More Related Content
Similar to 280 ปุฏทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)
More from maruay songtanin (20)
280 ปุฏทูสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
ปุฏทูสกชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๑๐. ปุฏทูสกชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๒๘๐)
ว่าด้วยลิงผู้ชอบทาลายพวงดอกไม้
(พราหมณ์โพธิสัตว์เรียกลิงจ่าฝูงมาว่ากล่าวว่า)
[๘๘] พญาเนื้อ ท่านเห็นจะเป็นผู้ฉลาดในการทาห่อใบไม้เป็นแน่แท้
เพราะฉะนั้นจึงได้รื้อมันเสีย คงจะกระทาพวงอื่นให้ดีกว่าเป็นแน่
(ลิงได้ฟังดังนั้น จึงได้กล่าวว่า)
[๘๙] มารดาบิดาของข้าพเจ้าเป็นผู้ฉลาดในการทาพวงใบไม้ก็หาไม่
พวกเราได้แต่รื้อสิ่งของที่เขาทาไว้แล้วๆ เท่านั้น
ตระกูลของพวกเรานี้มีธรรมอย่างนี้
(พราหมณ์โพธิสัตว์กล่าวว่า)
[๙๐] ธรรมของพวกเจ้ายังเป็ นเช่นนี้
ก็สภาพที่มิใช่ธรรมของพวกเจ้าจะเป็นเช่นไร ขอพวกเราอย่าได้เห็นธรรม
หรือสภาพที่มิใช่ธรรมของพวกเจ้าในกาลไหนๆ เลย
ปุฏทูสกชาดกที่ ๑๐ จบ
อุทปานวรรคที่ ๓ จบ
----------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
ปูฏทูสกชาดก
ว่าด้วย ผู้ชอบทาลาย
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
ทรงปรารภกุมารผู้ประทุษร้ายห่อใบไม้คนหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า อามาตย์คนหนึ่งในกรุงสาวัตถี
ได้นิมนต์ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ให้ประทับนั่งในสวน
เมื่อจะถวายทานกล่าวว่า ในระหว่างภัตตาหาร
ภิกษุทั้งหลายผู้ใคร่จะเที่ยวไปในสวนก็จงเที่ยวไปเถิด.
ภิกษุทั้งหลายจึงเที่ยวไปในสวน.
ในขณะนั้น
คนรักษาสวนขึ้นต้นไม้อันสะพรั่งด้วยใบแล้วเก็บใบไม้ใหญ่ ทาให้เป็ นห่อๆ
แล้วทิ้งลงที่โคนต้นไม้ด้วยคิดว่า นี้จัดเป็ นห่อดอกไม้ นี้จัดเป็ นห่อผลไม้.
ฝ่ายทารกผู้เป็นบุตรของคนรักษาสวนนั้น
ก็ฉีกห่อใบไม้ที่คนรักษาสวนทิ้งลงมาๆ.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า.
- 2. 2
พระศาสดาจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น
แม้ในกาลก่อน ทารกผู้นี้ก็ได้เป็นผู้ทาลายห่อใบไม้เหมือนกัน
แล้วทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในเมืองพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ตระกูลหนึ่งในเมืองพาราณสี
เจริญวัยแล้ว ได้อยู่ครองเรือน.
วันหนึ่ง ได้ไปสวนด้วยกรณียกิจเฉพาะบางอย่าง
วานรจานวนหนึ่งได้อยู่ในสวนนั้น
ฝ่ายคนรักษาสวนทาห่อใบไม้ให้ตกลงโดยทานองนี้แหละ
วานรจ่าฝูงก็มารื้อห่อใบไม้ที่คนรักษาสวนให้ตกลงมาๆ
พระโพธิสัตว์จึงเรียกวานรจ่าฝูงนั้นมากล่าวว่า
เจ้ารื้อห่อใบไม้ที่คนรักษาสวนทิ้งลงมาๆ
เห็นจะประสงค์จะทาห่อใบไม้ที่เขาทิ้งลงๆ ให้เป็นที่น่าชอบใจกว่ากระมัง
แล้วจึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-
พระยาเนื้อเห็นจะฉลาดในการทาห่อใบไม้เป็นแท้ เพราะฉะนั้น
จึงได้รื้อห่อใบไม้เสีย คงจะทาห่อใบไม้อย่างอื่นให้ดีกว่าเก่าเป็ นมั่นคง.
ก็พระยาเนื้อนี้เห็นจะเป็ นคนผู้ฉลาดในปูฎกรรมงานทาห่อใบไม้โดยแ
น่แท้จริงอย่างนั้น พระยาเนื้อนี้จึงทาลายห่อใบไม้อื่นที่คนเฝ้ าสวนทิ้งลงมาเสีย
คงจักกระทาห่อใบไม้อย่างอื่นให้เป็นที่น่าชอบใจกว่านั้นเป็นแน่.
ลิงได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
บิดาหรือมารดาของข้าพเจ้า มิใช่เป็นผู้ฉลาดในการทาห่อใบไม้
พวกเราได้แต่รื้อของที่เขาทาไว้แล้วๆ เท่านั้น
ตระกูลของข้าพเจ้านี้มีธรรมดาเป็นอย่างนี้.
พระโพธิสัตว์ได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-
ธรรมดาของพวกท่านเป็ นถึงเช่นนี้
ก็สภาพที่มิใช่ธรรมดาจะเป็นเช่นไร
ขอพวกเราอย่าได้เห็นธรรมดาหรือมิใช่ธรรมดาของท่านทั้งหลายในกาลไหนๆ
เลย.
ก็แหละครั้นกล่าวแล้วจึงติเตียนหมู่วานร แล้วหลีกไป.
พระศาสดา
ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประกาศสัจจะทั้งหลาย แล้วทรงประ
ชุมชาดกว่า
วานรในครั้งนั้น ได้เป็ นทารกผู้ทาลายห่อใบไม้ในบัดนี้
ส่วนบุรุษบัณฑิตในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาปูฏทูสกชาดก ที่ ๑๐