SlideShare a Scribd company logo
1
วัฑฒกีสูกรชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๓. วัฑฒกีสูกรชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๒๘๓)
ว่าด้วยสุกรชื่อวัฑฒกี
(ชฎิลโกงเห็นเสือโคร่งกลับมาตัวเปล่า จึงกล่าวกับเสือโคร่งว่า)
[๙๗] เจ้าเสือโคร่ง ในวันก่อนเจ้าเที่ยวย่ายีเหล่าสุกรที่นี้ แต่บัดนี้
เจ้าซบเซามาแต่ผู้เดียว วันนี้ เจ้าไม่มีแรงหรือ เสือโคร่ง
(เสือโคร่งได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวว่า)
[๙๘] ได้ยินว่า ในวันก่อนสุกรเหล่านี้เห็นข้าพเจ้าแล้วเกิดความกลัว
แยกย้ายกันวิ่งหนีไปหาที่ซุกซ่อนตัวละทิศละทาง
แต่วันนี้สุกรเหล่านั้นมาอยู่รวมกันในชัยภูมิที่ข้าพเจ้าจะย่ายีได้ยาก
(เทวดาที่สิงสถิตอยู่ในไพรสณฑ์นั้นได้กล่าวว่า)
[๙๙] ข้าพเจ้าขอนอบน้อมฝูงสุกรที่มาประชุมพร้อมกัน
ข้าพเจ้าเห็นด้วยตัวเองซึ่งมิตรภาพอันไม่เคยปรากฏมาก่อน
จึงกล่าวสรรเสริญฝูงสูกรที่มีเขี้ยวเป็นกาลังจึงชนะเสือโคร่งได้
และพ้นมรณภัยได้ด้วยความสามัคคี
วัฑฒกีสูกรชาดกที่ ๓ จบ
------------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
วัฑฒกีสูกรชาดก
ว่าด้วย หมูสู้เสือได้ด้วยสามัคคีกัน
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
ทรงปรารภพระธนุคคหติสสเถระ จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า พระเจ้ามหาโกศลผู้เป็นพระชนกของเจ้าปัสเสนทิโกศล
ได้พระราชทานนางโกศลเทวีราชธิดาแก่พระเจ้าพิมพิสาร
ได้พระราชทานบ้านกาสิกคามอันเป็ นบ้านที่มีรายได้เกิดขึ้นหนึ่งแสนให้เป็ นมูลค่
าแห่งจุรณสาหรับสรงสนานแก่พระราชธิดานั้น.
แต่เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูปลงพระชนม์พระบิดา
ฝ่ายพระนางโกศลเทวีถูกความโศกครอบงาก็ทิวงคต.
ลาดับนั้น พระเจ้าปัสเสนทิโกศลทรงพระดาริว่า
พระเจ้าอชาตศัตรูปลงพระชนม์พระบิดา ฝ่ายพระภคินีของเรา
เมื่อพระสวามีสวรรคตแล้วก็ทิวงคต เพราะความโศก
เราจักไม่ให้กาสิกคามแก่โจรผู้ฆ่าพ่อ ทรงดาริฉะนั้นแล้ว
ก็ไม่ยอมยกบ้านกาสิกคามนั้นให้พระเจ้าอชาตศัตรู เพราะอาศัยบ้านนั้นเอง
2
พระราชาแม้ทั้งสองพระองค์นั้นจึงมีการรบกันตลอดเวลา.
พระเจ้าอชาตศัตรูทรงเป็ นหนุ่มเข้มแข็งสามารถ
ส่วนพระเจ้าปัสเสนทิโกศลทรงชราภาพแล้ว พระองค์จึงรบแพ้อยู่เนืองๆ.
ผู้คนแม้ของพระเจ้ามหาโกศลก็พ่ายแพ้อยู่โดยมาก. ลาดับนั้น
พระราชาตรัสถามพวกอามาตย์ว่า พวกเราแพ้พระเจ้าอชาตศัตรูนั้นเนืองๆ
ควรจะทาอย่างไรดี อามาตย์ทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ
ธรรมดาพระผู้เป็ นเจ้าทั้งหลาย ย่อมเป็นผู้ฉลาดในความคิดอ่าน
ควรจะฟังถ้อยคาของภิกษุทั้งหลายในพระเชตวันมหาวิหาร.
พระราชาทรงสั่งบังคับจารบุรุษทั้งหลายว่า ถ้าอย่างนั้น
ท่านทั้งหลายจงฟังถ้อยคาสนทนาของภิกษุทั้งหลายในเวลานั้น.
จารบุรุษเหล่านั้นได้กระทาอย่างนั้น จาเดิมแต่นั้นมา.
ก็ในกาลนั้นพระเถระผู้เฒ่า ๒ รูป
คือพระทันตเถระและพระธนุคคหติสสเถระ อยู่ในบรรณศาลาท้ายวิหาร.
บรรดาพระเถระ ๒ รูปนั้น พระธนุคคหติสสเถระ
หลับทั้งในปฐมยามและมัชฌิมยาม แล้วตื่นขึ้นในตอนปัจฉิมยาม นั่งเคาะดุ้นฟื น
ก่อไฟให้สว่างแล้วกล่าวว่า ท่านทันตเถระผู้เจริญ ท่านนอนอยู่หรือว่านั่งอยู่.
พระทันตเถระกล่าวว่า ผมไม่นอนแล้วจักทาอะไร. พระธนุคคหติสสเถระกล่าวว่า
ลุกขึ้นนั่งก่อนเถอะขอรับ. พระธนุคคหติสสเถระนั้นลุกขึ้นนั่งแล้วกล่าวว่า
ท่านทันตเถระผู้เจริญ พระเจ้าโกศลท้องพลุ้ยองค์นี้เขลา
กระทาพระกระยาหารที่เสวยในถาดให้เสียไปเปล่า
แต่ไม่ทรงทราบการจัดกระบวนรบอะไรๆ
พระองค์ผู้เป็นจอมนรชนจึงทรงแพ้แล้วแพ้เล่า.
พระทันตเถระถามว่า ก็อย่างนั้นควรจะทาอย่างไร?
ขณะนั้น จารบุรุษเหล่านั้นได้ยืนฟังถ้อยคาของพระเถระทั้งสองนั้น.
พระธนุคคหติสสเถระวิจารณ์การรบว่า ท่านผู้เจริญ
ชื่อว่าในการรบมีกระบวนจัดทัพอยู่ ๓ กระบวน คือ
ปทุมพยูหะ กระบวนทัพรูปดอกประทุม ๑
จักกพยูหะ กระบวนทัพรูปล้อรถ ๑
สกฏพยูหะ กระบวนทัพรูปเกวียน ๑
ถ้าพระเจ้าปัสเสนทิโกศลมีพระประสงค์จะจับพระเจ้าอชาตศัตรู
ควรซุ่มคนไว้ที่เหลี่ยมเขาทั้งสองด้านไว้ในท้องภูเขาชื่อโน้น
แสดงกาลังพลข้างหน้าให้รู้ว่าอ่อนแอ
อย่าให้พระเจ้าอชาตศัตรูทราบว่าเข้าไปในระหว่างภูเขา
แล้วสกัดกั้นทางเข้าไปเสีย
แล้วให้คนที่ซุ่มอยู่ที่เหลี่ยมเขาทั้งสองข้างโห่ร้องตีโอบเข้ามาทั้งข้างหน้าและข้างห
3
ลัง ก็อาจสามารถจับพระเจ้าอชาตศัตรูได้ เหมือนจับปลาที่เข้าไปในข่าย
และเหมือนจับลูกนกกระจาบไว้ในกามือ ฉะนั้น.
พวกจารบุรุษจึงกราบทูลข่าวนั้นแก่พระราชา
พระราชาได้ทรงสดับดังนั้นจึงรับสั่งให้ลั่นกลองสงครามเภรีแล้วเสด็จไปตั้งกระบ
วนรบสกฏพยูหะ
จับพระเจ้าอชาตศัตรูได้ทั้งเป็นได้ประทานราชธิดาของพระองค์พระนามว่าวชิรกุ
มารี แก่พระภาคิไนย
และได้ประทานบ้านกาสิกคามให้เป็นค่าสาหรับสรงสนานแก่พระราชธิดานั้น
แล้วทรงส่งไป.
ประพฤติเหตุนั้นได้ปรากฎในหมู่ภิกษุสงฆ์.
ครั้นวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ได้ยินว่าพระเจ้าโกศลทรงชนะพระเจ้าอชาตศัตรู
เพราะการวิจารณ์ของพระธนุคคหติสสเถระ.
พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย
บัดนี้เธอทั้งหลายนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ?
เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
มิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน พระธนุคคหติสสะ
ก็เป็นผู้ฉลาดในการจัดการรบมาแล้วเหมือนกัน
แล้วทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล
เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็ นรุกขเทวดาอยู่ในป่า. ในกาลนั้น
ช่างไม้คนหนึ่งจากหมู่บ้านช่างไม้ซึ่งตั้งอาศัยเมืองพาราณสีอยู่
ไปป่าเพื่อต้องการไม้ เห็นลูกสุกรตกหลุมอยู่ จึงพาเอาไปเรือนเลี้ยงไว้.
ลูกสุกรนั้นถึงความเติบโต มีร่างกายใหญ่ มีเขี้ยวโง้ง
เป็นสัตว์เพียบพร้อมด้วยมารยาท. ก็เพราะนายช่างไม้นามาเลี้ยงไว้
จึงปรากฎชื่อว่าวัฑฒกีสุกร.
วัฑฒกีสุกรนั้น ในเวลาช่างไม้ถากไม้ก็เอาจะงอยปากพลิกไม้ให้
เอาปากคาบนามีด ขวาน สิ่วและค้อนมาให้ ช่วยยุดปลายเส้นบรรทัดให้. ลาดับนั้น
ช่างไม้นั้นจึงนาวัฑฒกีสุกรนั้นไปปล่อยป่า เพราะกลัวว่า ใครๆ
นั่นแหละจะฆ่ามันกินเสีย.
ฝ่ายวัฑฒกีสุกรนั้นก็เข้าป่าตรวจดูสถานที่อันผาสุกสาราญปลอดภัย
ได้เห็นซอกเขาใหญ่ในระหว่างภูเขาแห่งหนึ่ง บริบูรณ์ด้วยเหง้ามันและรากไม้
เป็นสถานที่อยู่น่าผาสุกคลาคล่าด้วยสุกรหลายร้อย.
สุกรเหล่านั้นเห็นวัฑฒกีสุกรนั้นแล้ว จึงมายังสานักของวัฑฒกีสุกรนั้น.
4
ฝ่ายวัฑฒกีสุกรนั้นก็กล่าวกะสุกรเหล่านั้นว่า
เราเที่ยวมองหาพวกท่านอยู่ทีเดียว เออก็บัดนี้เราได้พบพวกท่านแล้ว อนึ่ง
สถานที่นี้ก็เป็นสถานที่น่ารื่นรมย์ และบัดนี้ เราก็จักอยู่ในที่นี้แล.
สุกรทั้งหลายกล่าวว่า จริง สถานที่นี้น่ารื่นรมย์ แต่ในที่นี้มีอันตราย.
วัฑฒกีสุกรกล่าวว่า แม้เราได้เห็นท่านทั้งหลายแล้วก็ได้รู้ถึงข้อนั้น
เมื่อท่านทั้งหลายอยู่ในที่อันสมบูรณ์ด้วยโคจรอย่างนี้
เนื้อและเลือดในร่างกายของท่านก็ไม่มี พวกท่านมีภัยอะไรในที่นี้.
สุกรทั้งหลายกล่าวว่า มีเสือโคร่งตัวหนึ่งมาแต่เช้าตรู่
ตะครุบเอาสุกรตัวใดตัวหนึ่งที่มันพบเห็นเอาไป. วัฑฒกีสุกรถามว่า
ก็เสือโคร่งนั้นมันตะครุบเอาไปทุกวันเป็ นประจา หรือเว้นวันบ้าง?
สุกรทั้งหลายกล่าวว่า มันตะครุบเอาเป็นประจาทุกวัน. วัฑฒกีสุกรถามว่า
เสือโคร่งนั้นมีเท่าไร. สุกรทั้งหลายกล่าวว่า ตัวเดียว. วัฑฒกีสุกรกล่าวว่า
พวกท่านมีประมาณเท่านี้ ไม่สามารถเอาชนะเสือโคร่งตัวเดียวได้หรือ?
สุกรทั้งหลายกล่าวว่า ไม่สามารถ. วัฑฒกีสุกรกล่าวว่า เราจักจับมัน
ขอให้พวกท่านกระทาตามคาของเราอย่างเดียว เสือโคร่งตัวนั้นมันอยู่ที่ไหน?
สุกรทั้งหลายกล่าวว่า มันอยู่ที่ภูเขาลูกหนึ่ง.
วัฑฒกีสุกรนั้น ในคืนนั้นเองให้จัดสุกรทั้งหลาย
เมื่อจะจัดแจงเฉพาะการสู้รบ จึงกล่าวว่า
ชื่อว่าการสู้รบมี ๓ กระบวน คือ
กระบวนปทุมพยูหะ ๑
กระบวนจักกพยูหะ ๑
กระบวนสกฏพยูหะ ๑
แล้วจัดโดยกระบวนปทุมพยูหะ ก็วัฑฒกีสุกรนั้นรู้จักที่อันเป็นชัยภูมิ
เพราะฉะนั้นจึงคิดว่า ควรจัดการสู้รบในที่นี้ จึงวางสุกรชั้นพ่อแม่ที่มีลูกอ่อนไว้
ในที่ท่ามกลางของสุกรเหล่านั้น
วางนางสุกรปูนกลางล้อมสุกรชั้นพ่อแม่ที่มีลูกอ่อนเหล่านั้น
วางสุกรหนุ่มล้อมนางสุกรวัยปูนกลางเหล่านั้น
วางสุกรแก่ล้อมสุกรหนุ่มเหล่านั้น
วางสุกรที่มีเขี้ยวยาวล้อมสุกรแก่เหล่านั้น
แล้ววางสุกรที่มีพลกาลังสามารถในการสู้รบ
จัดทาให้หมวดหมู่ในที่นั้นๆ หมู่ละ ๑๐ และ ๒๐ ตัว
ล้อมพวกสุกรที่มีเขี้ยวยาวเหล่านั้น ให้ขุดหลุมกลมไว้หลุมหนึ่งข้างหน้าที่ที่ตนยืน
และให้ขุดหลุมหนึ่งไว้ข้างหลังที่ที่ตนยืนให้มีสัณฐาน
เหมือนกระด้งฝัดข้าวลาดลึกไปโดยลาดับคล้ายเงื้อมเขา.
เมื่อวัฑฒกีสุกรนั้นพาสุกรนักรบประมาณ ๖๐-
5
๗๐ ตัวเที่ยวจัดแจงการงานในที่นั้นๆ พร้อมกับพูดว่า พวกท่านอย่ากลัวเลย
ดังนี้จนอรุณขึ้น. ฝ่ายเสือโคร่งลุกขึ้นแล้วรู้ว่าได้เวลา
ก็ไปยืนที่พื้นภูเขาซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้า สุกรเหล่านั้นจ้องตาแลดูสุกรทั้งหลาย.
วัฑฒกีสุกรได้อาณัติสัญญาณแก่สุกรเหล่านั้นว่า พวกท่านจงจ้องตาตอบมัน
สุกรเหล่านั้นก็จ้องตาตอบ. เสือโคร่งอ้าปากหายใจ
ฝ่ายสุกรทั้งหลายก็ได้กระทาเหมือนอย่างนั้น เสือโคร่งถ่ายปัสสาวะ
แม้พวกสุกรก็ถ่ายปัสสาวะบ้าง.
ดังนั้น เสือโคร่งนั้นกระทากิริยาอาการอย่างใด
สุกรทั้งหลายก็ทากิริยาอาการอย่างนั้น. เสือโคร่งนั้นคิดว่า
เมื่อก่อนในเวลาที่เรามองดู สุกรทั้งหลายพากันหนีไป
วันนี้มันไม่หนีกลับเป็นศัตรูตอบเรา กระทาล้อเลียนกิริยาอาการที่เรากระทา
ในพื้นที่อันเป็ นประธานนั้น มีสุกรตัวหนึ่งยืนสั่งการสุกรเหล่านั้นอยู่
วันนี้ความปราชัยจะปรากฎแก่เราผู้มาแล้ว.
เสือโคร่งคิดดังนี้แล้ว จึงได้กลับไปยังที่อยู่ของตนทีเดียว.
อนึ่ง มีชฎิลโกงคนหนึ่งผู้คอยกินเนื้อที่เสือโคร่งนั้นคาบเอามาแล้วๆ
ชฎิลโกงนั้น เสือโคร่งกลับมามือเปล่า เมื่อจะปราศรัยกับเสือโคร่งนั้น
จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-
ดูก่อนเสือโคร่ง วันก่อนๆ ท่านเคยย่ายีหมูทั้งหลายในประเทศนี้
แล้วนาเอาหมูตัวอ้วนๆ มา บัดนี้ ท่านเดินซบเซามาแต่ผู้เดียว ดูก่อนเสือโคร่ง
ก็วันนี้ กาลังกายของท่านไม่มีหรือ.
เสือโคร่งได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
ได้ยินว่า วันก่อนๆ หมูเหล่านี้เห็นข้าพเจ้าแล้วก็กลัว
ต่างบ่ายหน้าหนีไปหาที่ซ่อนเร้นคนละทิศละทาง บัดนี้
หมูเหล่านั้นมาประชุมกันเป็นหมวดเป็ นหมู่ อยู่ในที่ชัยภูมิดี ยากที่จะย่ายีได้.
เมื่อก่อน สุกรเหล่านี้เห็นข้าพเจ้าแล้วถูกความกลัวกดขี่เบียดเบียน
แสวงหาที่ต้านทานที่ซ่อนเร้นของตนๆ เป็ นคนละพวก
คือต่างแยกกันไปคนละทิศละทาง คือบ่ายหน้าหนีไปยังทิศนั้นๆ บัดนี้
สุกรเหล่านั้น แม้ทั้งหมดมาประชุมอยู่รวมกันบันลืออยู่
และอยู่ในชัยภูมิอันยากที่ข้าพเจ้าจะย่ายีได้ คือว่า วันนี้
สุกรเหล่านี้ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ข้าพเจ้าข่มขี่ย่ายีได้ยาก.
ลาดับนั้น ชฎิลโกงเมื่อจะยังความอุตสาหะให้เกิดแก่เสือโคร่งนั้น
จึงกล่าวว่า อย่ากลัว ไปเถอะ เมื่อท่านบันลือวิ่งเข้าไป
สุกรทั้งหมดกลัวจักพากันแตกหนีไป. เมื่อชฎิลโกงนั้นทาให้เกิดความอุตสาหะ
เสือโคร่งก็มีใจกล้าหาญกลับไปยืนที่พื้นภูเขาอีก.
วัฑฒกีสุกรคงยืนอยู่ระหว่างหลุมทั้งสอง. ฝ่ายสุกรทั้งหลายก็กล่าวว่า นาย
6
มหาโจรมาอีกแล้ว. วัฑฒกีสุกรกล่าวว่า อย่ากลัว อย่ากลัว เราจักจับมันเดี๋ยวนี้.
เสือโคร่งบันลือแล้วกระโจนขึ้นเบื้องบนวัฑฒกีสุกร
ในเวลาที่เสือโคร่งนั้นตกลงมาเหนือตน
วัฑฒกีสุกรก็กลิ้งตัวหลบลงไปในหลุมที่ขุดไว้ตรงๆ
โดยส่วนเบื้องหลังของเสือโคร่ง
เสือโคร่งไม่อาจยั้งความเร็วไว้ได้ก็เลยไปทางส่วนเบื้องบน ตกลงไปในปากหลุม
อันคับแคบที่ขุดขวางไว้ อันมีปากคล้ายกระด้ง
ได้เป็นเหมือนกระทาให้กองฉะนั้น.
วัฑฒกีสุกรขึ้นจากหลุมรีบไปโดยเร็วดุจสายฟ้ า
เอาเขี้ยวขวิดเสือโคร่งเข้าในระหว่างขาอ่อน ฉีกผ่าไปจนถึงม้าม
เอาเขี้ยวพันเนื้ออร่อย ๕ อย่าง ออกมาวงรอบหัวเสือโคร่ง
แล้วยกขึ้นทิ้งออกไปนอกหลุมโดยกล่าวว่า
ท่านทั้งหลายจงจับปัจจามิตรของพวกท่าน.
พวกสุกรที่มาก่อนก็ได้กินเนื้อเสือโคร่ง พวกที่มาภายหลังกล่าวว่า
ชื่อว่าเนื้อเสือโคร่งเป็ นเช่นไร? จึงเที่ยวดมปากของสุกรเหล่านั้น.
สุกรเหล่านั้นต่างก็ยังไม่พากันดีใจ
วัฑฒกีสุกรเห็นอาการของสุกรเหล่านั้นจึงกล่าวว่า เพราะเหตุไรหนอ
พวกท่านจึงไม่ยินดี. สุกรทั้งหลายกล่าวว่า นาย
ประโยชน์อะไรด้วยเสือโคร่งตัวเดียวที่ถูกฆ่า
ชฎิลโกงผู้สามารถจะนาเอาเสือโคร่งตัวอื่นๆ ตั้ง ๑๐ มาได้ ยังมีอยู่.
วัฑฒกีสุกรถามว่า ชฎิลโกงนั้นคือใคร? พวกสุกรกล่าวว่า ดาบสทุศีลคนหนึ่ง.
วัฑฒกีสุกรกล่าวว่า แม้เสือโคร่งเราก็ยังฆ่าได้ ดาบสทุศีลนั้นจะพออะไรเรา
มาเถิดท่านทั้งหลาย พวกเราจักจับดาบสทุศีลนั้น ว่าแล้วก็ไปพร้อมหมู่สุกร.
ฝ่ายดาบสโกง เมื่อเสือโคร่งชักช้าอยู่ ก็คิดว่า พวกสุกรจับเสือโคร่งไปกระมังหนอ
จึงเดินสวนทางไป ได้เห็นสุกรทั้งหลายกาลังเดินมาจึงถือเอาบริขารของตนหนีไป
ถูกสุกรเหล่านั้นติดตามจึงทิ้งบริขารทั้งหลายแล้วรีบขึ้นต้นมะเดื่อไปโดยเร็ว.
สุกรทั้งหลายกล่าวว่า นาย บัดนี้ดาบสร้ายหนีขึ้นต้นไม้ไปแล้ว.
วัฑฒกีสุกรถามว่า ต้นไม้ชื่ออะไร? สุกรทั้งหลายบอกว่า ต้นมะเดื่อ.
วัฑฒกีสุกรนั้นจัดแจงว่า นางสุกรจงไปนาน้ามา ลูกสุกรจงขุด
สุกรที่มีเขี้ยวยาวจงกัดราก ฝ่ายสุกรที่เหลือจงล้อมรักษาไว้
เมื่อสุกรเหล่านั้นกระทาอยู่อย่างนั้น ตนเองก็งัดรากแก้วของต้นมะเดื่อ
ให้ต้นมะเดื่อล้มลงทันที เหมือนคนเอาขวานฟันฉะนั้น. พวกสุกรที่ยืนล้อมอยู่
ก็ทาให้ชฎิลโกงล้มลงบนภาคพื้น แล้วทาให้เป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่
แล้วกัดกินจนถึงกระดูก เชิญให้วัฑฒกีสุกรนั่งบนลาต้นมะเดื่อนั่นแหละ
แล้วให้เอาสังข์เครื่องใช้สอยของชฎิลโกงไปตักน้ามาอภิเษกแต่งตั้งให้เป็นราชา
7
และแต่งตั้งนางสุกรรุ่นสาวตัวหนึ่งแต่งตั้งให้เป็ นอัครมเหสีของวัฑฒกีสุกรนั้น.
ได้ยินว่า จาเดิมแต่นั้นมา อามาตย์ราชเสวกทั้งหลาย
เชิญเสด็จพระราชาให้นั่ง ณ อุทุมพรภัทรบิฐ แล้วอภิเษกด้วยสังข์ ๓ ชนิด
สืบมาจนกระทั่งทุกวันนี้.
เทวดาผู้สิงสถิตอยู่ในไพรสณฑ์นั้นเห็นความอัศจรรย์อันนั้น
จึงเยี่ยมหน้าเฉพาะต่อสุกรทั้งหลาย ณ ค่าคบไม้แห่งหนึ่ง กล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแก่หมู่สุกรที่มาประชุมกัน
ข้าพเจ้าได้เห็นมิตรภาพอันน่าอัศจรรย์ ควรสรรเสริญ จึงขอกล่าวสรรเสริญไว้
หมูทั้งหลายผู้มีเขี้ยวเป็นกาลังได้ชนะเสือโคร่งด้วยสามัคคีอันใด
ก็พากันพ้นมรณภัยด้วยสามัคคีอันนั้น ในเพราะกาลังแห่งเขี้ยวทั้งหลาย.
พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว
จึงทรงประชุมชาดกว่า
พระธนุคคหติสสะได้เป็น วัฑฒกีสุกร ในครั้งนั้น
ส่วนรุกขเทวดาในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาวัฑฒกีสุกรชาดกที่ ๓
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
429 มหาสุวราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
429 มหาสุวราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...429 มหาสุวราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
429 มหาสุวราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
204 วีรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
204 วีรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx204 วีรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
204 วีรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
462 สังวรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
462 สังวรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx462 สังวรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
462 สังวรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
217 เสคคุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
217 เสคคุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx217 เสคคุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
217 เสคคุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
267 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
267 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...267 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
267 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 

Similar to 283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
410 โสมทัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
429 มหาสุวราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
429 มหาสุวราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...429 มหาสุวราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
429 มหาสุวราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
159 โมรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
204 วีรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
204 วีรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx204 วีรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
204 วีรกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
462 สังวรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
462 สังวรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx462 สังวรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
462 สังวรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
436 สมุคคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
217 เสคคุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
217 เสคคุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx217 เสคคุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
217 เสคคุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
181 อสทิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
359 สุวัณณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
267 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
267 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...267 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
267 สุวัณณกักกฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
399 มาตุโปสกคิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
286 สาลูกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

More from maruay songtanin

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfmaruay songtanin
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

283 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 วัฑฒกีสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๓. วัฑฒกีสูกรชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๒๘๓) ว่าด้วยสุกรชื่อวัฑฒกี (ชฎิลโกงเห็นเสือโคร่งกลับมาตัวเปล่า จึงกล่าวกับเสือโคร่งว่า) [๙๗] เจ้าเสือโคร่ง ในวันก่อนเจ้าเที่ยวย่ายีเหล่าสุกรที่นี้ แต่บัดนี้ เจ้าซบเซามาแต่ผู้เดียว วันนี้ เจ้าไม่มีแรงหรือ เสือโคร่ง (เสือโคร่งได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวว่า) [๙๘] ได้ยินว่า ในวันก่อนสุกรเหล่านี้เห็นข้าพเจ้าแล้วเกิดความกลัว แยกย้ายกันวิ่งหนีไปหาที่ซุกซ่อนตัวละทิศละทาง แต่วันนี้สุกรเหล่านั้นมาอยู่รวมกันในชัยภูมิที่ข้าพเจ้าจะย่ายีได้ยาก (เทวดาที่สิงสถิตอยู่ในไพรสณฑ์นั้นได้กล่าวว่า) [๙๙] ข้าพเจ้าขอนอบน้อมฝูงสุกรที่มาประชุมพร้อมกัน ข้าพเจ้าเห็นด้วยตัวเองซึ่งมิตรภาพอันไม่เคยปรากฏมาก่อน จึงกล่าวสรรเสริญฝูงสูกรที่มีเขี้ยวเป็นกาลังจึงชนะเสือโคร่งได้ และพ้นมรณภัยได้ด้วยความสามัคคี วัฑฒกีสูกรชาดกที่ ๓ จบ ------------------------------ คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา วัฑฒกีสูกรชาดก ว่าด้วย หมูสู้เสือได้ด้วยสามัคคีกัน พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภพระธนุคคหติสสเถระ จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ได้ยินว่า พระเจ้ามหาโกศลผู้เป็นพระชนกของเจ้าปัสเสนทิโกศล ได้พระราชทานนางโกศลเทวีราชธิดาแก่พระเจ้าพิมพิสาร ได้พระราชทานบ้านกาสิกคามอันเป็ นบ้านที่มีรายได้เกิดขึ้นหนึ่งแสนให้เป็ นมูลค่ าแห่งจุรณสาหรับสรงสนานแก่พระราชธิดานั้น. แต่เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูปลงพระชนม์พระบิดา ฝ่ายพระนางโกศลเทวีถูกความโศกครอบงาก็ทิวงคต. ลาดับนั้น พระเจ้าปัสเสนทิโกศลทรงพระดาริว่า พระเจ้าอชาตศัตรูปลงพระชนม์พระบิดา ฝ่ายพระภคินีของเรา เมื่อพระสวามีสวรรคตแล้วก็ทิวงคต เพราะความโศก เราจักไม่ให้กาสิกคามแก่โจรผู้ฆ่าพ่อ ทรงดาริฉะนั้นแล้ว ก็ไม่ยอมยกบ้านกาสิกคามนั้นให้พระเจ้าอชาตศัตรู เพราะอาศัยบ้านนั้นเอง
  • 2. 2 พระราชาแม้ทั้งสองพระองค์นั้นจึงมีการรบกันตลอดเวลา. พระเจ้าอชาตศัตรูทรงเป็ นหนุ่มเข้มแข็งสามารถ ส่วนพระเจ้าปัสเสนทิโกศลทรงชราภาพแล้ว พระองค์จึงรบแพ้อยู่เนืองๆ. ผู้คนแม้ของพระเจ้ามหาโกศลก็พ่ายแพ้อยู่โดยมาก. ลาดับนั้น พระราชาตรัสถามพวกอามาตย์ว่า พวกเราแพ้พระเจ้าอชาตศัตรูนั้นเนืองๆ ควรจะทาอย่างไรดี อามาตย์ทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ ธรรมดาพระผู้เป็ นเจ้าทั้งหลาย ย่อมเป็นผู้ฉลาดในความคิดอ่าน ควรจะฟังถ้อยคาของภิกษุทั้งหลายในพระเชตวันมหาวิหาร. พระราชาทรงสั่งบังคับจารบุรุษทั้งหลายว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านทั้งหลายจงฟังถ้อยคาสนทนาของภิกษุทั้งหลายในเวลานั้น. จารบุรุษเหล่านั้นได้กระทาอย่างนั้น จาเดิมแต่นั้นมา. ก็ในกาลนั้นพระเถระผู้เฒ่า ๒ รูป คือพระทันตเถระและพระธนุคคหติสสเถระ อยู่ในบรรณศาลาท้ายวิหาร. บรรดาพระเถระ ๒ รูปนั้น พระธนุคคหติสสเถระ หลับทั้งในปฐมยามและมัชฌิมยาม แล้วตื่นขึ้นในตอนปัจฉิมยาม นั่งเคาะดุ้นฟื น ก่อไฟให้สว่างแล้วกล่าวว่า ท่านทันตเถระผู้เจริญ ท่านนอนอยู่หรือว่านั่งอยู่. พระทันตเถระกล่าวว่า ผมไม่นอนแล้วจักทาอะไร. พระธนุคคหติสสเถระกล่าวว่า ลุกขึ้นนั่งก่อนเถอะขอรับ. พระธนุคคหติสสเถระนั้นลุกขึ้นนั่งแล้วกล่าวว่า ท่านทันตเถระผู้เจริญ พระเจ้าโกศลท้องพลุ้ยองค์นี้เขลา กระทาพระกระยาหารที่เสวยในถาดให้เสียไปเปล่า แต่ไม่ทรงทราบการจัดกระบวนรบอะไรๆ พระองค์ผู้เป็นจอมนรชนจึงทรงแพ้แล้วแพ้เล่า. พระทันตเถระถามว่า ก็อย่างนั้นควรจะทาอย่างไร? ขณะนั้น จารบุรุษเหล่านั้นได้ยืนฟังถ้อยคาของพระเถระทั้งสองนั้น. พระธนุคคหติสสเถระวิจารณ์การรบว่า ท่านผู้เจริญ ชื่อว่าในการรบมีกระบวนจัดทัพอยู่ ๓ กระบวน คือ ปทุมพยูหะ กระบวนทัพรูปดอกประทุม ๑ จักกพยูหะ กระบวนทัพรูปล้อรถ ๑ สกฏพยูหะ กระบวนทัพรูปเกวียน ๑ ถ้าพระเจ้าปัสเสนทิโกศลมีพระประสงค์จะจับพระเจ้าอชาตศัตรู ควรซุ่มคนไว้ที่เหลี่ยมเขาทั้งสองด้านไว้ในท้องภูเขาชื่อโน้น แสดงกาลังพลข้างหน้าให้รู้ว่าอ่อนแอ อย่าให้พระเจ้าอชาตศัตรูทราบว่าเข้าไปในระหว่างภูเขา แล้วสกัดกั้นทางเข้าไปเสีย แล้วให้คนที่ซุ่มอยู่ที่เหลี่ยมเขาทั้งสองข้างโห่ร้องตีโอบเข้ามาทั้งข้างหน้าและข้างห
  • 3. 3 ลัง ก็อาจสามารถจับพระเจ้าอชาตศัตรูได้ เหมือนจับปลาที่เข้าไปในข่าย และเหมือนจับลูกนกกระจาบไว้ในกามือ ฉะนั้น. พวกจารบุรุษจึงกราบทูลข่าวนั้นแก่พระราชา พระราชาได้ทรงสดับดังนั้นจึงรับสั่งให้ลั่นกลองสงครามเภรีแล้วเสด็จไปตั้งกระบ วนรบสกฏพยูหะ จับพระเจ้าอชาตศัตรูได้ทั้งเป็นได้ประทานราชธิดาของพระองค์พระนามว่าวชิรกุ มารี แก่พระภาคิไนย และได้ประทานบ้านกาสิกคามให้เป็นค่าสาหรับสรงสนานแก่พระราชธิดานั้น แล้วทรงส่งไป. ประพฤติเหตุนั้นได้ปรากฎในหมู่ภิกษุสงฆ์. ครั้นวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ได้ยินว่าพระเจ้าโกศลทรงชนะพระเจ้าอชาตศัตรู เพราะการวิจารณ์ของพระธนุคคหติสสเถระ. พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เธอทั้งหลายนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ? เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน พระธนุคคหติสสะ ก็เป็นผู้ฉลาดในการจัดการรบมาแล้วเหมือนกัน แล้วทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :- ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็ นรุกขเทวดาอยู่ในป่า. ในกาลนั้น ช่างไม้คนหนึ่งจากหมู่บ้านช่างไม้ซึ่งตั้งอาศัยเมืองพาราณสีอยู่ ไปป่าเพื่อต้องการไม้ เห็นลูกสุกรตกหลุมอยู่ จึงพาเอาไปเรือนเลี้ยงไว้. ลูกสุกรนั้นถึงความเติบโต มีร่างกายใหญ่ มีเขี้ยวโง้ง เป็นสัตว์เพียบพร้อมด้วยมารยาท. ก็เพราะนายช่างไม้นามาเลี้ยงไว้ จึงปรากฎชื่อว่าวัฑฒกีสุกร. วัฑฒกีสุกรนั้น ในเวลาช่างไม้ถากไม้ก็เอาจะงอยปากพลิกไม้ให้ เอาปากคาบนามีด ขวาน สิ่วและค้อนมาให้ ช่วยยุดปลายเส้นบรรทัดให้. ลาดับนั้น ช่างไม้นั้นจึงนาวัฑฒกีสุกรนั้นไปปล่อยป่า เพราะกลัวว่า ใครๆ นั่นแหละจะฆ่ามันกินเสีย. ฝ่ายวัฑฒกีสุกรนั้นก็เข้าป่าตรวจดูสถานที่อันผาสุกสาราญปลอดภัย ได้เห็นซอกเขาใหญ่ในระหว่างภูเขาแห่งหนึ่ง บริบูรณ์ด้วยเหง้ามันและรากไม้ เป็นสถานที่อยู่น่าผาสุกคลาคล่าด้วยสุกรหลายร้อย. สุกรเหล่านั้นเห็นวัฑฒกีสุกรนั้นแล้ว จึงมายังสานักของวัฑฒกีสุกรนั้น.
  • 4. 4 ฝ่ายวัฑฒกีสุกรนั้นก็กล่าวกะสุกรเหล่านั้นว่า เราเที่ยวมองหาพวกท่านอยู่ทีเดียว เออก็บัดนี้เราได้พบพวกท่านแล้ว อนึ่ง สถานที่นี้ก็เป็นสถานที่น่ารื่นรมย์ และบัดนี้ เราก็จักอยู่ในที่นี้แล. สุกรทั้งหลายกล่าวว่า จริง สถานที่นี้น่ารื่นรมย์ แต่ในที่นี้มีอันตราย. วัฑฒกีสุกรกล่าวว่า แม้เราได้เห็นท่านทั้งหลายแล้วก็ได้รู้ถึงข้อนั้น เมื่อท่านทั้งหลายอยู่ในที่อันสมบูรณ์ด้วยโคจรอย่างนี้ เนื้อและเลือดในร่างกายของท่านก็ไม่มี พวกท่านมีภัยอะไรในที่นี้. สุกรทั้งหลายกล่าวว่า มีเสือโคร่งตัวหนึ่งมาแต่เช้าตรู่ ตะครุบเอาสุกรตัวใดตัวหนึ่งที่มันพบเห็นเอาไป. วัฑฒกีสุกรถามว่า ก็เสือโคร่งนั้นมันตะครุบเอาไปทุกวันเป็ นประจา หรือเว้นวันบ้าง? สุกรทั้งหลายกล่าวว่า มันตะครุบเอาเป็นประจาทุกวัน. วัฑฒกีสุกรถามว่า เสือโคร่งนั้นมีเท่าไร. สุกรทั้งหลายกล่าวว่า ตัวเดียว. วัฑฒกีสุกรกล่าวว่า พวกท่านมีประมาณเท่านี้ ไม่สามารถเอาชนะเสือโคร่งตัวเดียวได้หรือ? สุกรทั้งหลายกล่าวว่า ไม่สามารถ. วัฑฒกีสุกรกล่าวว่า เราจักจับมัน ขอให้พวกท่านกระทาตามคาของเราอย่างเดียว เสือโคร่งตัวนั้นมันอยู่ที่ไหน? สุกรทั้งหลายกล่าวว่า มันอยู่ที่ภูเขาลูกหนึ่ง. วัฑฒกีสุกรนั้น ในคืนนั้นเองให้จัดสุกรทั้งหลาย เมื่อจะจัดแจงเฉพาะการสู้รบ จึงกล่าวว่า ชื่อว่าการสู้รบมี ๓ กระบวน คือ กระบวนปทุมพยูหะ ๑ กระบวนจักกพยูหะ ๑ กระบวนสกฏพยูหะ ๑ แล้วจัดโดยกระบวนปทุมพยูหะ ก็วัฑฒกีสุกรนั้นรู้จักที่อันเป็นชัยภูมิ เพราะฉะนั้นจึงคิดว่า ควรจัดการสู้รบในที่นี้ จึงวางสุกรชั้นพ่อแม่ที่มีลูกอ่อนไว้ ในที่ท่ามกลางของสุกรเหล่านั้น วางนางสุกรปูนกลางล้อมสุกรชั้นพ่อแม่ที่มีลูกอ่อนเหล่านั้น วางสุกรหนุ่มล้อมนางสุกรวัยปูนกลางเหล่านั้น วางสุกรแก่ล้อมสุกรหนุ่มเหล่านั้น วางสุกรที่มีเขี้ยวยาวล้อมสุกรแก่เหล่านั้น แล้ววางสุกรที่มีพลกาลังสามารถในการสู้รบ จัดทาให้หมวดหมู่ในที่นั้นๆ หมู่ละ ๑๐ และ ๒๐ ตัว ล้อมพวกสุกรที่มีเขี้ยวยาวเหล่านั้น ให้ขุดหลุมกลมไว้หลุมหนึ่งข้างหน้าที่ที่ตนยืน และให้ขุดหลุมหนึ่งไว้ข้างหลังที่ที่ตนยืนให้มีสัณฐาน เหมือนกระด้งฝัดข้าวลาดลึกไปโดยลาดับคล้ายเงื้อมเขา. เมื่อวัฑฒกีสุกรนั้นพาสุกรนักรบประมาณ ๖๐-
  • 5. 5 ๗๐ ตัวเที่ยวจัดแจงการงานในที่นั้นๆ พร้อมกับพูดว่า พวกท่านอย่ากลัวเลย ดังนี้จนอรุณขึ้น. ฝ่ายเสือโคร่งลุกขึ้นแล้วรู้ว่าได้เวลา ก็ไปยืนที่พื้นภูเขาซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้า สุกรเหล่านั้นจ้องตาแลดูสุกรทั้งหลาย. วัฑฒกีสุกรได้อาณัติสัญญาณแก่สุกรเหล่านั้นว่า พวกท่านจงจ้องตาตอบมัน สุกรเหล่านั้นก็จ้องตาตอบ. เสือโคร่งอ้าปากหายใจ ฝ่ายสุกรทั้งหลายก็ได้กระทาเหมือนอย่างนั้น เสือโคร่งถ่ายปัสสาวะ แม้พวกสุกรก็ถ่ายปัสสาวะบ้าง. ดังนั้น เสือโคร่งนั้นกระทากิริยาอาการอย่างใด สุกรทั้งหลายก็ทากิริยาอาการอย่างนั้น. เสือโคร่งนั้นคิดว่า เมื่อก่อนในเวลาที่เรามองดู สุกรทั้งหลายพากันหนีไป วันนี้มันไม่หนีกลับเป็นศัตรูตอบเรา กระทาล้อเลียนกิริยาอาการที่เรากระทา ในพื้นที่อันเป็ นประธานนั้น มีสุกรตัวหนึ่งยืนสั่งการสุกรเหล่านั้นอยู่ วันนี้ความปราชัยจะปรากฎแก่เราผู้มาแล้ว. เสือโคร่งคิดดังนี้แล้ว จึงได้กลับไปยังที่อยู่ของตนทีเดียว. อนึ่ง มีชฎิลโกงคนหนึ่งผู้คอยกินเนื้อที่เสือโคร่งนั้นคาบเอามาแล้วๆ ชฎิลโกงนั้น เสือโคร่งกลับมามือเปล่า เมื่อจะปราศรัยกับเสือโคร่งนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :- ดูก่อนเสือโคร่ง วันก่อนๆ ท่านเคยย่ายีหมูทั้งหลายในประเทศนี้ แล้วนาเอาหมูตัวอ้วนๆ มา บัดนี้ ท่านเดินซบเซามาแต่ผู้เดียว ดูก่อนเสือโคร่ง ก็วันนี้ กาลังกายของท่านไม่มีหรือ. เสือโคร่งได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :- ได้ยินว่า วันก่อนๆ หมูเหล่านี้เห็นข้าพเจ้าแล้วก็กลัว ต่างบ่ายหน้าหนีไปหาที่ซ่อนเร้นคนละทิศละทาง บัดนี้ หมูเหล่านั้นมาประชุมกันเป็นหมวดเป็ นหมู่ อยู่ในที่ชัยภูมิดี ยากที่จะย่ายีได้. เมื่อก่อน สุกรเหล่านี้เห็นข้าพเจ้าแล้วถูกความกลัวกดขี่เบียดเบียน แสวงหาที่ต้านทานที่ซ่อนเร้นของตนๆ เป็ นคนละพวก คือต่างแยกกันไปคนละทิศละทาง คือบ่ายหน้าหนีไปยังทิศนั้นๆ บัดนี้ สุกรเหล่านั้น แม้ทั้งหมดมาประชุมอยู่รวมกันบันลืออยู่ และอยู่ในชัยภูมิอันยากที่ข้าพเจ้าจะย่ายีได้ คือว่า วันนี้ สุกรเหล่านี้ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ข้าพเจ้าข่มขี่ย่ายีได้ยาก. ลาดับนั้น ชฎิลโกงเมื่อจะยังความอุตสาหะให้เกิดแก่เสือโคร่งนั้น จึงกล่าวว่า อย่ากลัว ไปเถอะ เมื่อท่านบันลือวิ่งเข้าไป สุกรทั้งหมดกลัวจักพากันแตกหนีไป. เมื่อชฎิลโกงนั้นทาให้เกิดความอุตสาหะ เสือโคร่งก็มีใจกล้าหาญกลับไปยืนที่พื้นภูเขาอีก. วัฑฒกีสุกรคงยืนอยู่ระหว่างหลุมทั้งสอง. ฝ่ายสุกรทั้งหลายก็กล่าวว่า นาย
  • 6. 6 มหาโจรมาอีกแล้ว. วัฑฒกีสุกรกล่าวว่า อย่ากลัว อย่ากลัว เราจักจับมันเดี๋ยวนี้. เสือโคร่งบันลือแล้วกระโจนขึ้นเบื้องบนวัฑฒกีสุกร ในเวลาที่เสือโคร่งนั้นตกลงมาเหนือตน วัฑฒกีสุกรก็กลิ้งตัวหลบลงไปในหลุมที่ขุดไว้ตรงๆ โดยส่วนเบื้องหลังของเสือโคร่ง เสือโคร่งไม่อาจยั้งความเร็วไว้ได้ก็เลยไปทางส่วนเบื้องบน ตกลงไปในปากหลุม อันคับแคบที่ขุดขวางไว้ อันมีปากคล้ายกระด้ง ได้เป็นเหมือนกระทาให้กองฉะนั้น. วัฑฒกีสุกรขึ้นจากหลุมรีบไปโดยเร็วดุจสายฟ้ า เอาเขี้ยวขวิดเสือโคร่งเข้าในระหว่างขาอ่อน ฉีกผ่าไปจนถึงม้าม เอาเขี้ยวพันเนื้ออร่อย ๕ อย่าง ออกมาวงรอบหัวเสือโคร่ง แล้วยกขึ้นทิ้งออกไปนอกหลุมโดยกล่าวว่า ท่านทั้งหลายจงจับปัจจามิตรของพวกท่าน. พวกสุกรที่มาก่อนก็ได้กินเนื้อเสือโคร่ง พวกที่มาภายหลังกล่าวว่า ชื่อว่าเนื้อเสือโคร่งเป็ นเช่นไร? จึงเที่ยวดมปากของสุกรเหล่านั้น. สุกรเหล่านั้นต่างก็ยังไม่พากันดีใจ วัฑฒกีสุกรเห็นอาการของสุกรเหล่านั้นจึงกล่าวว่า เพราะเหตุไรหนอ พวกท่านจึงไม่ยินดี. สุกรทั้งหลายกล่าวว่า นาย ประโยชน์อะไรด้วยเสือโคร่งตัวเดียวที่ถูกฆ่า ชฎิลโกงผู้สามารถจะนาเอาเสือโคร่งตัวอื่นๆ ตั้ง ๑๐ มาได้ ยังมีอยู่. วัฑฒกีสุกรถามว่า ชฎิลโกงนั้นคือใคร? พวกสุกรกล่าวว่า ดาบสทุศีลคนหนึ่ง. วัฑฒกีสุกรกล่าวว่า แม้เสือโคร่งเราก็ยังฆ่าได้ ดาบสทุศีลนั้นจะพออะไรเรา มาเถิดท่านทั้งหลาย พวกเราจักจับดาบสทุศีลนั้น ว่าแล้วก็ไปพร้อมหมู่สุกร. ฝ่ายดาบสโกง เมื่อเสือโคร่งชักช้าอยู่ ก็คิดว่า พวกสุกรจับเสือโคร่งไปกระมังหนอ จึงเดินสวนทางไป ได้เห็นสุกรทั้งหลายกาลังเดินมาจึงถือเอาบริขารของตนหนีไป ถูกสุกรเหล่านั้นติดตามจึงทิ้งบริขารทั้งหลายแล้วรีบขึ้นต้นมะเดื่อไปโดยเร็ว. สุกรทั้งหลายกล่าวว่า นาย บัดนี้ดาบสร้ายหนีขึ้นต้นไม้ไปแล้ว. วัฑฒกีสุกรถามว่า ต้นไม้ชื่ออะไร? สุกรทั้งหลายบอกว่า ต้นมะเดื่อ. วัฑฒกีสุกรนั้นจัดแจงว่า นางสุกรจงไปนาน้ามา ลูกสุกรจงขุด สุกรที่มีเขี้ยวยาวจงกัดราก ฝ่ายสุกรที่เหลือจงล้อมรักษาไว้ เมื่อสุกรเหล่านั้นกระทาอยู่อย่างนั้น ตนเองก็งัดรากแก้วของต้นมะเดื่อ ให้ต้นมะเดื่อล้มลงทันที เหมือนคนเอาขวานฟันฉะนั้น. พวกสุกรที่ยืนล้อมอยู่ ก็ทาให้ชฎิลโกงล้มลงบนภาคพื้น แล้วทาให้เป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่ แล้วกัดกินจนถึงกระดูก เชิญให้วัฑฒกีสุกรนั่งบนลาต้นมะเดื่อนั่นแหละ แล้วให้เอาสังข์เครื่องใช้สอยของชฎิลโกงไปตักน้ามาอภิเษกแต่งตั้งให้เป็นราชา
  • 7. 7 และแต่งตั้งนางสุกรรุ่นสาวตัวหนึ่งแต่งตั้งให้เป็ นอัครมเหสีของวัฑฒกีสุกรนั้น. ได้ยินว่า จาเดิมแต่นั้นมา อามาตย์ราชเสวกทั้งหลาย เชิญเสด็จพระราชาให้นั่ง ณ อุทุมพรภัทรบิฐ แล้วอภิเษกด้วยสังข์ ๓ ชนิด สืบมาจนกระทั่งทุกวันนี้. เทวดาผู้สิงสถิตอยู่ในไพรสณฑ์นั้นเห็นความอัศจรรย์อันนั้น จึงเยี่ยมหน้าเฉพาะต่อสุกรทั้งหลาย ณ ค่าคบไม้แห่งหนึ่ง กล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :- ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแก่หมู่สุกรที่มาประชุมกัน ข้าพเจ้าได้เห็นมิตรภาพอันน่าอัศจรรย์ ควรสรรเสริญ จึงขอกล่าวสรรเสริญไว้ หมูทั้งหลายผู้มีเขี้ยวเป็นกาลังได้ชนะเสือโคร่งด้วยสามัคคีอันใด ก็พากันพ้นมรณภัยด้วยสามัคคีอันนั้น ในเพราะกาลังแห่งเขี้ยวทั้งหลาย. พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า พระธนุคคหติสสะได้เป็น วัฑฒกีสุกร ในครั้งนั้น ส่วนรุกขเทวดาในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถาวัฑฒกีสุกรชาดกที่ ๓ -----------------------------------------------------