SlideShare a Scribd company logo
1 of 4
Download to read offline
1
การบาเพ็ญบารมีของพระผู้มีพระภาคเจ้า ตอนที่ ๓๗ วิสัยหชาดก
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖
เกริ่นนา
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ธรรมดาท้าวสักกะ พระองค์เองให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ บาเพ็ญ
วัตรบท ๗ ประการ จึงถึงความเป็นท้าวสักกะ แต่พระองค์ทรงห้ามการให้ทานอันเป็นเหตุแห่งความเป็น
ใหญ่ของพระองค์ ทรงทาวัตรจรรยาอันมิใช่ของอารยชน.
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๑๐. วิสัยหชาดก (๓๔๐)
ว่าด้วยวิสัยหเศรษฐี
(ท้าวสักกะเสด็จมายืนอยู่ในอากาศ ได้ตรัสกับวิสัยหเศรษฐีโพธิสัตว์ว่า)
[๑๕๗] ท่านวิสัยหเศรษฐี เมื่อก่อนท่านได้ให้ทาน ก็เมื่อท่านให้ทานอยู่อย่างนั้น โภคะทั้งหลาย
ของท่านก็สิ้นไปเป็นธรรมดา ตั้งแต่นี้ ไป ถ้าท่านจะไม่พึงให้ทานโภคะทั้งหลายของท่านผู้งดให้ทานก็จะพึง
ดารงอยู่
(วิสัยหเศรษฐีโพธิสัตว์ได้ฟังแล้ว จึงกล่าวว่า)
[๑๕๘] ท้าวสหัสสเนตร พระอริยะทั้งหลายกล่าวอนารยธรรมว่า เป็นกิจที่อริยชนหรือแม้คน
ยากจนไม่ควรทา ท่านจอมชน เราพึงสละศรัทธาเพราะเหตุแห่งการบริโภคทรัพย์ใด ขอทรัพย์นั้นอย่าพึงเกิด
แก่เราเลย
[๑๕๙] รถคันหนึ่งแล่นไปทางใด รถคันอื่นก็จะแล่นไปทางนั้น ท้าววาสวะ ธรรมเนียมที่ได้
ประพฤติปฏิบัติมาแต่ก่อน ขอจงดาเนินต่อไปเถิด
[๑๖๐] ถ้ายังมียังเป็นอยู่ก็จะให้เรื่อยไป เมื่อไม่มีชีวิตจะให้อย่างไร ข้าพเจ้าแม้มีสภาพอย่างนี้ ก็ยัง
จะให้ ข้าพเจ้าจะไม่ลืมการให้เลย
วิสัยหชาดกที่ ๑๐ จบ
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา วิสัยหชาดก
ว่าด้วย ความยากจนไม่เป็นเหตุให้ทาชั่ว
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงปรารภท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี จึงตรัสพระ
ธรรมเทศนานี้
2
ส่วนในชาดกนี้ พระศาสดาตรัสเรียกท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีมาแล้ว ตรัสว่า คฤหบดี โบราณ
บัณฑิตทั้งหลาย ห้ามท้าวสักกเทวราชผู้ประทับยืนในอากาศ ห้ามอยู่ว่า ท่านอย่าให้ทาน ก็ยังได้ให้ทานอยู่
เหมือนเดิม อันท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีนั้นทูลอาราธนาแล้ว จึงทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็น
เศรษฐีนามว่าวิสัยหะ มีทรัพย์สมบัติ ๘๐ โกฏิ ได้เป็นผู้ประกอบด้วยศีล ๕ มีอัธยาศัยในทางทาน ยินดียิ่งใน
ทาน. พระโพธิสัตว์นั้นให้สร้างโรงทานในที่ ๖ แห่ง คือที่ประตูเมืองทั้ง ๔ ประตู ท่ามกลางพระนครและที่
ประตูนิเวศน์ของตน แล้วยังการให้ทานให้เป็นไปอยู่ บริจาคทรัพย์วันละหกแสนทุกวัน. พระโพธิสัตว์และ
ยาจกทั้งหลาย ย่อมมีภัตตาหารเป็นเช่นเดียวกัน.
เมื่อพระโพธิสัตว์นั้นให้ทานกระทาชมพูทวีปทั้งสิ้นให้มีงอนไถอันยกขึ้นแล้ว คือไม่ต้องทาไร่ไถ
นา ภพของท้าวสักกะก็กัมปนาทหวั่นไหวด้วยอานุภาพของการให้ทาน บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ของท้าว
เทวราชแสดงอาการร้อน.
ท้าวสักกะทรงดาริว่า ใครหนอประสงค์จะให้เราเคลื่อนจากที่ จึงทรงพิจารณาใคร่ครวญอยู่ ทรง
เห็นท่านมหาเศรษฐี จึงทรงพระดาริว่า วิสัยหเศรษฐีนี้ แผ่ไปกว้างขวางยิ่งนัก ให้ทานกระทาชมพูทวีปทั้งสิ้น
ให้ไม่ต้องทาไร่ไถนา ชะรอยจักให้เราเคลื่อนจากที่แล้วเป็นท้าวสักกะเสียเองด้วยทานแม้นี้ เราจักทาทรัพย์
ของเขาให้ฉิบหายเสีย กระทาเศรษฐีนั่นให้เป็นคนขัดสนจนให้ทานไม่ได้ จึงบันดาลทรัพย์ทั้งปวง แม้แต่
ข้าวเปลือก น้ามัน น้าผึ้งและน้าอ้อยเป็นต้น จนชั้นที่สุด แม้ทาสและกรรมกรให้อันตรธานหายไป.
พวกคนผู้จัดทานมาบอกท่านเศรษฐีว่า ข้าแต่นาย โรงทานขาดหายไป พวกข้าพเจ้าไม่เห็น
อะไรๆ ในที่ที่เก็บไว้. ท่านเศรษฐีกล่าวว่า พวกท่านจงนาทรัพย์สาหรับจับจ่ายไปจากที่นี้ อย่าตัดขาดทาน
เสียเลย แล้วเรียกภรรยามาพูดว่า นางผู้เจริญ เธอจงให้ทานดาเนินไป. ภรรยานั้นค้นหาจนทั่วเรือนไม่พบ
แม้แต่กึ่งมาสก จึงกล่าวว่า ข้าแต่นายดิฉันไม่เห็นอะไรๆ อื่น ยกเว้นผ้าที่เราทั้งหลายนุ่งห่มอยู่ ว่างเปล่าไป
ทั่วทั้งเรือน. ท่านเศรษฐีให้เปิดประตูห้องเก็บรัตนะ ๗ ก็ไม่เห็นอะไรๆ แม้ทาสและกรรมกรอื่นๆ ก็ไม่ปรากฏ
ยกเว้นเศรษฐีกับภรรยา.
มหาสัตว์เรียกภรรยามาอีกแล้วกล่าวว่า นางผู้เจริญ เราไม่อาจตัดขาดการให้ทาน เธอจงค้นหา
ให้ทั่วนิเวศน์ พิจารณาดูของบางอย่าง. ขณะนั้น คนหาบหญ้าคนหนึ่งทิ้งเคียวคานและเชือกมัดหญ้าไว้
ระหว่างประตูแล้วหนีไป. ภรรยาของเศรษฐีเห็นดังนั้น จึงได้นามาให้โดยพูดว่า ข้าแต่นาย เว้นสิ่งนี้ ดิฉันไม่
เห็นของอย่างอื่น.
พระมหาสัตว์กล่าวว่า นางผู้เจริญ ธรรมดาหญ้าเราไม่เคยเกี่ยวตลอดกาลมีประมาณเท่านี้ แต่
วันนี้ เราจักเกี่ยวหญ้านามาขายแล้วให้ทานตามสมควร เพราะกลัวการให้ทานจะขาด จึงถือเอาเคียว คาน
และเชือกออกจากพระนครไปยังที่มีหญ้าแล้วเกี่ยวหญ้าคิดว่า หญ้าฟ่อนหนึ่งจักเป็นของพวกเรา และจักให้
ทานด้วยหญ้าฟ่อนหนึ่ง จึงมัดหญ้าเป็น ๒ ฟ่อน คล้องที่คานถือเอาไปขายที่ประตูเมืองได้มาสกมาแล้ว ได้ให้
ส่วนหนึ่งแก่พวกยาจก แต่พวกยาจกมีมากด้วยกัน เมื่อพวกเขาร้องขอว่า ให้ข้าพเจ้าบ้าง จึงได้ให้ส่วนแม้นอก
นี้ ไปอีก วันนั้นจึงไม่มีอาหารพร้อมทั้งภรรยา ให้เวลาล่วงผ่านไป. โดยทานองนี้ ล่วงไป ๖ วัน.
ครั้นวันที่ ๗ เมื่อเศรษฐีนั้นกาลังนาหญ้ามา เป็นผู้อดอาหารมา ๗ วัน ทั้งเป็นสุขุมาลชาติ พอ
3
เมื่อแสงอาทิตย์กระทบหน้าผาก นัยน์ตาทั้งสองข้างก็พร่าพราย. เศรษฐีนั้นไม่อาจดารงสติไว้ได้ จึงล้มทับ
หญ้าลงไป. ท้าวสักกะเสด็จเที่ยวตรวจดูกิริยาอาการของเศรษฐีนั้นอยู่.
ทันใดนั้น ท้าวเธอเสด็จมาประทับยืนในอากาศ ตรัสกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า : ดูก่อนวิสัยหะ แต่ก่อน
ท่านได้ให้ทาน ก็เมื่อท่านให้อยู่อย่างนั้น ความเสื่อมได้มีแก่ท่านแล้ว ต่อแต่นี้ ไป ถ้าท่านจักไม่ให้ทานไซร้
เมื่อท่านประหยัดไว้ โภคะทั้งหลายก็คงดารงอยู่ตามเดิม.
ท่านวิสัยหะผู้เจริญ เมื่อก่อนแต่กาลนี้ เมื่อทรัพย์ในเรือนของท่านยังมีอยู่ ท่านได้ให้ทานทาสกล
ชมพูทวีปทั้งสิ้นให้ยกงอนไถขึ้นแล้ว และเมื่อท่านนั้นให้ทานอยู่อย่างนี้ ธรรมคือความเสื่อมได้แก่ สภาวะคือ
ความเสื่อมโภคะ จึงได้มีขึ้น คือทรัพย์ทั้งมวลหมดสิ้นไป แม้ถ้าเบื้องหน้าแต่นี้ ท่านจะไม่ให้ทานไซร้ คือจะ
ไม่ให้อะไรๆ แก่ใครๆ เมื่อท่านประหยัดไว้ คือไม่ให้อยู่ โภคะทั้งหลายจะพึงดารงอยู่เหมือนอย่างเดิม ท่านจง
ปฏิญญาว่า ตั้งแต่นี้ ไปจักไม่ให้ทาน เราจักให้โภคะทั้งหลายแก่ท่าน.
พระมหาสัตว์ได้ฟังดารัสของท้าวสักกะนั้นแล้วจึงถามว่า ท่านเป็นใคร.
ท้าวสักกะตรัสว่าเราเป็นท้าวสักกะ.
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ธรรมดาท้าวสักกะ พระองค์เองให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ บาเพ็ญ
วัตรบท ๗ ประการ จึงถึงความเป็นท้าวสักกะ แต่พระองค์ทรงห้ามการให้ทานอันเป็นเหตุแห่งความเป็น
ใหญ่ของพระองค์ ทรงทาวัตรจรรยาอันมิใช่ของอารยชน.
แล้วได้กล่าวคาถา ๓ คาถาว่า
ข้าแต่ท้าวสหัสสเนตร พระอริยะทั้งหลายกล่าวถึงบาปกรรมว่า อันอารยชนถึงจะเป็นคนยากจน
เข็ญใจก็ไม่ควรทา ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ ข้าพระบาทจะพึงเลิกละศรัทธา เพราะการบริโภคทรัพย์อัน
ใดเป็นเหตุ ทรัพย์อันนั้นอย่าได้มีเลย.
รถคันหนึ่งแล่นไปทางใด รถคันอื่นก็แล่นไปทางนั้น ข้าแต่ท้าววาสวะ วัตรที่ข้าพระบาทบาเพ็ญ
มาแล้วแต่ครั้งก่อน ขอจงเป็นไปเหมือนอย่างนั้นเถิด.
ถ้ายังมียังเป็นอยู่ ข้าพระบาทก็จะให้ เมื่อไม่มีไม่เป็น จะให้ได้อย่างไร แม้ถึงจะมีสภาพเป็นอย่าง
นี้ แล้วก็ตาม ก็จะต้องให้ เพราะข้าพระบาทจะลืมการให้ทานเสียมิได้.
ท้าวสักกะ เมื่อไม่อาจทรงห้ามวิสัยหเศรษฐีนั้น จึงตรัสถามว่า ท่านให้ทานเพื่อประโยชน์อะไร?
วิสัยหเศรษฐีทูลว่า ข้าพระบาทมิได้ปรารถนาความเป็นท้าวสักกะ หรือความเป็นพระพรหม แต่
ปรารถนาพระสัพพัญญุตญาณ จึงให้ทาน.
ท้าวสักกะได้ทรงสดับคาของวิสัยหะนั้นแล้วดีพระทัย จึงเอาพระหัตถ์ลูบหลัง.
เมื่อพระโพธิสัตว์พอถูกท้าวสักกะทรงลูบหลัง ในขณะนั้นนั่นเอง สรีระทั้งสิ้นก็เต็มบริบูรณ์และ
ด้วยอานุภาพของท้าวสักกะ กาหนดเขตแห่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพระโพธิสัตว์นั้นก็กลับเป็นไปตามปกติ
อย่างเดิม.
ท้าวสักกะตรัสว่าท่านมหาเศรษฐี จาเดิมแต่นี้ ไป ท่านจงสละทรัพย์ ๑๒ แสน ให้ทานทุกวันเถิด
แล้วประทานทรัพย์หาประมาณมิได้ไว้ในเรือนของพระโพธิสัตว์นั้น ทรงส่งพระโพธิสัตว์แล้ว เสด็จไปเทวส
ถานของพระองค์.
4
พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้ มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
ภรรยาของเศรษฐีในครั้งนั้น ได้เป็น มารดาพระราหุล
ส่วนวิสัยหเศรษฐีได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้ แล.
จบ อรรถกถาวิสัยหชาดกที่ ๑๐
-------------------------

More Related Content

Similar to 37 วิสัยหชาดก มจร.pdf

20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
20 ชยทิสจริยา มจร.pdf20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
20 ชยทิสจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 
16 มหิสราชจริยา มจร.pdf
16 มหิสราชจริยา มจร.pdf16 มหิสราชจริยา มจร.pdf
16 มหิสราชจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 
Tri91 64+พระสุตตันตปิฎก+ขุททกนิกาย+ชาดก+เล่ม+๔+ภาค+๓
Tri91 64+พระสุตตันตปิฎก+ขุททกนิกาย+ชาดก+เล่ม+๔+ภาค+๓Tri91 64+พระสุตตันตปิฎก+ขุททกนิกาย+ชาดก+เล่ม+๔+ภาค+๓
Tri91 64+พระสุตตันตปิฎก+ขุททกนิกาย+ชาดก+เล่ม+๔+ภาค+๓Tongsamut vorasan
 
02 อกิตติจริยา มจร.pdf
02 อกิตติจริยา มจร.pdf02 อกิตติจริยา มจร.pdf
02 อกิตติจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 
๐๕. มโหสธชาดก.pdf
๐๕. มโหสธชาดก.pdf๐๕. มโหสธชาดก.pdf
๐๕. มโหสธชาดก.pdfmaruay songtanin
 
26 โสณนันทปัณฑิตจริยา มจร.pdf
26 โสณนันทปัณฑิตจริยา มจร.pdf26 โสณนันทปัณฑิตจริยา มจร.pdf
26 โสณนันทปัณฑิตจริยา มจร.pdfmaruay songtanin
 
Tri91 07+มหาวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒
Tri91 07+มหาวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒Tri91 07+มหาวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒
Tri91 07+มหาวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒Tongsamut vorasan
 

Similar to 37 วิสัยหชาดก มจร.pdf (11)

20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
20 ชยทิสจริยา มจร.pdf20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
20 ชยทิสจริยา มจร.pdf
 
16 มหิสราชจริยา มจร.pdf
16 มหิสราชจริยา มจร.pdf16 มหิสราชจริยา มจร.pdf
16 มหิสราชจริยา มจร.pdf
 
มหาเวสสันดรชาดก
มหาเวสสันดรชาดกมหาเวสสันดรชาดก
มหาเวสสันดรชาดก
 
Ppt 1
Ppt 1Ppt 1
Ppt 1
 
Tri91 64+พระสุตตันตปิฎก+ขุททกนิกาย+ชาดก+เล่ม+๔+ภาค+๓
Tri91 64+พระสุตตันตปิฎก+ขุททกนิกาย+ชาดก+เล่ม+๔+ภาค+๓Tri91 64+พระสุตตันตปิฎก+ขุททกนิกาย+ชาดก+เล่ม+๔+ภาค+๓
Tri91 64+พระสุตตันตปิฎก+ขุททกนิกาย+ชาดก+เล่ม+๔+ภาค+๓
 
ไตรภูมิพระร่วงสมบูรณ์
ไตรภูมิพระร่วงสมบูรณ์ไตรภูมิพระร่วงสมบูรณ์
ไตรภูมิพระร่วงสมบูรณ์
 
ไตรภูมิพระร่วงสมบูรณ์
ไตรภูมิพระร่วงสมบูรณ์ไตรภูมิพระร่วงสมบูรณ์
ไตรภูมิพระร่วงสมบูรณ์
 
02 อกิตติจริยา มจร.pdf
02 อกิตติจริยา มจร.pdf02 อกิตติจริยา มจร.pdf
02 อกิตติจริยา มจร.pdf
 
๐๕. มโหสธชาดก.pdf
๐๕. มโหสธชาดก.pdf๐๕. มโหสธชาดก.pdf
๐๕. มโหสธชาดก.pdf
 
26 โสณนันทปัณฑิตจริยา มจร.pdf
26 โสณนันทปัณฑิตจริยา มจร.pdf26 โสณนันทปัณฑิตจริยา มจร.pdf
26 โสณนันทปัณฑิตจริยา มจร.pdf
 
Tri91 07+มหาวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒
Tri91 07+มหาวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒Tri91 07+มหาวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒
Tri91 07+มหาวรรค+เล่ม+๕+ภาค+๒
 

More from maruay songtanin

๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...maruay songtanin
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docxmaruay songtanin
 
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfOperational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfmaruay songtanin
 
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...maruay songtanin
 
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....maruay songtanin
 
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
๑๐. มหาเวสสันดรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุ...
 
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๙. วิธุรชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจ...
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๐๖. ภูริทัตตชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๕. มโหสธชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๐๔. เนมิราชชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๓. สุวรรณสามชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๐๒. มหาชนกชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๐๑. เตมิยชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
๐๐ บทนำ มหานิบาตชาดก (พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย).docx
 
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdfOperational Resilience  ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
Operational Resilience ความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน.pdf
 
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
๘๕. สุนิกขิตตวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬ...
 
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๘๔. เสริสสกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๘๓. มัฏฐกุณฑลีวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๘๒. อเนกวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๑. กัณฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๘๐. โคปาลวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
๗๙. อัมพวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])....
 
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๗๘. สุวัณณวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 

37 วิสัยหชาดก มจร.pdf

  • 1. 1 การบาเพ็ญบารมีของพระผู้มีพระภาคเจ้า ตอนที่ ๓๗ วิสัยหชาดก พลตรี มารวย ส่งทานินทร์ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เกริ่นนา พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ธรรมดาท้าวสักกะ พระองค์เองให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ บาเพ็ญ วัตรบท ๗ ประการ จึงถึงความเป็นท้าวสักกะ แต่พระองค์ทรงห้ามการให้ทานอันเป็นเหตุแห่งความเป็น ใหญ่ของพระองค์ ทรงทาวัตรจรรยาอันมิใช่ของอารยชน. พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๑๐. วิสัยหชาดก (๓๔๐) ว่าด้วยวิสัยหเศรษฐี (ท้าวสักกะเสด็จมายืนอยู่ในอากาศ ได้ตรัสกับวิสัยหเศรษฐีโพธิสัตว์ว่า) [๑๕๗] ท่านวิสัยหเศรษฐี เมื่อก่อนท่านได้ให้ทาน ก็เมื่อท่านให้ทานอยู่อย่างนั้น โภคะทั้งหลาย ของท่านก็สิ้นไปเป็นธรรมดา ตั้งแต่นี้ ไป ถ้าท่านจะไม่พึงให้ทานโภคะทั้งหลายของท่านผู้งดให้ทานก็จะพึง ดารงอยู่ (วิสัยหเศรษฐีโพธิสัตว์ได้ฟังแล้ว จึงกล่าวว่า) [๑๕๘] ท้าวสหัสสเนตร พระอริยะทั้งหลายกล่าวอนารยธรรมว่า เป็นกิจที่อริยชนหรือแม้คน ยากจนไม่ควรทา ท่านจอมชน เราพึงสละศรัทธาเพราะเหตุแห่งการบริโภคทรัพย์ใด ขอทรัพย์นั้นอย่าพึงเกิด แก่เราเลย [๑๕๙] รถคันหนึ่งแล่นไปทางใด รถคันอื่นก็จะแล่นไปทางนั้น ท้าววาสวะ ธรรมเนียมที่ได้ ประพฤติปฏิบัติมาแต่ก่อน ขอจงดาเนินต่อไปเถิด [๑๖๐] ถ้ายังมียังเป็นอยู่ก็จะให้เรื่อยไป เมื่อไม่มีชีวิตจะให้อย่างไร ข้าพเจ้าแม้มีสภาพอย่างนี้ ก็ยัง จะให้ ข้าพเจ้าจะไม่ลืมการให้เลย วิสัยหชาดกที่ ๑๐ จบ คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา วิสัยหชาดก ว่าด้วย ความยากจนไม่เป็นเหตุให้ทาชั่ว พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงปรารภท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี จึงตรัสพระ ธรรมเทศนานี้
  • 2. 2 ส่วนในชาดกนี้ พระศาสดาตรัสเรียกท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีมาแล้ว ตรัสว่า คฤหบดี โบราณ บัณฑิตทั้งหลาย ห้ามท้าวสักกเทวราชผู้ประทับยืนในอากาศ ห้ามอยู่ว่า ท่านอย่าให้ทาน ก็ยังได้ให้ทานอยู่ เหมือนเดิม อันท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีนั้นทูลอาราธนาแล้ว จึงทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็น เศรษฐีนามว่าวิสัยหะ มีทรัพย์สมบัติ ๘๐ โกฏิ ได้เป็นผู้ประกอบด้วยศีล ๕ มีอัธยาศัยในทางทาน ยินดียิ่งใน ทาน. พระโพธิสัตว์นั้นให้สร้างโรงทานในที่ ๖ แห่ง คือที่ประตูเมืองทั้ง ๔ ประตู ท่ามกลางพระนครและที่ ประตูนิเวศน์ของตน แล้วยังการให้ทานให้เป็นไปอยู่ บริจาคทรัพย์วันละหกแสนทุกวัน. พระโพธิสัตว์และ ยาจกทั้งหลาย ย่อมมีภัตตาหารเป็นเช่นเดียวกัน. เมื่อพระโพธิสัตว์นั้นให้ทานกระทาชมพูทวีปทั้งสิ้นให้มีงอนไถอันยกขึ้นแล้ว คือไม่ต้องทาไร่ไถ นา ภพของท้าวสักกะก็กัมปนาทหวั่นไหวด้วยอานุภาพของการให้ทาน บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ของท้าว เทวราชแสดงอาการร้อน. ท้าวสักกะทรงดาริว่า ใครหนอประสงค์จะให้เราเคลื่อนจากที่ จึงทรงพิจารณาใคร่ครวญอยู่ ทรง เห็นท่านมหาเศรษฐี จึงทรงพระดาริว่า วิสัยหเศรษฐีนี้ แผ่ไปกว้างขวางยิ่งนัก ให้ทานกระทาชมพูทวีปทั้งสิ้น ให้ไม่ต้องทาไร่ไถนา ชะรอยจักให้เราเคลื่อนจากที่แล้วเป็นท้าวสักกะเสียเองด้วยทานแม้นี้ เราจักทาทรัพย์ ของเขาให้ฉิบหายเสีย กระทาเศรษฐีนั่นให้เป็นคนขัดสนจนให้ทานไม่ได้ จึงบันดาลทรัพย์ทั้งปวง แม้แต่ ข้าวเปลือก น้ามัน น้าผึ้งและน้าอ้อยเป็นต้น จนชั้นที่สุด แม้ทาสและกรรมกรให้อันตรธานหายไป. พวกคนผู้จัดทานมาบอกท่านเศรษฐีว่า ข้าแต่นาย โรงทานขาดหายไป พวกข้าพเจ้าไม่เห็น อะไรๆ ในที่ที่เก็บไว้. ท่านเศรษฐีกล่าวว่า พวกท่านจงนาทรัพย์สาหรับจับจ่ายไปจากที่นี้ อย่าตัดขาดทาน เสียเลย แล้วเรียกภรรยามาพูดว่า นางผู้เจริญ เธอจงให้ทานดาเนินไป. ภรรยานั้นค้นหาจนทั่วเรือนไม่พบ แม้แต่กึ่งมาสก จึงกล่าวว่า ข้าแต่นายดิฉันไม่เห็นอะไรๆ อื่น ยกเว้นผ้าที่เราทั้งหลายนุ่งห่มอยู่ ว่างเปล่าไป ทั่วทั้งเรือน. ท่านเศรษฐีให้เปิดประตูห้องเก็บรัตนะ ๗ ก็ไม่เห็นอะไรๆ แม้ทาสและกรรมกรอื่นๆ ก็ไม่ปรากฏ ยกเว้นเศรษฐีกับภรรยา. มหาสัตว์เรียกภรรยามาอีกแล้วกล่าวว่า นางผู้เจริญ เราไม่อาจตัดขาดการให้ทาน เธอจงค้นหา ให้ทั่วนิเวศน์ พิจารณาดูของบางอย่าง. ขณะนั้น คนหาบหญ้าคนหนึ่งทิ้งเคียวคานและเชือกมัดหญ้าไว้ ระหว่างประตูแล้วหนีไป. ภรรยาของเศรษฐีเห็นดังนั้น จึงได้นามาให้โดยพูดว่า ข้าแต่นาย เว้นสิ่งนี้ ดิฉันไม่ เห็นของอย่างอื่น. พระมหาสัตว์กล่าวว่า นางผู้เจริญ ธรรมดาหญ้าเราไม่เคยเกี่ยวตลอดกาลมีประมาณเท่านี้ แต่ วันนี้ เราจักเกี่ยวหญ้านามาขายแล้วให้ทานตามสมควร เพราะกลัวการให้ทานจะขาด จึงถือเอาเคียว คาน และเชือกออกจากพระนครไปยังที่มีหญ้าแล้วเกี่ยวหญ้าคิดว่า หญ้าฟ่อนหนึ่งจักเป็นของพวกเรา และจักให้ ทานด้วยหญ้าฟ่อนหนึ่ง จึงมัดหญ้าเป็น ๒ ฟ่อน คล้องที่คานถือเอาไปขายที่ประตูเมืองได้มาสกมาแล้ว ได้ให้ ส่วนหนึ่งแก่พวกยาจก แต่พวกยาจกมีมากด้วยกัน เมื่อพวกเขาร้องขอว่า ให้ข้าพเจ้าบ้าง จึงได้ให้ส่วนแม้นอก นี้ ไปอีก วันนั้นจึงไม่มีอาหารพร้อมทั้งภรรยา ให้เวลาล่วงผ่านไป. โดยทานองนี้ ล่วงไป ๖ วัน. ครั้นวันที่ ๗ เมื่อเศรษฐีนั้นกาลังนาหญ้ามา เป็นผู้อดอาหารมา ๗ วัน ทั้งเป็นสุขุมาลชาติ พอ
  • 3. 3 เมื่อแสงอาทิตย์กระทบหน้าผาก นัยน์ตาทั้งสองข้างก็พร่าพราย. เศรษฐีนั้นไม่อาจดารงสติไว้ได้ จึงล้มทับ หญ้าลงไป. ท้าวสักกะเสด็จเที่ยวตรวจดูกิริยาอาการของเศรษฐีนั้นอยู่. ทันใดนั้น ท้าวเธอเสด็จมาประทับยืนในอากาศ ตรัสกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า : ดูก่อนวิสัยหะ แต่ก่อน ท่านได้ให้ทาน ก็เมื่อท่านให้อยู่อย่างนั้น ความเสื่อมได้มีแก่ท่านแล้ว ต่อแต่นี้ ไป ถ้าท่านจักไม่ให้ทานไซร้ เมื่อท่านประหยัดไว้ โภคะทั้งหลายก็คงดารงอยู่ตามเดิม. ท่านวิสัยหะผู้เจริญ เมื่อก่อนแต่กาลนี้ เมื่อทรัพย์ในเรือนของท่านยังมีอยู่ ท่านได้ให้ทานทาสกล ชมพูทวีปทั้งสิ้นให้ยกงอนไถขึ้นแล้ว และเมื่อท่านนั้นให้ทานอยู่อย่างนี้ ธรรมคือความเสื่อมได้แก่ สภาวะคือ ความเสื่อมโภคะ จึงได้มีขึ้น คือทรัพย์ทั้งมวลหมดสิ้นไป แม้ถ้าเบื้องหน้าแต่นี้ ท่านจะไม่ให้ทานไซร้ คือจะ ไม่ให้อะไรๆ แก่ใครๆ เมื่อท่านประหยัดไว้ คือไม่ให้อยู่ โภคะทั้งหลายจะพึงดารงอยู่เหมือนอย่างเดิม ท่านจง ปฏิญญาว่า ตั้งแต่นี้ ไปจักไม่ให้ทาน เราจักให้โภคะทั้งหลายแก่ท่าน. พระมหาสัตว์ได้ฟังดารัสของท้าวสักกะนั้นแล้วจึงถามว่า ท่านเป็นใคร. ท้าวสักกะตรัสว่าเราเป็นท้าวสักกะ. พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ธรรมดาท้าวสักกะ พระองค์เองให้ทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ บาเพ็ญ วัตรบท ๗ ประการ จึงถึงความเป็นท้าวสักกะ แต่พระองค์ทรงห้ามการให้ทานอันเป็นเหตุแห่งความเป็น ใหญ่ของพระองค์ ทรงทาวัตรจรรยาอันมิใช่ของอารยชน. แล้วได้กล่าวคาถา ๓ คาถาว่า ข้าแต่ท้าวสหัสสเนตร พระอริยะทั้งหลายกล่าวถึงบาปกรรมว่า อันอารยชนถึงจะเป็นคนยากจน เข็ญใจก็ไม่ควรทา ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมเทพ ข้าพระบาทจะพึงเลิกละศรัทธา เพราะการบริโภคทรัพย์อัน ใดเป็นเหตุ ทรัพย์อันนั้นอย่าได้มีเลย. รถคันหนึ่งแล่นไปทางใด รถคันอื่นก็แล่นไปทางนั้น ข้าแต่ท้าววาสวะ วัตรที่ข้าพระบาทบาเพ็ญ มาแล้วแต่ครั้งก่อน ขอจงเป็นไปเหมือนอย่างนั้นเถิด. ถ้ายังมียังเป็นอยู่ ข้าพระบาทก็จะให้ เมื่อไม่มีไม่เป็น จะให้ได้อย่างไร แม้ถึงจะมีสภาพเป็นอย่าง นี้ แล้วก็ตาม ก็จะต้องให้ เพราะข้าพระบาทจะลืมการให้ทานเสียมิได้. ท้าวสักกะ เมื่อไม่อาจทรงห้ามวิสัยหเศรษฐีนั้น จึงตรัสถามว่า ท่านให้ทานเพื่อประโยชน์อะไร? วิสัยหเศรษฐีทูลว่า ข้าพระบาทมิได้ปรารถนาความเป็นท้าวสักกะ หรือความเป็นพระพรหม แต่ ปรารถนาพระสัพพัญญุตญาณ จึงให้ทาน. ท้าวสักกะได้ทรงสดับคาของวิสัยหะนั้นแล้วดีพระทัย จึงเอาพระหัตถ์ลูบหลัง. เมื่อพระโพธิสัตว์พอถูกท้าวสักกะทรงลูบหลัง ในขณะนั้นนั่นเอง สรีระทั้งสิ้นก็เต็มบริบูรณ์และ ด้วยอานุภาพของท้าวสักกะ กาหนดเขตแห่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพระโพธิสัตว์นั้นก็กลับเป็นไปตามปกติ อย่างเดิม. ท้าวสักกะตรัสว่าท่านมหาเศรษฐี จาเดิมแต่นี้ ไป ท่านจงสละทรัพย์ ๑๒ แสน ให้ทานทุกวันเถิด แล้วประทานทรัพย์หาประมาณมิได้ไว้ในเรือนของพระโพธิสัตว์นั้น ทรงส่งพระโพธิสัตว์แล้ว เสด็จไปเทวส ถานของพระองค์.
  • 4. 4 พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้ มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า ภรรยาของเศรษฐีในครั้งนั้น ได้เป็น มารดาพระราหุล ส่วนวิสัยหเศรษฐีได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้ แล. จบ อรรถกถาวิสัยหชาดกที่ ๑๐ -------------------------