ว่าด้วย ลิงกับนกขมิ้น พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุหนุ่มผู้เผาบรรณศาลาของพระมหากัสสปเถระ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. เรื่องตั้งขึ้นในนครราชคฤห์. ได้ยินว่า ในกาลนั้น พระเถระอาศัยนครราชคฤห์อยู่ในอรัญญกุฎี ภิกษุหนุ่ม ๒ รูปกระทำการอุปัฏฐากพระเถระ. ในภิกษุหนุ่ม ๒ รูปนั้น รูปหนึ่งเป็นผู้มีอุปการะแก่พระเถระ ส่วนอีกรูปหนึ่งเป็นผู้ว่ายาก กระทำกิจวัตรที่ภิกษุนอกนี้กระทำ ให้เป็นเสมือนตนกระทำ เมื่อภิกษุนั้นตั้งน้ำบ้วนปากเป็นต้น ตนเองไปยังสำนักของพระเถระ ไหว้แล้วกล่าวว่า ท่านขอรับ น้ำกระผมตั้งไว้แล้ว ขอท่านจงล้างหน้าเถิดขอรับ เมื่อบริเวณกุฏิอันภิกษุนั้นลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ปัดกวาดไว้แล้ว ในเวลาพระเถระออกมา ตนเองบริหารข้างโน้นข้างนี้ กระทำบริเวณทั้งสิ้นให้เป็นเสมือนตนปัดกวาดไว้. ภิกษุผู้สมบูรณ์ด้วยวัตรคิดว่า พระหัวดื้อรูปนี้กระทำกิจวัตรที่เรากระทำให้เป็นเสมือนตนกระทำ เราจักกระทำกรรมของพระหัวดื้อนี้ให้ปรากฏ. เมื่อภิกษุหัวดื้อนั้นฉันในภายในบ้านแล้วมานอนบนเตียงของตนเองนั่นแหละ ผู้ภิกษุสมบูรณ์ด้วยวัตรจึงต้มน้ำสำหรับอาบให้ร้อนแล้ววางไว้หลังซุ้ม แล้วตั้งน้ำอื่นประมาณกึ่งทะนานไว้บนเตา. ภิกษุหัวดื้อนอกนี้ตื่นนอนแล้วมา เห็นไอน้ำพลุ่งขึ้นจึงคิดว่า ภิกษุนั้นจักต้มน้ำให้เดือดแล้วตั้งไว้ในซุ้ม จึงไปยังสำนักของพระเถระแล้วกล่าวว่า ท่านขอรับกระผมตั้งน้ำไว้ในซุ้มสำหรับอาบแล้ว ขอนิมนต์อาบเถิด. พระเถระกล่าวว่า จักอาบ แล้วมาพร้อมกับภิกษุหัวดื้อนั้น ไม่เห็นน้ำในซุ้มจึงถามว่า น้ำอยู่ที่ไหน น้ำอยู่ที่ไหน? ภิกษุนั้นจึงรีบไปยังโรงไฟ หย่อนกระบวยลงในภาชนะเปล่า กระบวยกระทบพื้นภาชนะเปล่งเสียงดังฆระ ตั้งแต่นั้นมาภิกษุนั้นจึงมีชื่อว่าอุฬุงกสัททกะ. ขณะนั้น ภิกษุผู้สมบูรณ์ด้วยวัตรจึงนำน้ำมาจากหลังซุ้ม แล้วกล่าวว่า อาบเถิด ท่านขอรับ. พระเถระอาบน้ำแล้วรำพึงอยู่ ได้รู้ว่าพระอุฬุงกสัททกะเป็นคนหัวดื้อ จึงโอวาทพระอุฬุงกสัททกะนั้นผู้มายังเถระอุปัฏฐากในตอนเย็นว่า ผู้มีอายุ ธรรมดาสมณะกล่าวสิ่งที่ตนทำเท่านั้นว่าเราทำจึงควร กล่าวโดยประการอื่นไป ย่อมเป็นสัมปชานมุสาวาท กล่าวเท็จทั้งๆ ที่รู้ ตั้งแต่นี้ไป เธออย่าได้กระทำกรรมเห็นปานนี้. พระอุฬุงกสัททกะนั้นโกรธพระเถระ. วันรุ่งขึ้น จึงไม่เข้าบ้านเพื่อบิณฑบาตกับพระเถระ พระเถระจึงเข้าไปบิณฑบาตพร้อมกับภิกษุนอกนี้. ฝ่ายอุฬุงกสัททกะได้ไปยังตระกูลอุปัฏฐากของพระเถระ เมื่อเขากล่าวว่าพระเถระไปไหนขอรับ จึงกล่าวว่า พระเถระนั่งอยู่ในวิหารนั่นแหละ เพราะไม่ผาสุก เมื่อเขากล่าวว่าได้อะไรจึงจะควรขอรับ จึงกล่าวว่า ท่านจงให้สิ่งนี้และสิ่งนี้ แล้วถือเอาไปยังที่ชอบใจของตน ฉันแล้วจึงได้ไปยังวิหาร. วันรุ่งขึ้น พระเถระไปยังตระกูลนั้นแล้วนั่ง คนทั้งหลายจึงกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ พระผู้เป็นเจ้าไม่มีความผาสุกหรือ ได้ยินว่า เมื่อวานท่านนั่งอยู่แต่ในวิหารเท่านั้น พวกกระผมส่งอาหารไปถวายกะมือภิกษุหนุ่มชื่อโน้น พระผู้เป็นเจ้าบริโภคอาหารแล้วหรือ. พระเถระได้นิ่งเสีย กระทำภิตกิจแล้วไปยังวิหาร เรียกพระอุฬุงกสัททกะผู้มาในเวลาบำรุงพระเถระในเวลาเย็น แล้วกล่าวว่า อาวุโส ได้ยินว่า เธอขอในตระกูลชื่อโน้นในบ้านชื่อโน้นว่า การได้สิ่งนี้และสิ่งนี้ ย่อมควรแก่พระเถระแล้วบริโภคเสียเอง แล้วกล่าวว่าขึ้นชื่อว่าการขอย่อมไม่ควร เธออย่าประพฤติอนาจารเห็นปานนี้อีก.