ว่าด้วย เหตุให้ประพฤติภิกขาจาริยวัตร พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภการข่มกิเลสแล้ว ตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. เรื่องจักมีแจ้งในปัญญาสชาดก. ก็กาลครั้งนั้น ที่นครสาวัตถี สหาย ๕๐๐ คนบวชแล้ว พักอยู่ภายในโกฏิสัณฐาร ในเวลาเที่ยงคืนได้ตรึกถึงเรื่องกามวิตก. พระศาสดาทรงตรวจดูสาวกของพระองค์ทั้งคืนทั้งวัน ๖ ครั้ง คือกลางคืน ๓ ครั้ง กลางวัน ๓ ครั้ง ทรงพิทักษ์รักษาเหมือนนกกะต้อยติวิดรักษาไข่ จามรีรักษาขนหาง มารดารักษาลูกน้อยที่น่ารัก และเหมือนคนตาข้างเดียวรักษาตาที่เหลืออยู่ฉะนั้น เพราะฉะนั้น พระองค์จึงทรงข่มกิเลสที่เกิดขึ้นของสาวกทั้งหลายในขณะนั้น. วันนั้นเวลาเที่ยงคืน พระองค์กำหนดตรวจดูพระเชตวันอยู่ ทรงทราบวิตกของภิกษุเหล่านั้นฟุ้งขึ้น ทรงดำริว่า กิเลสนี้เมื่อฟุ้งขึ้นในภายในของภิกษุเหล่านี้ จักทำลายเหตุแห่งอรหัตผลเสีย เราตถาคตจักข่มกิเลสแล้วมอบให้ซึ่งอรหัตผลแก่ภิกษุเหล่านั้นเดี๋ยวนี้แหละ แล้วเสด็จออกจากพระคันธกุฎี รับสั่งให้หาพระอานนท์เถระมาแล้ว ตรัสสั่งให้ประชุมว่า ดูก่อนอานนท์ เธอจงให้ภิกษุผู้อยู่ภายในโกฏิสัณฐารทั้งหมดประชุมกัน. เสด็จประทับนั่งบนพุทธอาสน์ที่ปูลาดไว้แล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่ควรเป็นไปในอำนาจของกิเลสที่เป็นไปแล้วในภายใน ด้วยว่ากิเลส เมื่อเจริญขึ้น ย่อมให้ถึงความพินาศมากเหมือนปัจจามิตร. ธรรมดาภิกษุ กิเลสแม้มีประมาณเล็กน้อยก็ควรข่มไว้ บัณฑิตในกาลก่อน เห็นอารมณ์ประมาณเล็กน้อย ก็ข่มกิเลสที่เป็นไปแล้วในภายในไว้ ให้ปัจเจกโพธิญาณเกิดขึ้น แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้