SlideShare a Scribd company logo
1
อาสังกชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๕. อาสังกชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๓๘๐)
ว่าด้วยอาสังกากุมาริกา
(นางอาสังกากุมาริกากราบทูลพระราชาว่า)
[๒๖] เถาวัลย์ชื่ออาสาวดีเกิดแล้วในอุทยานจิตรลดาวัน เถาวัลย์นั้น
๑,๐๐๐ ปี จึงจะออกผลหนึ่ง
[๒๗] แม้นานถึงเพียงนั้นจึงจะมีผล
ทวยเทพก็ยังพากันไปเยือนอุทยานนั้นเนืองๆ ข้าแต่มหาราช
ขอพระองค์ทรงหวังไว้เถิด เพราะว่าความหวังที่ยังมีผลเป็ นความสุข
[๒๘] ปักษาทิชาชาติยังมีความหวังอยู่ร่าไป
ความหวังของมันที่มีอยู่ห่างไกลถึงเพียงนั้นก็ยังสาเร็จได้ ข้าแต่มหาราช
ขอพระองค์ทรงหวังไว้เถิด เพราะว่าความหวังที่มีผลเป็ นความสุข
(พระราชาตรัสบอกเหตุที่จะไปกับนางอาสังกากุมาริกาว่า)
[๒๙] หล่อนให้ฉันเอิบอิ่มด้วยคาพูดเท่านั้น
หาให้ฉันเอิบอิ่มด้วยการกระทาไม่ เหมือนดอกหงอนไก่มีสีสวย แต่ไม่มีกลิ่น
[๓๐] ผู้ใดเมื่อไม่ให้ ไม่เสียสละโภคทรัพย์
ดีแต่พูดคาอ่อนหวานซึ่งไม่มีผลในมิตรทั้งหลาย
ความสัมพันธ์ของผู้นั้นกับมิตรย่อมจืดจาง
[๓๑] ควรพูดถึงแต่สิ่งที่ควรทา ไม่ควรพูดถึงสิ่งที่ไม่ควรทา คนไม่ทา
ดีแต่พูด บัณฑิตย่อมรู้ทัน
[๓๒] กาลังของเราหมดสิ้นแล้วหนอ เสบียงก็ไม่มี สงสัยจะตายเป็นแน่
อย่ากระนั้นเลย เราจะไปกันเดี๋ยวนี้แหละ
(พระนางอาสังกากุมาริกาเทวีได้สดับพระราชดารัสนั้น จึงกราบทูลว่า)
[๓๓] คาว่า อาสังกา นั่นแหละเป็ นชื่อของหม่อมฉัน
ข้าแต่มหาราชผู้จอมทัพ ขอพระองค์ทรงคอยก่อน หม่อมฉันขอบอกลาบิดาก่อน
อาสังกชาดกที่ ๕ จบ
-----------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
อาสังกชาดก
ว่าด้วย ความหวัง
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
ทรงปรารภการหลอกลวงของภรรยาเก่า (ของภิกษุนั้น) จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
เรื่องนี้จักมีแจ้งชัดใน อินทริยชาดก ข้างหน้า.
2
แต่ในที่นี้ พระศาสดาตรัสกะภิกษุนั้นว่า ได้ทราบว่า
เธอจะสึกจริงหรือ?
ภิ. จริงพระพุทธเจ้าข้า.
พ. อะไรทาให้เธอสึก?
ภิ. ภรรยาเก่า พระพุทธเจ้าข้า.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ หญิงนี้ทาความพินาศย่อยยับให้เธอ
ไม่เฉพาะในชาตินี้เท่านั้น แม้ในชาติก่อน เธอก็อาศัยหญิงนี้ละทิ้งจตุรงคเสนา
เสวยทุกข์ขนาดหนักอยู่ในท้องที่ป่าหิมพานต์ เป็ นเวลา ๓ ปี
แล้วได้ทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธกดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี
พระโพธิสัตว์ถือกาเนิดในสกุลพราหมณ์ ที่บ้านกาสิกะ เติบใหญ่แล้ว
ได้รับการศึกษาที่เมืองตักกสิลา บวชเป็ นฤๅษี มีหัวมันและผลไม้ในป่าเป็ นอาหาร
ให้อภิญญาและสมาบัติเกิดขึ้นแล้วอยู่ในท้องถิ่นป่าหิมพานต์.
เวลานั้น สัตวโลกตนหนึ่งถึงพร้อมด้วยบุญ จุติจากดาวดึงสพิภพ
เกิดเป็ นเด็กหญิงที่กลีบบัวกลีบหนึ่งในสระบัว ณ ที่นั้น
เมื่อดอกบัวเหลืองเหี่ยวร่วงโรยลงไป ดอกบัวดอกนั้น
ยังกลีบพองท้องป่องอยู่นั่นแหละไม่โรย. ท่านดาบสได้มายังสระบัวนั้นเพื่ออาบน้า
เห็นดอกบัวดอกนั้น คิดว่า เมื่อดอกบัวดอกอื่นๆ ร่วงโรยไปแล้ว
แต่ดอกนี้ยังคงกลีบพองท้องป่องอยู่ จะมีเหตุอะไรหนอ? แล้วผลัดผ้าอาบน้าลงไป
เปิดดูดอกบัวดอกนั้น เห็นเด็กหญิงคนนั้นแล้วเกิดความสาคัญขึ้นว่าเป็ นลูกสาว
นามายังบรรณศาลาเลี้ยงดูไว้.
ต่อมานางอายุได้ ๑๖ ขวบ
มีรูปร่างสวยงามเลอโฉมเกินผิวพรรณมนุษย์ แต่ไม่ถึงผิวพรรณเทวดา. ครั้งนั้น
ท้าวสักกะได้เสด็จมาสู่ที่อุปฐากพระโพธิสัตว์ ท้าวเธอทอดพระเนตรเห็นนาง
จึงตรัสถามว่า หญิงนี้มาจากไหน? ทรงสดับทานองที่ได้มาแล้วตรัสถามว่า
ควรจะได้อะไรสาหรับหญิงนี้? ท่านดาบสทูลว่า
ข้าแต่มหาบพิตรพระราชสมภารเจ้า
ควรจะได้เนรมิตปราสาทแก้วผลึกเพื่อเป็นที่อยู่ และการจัดแจงที่นอนทิพย์
เครื่องประดับประดาวัตถาภรณ์ และโภชนะอันเป็ นทิพย์ให้.
ท้าวสักกะทรงสดับคานั้นแล้วตรัสว่า ดีแล้วพระคุณเจ้า
แล้วได้ทรงเนรมิตรปราสาทแก้วผลึกให้เป็นที่อยู่ของนาง
เสร็จแล้วทรงเนรมิตรที่นอนทิพย์ เครื่องประดับประดาวัตถาภรณ์
และข้าวน้าอันเป็ นทิพย์ให้. ปราสาทนั้น เวลานางขึ้น ก็ลดต่าลงมาสถิตอยู่ที่พื้นดิน
แต่เวลานางลงแล้ว ก็เลื่อนขึ้นไปลอยอยู่บนอากาศ.
นางทาวัตรปฏิบัติพระโพธิสัตว์อยู่ในปราสาท.
3
พรานป่าคนหนึ่งเห็นนางเข้าจึงเรียนถามว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
หญิงคนนี้เป็นอะไรของพระคุณเจ้า. ได้ทราบว่าเป็นธิดา จึงไปยังเมืองพาราณสี
ทูลในหลวงว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าได้เห็นธิดาของดาบสรูปหนึ่ง มีรูปร่างอย่างนี้
คือสวยงามในท้องที่ป่าหิมพานต์. พระองค์ทรงสดับคานั้นแล้ว
ทรงสนพระทัยเพราะเกี่ยวข้องกับการได้ทรงสดับข่าวนั้นเอง
จึงให้พรานป่าเป็ นผู้นาทางเสด็จไปยังที่นั้นด้วยจตุรงคเสนา ทรงตั้งค่ายไว้แล้ว
ทรงพาพรานป่าไป มีหมู่อามาตย์ห้อมล้อม เสด็จเข้าไปยังอาศรมบท
ทรงไหว้พระมหาสัตว์แล้ว ประทับนั่ง ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง ตรัสว่า
ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ขึ้นชื่อว่าหญิงเป็ นมลทินของพรหมจรรย์
โยมจะเลี้ยงดูธิดาของพระคุณเจ้า.
ส่วนพระโพธิสัตว์ได้ตั้งชื่อให้กุมาริกานั้นว่า อาสังกากุมารี เพราะว่าท่า
นแคลงใจว่า อะไรหนออยู่ในดอกบัวนั้น แล้วจึงลงน้าไปเอาขึ้นมา.
ท่านไม่ทูลพระราชานั้นตรงๆ ว่า มหาบพิตรจงรับเอานางนี้ไป
แต่ทูลว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร
พระองค์เมื่อทรงทราบชื่อของกุมาริกาคนนี้แล้วจงทรงรับเอาไปเถิด.
พระองค์ทรงสดับคานั้นแล้วจึงตรัสว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
เมื่อพระคุณเจ้าบอกโยมก็จักรู้.
พระโพธิสัตว์ทูลว่า อาตมภาพจะไม่ทูลบอกมหาบพิตร
ขอให้มหาบพิตรทรงทราบนามด้วยกาลังพระปัญญาของมหาบพิตรเอง
แล้วทรงรับเอาไปเถิด.
พระราชาทรงรับคาท่านแล้ว จาเดิมแต่นั้นมา
จึงทรงใคร่ครวญดูชื่อของนางพร้อมด้วยอามาตย์ทั้งหลายว่า
หญิงนี้ชื่ออะไรหนอ?
พระองค์ทรงกาหนดชื่อไว้หลายชื่อที่รู้กันยาก
แล้วตรัสบอกกับพระโพธิสัตว์ว่า จักเป็นชื่อโน้น จักเป็ นชื่อโน้น.
พระโพธิสัตว์ทรงสดับคานั้นแล้ว ก็ปฏิเสธว่า ไม่ใช่ชื่ออย่างนี้.
ลาดับนั้น เมื่อพระราชาทรงใคร่ครวญดูชื่ออยู่นั่นแหละ
กาลเวลาได้ล่วงไป ๑ ปีแล้ว ครั้งนั้น สัตว์ร้ายทั้งหลายมีสิงโตเป็นต้นตะครุบช้าง
ม้าและมนุษย์ทั้งหลายกิน. อันตรายจากสัตว์เลื้อยคลานก็มี.
อันตรายจากเหลือบก็มี. คนทั้งหลายลาบากเพราะตายกันไปมาก.
จึงพระราชาทรงกริ้วแล้วคิดว่า เราจักมีความต้องการทาไมด้วยหญิงนี้
ตรัสบอกพระโพธิสัตว์แล้วก็เสด็จไป.
วันนั้น
อาสังกากุมาริกาเปิดหน้าต่างแก้วผลึกแล้วได้ยืนแสดงตัวให้เห็น.
4
พระราชาทอดพระเนตรเห็นนางแล้วตรัสว่า เราไม่อาจจะรู้จักชื่อของเธอได้
เธอจงอยู่ที่ป่าหิมพานต์ไปเถิดนะ พวกฉันจักไปละ.
นางจึงทูลว่า ข้าแต่มหาราช
พระองค์จะเสด็จไปที่ไหนจึงจะได้ผู้หญิงเช่นหม่อมฉัน
ขอพระองค์ทรงสดับคาของหม่อมฉัน เถาวัลย์ชื่ออาสาวดี มีอยู่ที่จิตรลดาวัน
ในเทวโลกชั้นดาวดึงส์ น้าทิพย์เกิดขึ้นภายในผลของมัน
เทพยดาทั้งหลายดื่มน้านั้นครั้งเดียว นอนเมาอยู่บนที่นอนทิพย์ถึง ๔ เดือน
แต่เถาอาสาวดีนั้น หนึ่งพันปีจึงจะออกผล พวกเทพบุตรที่เป็ นนักเลงสุราคิดว่า
พวกเราจักได้ผลจากเถาอาสาวดีนี้ จึงยับยั้งความกระหายในการดื่มน้าทิพย์ไว้
พากันไปดูเถานั้นเนืองๆ ว่า ยังปลอดภัยอยู่หรือ? ตลอดพันปี.
ส่วนพระองค์ปีเดียวเท่านั้นเอง ก็ท้อพระราชหฤทัยเสียแล้ว
ธรรมดาความหวังที่มีผล คือความสมหวังเป็นเหตุให้เกิดความสุข
ขอพระองค์อย่าทรงท้อพระราชหฤทัยเลย ดังนี้
แล้วกล่าวคาถา ๓ คาถาว่า:-
เถาวัลย์ชื่ออาสาวดี เกิดในสวนจิตรลดาวัน พันปีมันจึงจะออกผลๆ
หนึ่ง
เมื่อมีผลระยะไกลถึงเพียงนั้น ทวยเทพยังพากันไปเยือนมันอยู่บ่อยๆ
ข้าแต่พระราชา ขอพระองค์จงทรงจานงหวังไว้เถิด เพราะความหวังที่มีผล
เป็นเหตุให้เกิดความสุข.
นกนั้นหวังอยู่นั่นเอง ความหวังของมัน มีอยู่ไกลถึงเพียงนั้น
ก็ยังสาเร็จได้ ข้าแต่พระราชา ขอพระองค์จงทรงจานงหวังไว้เถิด
เพราะความหวังที่มีผล เป็ นเหตุให้เกิดความสุข.
พระราชาทรงสนพระทัยในถ้อยคาของนาง
จึงทรงประชุมอามาตย์ทั้งหลาย ทรงแสวงหาชื่อของนางโดยทรงตั้งชื่อ ๑๐ ชื่อ
ได้ประทับอยู่อีกหนึ่งปี. ในชื่อทั้ง ๑๐ นั้นไม่มีชื่อของนาง เมื่อพระราชดารัสว่า
ชื่อนี้ พระโพธิสัตว์ปฏิเสธเหมือนกัน.
พระราชาจึงทรงม้าเสด็จออกไปอีก ด้วยทรงดาริว่า
เราจักมีความต้องการทาไมด้วยหญิงคนนี้.
ส่วนนางก็ยืนที่หน้าต่างแสดงตัวให้เห็นอีก. พระราชาทรงเห็นนางแล้วได้ตรัสว่า
พวกเราไม่สามารถรู้จักชื่อเธอ เธอจงอยู่ที่ป่าหิมพานต์ไปเถิด พวกฉันจักกลับละ.
อา. ข้าแต่มหาราช เหตุไหนพระองค์จึงจะเสด็จไปเสีย?
รา. ฉันไม่สามารถจะรู้จักชื่อของเธอ.
นางทูลว่า ข้าแต่มหาราช เหตุไฉน? พระองค์จักไม่ทรงรู้จักชื่อ
ธรรมดาความหวังที่จะไม่ให้สาเร็จตามประสงค์ไม่มี
ขอพระองค์จงทรงสดับคาของหม่อมฉันก่อน ได้ทราบว่า
5
นกยางตัวหนึ่งเกาะอยู่บนยอดเขา แต่ก็ได้รับสิ่งที่ตนปรารถนา
เหตุไฉนพระองค์จักไม่ได้รับ ข้าแต่พระมหาราช
ขอพระองค์จงทรงยับยั้งอยู่เถิดพระเจ้าข้า.
เล่าต่อกันมาว่า นกยางตัวหนึ่งบินไปคาบเอาเหยื่อที่สระบัวแห่งหนึ่ง
แล้วกลับมาซ่อนอยู่บนยอดเขา มันอยู่ที่นั้นนั่นแหละตลอดวันนั้น รุ่งขึ้นจึงคิดว่า
เราได้เกาะอยู่อย่างสบายบนยอดเขาลูกนี้
ถ้าหากเราจะไม่เคลื่อนย้ายไปจากที่ตรงนี้ เจ้าอยู่ที่ตรงนี้เท่านั้น
คาบเอาเหยื่อดื่มน้าแล้วอยู่ตลอดวันนี้ คงจะเจริญหนอ.
จึงในวันนั้นนั่นเอง ท้าวสักกเทวราชทรงทาการย่ายีพวกอสูร
ได้ความเป็นใหญ่ในเทวโลก ในดาวดึงส์พิภพแล้วทรงดาริว่า ก่อนอื่นมโนรถ
คือความต้องการของเราได้ถึงที่สุดแล้ว มีอยู่หรือไม่
ใครอื่นที่มีมโนรถยังไม่ถึงที่สุด.
ท้าวเธอทรงใคร่ครวญอยู่ ก็ทรงเห็นนกยางตัวนั้น จึงทรงดาริว่า
เราจักให้มโนรถของมันถึงที่สุด แล้วได้ทรงบันดาลให้แม่น้าสายหนึ่ง
ที่อยู่ไม่ไกลจากที่ที่นกยางนั้นเกาะอยู่
เต็มไปด้วยห้วงน้าแล้วส่งน้าไปทางยอดเขา. นกยางเกาะอยู่ยอดเขานั้นนั่นแหละ
จิกกินปลาดื่มน้าแล้วอยู่ ณ ที่นั้นนั่นเอง ตลอดวันนั้น
ภายหลังแม้น้าก็เหือดหายไป.
ข้าแต่มหาราช นกยางยังได้รับผล เพราะความหวังของตนอย่างนี้ก่อน
เหตุไร? พระองค์จักไม่ทรงได้รับดังนี้
ครั้งนั้น พระราชาได้ทรงสดับคาของนางแล้ว ทรงติดพระทัยในรูป
ทรงข้องพระทัยอยู่ในถ้อยคาของนาง ไม่อาจจะเสด็จไปได้
ทรงประชุมอามาตย์ทั้งหลาย ตั้งชื่อ ๑๐๐ ชื่อ. เมื่อพระองค์ทรงแสวงหาชื่อ ๑๐๐
ชื่ออยู่ ก็ล่วงไปอีกปีหนึ่ง.
ท้าวเธอเข้าไปหาพระโพธิสัตว์ โดยเวลาล่วงเลยไป ๓ ปี ตรัสถามว่า
ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ นางจักมีชื่อโน้น จักมีชื่อนี้ ตามอานาจของชื่อ ๑๐๐ ชื่อ.
พระโพธิสัตว์ทูลว่าขอถวายพระพรมหาบพิตร
พระองค์ไม่ทรงรู้จักชื่อของนาง.
ท้าวเธอตรัสว่า บัดนี้พวกกระผมจักลาไปละ
ทรงไหว้พระโพธิสัตว์แล้วเสด็จออกไป.
อาสังกากุมาริกาก็ได้ยืนพิงประตูหน้าต่างแก้วผลึก อีกนั่นแหละ.
พระราชาทอดพระเนตรเห็นนางแล้ว ตรัสว่า เธอจงอยู่ไปเถิด
พวกเราจักไปละ.
นางทูลว่า ข้าแต่พระมหาราช เหตุไร? พระองค์จึงจักเสด็จไปเสียล่ะ.
พระราชาตรัสว่า เธอให้เราอิ่มเอิบด้วยคาพูดอย่างเดียว
6
แต่ไม่ให้อิ่มเอิบด้วยความยินดีในกาม สามปีได้ผ่านไปแล้ว
สาหรับเราผู้ติดใจถ้อยคาที่อ่อนหวานของเจ้า บัดนี้ฉันจักไปละ
แล้วได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
เธอให้ฉันเอิบอิ่มด้วยวาจา แต่หาให้เอิบอิ่มด้วยสิ่งที่ควรทาไม่
เหมือนดอกหงอนไก่มีสีสวย แต่ไม่มีกลิ่น
ผู้ใดไม่ให้ปันไม่เสียสละโภคะ
พูดแต่คาอ่อนหวานที่ไร้ผลในมิตรทั้งหลาย ความสัมพันธ์กับมิตรนั้น
ของผู้นั้นจะจืดจางไป.
เพราะว่าคนควรพูดแต่สิ่งที่จะต้องทา ไม่ควรพูดถึงสิ่งที่ไม่ต้องทา
บัณฑิตทั้งหลายรู้จักคนไม่ทา ดีแต่พูด.
ก็แหละกาลังพลของเราร่อยหรอแล้ว และเสบียงก็ไม่มี
เราสงสัยในความสิ้นชีวิตของตน เชิญเถิดเราจะไปเดี๋ยวนี้แหละ.
อาสังกากุมาริกาได้ฟังพระราชดารัสแล้ว
เมื่อจะทูลปราศรัยกับพระราชาว่า ข้าแต่มหาราช
ขอพระองค์จงทรงทราบชื่อของหม่อมฉันเถิด ชื่อของหม่อมฉัน
พระองค์ตรัสอยู่แล้วนั่นแหละ ขอพระองค์จงทรงบอกชื่อนี้แก่บิดาของหม่อมฉัน
แล้วรับเอาหม่อมฉันไปเถิด ดังนี้แล้ว ได้ทูลว่า :-
ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ สิ่งใดมีอยู่ในชื่อ
สิ่งนั้นแหละเป็ นชื่อของหม่อมฉัน. ข้าแต่มหาราช ขอพระองค์จงทรงรอก่อน
หม่อมฉันจะขอบอกลาบิดา.
พระราชา ครั้นทรงสดับคานั้นแล้ว
จึงได้เสด็จไปยังสานักของท่านดาบสทรงไหว้แล้ว ตรัสว่า
ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ธิดาของพระคุณเจ้าชื่อว่า อาสังกา.
พระมหาสัตว์ ครั้นได้ฟังคานั้นแล้วจึงทูลว่า
ขอถวายพระพรมหาบพิตร เริ่มแต่เวลาที่มหาบพิตรทรงรู้จักชื่อแล้ว
ขอมหาบพิตรจงทรงรับนางไปเถิด. พระองค์ทรงสดับคานั้นแล้ว
ทรงไหว้พระมหาสัตว์เสด็จมายังวิมานแก้วผลึก ตรัสว่า น้องนางเอ๋ย
วันนี้บิดาได้ให้น้องแก่พี่แล้ว มาเถิด เราจักไปกันเดี๋ยวนี้.
นางได้ฟังดังนั้นแล้วจึงทูลว่า ข้าแต่มหาราชจงทรงรอก่อน
หม่อมฉันขอบอกบิดาก่อน แล้วลงจากปราสาท ไหว้พระมหาสัตว์
ร่าไห้ขอขมาโทษ แล้วได้ไปยังราชสานัก.
พระราชาทรงพานางเสด็จไปนครพาราณสี ประทับอยู่ครองกันด้วยความรัก
ทรงจาเริญด้วยพระราชโอรสและพระราชธิดา.
พระโพธิสัตว์ไม่เสื่อมจากฌาน คือมรณภาพแล้วเกิดในพรหมโลก.
7
พระศาสดา
ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะ แล้วทรงประชุมชาดกไว้
ในเวลาจบสัจธรรม ภิกษุผู้กระสันจะสึกได้ดารงอยู่ในโสดาปัตติผล.
นางอาสังกากุมาริกาในครั้งนั้น ได้แก่ ภรรยาเก่าในปัจจุบันนี้
พระราชาได้แก่ ภิกษุผู้กระสันจะสึก
ส่วนดาบสได้แก่ เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาอาสังกชาดกที่ ๕
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

077 มหาสุปินชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
077 มหาสุปินชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...077 มหาสุปินชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
077 มหาสุปินชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
๔๔. วิหารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๔๔. วิหารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๔๔. วิหารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๔๔. วิหารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
maruay songtanin
 
474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
408 กุมภการชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
408 กุมภการชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....408 กุมภการชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
408 กุมภการชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
7 60+ปฐมสมันตปาสาทิกาแปล+ภาค+๒
7 60+ปฐมสมันตปาสาทิกาแปล+ภาค+๒7 60+ปฐมสมันตปาสาทิกาแปล+ภาค+๒
7 60+ปฐมสมันตปาสาทิกาแปล+ภาค+๒Tongsamut vorasan
 
บาลี 60 80
บาลี 60 80บาลี 60 80
บาลี 60 80Rose Banioki
 
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
442 สังขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
442 สังขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx442 สังขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
442 สังขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
307 ปลาสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
307 ปลาสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx307 ปลาสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
307 ปลาสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
433 โลมสกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
433 โลมสกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...433 โลมสกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
433 โลมสกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๑๘. ทาสีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๑๘. ทาสีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๑๘. ทาสีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๑๘. ทาสีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
maruay songtanin
 
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 

Similar to 380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

077 มหาสุปินชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
077 มหาสุปินชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...077 มหาสุปินชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
077 มหาสุปินชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
511 กิงฉันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
๔๔. วิหารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๔๔. วิหารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๔๔. วิหารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๔๔. วิหารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
474 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
408 กุมภการชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
408 กุมภการชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....408 กุมภการชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
408 กุมภการชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
7 60+ปฐมสมันตปาสาทิกาแปล+ภาค+๒
7 60+ปฐมสมันตปาสาทิกาแปล+ภาค+๒7 60+ปฐมสมันตปาสาทิกาแปล+ภาค+๒
7 60+ปฐมสมันตปาสาทิกาแปล+ภาค+๒
 
บาลี 60 80
บาลี 60 80บาลี 60 80
บาลี 60 80
 
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
296 สมุททชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
442 สังขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
442 สังขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx442 สังขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
442 สังขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
175 อาทิจจุปัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจ...
 
307 ปลาสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
307 ปลาสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx307 ปลาสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
307 ปลาสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
173 มักกฏชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
433 โลมสกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
433 โลมสกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...433 โลมสกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
433 โลมสกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๑๘. ทาสีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๑๘. ทาสีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๑๘. ทาสีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๑๘. ทาสีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 

More from maruay songtanin

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
maruay songtanin
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 

380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๕. อาสังกชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๓๘๐) ว่าด้วยอาสังกากุมาริกา (นางอาสังกากุมาริกากราบทูลพระราชาว่า) [๒๖] เถาวัลย์ชื่ออาสาวดีเกิดแล้วในอุทยานจิตรลดาวัน เถาวัลย์นั้น ๑,๐๐๐ ปี จึงจะออกผลหนึ่ง [๒๗] แม้นานถึงเพียงนั้นจึงจะมีผล ทวยเทพก็ยังพากันไปเยือนอุทยานนั้นเนืองๆ ข้าแต่มหาราช ขอพระองค์ทรงหวังไว้เถิด เพราะว่าความหวังที่ยังมีผลเป็ นความสุข [๒๘] ปักษาทิชาชาติยังมีความหวังอยู่ร่าไป ความหวังของมันที่มีอยู่ห่างไกลถึงเพียงนั้นก็ยังสาเร็จได้ ข้าแต่มหาราช ขอพระองค์ทรงหวังไว้เถิด เพราะว่าความหวังที่มีผลเป็ นความสุข (พระราชาตรัสบอกเหตุที่จะไปกับนางอาสังกากุมาริกาว่า) [๒๙] หล่อนให้ฉันเอิบอิ่มด้วยคาพูดเท่านั้น หาให้ฉันเอิบอิ่มด้วยการกระทาไม่ เหมือนดอกหงอนไก่มีสีสวย แต่ไม่มีกลิ่น [๓๐] ผู้ใดเมื่อไม่ให้ ไม่เสียสละโภคทรัพย์ ดีแต่พูดคาอ่อนหวานซึ่งไม่มีผลในมิตรทั้งหลาย ความสัมพันธ์ของผู้นั้นกับมิตรย่อมจืดจาง [๓๑] ควรพูดถึงแต่สิ่งที่ควรทา ไม่ควรพูดถึงสิ่งที่ไม่ควรทา คนไม่ทา ดีแต่พูด บัณฑิตย่อมรู้ทัน [๓๒] กาลังของเราหมดสิ้นแล้วหนอ เสบียงก็ไม่มี สงสัยจะตายเป็นแน่ อย่ากระนั้นเลย เราจะไปกันเดี๋ยวนี้แหละ (พระนางอาสังกากุมาริกาเทวีได้สดับพระราชดารัสนั้น จึงกราบทูลว่า) [๓๓] คาว่า อาสังกา นั่นแหละเป็ นชื่อของหม่อมฉัน ข้าแต่มหาราชผู้จอมทัพ ขอพระองค์ทรงคอยก่อน หม่อมฉันขอบอกลาบิดาก่อน อาสังกชาดกที่ ๕ จบ ----------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา อาสังกชาดก ว่าด้วย ความหวัง พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภการหลอกลวงของภรรยาเก่า (ของภิกษุนั้น) จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. เรื่องนี้จักมีแจ้งชัดใน อินทริยชาดก ข้างหน้า.
  • 2. 2 แต่ในที่นี้ พระศาสดาตรัสกะภิกษุนั้นว่า ได้ทราบว่า เธอจะสึกจริงหรือ? ภิ. จริงพระพุทธเจ้าข้า. พ. อะไรทาให้เธอสึก? ภิ. ภรรยาเก่า พระพุทธเจ้าข้า. พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ หญิงนี้ทาความพินาศย่อยยับให้เธอ ไม่เฉพาะในชาตินี้เท่านั้น แม้ในชาติก่อน เธอก็อาศัยหญิงนี้ละทิ้งจตุรงคเสนา เสวยทุกข์ขนาดหนักอยู่ในท้องที่ป่าหิมพานต์ เป็ นเวลา ๓ ปี แล้วได้ทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธกดังต่อไปนี้. ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ถือกาเนิดในสกุลพราหมณ์ ที่บ้านกาสิกะ เติบใหญ่แล้ว ได้รับการศึกษาที่เมืองตักกสิลา บวชเป็ นฤๅษี มีหัวมันและผลไม้ในป่าเป็ นอาหาร ให้อภิญญาและสมาบัติเกิดขึ้นแล้วอยู่ในท้องถิ่นป่าหิมพานต์. เวลานั้น สัตวโลกตนหนึ่งถึงพร้อมด้วยบุญ จุติจากดาวดึงสพิภพ เกิดเป็ นเด็กหญิงที่กลีบบัวกลีบหนึ่งในสระบัว ณ ที่นั้น เมื่อดอกบัวเหลืองเหี่ยวร่วงโรยลงไป ดอกบัวดอกนั้น ยังกลีบพองท้องป่องอยู่นั่นแหละไม่โรย. ท่านดาบสได้มายังสระบัวนั้นเพื่ออาบน้า เห็นดอกบัวดอกนั้น คิดว่า เมื่อดอกบัวดอกอื่นๆ ร่วงโรยไปแล้ว แต่ดอกนี้ยังคงกลีบพองท้องป่องอยู่ จะมีเหตุอะไรหนอ? แล้วผลัดผ้าอาบน้าลงไป เปิดดูดอกบัวดอกนั้น เห็นเด็กหญิงคนนั้นแล้วเกิดความสาคัญขึ้นว่าเป็ นลูกสาว นามายังบรรณศาลาเลี้ยงดูไว้. ต่อมานางอายุได้ ๑๖ ขวบ มีรูปร่างสวยงามเลอโฉมเกินผิวพรรณมนุษย์ แต่ไม่ถึงผิวพรรณเทวดา. ครั้งนั้น ท้าวสักกะได้เสด็จมาสู่ที่อุปฐากพระโพธิสัตว์ ท้าวเธอทอดพระเนตรเห็นนาง จึงตรัสถามว่า หญิงนี้มาจากไหน? ทรงสดับทานองที่ได้มาแล้วตรัสถามว่า ควรจะได้อะไรสาหรับหญิงนี้? ท่านดาบสทูลว่า ข้าแต่มหาบพิตรพระราชสมภารเจ้า ควรจะได้เนรมิตปราสาทแก้วผลึกเพื่อเป็นที่อยู่ และการจัดแจงที่นอนทิพย์ เครื่องประดับประดาวัตถาภรณ์ และโภชนะอันเป็ นทิพย์ให้. ท้าวสักกะทรงสดับคานั้นแล้วตรัสว่า ดีแล้วพระคุณเจ้า แล้วได้ทรงเนรมิตรปราสาทแก้วผลึกให้เป็นที่อยู่ของนาง เสร็จแล้วทรงเนรมิตรที่นอนทิพย์ เครื่องประดับประดาวัตถาภรณ์ และข้าวน้าอันเป็ นทิพย์ให้. ปราสาทนั้น เวลานางขึ้น ก็ลดต่าลงมาสถิตอยู่ที่พื้นดิน แต่เวลานางลงแล้ว ก็เลื่อนขึ้นไปลอยอยู่บนอากาศ. นางทาวัตรปฏิบัติพระโพธิสัตว์อยู่ในปราสาท.
  • 3. 3 พรานป่าคนหนึ่งเห็นนางเข้าจึงเรียนถามว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ หญิงคนนี้เป็นอะไรของพระคุณเจ้า. ได้ทราบว่าเป็นธิดา จึงไปยังเมืองพาราณสี ทูลในหลวงว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าได้เห็นธิดาของดาบสรูปหนึ่ง มีรูปร่างอย่างนี้ คือสวยงามในท้องที่ป่าหิมพานต์. พระองค์ทรงสดับคานั้นแล้ว ทรงสนพระทัยเพราะเกี่ยวข้องกับการได้ทรงสดับข่าวนั้นเอง จึงให้พรานป่าเป็ นผู้นาทางเสด็จไปยังที่นั้นด้วยจตุรงคเสนา ทรงตั้งค่ายไว้แล้ว ทรงพาพรานป่าไป มีหมู่อามาตย์ห้อมล้อม เสด็จเข้าไปยังอาศรมบท ทรงไหว้พระมหาสัตว์แล้ว ประทับนั่ง ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง ตรัสว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ขึ้นชื่อว่าหญิงเป็ นมลทินของพรหมจรรย์ โยมจะเลี้ยงดูธิดาของพระคุณเจ้า. ส่วนพระโพธิสัตว์ได้ตั้งชื่อให้กุมาริกานั้นว่า อาสังกากุมารี เพราะว่าท่า นแคลงใจว่า อะไรหนออยู่ในดอกบัวนั้น แล้วจึงลงน้าไปเอาขึ้นมา. ท่านไม่ทูลพระราชานั้นตรงๆ ว่า มหาบพิตรจงรับเอานางนี้ไป แต่ทูลว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร พระองค์เมื่อทรงทราบชื่อของกุมาริกาคนนี้แล้วจงทรงรับเอาไปเถิด. พระองค์ทรงสดับคานั้นแล้วจึงตรัสว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เมื่อพระคุณเจ้าบอกโยมก็จักรู้. พระโพธิสัตว์ทูลว่า อาตมภาพจะไม่ทูลบอกมหาบพิตร ขอให้มหาบพิตรทรงทราบนามด้วยกาลังพระปัญญาของมหาบพิตรเอง แล้วทรงรับเอาไปเถิด. พระราชาทรงรับคาท่านแล้ว จาเดิมแต่นั้นมา จึงทรงใคร่ครวญดูชื่อของนางพร้อมด้วยอามาตย์ทั้งหลายว่า หญิงนี้ชื่ออะไรหนอ? พระองค์ทรงกาหนดชื่อไว้หลายชื่อที่รู้กันยาก แล้วตรัสบอกกับพระโพธิสัตว์ว่า จักเป็นชื่อโน้น จักเป็ นชื่อโน้น. พระโพธิสัตว์ทรงสดับคานั้นแล้ว ก็ปฏิเสธว่า ไม่ใช่ชื่ออย่างนี้. ลาดับนั้น เมื่อพระราชาทรงใคร่ครวญดูชื่ออยู่นั่นแหละ กาลเวลาได้ล่วงไป ๑ ปีแล้ว ครั้งนั้น สัตว์ร้ายทั้งหลายมีสิงโตเป็นต้นตะครุบช้าง ม้าและมนุษย์ทั้งหลายกิน. อันตรายจากสัตว์เลื้อยคลานก็มี. อันตรายจากเหลือบก็มี. คนทั้งหลายลาบากเพราะตายกันไปมาก. จึงพระราชาทรงกริ้วแล้วคิดว่า เราจักมีความต้องการทาไมด้วยหญิงนี้ ตรัสบอกพระโพธิสัตว์แล้วก็เสด็จไป. วันนั้น อาสังกากุมาริกาเปิดหน้าต่างแก้วผลึกแล้วได้ยืนแสดงตัวให้เห็น.
  • 4. 4 พระราชาทอดพระเนตรเห็นนางแล้วตรัสว่า เราไม่อาจจะรู้จักชื่อของเธอได้ เธอจงอยู่ที่ป่าหิมพานต์ไปเถิดนะ พวกฉันจักไปละ. นางจึงทูลว่า ข้าแต่มหาราช พระองค์จะเสด็จไปที่ไหนจึงจะได้ผู้หญิงเช่นหม่อมฉัน ขอพระองค์ทรงสดับคาของหม่อมฉัน เถาวัลย์ชื่ออาสาวดี มีอยู่ที่จิตรลดาวัน ในเทวโลกชั้นดาวดึงส์ น้าทิพย์เกิดขึ้นภายในผลของมัน เทพยดาทั้งหลายดื่มน้านั้นครั้งเดียว นอนเมาอยู่บนที่นอนทิพย์ถึง ๔ เดือน แต่เถาอาสาวดีนั้น หนึ่งพันปีจึงจะออกผล พวกเทพบุตรที่เป็ นนักเลงสุราคิดว่า พวกเราจักได้ผลจากเถาอาสาวดีนี้ จึงยับยั้งความกระหายในการดื่มน้าทิพย์ไว้ พากันไปดูเถานั้นเนืองๆ ว่า ยังปลอดภัยอยู่หรือ? ตลอดพันปี. ส่วนพระองค์ปีเดียวเท่านั้นเอง ก็ท้อพระราชหฤทัยเสียแล้ว ธรรมดาความหวังที่มีผล คือความสมหวังเป็นเหตุให้เกิดความสุข ขอพระองค์อย่าทรงท้อพระราชหฤทัยเลย ดังนี้ แล้วกล่าวคาถา ๓ คาถาว่า:- เถาวัลย์ชื่ออาสาวดี เกิดในสวนจิตรลดาวัน พันปีมันจึงจะออกผลๆ หนึ่ง เมื่อมีผลระยะไกลถึงเพียงนั้น ทวยเทพยังพากันไปเยือนมันอยู่บ่อยๆ ข้าแต่พระราชา ขอพระองค์จงทรงจานงหวังไว้เถิด เพราะความหวังที่มีผล เป็นเหตุให้เกิดความสุข. นกนั้นหวังอยู่นั่นเอง ความหวังของมัน มีอยู่ไกลถึงเพียงนั้น ก็ยังสาเร็จได้ ข้าแต่พระราชา ขอพระองค์จงทรงจานงหวังไว้เถิด เพราะความหวังที่มีผล เป็ นเหตุให้เกิดความสุข. พระราชาทรงสนพระทัยในถ้อยคาของนาง จึงทรงประชุมอามาตย์ทั้งหลาย ทรงแสวงหาชื่อของนางโดยทรงตั้งชื่อ ๑๐ ชื่อ ได้ประทับอยู่อีกหนึ่งปี. ในชื่อทั้ง ๑๐ นั้นไม่มีชื่อของนาง เมื่อพระราชดารัสว่า ชื่อนี้ พระโพธิสัตว์ปฏิเสธเหมือนกัน. พระราชาจึงทรงม้าเสด็จออกไปอีก ด้วยทรงดาริว่า เราจักมีความต้องการทาไมด้วยหญิงคนนี้. ส่วนนางก็ยืนที่หน้าต่างแสดงตัวให้เห็นอีก. พระราชาทรงเห็นนางแล้วได้ตรัสว่า พวกเราไม่สามารถรู้จักชื่อเธอ เธอจงอยู่ที่ป่าหิมพานต์ไปเถิด พวกฉันจักกลับละ. อา. ข้าแต่มหาราช เหตุไหนพระองค์จึงจะเสด็จไปเสีย? รา. ฉันไม่สามารถจะรู้จักชื่อของเธอ. นางทูลว่า ข้าแต่มหาราช เหตุไฉน? พระองค์จักไม่ทรงรู้จักชื่อ ธรรมดาความหวังที่จะไม่ให้สาเร็จตามประสงค์ไม่มี ขอพระองค์จงทรงสดับคาของหม่อมฉันก่อน ได้ทราบว่า
  • 5. 5 นกยางตัวหนึ่งเกาะอยู่บนยอดเขา แต่ก็ได้รับสิ่งที่ตนปรารถนา เหตุไฉนพระองค์จักไม่ได้รับ ข้าแต่พระมหาราช ขอพระองค์จงทรงยับยั้งอยู่เถิดพระเจ้าข้า. เล่าต่อกันมาว่า นกยางตัวหนึ่งบินไปคาบเอาเหยื่อที่สระบัวแห่งหนึ่ง แล้วกลับมาซ่อนอยู่บนยอดเขา มันอยู่ที่นั้นนั่นแหละตลอดวันนั้น รุ่งขึ้นจึงคิดว่า เราได้เกาะอยู่อย่างสบายบนยอดเขาลูกนี้ ถ้าหากเราจะไม่เคลื่อนย้ายไปจากที่ตรงนี้ เจ้าอยู่ที่ตรงนี้เท่านั้น คาบเอาเหยื่อดื่มน้าแล้วอยู่ตลอดวันนี้ คงจะเจริญหนอ. จึงในวันนั้นนั่นเอง ท้าวสักกเทวราชทรงทาการย่ายีพวกอสูร ได้ความเป็นใหญ่ในเทวโลก ในดาวดึงส์พิภพแล้วทรงดาริว่า ก่อนอื่นมโนรถ คือความต้องการของเราได้ถึงที่สุดแล้ว มีอยู่หรือไม่ ใครอื่นที่มีมโนรถยังไม่ถึงที่สุด. ท้าวเธอทรงใคร่ครวญอยู่ ก็ทรงเห็นนกยางตัวนั้น จึงทรงดาริว่า เราจักให้มโนรถของมันถึงที่สุด แล้วได้ทรงบันดาลให้แม่น้าสายหนึ่ง ที่อยู่ไม่ไกลจากที่ที่นกยางนั้นเกาะอยู่ เต็มไปด้วยห้วงน้าแล้วส่งน้าไปทางยอดเขา. นกยางเกาะอยู่ยอดเขานั้นนั่นแหละ จิกกินปลาดื่มน้าแล้วอยู่ ณ ที่นั้นนั่นเอง ตลอดวันนั้น ภายหลังแม้น้าก็เหือดหายไป. ข้าแต่มหาราช นกยางยังได้รับผล เพราะความหวังของตนอย่างนี้ก่อน เหตุไร? พระองค์จักไม่ทรงได้รับดังนี้ ครั้งนั้น พระราชาได้ทรงสดับคาของนางแล้ว ทรงติดพระทัยในรูป ทรงข้องพระทัยอยู่ในถ้อยคาของนาง ไม่อาจจะเสด็จไปได้ ทรงประชุมอามาตย์ทั้งหลาย ตั้งชื่อ ๑๐๐ ชื่อ. เมื่อพระองค์ทรงแสวงหาชื่อ ๑๐๐ ชื่ออยู่ ก็ล่วงไปอีกปีหนึ่ง. ท้าวเธอเข้าไปหาพระโพธิสัตว์ โดยเวลาล่วงเลยไป ๓ ปี ตรัสถามว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ นางจักมีชื่อโน้น จักมีชื่อนี้ ตามอานาจของชื่อ ๑๐๐ ชื่อ. พระโพธิสัตว์ทูลว่าขอถวายพระพรมหาบพิตร พระองค์ไม่ทรงรู้จักชื่อของนาง. ท้าวเธอตรัสว่า บัดนี้พวกกระผมจักลาไปละ ทรงไหว้พระโพธิสัตว์แล้วเสด็จออกไป. อาสังกากุมาริกาก็ได้ยืนพิงประตูหน้าต่างแก้วผลึก อีกนั่นแหละ. พระราชาทอดพระเนตรเห็นนางแล้ว ตรัสว่า เธอจงอยู่ไปเถิด พวกเราจักไปละ. นางทูลว่า ข้าแต่พระมหาราช เหตุไร? พระองค์จึงจักเสด็จไปเสียล่ะ. พระราชาตรัสว่า เธอให้เราอิ่มเอิบด้วยคาพูดอย่างเดียว
  • 6. 6 แต่ไม่ให้อิ่มเอิบด้วยความยินดีในกาม สามปีได้ผ่านไปแล้ว สาหรับเราผู้ติดใจถ้อยคาที่อ่อนหวานของเจ้า บัดนี้ฉันจักไปละ แล้วได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า :- เธอให้ฉันเอิบอิ่มด้วยวาจา แต่หาให้เอิบอิ่มด้วยสิ่งที่ควรทาไม่ เหมือนดอกหงอนไก่มีสีสวย แต่ไม่มีกลิ่น ผู้ใดไม่ให้ปันไม่เสียสละโภคะ พูดแต่คาอ่อนหวานที่ไร้ผลในมิตรทั้งหลาย ความสัมพันธ์กับมิตรนั้น ของผู้นั้นจะจืดจางไป. เพราะว่าคนควรพูดแต่สิ่งที่จะต้องทา ไม่ควรพูดถึงสิ่งที่ไม่ต้องทา บัณฑิตทั้งหลายรู้จักคนไม่ทา ดีแต่พูด. ก็แหละกาลังพลของเราร่อยหรอแล้ว และเสบียงก็ไม่มี เราสงสัยในความสิ้นชีวิตของตน เชิญเถิดเราจะไปเดี๋ยวนี้แหละ. อาสังกากุมาริกาได้ฟังพระราชดารัสแล้ว เมื่อจะทูลปราศรัยกับพระราชาว่า ข้าแต่มหาราช ขอพระองค์จงทรงทราบชื่อของหม่อมฉันเถิด ชื่อของหม่อมฉัน พระองค์ตรัสอยู่แล้วนั่นแหละ ขอพระองค์จงทรงบอกชื่อนี้แก่บิดาของหม่อมฉัน แล้วรับเอาหม่อมฉันไปเถิด ดังนี้แล้ว ได้ทูลว่า :- ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ สิ่งใดมีอยู่ในชื่อ สิ่งนั้นแหละเป็ นชื่อของหม่อมฉัน. ข้าแต่มหาราช ขอพระองค์จงทรงรอก่อน หม่อมฉันจะขอบอกลาบิดา. พระราชา ครั้นทรงสดับคานั้นแล้ว จึงได้เสด็จไปยังสานักของท่านดาบสทรงไหว้แล้ว ตรัสว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ธิดาของพระคุณเจ้าชื่อว่า อาสังกา. พระมหาสัตว์ ครั้นได้ฟังคานั้นแล้วจึงทูลว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร เริ่มแต่เวลาที่มหาบพิตรทรงรู้จักชื่อแล้ว ขอมหาบพิตรจงทรงรับนางไปเถิด. พระองค์ทรงสดับคานั้นแล้ว ทรงไหว้พระมหาสัตว์เสด็จมายังวิมานแก้วผลึก ตรัสว่า น้องนางเอ๋ย วันนี้บิดาได้ให้น้องแก่พี่แล้ว มาเถิด เราจักไปกันเดี๋ยวนี้. นางได้ฟังดังนั้นแล้วจึงทูลว่า ข้าแต่มหาราชจงทรงรอก่อน หม่อมฉันขอบอกบิดาก่อน แล้วลงจากปราสาท ไหว้พระมหาสัตว์ ร่าไห้ขอขมาโทษ แล้วได้ไปยังราชสานัก. พระราชาทรงพานางเสด็จไปนครพาราณสี ประทับอยู่ครองกันด้วยความรัก ทรงจาเริญด้วยพระราชโอรสและพระราชธิดา. พระโพธิสัตว์ไม่เสื่อมจากฌาน คือมรณภาพแล้วเกิดในพรหมโลก.
  • 7. 7 พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะ แล้วทรงประชุมชาดกไว้ ในเวลาจบสัจธรรม ภิกษุผู้กระสันจะสึกได้ดารงอยู่ในโสดาปัตติผล. นางอาสังกากุมาริกาในครั้งนั้น ได้แก่ ภรรยาเก่าในปัจจุบันนี้ พระราชาได้แก่ ภิกษุผู้กระสันจะสึก ส่วนดาบสได้แก่ เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถาอาสังกชาดกที่ ๕ -----------------------------------------------------