More Related Content
Similar to 229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (7)
More from maruay songtanin (20)
229 ปลายิตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
ปลายิตชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๙. ปลายิตชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๒๒๙)
ว่าด้วยการขับไล่ศัตรูแบบสายฟ้ าแลบ
(พระเจ้าพรหมทัตโพธิสัตว์ทรงดาริจะยึดเอาเมืองตักกศิลา จึงตรัสว่า)
[๑๕๗] ตักกสิลาถูกกองทัพช้างอันเกรียงไกร
ถูกกองทัพม้าสินธพอันเกรียงไกร ถูกกองทัพรถประดุจเกลียวคลื่นในมหาสมุทร
อันยังห่าฝนคือลูกศรให้ตกลงประดุจเมฆฝนอันหนาทึบ
ถูกกองทัพทหารราบซึ่งถือดาบกวัดแกว่งประหารได้อย่างแม่นยา ล้อมรอบด้าน
[๑๕๘] ท่านทั้งหลายจงรีบรุกเข้าไป จงรีบบุกเข้าไป
จงโห่ร้องให้อึกทึกกึกก้องพร้อมกับพญาช้างที่ประเสริฐ ในวันนี้
ประดุจสายอสนิบาตอันแผ่ซ่านออกจากเมฆคารามกึกก้องอยู่
ปลายิตชาดกที่ ๙ จบ
---------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
ปลายิชาดก
ว่าด้วย ขับไล่ศัตรูแบบสายฟ้ าแลบ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภปลายิปริพาชก ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า ปริพาชกนั้นท่องเที่ยวไปทั่วชมพูทวีป เพื่อการโต้วาทะ
ไม่ได้รับการโต้ตอบวาทะอะไร แล้วจนลุถึงเมืองสาวัตถีโดยลาดับ
ถามมนุษย์ทั้งหลายว่า ใครๆ สามารถจะโต้ตอบวาทะกับเรามีบ้างไหม.
พวกมนุษย์ต่างพากันสรรเสริญพระพุทธองค์ว่า
พระมหาโคดมผู้สัพพัญญู เลิศกว่าสัตว์สองเท้าทั้งหลาย ผู้เป็นใหญ่โดยธรรม
ย่ายีวาทะของผู้อื่น เป็นผู้สามารถจะโต้ตอบวาทะกับคนเช่นท่านแม้ตั้งพัน
ปราชญ์ผู้มีวาทะขัดแย้งที่เกิดขึ้นในชมพูทวีปแม้ทั้งสิ้น
ที่จะสามารถล่วงเลยพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นมิได้มี
บรรดาวาทะทั้งปวงมาถึงบาทมูลของพระองค์เป็นผุยผงไป
ดุจคลื่นสมุทรกระทบฝั่งฉะนั้น.
ปริพาชกถามว่า ก็เดี๋ยวนี้พระองค์ประทับอยู่ที่ไหน
ได้ฟังว่าที่พระเชตวันมหาวิหาร กล่าวว่า เราจักไปประวาทะกับพระองค์ในบัดนี้
แวดล้อมด้วยมหาชนไปสู่เชตวันมหาวิหาร พอเห็นซุ้มประตูเชตวันมหาวิหาร
ซึ่งพระราชกุมารพระนามว่า เชตะ ทรงสละทรัพย์เก้าโกฏิสร้าง ถามว่า
นี้คือปราสาทที่ประทับของพระสมณโคดมหรือ ได้ฟังว่า นี้คือซุ้มประตู กล่าวว่า
- 2. 2
ซุ้มประตูยังเป็นถึงเพียงนี้ คฤหาสน์ที่ประทับจะเป็นเช่นไร เมื่อมหาชนกล่าวว่า
ชื่อว่าพระคันธกุฎีประมาณไม่ถูก กล่าวว่า
ใครจะโต้ตอบวาทะกับพระสมณโคดมเป็นถึงปานนี้ได้ จึงหนีไปจากที่นั้นเอง.
มนุษย์ทั้งหลายต่างอึงคะนึงกันจะเข้าไปยังพระเชตวันมหาวิหาร
พระศาสดาตรัสถามว่า ทาไมจึงมากันผิดเวลา กราบทูลความเป็นไปให้ทรงทราบ.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนอุบาสกทั้งหลาย
ปริพาชกผู้นี้เห็นซุ้มประตูของเราก็หนีในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้
แม้ในกาลก่อนก็หนีไปแล้วเหมือนกัน
พวกมนุษย์เหล่านั้นจึงทูลอาราธนา ทรงนาเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาล
พระโพธิสัตว์เสวยราชสมบัติในเมืองตักกสิลาในแคว้นคันธาระ
พระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี พระเจ้าพรหมทัตนั้นทรงดาริว่า
จักตีเมืองตักกสิลา จึงยกพลนิกายใหญ่ไปตั้งมั่นอยู่ไม่ไกลจากเมืองตักกสิลา
ทรงซักซ้อมเสนาว่า จงส่งกองช้างเข้าไปด้านนี้ ส่งกองม้าเข้าไปด้านนี้
ส่งกองรถเข้าไปด้านนี้ ส่งพลราบเข้าไปด้านนี้ เมื่อบุกเข้าไปอย่างนี้แล้ว
จงใช้อาวุธทั้งหลาย จงให้ห่าฝนลูกศรให้ตก ดังหมู่วลาหกโปรยฝนลูกเห็บฉะนั้น
ด้วยประการฉะนี้ ได้ตรัสสองคาถานี้ว่า :-
เมืองตักกสิลาถูกเขาล้อมไว้ทุกด้านแล้ว ด้วยกองพลช้างตัวประเสริฐ
ซึ่งร้องคารนอยู่ด้านหนึ่ง ด้วยกองพลม้าตัวประเสริฐ
ซึ่งคลุมมาลาเครื่องครบอยู่ด้านเหนือ
ด้วยกองพลรถดุจคลื่นในมหาสมุทรอันยังฝน คือลูกศรให้ตกลงด้านหนึ่ง
ด้วยกองพลเดินเท้าถือธนูมั่น มีฝีมือยิงแม่นอยู่ด้านหนึ่ง
ท่านทั้งหลายจงรีบรุกเข้าไป และจงรีบบุกเข้าไป
จงไสช้างให้หนุนเนื่องกันเข้าไปเลย จงโห่ร้องให้สนั่นหวั่นไหวในวันนี้
ดุจสายฟ้ าอันซ่านออกจากกลีบเมฆ คารนอยู่ ฉะนั้น.
พระเจ้าพรหมทัตนั้นทรงตรวจพลปลุกใจเสนาให้คึกคักฉะนี้แล้ว
เคลื่อนทัพไปถึงที่ใกล้ประตูนคร เห็นซุ้มประตูแล้ว ตรัสถามว่า
นี้คือพระราชมณเฑียรหรือ เมื่อเหล่าเสนากราบทูลว่า นี้คือซุ้มประตูนคร
ยังเป็นถึงปานนี้ พระราชมณเฑียรจะเป็ นเช่นไร
ได้สดับว่าเช่นกับเวชยันตปราสาท ตรัสว่า
เราไม่อาจสู้รบกับพระราชาผู้ถึงพร้อมด้วยยศอย่างนี้
ได้ทอดพระเนตรซุ้มประตูแล้ว เสด็จหนีกลับสู่เมืองพาราณสี.
พระศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มา แล้วทรงประชุมชาดก.
พระเจ้าพาราณสีในครั้งนั้น ได้เป็น ปลายิปริพาชกในครั้งนี้
ส่วนพระราชาเมืองตักกสิลา คือ เราตถาคต นี้แล.