้าตรู่.
ไก่ตัวที่นอนอยู่เบื้องบนกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ
ท่านอย่าอวดอ้างด้วยอานุภาพมีประมาณเท่านี้
ด้วยว่าบุคคลผู้กินเนื้อล่าของเราจะได้เป็ นพระราชา ผู้กินเนื้อภายนอก
ถ้าเป็นบุรุษจะได้ตาแหน่งเสนาบดี ถ้าเป็ นสตรีจะได้ตาแหน่งอัครมเหสี
ส่วนผู้กินเนื้อติดกระดูกของเรา ถ้าเป็นคฤหัสถ์จะได้ตาแหน่งขุนคลัง
ถ้าเป็นบรรพชิตจะได้เป็นพระประจาราชตระกูล.
ชายหาฟืนได้ฟังคาของไก่ทั้งสองตัวนั้น แล้วคิดว่า
เมื่อเราได้ครองราชสมบัติแล้ว กิจด้วยทรัพย์พันหนึ่ง ย่อมไม่มีจึงค่อยๆ
ปีนขึ้นไปจับไก่ตัวที่นอนเบื้องบนฆ่าแล้วห่อไว้ คิดว่า
เราจักเป็นพระราชาจึงเดินไป พอประตูเมืองเปิดก็เข้าเมืองจัดการถอนขนไก่
4
ล้างน้าให้สะอาดแล้วได้ให้แก่ภรรยาโดยสั่งว่า จงปรุงเนื้อไก่นี้ให้ดี.
ภรรยาจัดแจงเนื้อไก่และข้าว เสร็จแล้วน้อมเข้าไปให้แก่สามีโดยกล่าวว่า
จงบริโภคเถอะนาย.
สามีกล่าวว่า นางผู้เจริญ เนื้อนี้มีอานุภาพมาก
เราบริโภคเนื้อนี้แล้วจักเป็นพระราชา เธอจักได้เป็นอัครมเหสี ดังนั้น
สามีภรรยาทั้งสองจึงถือเอาข้าวและเนื้อนั้นไปฝั่งแม่น้าคงคา คิดว่า
อาบน้าแล้วจึงจักบริโภค จึงได้วางภาชนะอาหารไว้ที่ริมฝั่งแล้วลงไปอาบน้า.
ขณะนั้น น้าถูกลมพัดปั่นป่วนซัดมาได้พาเอาภาชนะภัตตาหารลอยไป.
ภาชนะภัตตาหารนั้นถูกกระแสน้าพัดมา มหาอามาตย์ผู้เป็ นหัตถาจารย์ผู้หนึ่ง
กาลังให้ช้างอาบน้าอยู่ในแม่น้าข้างใต้เห็นเข้า จึงให้ยกขึ้นมาแล้วให้เปิดดู
ถามว่ามีอะไร? พวกบริวารบอกว่า ภัตตาหารและเนื้อไก่ครับนาย.
มหาอามาตย์นั้นจึงให้ปิดภาชนะภัตตาหารนั้นแล้วให้ประทับตรา
ส่งไปให้ภรรยาโดยสั่งว่า เธออย่าเปิดเนื้อและข้าวจนกว่าฉันจะมา.
ฝ่ายบุรุษหาฟืนนั้นท้องอืด เพราะน้าปนทรายซัดเข้าปาก จึงหนีไป.
ลาดับนั้น ดาบสผู้มีจักษุทิพย์รูปหนึ่งซึ่งเป็ นกุลุปกะของนายหัตถาจารย์นั้น คิดว่า
อุปัฏฐากของเรายังไม่พ้นตาแหน่งนายหัตถาจารย์ เมื่อไรหนอจึงจักได้สมบัติ
จึงใคร่ครวญด้วยทิพยจักษุเห็นบุรุษนั้น รู้เหตุการณ์นั้น จึงรีบไปเรือนเสียก่อน
แล้วนั่งในนิเวศน์ของนายหัตถาจารย์. นายหัตถาจารย์มาถึงไหว้พระดาบสนั้น
แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ให้นาภาชนะภัตตาหารนั้นมา แล้วกล่าวว่า
ท่านทั้งหลายจงอังคาสพระดาบสด้วยเนื้อและข้าวสุก.
พระดาบสรับแต่ข้าวไม่รับเนื้อที่เขาถวายกล่าวว่า เราจะจัดแจงเนื้อนี้
เมื่อนายหัตถาจารย์กล่าวว่า จงจัดเถิดขอรับ จึงให้กระทาเป็นส่วนๆ
ในบรรดาเนื้อล่าเป็นต้น แล้วให้เนื้อล่าแก่นายหัตถาจารย์
ให้เนื้อภายนอกแก่ภรรยาของนายหัตถาจารย์นั้น ตนเองบริโภคเนื้อติดกระดูก.
ในเวลาเสร็จภัตตกิจ พระดาบสนั้นเมื่อจะไปกล่าวว่า ในวันที่สามจากวันนี้ไป
ท่านจักได้เป็ นพระราชา จงอย่าเป็ นผู้ประมาท ครั้นกล่าวแล้วก็หลีกไป.
ในวันที่สาม พระเจ้าสามันตราชยกทัพมาล้อมเมืองพาราณสี
พระเจ้าพาราณสีให้นายหัตถาจารย์แต่งตัวเป็นพระราชา แล้วทรงสั่งว่า
ท่านจงขี่ช้างรบ ส่วนพระองค์เองปลอมเพศที่ใครไม่รู้จัก เที่ยวไปในหมู่เสนา
ถูกยิงด้วยลูกศรลูกหนึ่งซึ่งมีกาลังเร็วมาก จึงสวรรคตในขณะนั้นทันที.
นายหัตถาจารย์นั้นรู้ว่า พระราชาสวรรคตแล้ว
จึงให้ขนกหาปณะออกมาเป็นอันมาก แล้วให้เที่ยวตีกลองป่าวร้องว่า
ผู้ที่ต้องการทรัพย์จงออกแนวหน้าสู้รบเถิด.
พลนิกายจึงปลงพระชนม์พระราชาผู้เป็ นข้าศึกได้โดยครู่เดียวเท่านั้น.
อามาตย์ทั้งหลายถวายพระเพลิงพระศพของพระราชาแล้ว
5
ปรึกษากันว่า เราจะตั้งใครให้เป็นพระราชา จึงตกลงกันว่า
พระราชาเมื่อยังมีพระชนม์อยู่ได้พระราชทานเพศของพระองค์แก่นายหัตถาจารย์
นายหัตถาจารย์นี้แหละกระทาการรบจึงยึดราชสมบัติไว้ได้
เราทั้งหลายจักให้ราชสมบัติแก่นายหัตถาจารย์นี้เท่านั้น
แล้วจึงอภิเษกนายหัตถาจารย์นั้นในราชสมบัติ
ทั้งได้กระทาภรรยาของนายหัตถาจารย์นั้นให้เป็นอัครมเหสี
พระโพธิสัตว์ได้เป็ นพระประจาราชตระกูล.
พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว
พระองค์เป็นผู้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะแล้ว ได้ตรัสพระคาถา ๒ คาถานี้ว่า :-
ผู้ไม่มีบุญ จะเป็ นผู้มีศิลปะหรือไม่มีศิลปะก็ตาม
ย่อมขวนขวายรวบรวมทรัพย์ใดไว้เป็ นอันมาก ผู้มีบุญย่อมใช้สอยทรัพย์เหล่านั้น.
โภคะเป็นอันมาก ย่อมล่วงเลยสัตว์เหล่าอื่นไปเสีย
เกิดขึ้นในที่ทั้งปวงแก่ผู้มีบุญอันได้กระทาไว้แล้ว ใช่แต่เท่านั้น
รัตนะทั้งหลายยังเกิดขึ้นแม้ในที่อันมิใช่บ่อเกิด.
ก็พระศาสดา ครั้นตรัสพระคาถานี้แล้ว จึงตรัสสืบไปว่า ดูก่อนคฤหบดี
ชื่อว่าบ่อเกิดอย่างอื่นเช่นกับบุญของสัตว์เหล่านี้ ย่อมไม่มี
เพราะว่ารัตนะทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นแก่คนผู้มีบุญ แม้ในที่อันมิใช่บ่อเกิดทั้งหลาย
แล้วทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้ว่า :-
ขุมทรัพย์คือบุญนี้ ให้สมบัติ
อันน่าใคร่ทั้งปวง แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมปรา
รถนาผลใด ย่อมได้ผลนั้นทั้งหมดด้วยขุมทรัพย์คือบุญนี้.
ความเป็นผู้มีผิวพรรณงาม ๑ ความเป็นผู้มีเสียงไพเราะ
๑ ความเป็นผู้มีทรวดทรงงาม ๑ ความเป็ นผู้มีรูปสวย ๑ ความเป็นอธิบดี ๑
ความเป็นผู้มีบริวาร ๑ ผลทั้งหมดนี้
อันเทวดาและมนุษย์ย่อมได้ด้วยขุมทรัพย์คือบุญนี้.
ความเป็นเจ้าประเทศราช ๑ ความเป็นผู้มีอิสริยยศ
๑ ความสุขของพระเจ้าจักรพรรดิอันเป็นที่รัก ๑
ความเป็นราชาแห่งเทวดาในเทวโลก ๑ ผลทั้งหมดนี้
อันเทวดาและมนุษย์ย่อมได้ด้วยขุมทรัพย์คือบุญนี้.
สมบัติอันเป็นของมนุษย์ ๑ ความรื่นรมย์ยินดีในเทวโลก ๑
นิพพานสมบัติ ๑ ผลทั้งหมดนี้ อันเทวดาและมนุษย์ย่อมได้ด้วยขุมทรัพย์คือบุญนี้.
ผลทั้งหมดคือความที่บุคคลอาศัยมิตตสัมปทา
ความถึงพร้อมด้วยมิตร แล้วประกอบความเพียรด้วยอุบายอันแยบคาย
ได้เป็นผู้ชานาญในวิชชาและวิมุตติ
อันเทวดาและมนุษย์ย่อมได้ด้วยขุมทรัพย์คือบุญนี้.
6
ปฏิสัมภิทา ๑ วิโมกข์ ๑ สาวกบารมี ๑ ปัจเจกโพธิ ๑ พุทธภูมิ
๑ ผลทั้งหมดนี้ อันเทวดาและมนุษย์ย่อมได้ด้วยขุมทรัพย์คือบุญนี้.
ปุญญสัมปทา คือความถึงพร้อมด้วยบุญนี้
ให้ความสาเร็จผลอันใหญ่ยิ่งอย่างนี้ เพราะฉะนั้น
บัณฑิตผู้เป็นนักปราชญ์ทั้งหลาย จึงสรรเสริญความเป็นผู้มีบุญอันได้กระทาไว้
ดังนี้.
บัดนี้
เพื่อจะทรงแสดงรัตนะทั้งหลายอันเป็นที่ประดิษฐานแห่งสิริแม้ของท่านอนาถบิณ
ฑิกเศรษฐี พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสคามีอาทิว่า กุกฺกุโฏ ดังนี้
ดังมีคาถาประพันธ์ว่า :-
ไก่ แก้วมณี ไม้เท้า หญิงผู้มีบุญญลักษณะ ย่อมเกิดแก่คนผู้ไม่มีบาป
มีแต่บุญอันได้กระทาไว้แล้ว.
ก็แหละ ครั้นตรัสพระคาถานี้แล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า
พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็ น อานนท์ ในบัดนี้
ดาบสผู้เป็นกุลุปกะในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาสิริชาดกที่ ๔
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdfmaruay songtanin
 
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
445 นิโครธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
445 นิโครธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx445 นิโครธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
445 นิโครธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
(๑) พุทธาปทาน มจร.pdf
(๑) พุทธาปทาน มจร.pdf(๑) พุทธาปทาน มจร.pdf
(๑) พุทธาปทาน มจร.pdfmaruay songtanin
 
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
254 กุณฑกกุจฉิสินธวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมห...
254 กุณฑกกุจฉิสินธวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมห...254 กุณฑกกุจฉิสินธวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมห...
254 กุณฑกกุจฉิสินธวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมห...maruay songtanin
 
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
๐๑. เตมิยชาดก.pdf
๐๑. เตมิยชาดก.pdf๐๑. เตมิยชาดก.pdf
๐๑. เตมิยชาดก.pdfmaruay songtanin
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 

Similar to 284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
499 สีวิราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
 
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
513 ชยัททิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
384 ธัมมัทธชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
445 นิโครธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
445 นิโครธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx445 นิโครธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
445 นิโครธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
(๑) พุทธาปทาน มจร.pdf
(๑) พุทธาปทาน มจร.pdf(๑) พุทธาปทาน มจร.pdf
(๑) พุทธาปทาน มจร.pdf
 
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
254 กุณฑกกุจฉิสินธวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมห...
254 กุณฑกกุจฉิสินธวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมห...254 กุณฑกกุจฉิสินธวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมห...
254 กุณฑกกุจฉิสินธวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมห...
 
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
166 อุปสาฬหกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๐๑. เตมิยชาดก.pdf
๐๑. เตมิยชาดก.pdf๐๑. เตมิยชาดก.pdf
๐๑. เตมิยชาดก.pdf
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 

More from maruay songtanin

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfmaruay songtanin
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๔. สิริชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๒๘๔) ว่าด้วยสมบัติเกิดขึ้นแก่ผู้มีบุญ (พระศาสดาทรงนาอดีตนิทานมาแสดงแล้ว ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า) [๑๐๐] ผู้ไม่มีบุญจะมีศิลปะหรือไม่มีศีลปะก็ตามที ขวนขวายรวบรวมทรัพย์ใดไว้เป็ นจานวนมาก ทรัพย์นั้นผู้มีบุญย่อมได้ใช้สอย [๑๐๑] สมบัติจานวนมากล่วงเลยคนเหล่าอื่นไปเสีย ย่อมเกิดขึ้นแก่ผู้กระทาบุญไว้ในที่ทั้งปวงเท่านั้น แม้รัตนะทั้งหลายก็เกิดขึ้นในที่มิใช่บ่อเกิดแห่งรัตนะ (พระศาสดาเมื่อจะทรงแสดงรัตนะเหล่านั้น จึงตรัสว่า) [๑๐๒] ไก่ แก้วมณี ไม้เท้า และหญิงชื่อปุญญลักขณาเทวี เกิดขึ้นแก่อนาถบิณฑิกเศรษฐีผู้ไม่ทาบาปทาแต่บุญไว้แล้ว สิริชาดกที่ ๔ จบ -------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา สิริชาดก ว่าด้วย โภคะเกิดแก่ผู้มีบุญ พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงปรารภพราหมณ์โจรผู้ลักสิริคนหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ในชาดกนี้ เรื่องปัจจุบันมีพิสดารแล้วใน ขทิรังคารชาดก ในหนหลังนั่นแล. แต่ในที่นี้ เทวดาผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งสิงอยู่ที่ซุ้มประตูที่สี่ ในเรือนของท่านอนาถบิณฑิกเศร ษฐีนั้น เมื่อจะทาทัณฑกรรมแก่ตนเอง จึงนาเอาเงิน ๕๔ โกฏิมาใส่เต็มฉาง ได้เป็นสหายกับท่านเศรษฐี. ลาดับนั้น ท่านเศรษฐีได้นาเทวดานั้นไปยังสานักของพระศาสดา พระศาสดาทรงแสดงธรรมแก่เทวดานั้น เทวดานั้น ครั้นได้ฟังธรรมแล้วได้เป็นพระโสดาบัน. ตั้งแต่นั้นมา ยศของท่านเศรษฐีก็ได้เป็นเหมือนอย่างเดิม. ครั้งนั้น มีพราหมณ์ผู้รู้ลักษณะสิริชาวเมืองสาวัตถีคนหนึ่งคิดว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็ นคนเข็ญใจแล้ว กลับเป็ นใหญ่ขึ้นอีก อย่ากระนั้นเลย เราทาทีเหมือนต้องการจะไปเยี่ยมท่านเศรษฐีนั้น ไปลักเอาสิริจากเรือนของท่านเศรษฐีนั้นมาเสีย.
  • 2. 2 พราหมณ์นั้นไปยังเรือนของท่านเศรษฐี อันท่านเศรษฐีนั้นกระทาสักการะและสัมมานะแล้ว เมื่อกาลังกล่าวถ้อยคาเครื่องให้ระลึกถึงกันและกันอยู่ ท่านเศรษฐีกล่าวว่า ท่านมาหาข้าพเจ้าเพื่อต้องการอะไร? ก็ตรวจดูว่า สิริประดิษฐานอยู่ที่ไหนหนอ ก็ท่านเศรษฐีมีไก่ขาวปลอดมีส่วนเปรียบดุจสังข์ที่ขัดแล้วใส่ไว้ในกรงทองตั้งอยู่ สิริประดิษฐานอยู่ที่หงอนของไก่นั้น. พราหมณ์ตรวจดูอยู่รู้ว่าสิริประดิษฐานอยู่ที่ไก่นั้น จึงกล่าวว่า ท่านมหาเศรษฐี ข้าพเจ้าสอนมนต์พวกมาณพ ๕๐๐ คน เพราะอาศัยไก่ตัวหนึ่งขันไม่เป็ นเวลา พวกมาณพและข้าพเจ้าจึงย่อมลาบาก ได้ยินว่า ก็ไก่ตัวนี้ขันตรงเวลา ข้าพเจ้ามาเพื่อต้องการไก่ตัวนี้ ท่านโปรดให้ไก่ตัวนี้แก่ข้าพเจ้าเถิด. ท่านเศรษฐีกล่าวว่า จับเอาไปเถอะพราหมณ์ ข้าพเจ้าให้ไก่ตัวนี้แก่ท่าน. ก็ในขณะที่ท่านเศรษฐีกล่าวว่าให้เท่านั้น สิริก็เคลื่อนจากหงอนของไก่นั้น ไปประดิษฐานอยู่ที่ดวงแก้วมณีซึ่งวางอยู่เหนือหัวนอน. พราหมณ์รู้ว่าสิริไปประดิษฐานอยู่ที่แก้วมณีจึงขอแก้วมณีแม้ดวงนั้น. ในขณะที่ท่านเศรษฐีกล่าวว่าข้าพเจ้าให้แก้วมณีเท่านั้น สิริก็เคลื่อนจากแก้วมณี ไปประดิษฐานอยู่ที่ไม้เจว็ดซึ่งวางอยู่เหนือหัวนอน. พราหมณ์รู้ว่าสิริไปประดิษฐานอยู่ที่ไม้เจว็ดนั้น จึงขอไม้เจว็ดแม้นั้น. ในขณะที่ท่านเศรษฐีกล่าวว่าจงถือเอาไปเถอะเท่านั้น สิริก็เคลื่อนจากไม้เจว็ด ไปประดิษฐานอยู่ที่ศีรษะของภรรยาเอกของท่านเศรษฐี ชื่อว่าบุญญลักษณาเทวี. พราหมณ์ผู้เป็นโจรลักสิริรู้ว่าสิริไปประดิษฐานอยู่ที่ภรรยาเอกของท่าน เศรษฐี จึงคิดว่า เราไม่อาจขอภรรยาเอกนี้ซึ่งเป็ นภัณฑ์ที่ท่านเศรษฐีสละไม่ได้ จึงได้กล่าวคานี้กะท่านเศรษฐีว่า ท่านมหาเศรษฐี ข้าพเจ้ามาด้วยใจว่า จักลักสิริในเรือนของท่านไป ก็สิริได้ประดิษฐานอยู่ที่หงอนไก่ของท่าน เมื่อท่านให้ไก่นี้แก่ข้าพเจ้า สิริก็เคลื่อนที่จากไก่นั้นไปประดิษฐานที่แก้วมณี เมื่อท่านให้แก้วมณี สิริก็ไปประดิษฐานอยู่ที่ไม้เจว็ด เมื่อท่านให้ไม้เจว็ด สิริก็เคลื่อนจากไม้เจว็ดไปประดิษฐานที่ศีรษะของนางบุญญลักษณาเทวี ข้าพเจ้าคิดว่า สิ่งนี้หนอเป็นสิ่งที่สละไม่ได้ จึงไม่อาจลักสิริของท่าน ของของท่านก็จงเป็นของท่านเท่านั้น ครั้นกล่าวแล้ว ก็ลุกจากอาสนะหลีกไป. ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีคิดว่าจักกราบทูลเหตุการณ์นี้แก่พระผู้มีพระภ าคเจ้า จึงไปยังวิหาร บูชาพระศาสดา ถวายบังคมพระศาสดา แล้วนั่ง ณ ส่วนสุดข้างหนึ่ง กราบทูลเรื่องราวนั้นทั้งหมดแก่พระตถาคตเจ้า. พระศาสดาได้ทรงสดับดังนั้น จึงตรัสว่า คฤหบดี มิใช่ในบัดนี้เท่านั้นที่สิริของคนอื่นจะไปในที่อื่น ก็แม้ในกาลก่อน สิริที่คนผู้มีบุญน้อยให้เกิดขึ้น ก็ไปอยู่แทบบาทมูลของคนผู้มีบุญเท่านั้น
  • 3. 3 อันท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีทูลอ้อนวอนแล้ว จึงทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :- ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ในกาสิกรัฐ พอเจริญวัยแล้ว ก็ได้เล่าเรียนศิลปะทั้งปวงในเมืองตักกสิลา อยู่ครองเรือน สลดใจเพราะบิดามารดาทากาลกิริยาตายไป จึงออกบวชเป็ นฤาษีอยู่ในหิมวันตประเทศ ยังอภิญญาและสมาบัติให้บังเกิดขึ้น โดยกาลล่วงมาช้านาน ได้ไปยังชนบทเพื่อต้องการรสเค็มและรสเปรี้ยว ได้อยู่ในพระราชอุทยานของพระเจ้าพาราณสี. วันรุ่งขึ้น เมื่อจะเที่ยวภิกขาจารได้ไปยังประตูเรือนของนายหัตถาจารย์ นายหัตถาจารย์นั้นเลื่อมใสในอาจารมรรยาทและวิหารธรรมของดาบสนั้น จึงถวายภิกษาหารแล้วให้อยู่ในอุทยาน ปรนนิบัติอยู่เป็นนิตย์. เวลานั้น คนหาฟืนเลี้ยงชีพคนหนึ่งนาฟืนมาจากป่าไม่สามารถจะมาทันประตูเมืองได้ตามเ วลาในเวลาเย็น จึงทาฟ่อนไม้ให้เป็ นเครื่องหนุนศีรษะนอน ณ ศาลเจ้าแห่งหนึ่ง. มีไก่จานวนมาก แม้ที่ชาวบ้านเขาปล่อยไว้ที่ศาลเจ้า พากันนอนอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งไม่ไกลชายหาฟืนนั้น ในเวลาใกล้รุ่ง ไก่ตัวที่นอนอยู่เหนือไก่เหล่านั้น ถ่ายคูถรดตามตัวของไก่ซึ่งนอนอยู่เบื้องล่าง และเมื่อไก่ที่นอนเบื้องล่างถามว่า ใครถ่ายคูถรดตัวเรา จึงกล่าวว่า ข้าพเจ้าเอง. และเมื่อไก่ตัวล่างกล่าวว่า เพราะอะไร? จึงกล่าวว่า เพราะไม่ทันพิจารณาแล้วก็ถ่ายคูถรดลงไปอีก. แต่นั้น ไก่ทั้งสองตัวก็โกรธกันและกัน ทาการทะเลาะกันว่า กาลังของท่านมีหรือ กาลังของท่านมีหรือ? ลาดับนั้น ไก่ตัวที่นอนอยู่เบื้องล่างกล่าวว่า ใครฆ่าเราแล้วกินเนื้อที่สุกด้วยถ่านไฟ จักได้ทรัพย์พันกหาปณะแต่เช้าตรู่. ไก่ตัวที่นอนอยู่เบื้องบนกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ ท่านอย่าอวดอ้างด้วยอานุภาพมีประมาณเท่านี้ ด้วยว่าบุคคลผู้กินเนื้อล่าของเราจะได้เป็ นพระราชา ผู้กินเนื้อภายนอก ถ้าเป็นบุรุษจะได้ตาแหน่งเสนาบดี ถ้าเป็ นสตรีจะได้ตาแหน่งอัครมเหสี ส่วนผู้กินเนื้อติดกระดูกของเรา ถ้าเป็นคฤหัสถ์จะได้ตาแหน่งขุนคลัง ถ้าเป็นบรรพชิตจะได้เป็นพระประจาราชตระกูล. ชายหาฟืนได้ฟังคาของไก่ทั้งสองตัวนั้น แล้วคิดว่า เมื่อเราได้ครองราชสมบัติแล้ว กิจด้วยทรัพย์พันหนึ่ง ย่อมไม่มีจึงค่อยๆ ปีนขึ้นไปจับไก่ตัวที่นอนเบื้องบนฆ่าแล้วห่อไว้ คิดว่า เราจักเป็นพระราชาจึงเดินไป พอประตูเมืองเปิดก็เข้าเมืองจัดการถอนขนไก่
  • 4. 4 ล้างน้าให้สะอาดแล้วได้ให้แก่ภรรยาโดยสั่งว่า จงปรุงเนื้อไก่นี้ให้ดี. ภรรยาจัดแจงเนื้อไก่และข้าว เสร็จแล้วน้อมเข้าไปให้แก่สามีโดยกล่าวว่า จงบริโภคเถอะนาย. สามีกล่าวว่า นางผู้เจริญ เนื้อนี้มีอานุภาพมาก เราบริโภคเนื้อนี้แล้วจักเป็นพระราชา เธอจักได้เป็นอัครมเหสี ดังนั้น สามีภรรยาทั้งสองจึงถือเอาข้าวและเนื้อนั้นไปฝั่งแม่น้าคงคา คิดว่า อาบน้าแล้วจึงจักบริโภค จึงได้วางภาชนะอาหารไว้ที่ริมฝั่งแล้วลงไปอาบน้า. ขณะนั้น น้าถูกลมพัดปั่นป่วนซัดมาได้พาเอาภาชนะภัตตาหารลอยไป. ภาชนะภัตตาหารนั้นถูกกระแสน้าพัดมา มหาอามาตย์ผู้เป็ นหัตถาจารย์ผู้หนึ่ง กาลังให้ช้างอาบน้าอยู่ในแม่น้าข้างใต้เห็นเข้า จึงให้ยกขึ้นมาแล้วให้เปิดดู ถามว่ามีอะไร? พวกบริวารบอกว่า ภัตตาหารและเนื้อไก่ครับนาย. มหาอามาตย์นั้นจึงให้ปิดภาชนะภัตตาหารนั้นแล้วให้ประทับตรา ส่งไปให้ภรรยาโดยสั่งว่า เธออย่าเปิดเนื้อและข้าวจนกว่าฉันจะมา. ฝ่ายบุรุษหาฟืนนั้นท้องอืด เพราะน้าปนทรายซัดเข้าปาก จึงหนีไป. ลาดับนั้น ดาบสผู้มีจักษุทิพย์รูปหนึ่งซึ่งเป็ นกุลุปกะของนายหัตถาจารย์นั้น คิดว่า อุปัฏฐากของเรายังไม่พ้นตาแหน่งนายหัตถาจารย์ เมื่อไรหนอจึงจักได้สมบัติ จึงใคร่ครวญด้วยทิพยจักษุเห็นบุรุษนั้น รู้เหตุการณ์นั้น จึงรีบไปเรือนเสียก่อน แล้วนั่งในนิเวศน์ของนายหัตถาจารย์. นายหัตถาจารย์มาถึงไหว้พระดาบสนั้น แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ให้นาภาชนะภัตตาหารนั้นมา แล้วกล่าวว่า ท่านทั้งหลายจงอังคาสพระดาบสด้วยเนื้อและข้าวสุก. พระดาบสรับแต่ข้าวไม่รับเนื้อที่เขาถวายกล่าวว่า เราจะจัดแจงเนื้อนี้ เมื่อนายหัตถาจารย์กล่าวว่า จงจัดเถิดขอรับ จึงให้กระทาเป็นส่วนๆ ในบรรดาเนื้อล่าเป็นต้น แล้วให้เนื้อล่าแก่นายหัตถาจารย์ ให้เนื้อภายนอกแก่ภรรยาของนายหัตถาจารย์นั้น ตนเองบริโภคเนื้อติดกระดูก. ในเวลาเสร็จภัตตกิจ พระดาบสนั้นเมื่อจะไปกล่าวว่า ในวันที่สามจากวันนี้ไป ท่านจักได้เป็ นพระราชา จงอย่าเป็ นผู้ประมาท ครั้นกล่าวแล้วก็หลีกไป. ในวันที่สาม พระเจ้าสามันตราชยกทัพมาล้อมเมืองพาราณสี พระเจ้าพาราณสีให้นายหัตถาจารย์แต่งตัวเป็นพระราชา แล้วทรงสั่งว่า ท่านจงขี่ช้างรบ ส่วนพระองค์เองปลอมเพศที่ใครไม่รู้จัก เที่ยวไปในหมู่เสนา ถูกยิงด้วยลูกศรลูกหนึ่งซึ่งมีกาลังเร็วมาก จึงสวรรคตในขณะนั้นทันที. นายหัตถาจารย์นั้นรู้ว่า พระราชาสวรรคตแล้ว จึงให้ขนกหาปณะออกมาเป็นอันมาก แล้วให้เที่ยวตีกลองป่าวร้องว่า ผู้ที่ต้องการทรัพย์จงออกแนวหน้าสู้รบเถิด. พลนิกายจึงปลงพระชนม์พระราชาผู้เป็ นข้าศึกได้โดยครู่เดียวเท่านั้น. อามาตย์ทั้งหลายถวายพระเพลิงพระศพของพระราชาแล้ว
  • 5. 5 ปรึกษากันว่า เราจะตั้งใครให้เป็นพระราชา จึงตกลงกันว่า พระราชาเมื่อยังมีพระชนม์อยู่ได้พระราชทานเพศของพระองค์แก่นายหัตถาจารย์ นายหัตถาจารย์นี้แหละกระทาการรบจึงยึดราชสมบัติไว้ได้ เราทั้งหลายจักให้ราชสมบัติแก่นายหัตถาจารย์นี้เท่านั้น แล้วจึงอภิเษกนายหัตถาจารย์นั้นในราชสมบัติ ทั้งได้กระทาภรรยาของนายหัตถาจารย์นั้นให้เป็นอัครมเหสี พระโพธิสัตว์ได้เป็ นพระประจาราชตระกูล. พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว พระองค์เป็นผู้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะแล้ว ได้ตรัสพระคาถา ๒ คาถานี้ว่า :- ผู้ไม่มีบุญ จะเป็ นผู้มีศิลปะหรือไม่มีศิลปะก็ตาม ย่อมขวนขวายรวบรวมทรัพย์ใดไว้เป็ นอันมาก ผู้มีบุญย่อมใช้สอยทรัพย์เหล่านั้น. โภคะเป็นอันมาก ย่อมล่วงเลยสัตว์เหล่าอื่นไปเสีย เกิดขึ้นในที่ทั้งปวงแก่ผู้มีบุญอันได้กระทาไว้แล้ว ใช่แต่เท่านั้น รัตนะทั้งหลายยังเกิดขึ้นแม้ในที่อันมิใช่บ่อเกิด. ก็พระศาสดา ครั้นตรัสพระคาถานี้แล้ว จึงตรัสสืบไปว่า ดูก่อนคฤหบดี ชื่อว่าบ่อเกิดอย่างอื่นเช่นกับบุญของสัตว์เหล่านี้ ย่อมไม่มี เพราะว่ารัตนะทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นแก่คนผู้มีบุญ แม้ในที่อันมิใช่บ่อเกิดทั้งหลาย แล้วทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้ว่า :- ขุมทรัพย์คือบุญนี้ ให้สมบัติ อันน่าใคร่ทั้งปวง แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมปรา รถนาผลใด ย่อมได้ผลนั้นทั้งหมดด้วยขุมทรัพย์คือบุญนี้. ความเป็นผู้มีผิวพรรณงาม ๑ ความเป็นผู้มีเสียงไพเราะ ๑ ความเป็นผู้มีทรวดทรงงาม ๑ ความเป็ นผู้มีรูปสวย ๑ ความเป็นอธิบดี ๑ ความเป็นผู้มีบริวาร ๑ ผลทั้งหมดนี้ อันเทวดาและมนุษย์ย่อมได้ด้วยขุมทรัพย์คือบุญนี้. ความเป็นเจ้าประเทศราช ๑ ความเป็นผู้มีอิสริยยศ ๑ ความสุขของพระเจ้าจักรพรรดิอันเป็นที่รัก ๑ ความเป็นราชาแห่งเทวดาในเทวโลก ๑ ผลทั้งหมดนี้ อันเทวดาและมนุษย์ย่อมได้ด้วยขุมทรัพย์คือบุญนี้. สมบัติอันเป็นของมนุษย์ ๑ ความรื่นรมย์ยินดีในเทวโลก ๑ นิพพานสมบัติ ๑ ผลทั้งหมดนี้ อันเทวดาและมนุษย์ย่อมได้ด้วยขุมทรัพย์คือบุญนี้. ผลทั้งหมดคือความที่บุคคลอาศัยมิตตสัมปทา ความถึงพร้อมด้วยมิตร แล้วประกอบความเพียรด้วยอุบายอันแยบคาย ได้เป็นผู้ชานาญในวิชชาและวิมุตติ อันเทวดาและมนุษย์ย่อมได้ด้วยขุมทรัพย์คือบุญนี้.
  • 6. 6 ปฏิสัมภิทา ๑ วิโมกข์ ๑ สาวกบารมี ๑ ปัจเจกโพธิ ๑ พุทธภูมิ ๑ ผลทั้งหมดนี้ อันเทวดาและมนุษย์ย่อมได้ด้วยขุมทรัพย์คือบุญนี้. ปุญญสัมปทา คือความถึงพร้อมด้วยบุญนี้ ให้ความสาเร็จผลอันใหญ่ยิ่งอย่างนี้ เพราะฉะนั้น บัณฑิตผู้เป็นนักปราชญ์ทั้งหลาย จึงสรรเสริญความเป็นผู้มีบุญอันได้กระทาไว้ ดังนี้. บัดนี้ เพื่อจะทรงแสดงรัตนะทั้งหลายอันเป็นที่ประดิษฐานแห่งสิริแม้ของท่านอนาถบิณ ฑิกเศรษฐี พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสคามีอาทิว่า กุกฺกุโฏ ดังนี้ ดังมีคาถาประพันธ์ว่า :- ไก่ แก้วมณี ไม้เท้า หญิงผู้มีบุญญลักษณะ ย่อมเกิดแก่คนผู้ไม่มีบาป มีแต่บุญอันได้กระทาไว้แล้ว. ก็แหละ ครั้นตรัสพระคาถานี้แล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็ น อานนท์ ในบัดนี้ ดาบสผู้เป็นกุลุปกะในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถาสิริชาดกที่ ๔ -----------------------------------------------------