ว่าด้วย หมูสู้เสือได้ด้วยสามัคคีกัน
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภพระธนุคคหติสสเถระ จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า พระเจ้ามหาโกศลผู้เป็นพระชนกของเจ้าปัสเสนทิโกศล ได้พระราชทานนางโกศลเทวีราชธิดาแก่พระเจ้าพิมพิสาร ได้พระราชทานบ้านกาสิกคามอันเป็นบ้านที่มีรายได้เกิดขึ้นหนึ่งแสนให้เป็นมูลค่าแห่งจุรณสำหรับสรงสนานแก่พระราชธิดานั้น. แต่เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูปลงพระชนม์พระบิดา ฝ่ายพระนางโกศลเทวีถูกความโศกครอบงำก็ทิวงคต.
ลำดับนั้น พระเจ้าปัสเสนทิโกศลทรงพระดำริว่า พระเจ้าอชาตศัตรูปลงพระชนม์พระบิดา ฝ่ายพระภคินีของเรา เมื่อพระสวามีสวรรคตแล้วก็ทิวงคต เพราะความโศก เราจักไม่ให้กาสิกคามแก่โจรผู้ฆ่าพ่อ ทรงดำริฉะนั้นแล้ว ก็ไม่ยอมยกบ้านกาสิกคามนั้นให้พระเจ้าอชาตศัตรู เพราะอาศัยบ้านนั้นเอง พระราชาแม้ทั้งสองพระองค์นั้นจึงมีการรบกันตลอดเวลา.
พระเจ้าอชาตศัตรูทรงเป็นหนุ่มเข้มแข็งสามารถ ส่วนพระเจ้าปัสเสนทิโกศลทรงชราภาพแล้ว พระองค์จึงรบแพ้อยู่เนืองๆ. ผู้คนแม้ของพระเจ้ามหาโกศลก็พ่ายแพ้อยู่โดยมาก. ลำดับนั้น พระราชาตรัสถามพวกอำมาตย์ว่า พวกเราแพ้พระเจ้าอชาตศัตรูนั้นเนืองๆ ควรจะทำอย่างไรดี อำมาตย์ทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ ธรรมดาพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย ย่อมเป็นผู้ฉลาดในความคิดอ่าน ควรจะฟังถ้อยคำของภิกษุทั้งหลายในพระเชตวันมหาวิหาร. พระราชาทรงสั่งบังคับจารบุรุษทั้งหลายว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านทั้งหลายจงฟังถ้อยคำสนทนาของภิกษุทั้งหลายในเวลานั้น. จารบุรุษเหล่านั้นได้กระทำอย่างนั้น จำเดิมแต่นั้นมา.
ก็ในกาลนั้นพระเถระผู้เฒ่า ๒ รูป คือพระทันตเถระและพระธนุคคหติสสเถระ อยู่ในบรรณศาลาท้ายวิหาร. บรรดาพระเถระ ๒ รูปนั้น พระธนุคคหติสสเถระ หลับทั้งในปฐมยามและมัชฌิมยาม แล้วตื่นขึ้นในตอนปัจฉิมยาม นั่งเคาะดุ้นฟืน ก่อไฟให้สว่างแล้วกล่าวว่า ท่านทันตเถระผู้เจริญ ท่านนอนอยู่หรือว่านั่งอยู่. พระทันตเถระกล่าวว่า ผมไม่นอนแล้วจักทำอะไร. พระธนุคคหติสสเถระกล่าวว่า ลุกขึ้นนั่งก่อนเถอะขอรับ. พระธนุคคหติสสเถระนั้นลุกขึ้นนั่งแล้วกล่าวว่า ท่านทันตเถระผู้เจริญ พระเจ้าโกศลท้องพลุ้ยองค์นี้เขลา กระทำพระกระยาหารที่เสวยในถาดให้เสียไปเปล่า แต่ไม่ทรงทราบการจัดกระบวนรบอะไรๆ พระองค์ผู้เป็นจอมนรชนจึงทรงแพ้แล้วแพ้เล่า.
พระทันตเถระถามว่า ก็อย่างนั้นควรจะทำอย่างไร?
ขณะนั้น จารบุรุษเหล่านั้นได้ยืนฟังถ้อยคำของพระเถระทั้งสองนั้น. พระธนุคคหติสสเถระวิจารณ์การรบว่า ท่านผู้เจริญ ชื่อว่าในการรบมีกระบวนจัดทัพอยู่ ๓ กระบวน คือ
ปทุมพยูหะ กระบวนทัพรูปดอกประทุม ๑
จักกพยูหะ กระบวนทัพรูปล้อรถ ๑
สกฏพยูหะ กระบวนทัพรูปเกวียน ๑
ถ้าพระเจ้าปัสเสนทิโกศลมีพระประสงค์จะจับพระเจ้าอชาตศัตรู ควรซุ่มคนไว้ที่เหลี่ยมเขาทั้งสองด้านไว้ในท้องภูเขาชื่อโน้น แสดงกำลังพลข้างหน้าให้รู้ว่าอ่อนแอ อย่าให้พระเจ้าอชาตศัตรูทราบว่าเข้าไปในระหว่างภูเขา แล้วสกัดกั้นทางเข้าไปเสีย แล้วให้คนที่ซุ่มอยู่ที่เหลี่ยมเขาทั้งสองข้างโห่ร้องตีโอบเข้ามาทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ก็อาจสามารถจับพระเจ้าอชาตศัตรูได้ เหมือนจับปลาที่เข้าไปในข่าย และเหมือนจับลูกนกกระจาบไว้ในกำมือ ฉะนั้น.