ว่าด้วย โภคะเกิดแก่ผู้มีบุญ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงปรารภพราหมณ์โจรผู้ลักสิริคนหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
ในชาดกนี้ เรื่องปัจจุบันมีพิสดารแล้วใน ขทิรังคารชาดก ในหนหลังนั่นแล.
แต่ในที่นี้ เทวดาผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งสิงอยู่ที่ซุ้มประตูที่สี่ ในเรือนของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีนั้น เมื่อจะทำทัณฑกรรมแก่ตนเอง จึงนำเอาเงิน ๕๔ โกฏิมาใส่เต็มฉาง ได้เป็นสหายกับท่านเศรษฐี.
ลำดับนั้น ท่านเศรษฐีได้นำเทวดานั้นไปยังสำนักของพระศาสดา พระศาสดาทรงแสดงธรรมแก่เทวดานั้น เทวดานั้น ครั้นได้ฟังธรรมแล้วได้เป็นพระโสดาบัน. ตั้งแต่นั้นมา ยศของท่านเศรษฐีก็ได้เป็นเหมือนอย่างเดิม.
ครั้งนั้น มีพราหมณ์ผู้รู้ลักษณะสิริชาวเมืองสาวัตถีคนหนึ่งคิดว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นคนเข็ญใจแล้ว กลับเป็นใหญ่ขึ้นอีก อย่ากระนั้นเลย เราทำทีเหมือนต้องการจะไปเยี่ยมท่านเศรษฐีนั้น ไปลักเอาสิริจากเรือนของท่านเศรษฐีนั้นมาเสีย. พราหมณ์นั้นไปยังเรือนของท่านเศรษฐี อันท่านเศรษฐีนั้นกระทำสักการะและสัมมานะแล้ว เมื่อกำลังกล่าวถ้อยคำเครื่องให้ระลึกถึงกันและกันอยู่ ท่านเศรษฐีกล่าวว่า ท่านมาหาข้าพเจ้าเพื่อต้องการอะไร? ก็ตรวจดูว่า สิริประดิษฐานอยู่ที่ไหนหนอ ก็ท่านเศรษฐีมีไก่ขาวปลอดมีส่วนเปรียบดุจสังข์ที่ขัดแล้วใส่ไว้ในกรงทองตั้งอยู่ สิริประดิษฐานอยู่ที่หงอนของไก่นั้น. พราหมณ์ตรวจดูอยู่รู้ว่าสิริประดิษฐานอยู่ที่ไก่นั้น จึงกล่าวว่า ท่านมหาเศรษฐี ข้าพเจ้าสอนมนต์พวกมาณพ ๕๐๐ คน เพราะอาศัยไก่ตัวหนึ่งขันไม่เป็นเวลา พวกมาณพและข้าพเจ้าจึงย่อมลำบาก ได้ยินว่า ก็ไก่ตัวนี้ขันตรงเวลา ข้าพเจ้ามาเพื่อต้องการไก่ตัวนี้ ท่านโปรดให้ไก่ตัวนี้แก่ข้าพเจ้าเถิด. ท่านเศรษฐีกล่าวว่า จับเอาไปเถอะพราหมณ์ ข้าพเจ้าให้ไก่ตัวนี้แก่ท่าน.
ก็ในขณะที่ท่านเศรษฐีกล่าวว่าให้เท่านั้น สิริก็เคลื่อนจากหงอนของไก่นั้น ไปประดิษฐานอยู่ที่ดวงแก้วมณีซึ่งวางอยู่เหนือหัวนอน. พราหมณ์รู้ว่าสิริไปประดิษฐานอยู่ที่แก้วมณีจึงขอแก้วมณีแม้ดวงนั้น. ในขณะที่ท่านเศรษฐีกล่าวว่าข้าพเจ้าให้แก้วมณีเท่านั้น สิริก็เคลื่อนจากแก้วมณี ไปประดิษฐานอยู่ที่ไม้เจว็ดซึ่งวางอยู่เหนือหัวนอน. พราหมณ์รู้ว่าสิริไปประดิษฐานอยู่ที่ไม้เจว็ดนั้น จึงขอไม้เจว็ดแม้นั้น. ในขณะที่ท่านเศรษฐีกล่าวว่าจงถือเอาไปเถอะเท่านั้น สิริก็เคลื่อนจากไม้เจว็ด ไปประดิษฐานอยู่ที่ศีรษะของภรรยาเอกของท่านเศรษฐี ชื่อว่าบุญญลักษณาเทวี.
พราหมณ์ผู้เป็นโจรลักสิริรู้ว่าสิริไปประดิษฐานอยู่ที่ภรรยาเอกของท่านเศรษฐี จึงคิดว่า เราไม่อาจขอภรรยาเอกนี้ซึ่งเป็นภัณฑ์ที่ท่านเศรษฐีสละไม่ได้ จึงได้กล่าวคำนี้กะท่านเศรษฐีว่า ท่านมหาเศรษฐี ข้าพเจ้ามาด้วยใจว่า จักลักสิริในเรือนของท่านไป ก็สิริได้ประดิษฐานอยู่ที่หงอนไก่ของท่าน เมื่อท่านให้ไก่นี้แก่ข้าพเจ้า สิริก็เคลื่อนที่จากไก่นั้นไปประดิษฐานที่แก้วมณี เมื่อท่านให้แก้วมณี สิริก็ไปประดิษฐานอยู่ที่ไม้เจว็ด เมื่อท่านให้ไม้เจว็ด สิริก็เคลื่อนจากไม้เจว็ดไปประดิษฐานที่ศีรษะของนางบุญญลักษณาเทวี ข้าพเจ้าคิดว่า สิ่งนี้หนอเป็นสิ่งที่สละไม่ได้ จึงไม่อาจลักสิริของท่าน ของของท่านก็จงเป็นของท่านเท่านั้น ครั้นกล่าวแล้ว ก็ลุกจากอาสนะหลีกไป.