More Related Content
Similar to 194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)
More from maruay songtanin (20)
194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
มณิโจรชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๔. มณิโจรชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๑๙๔)
ว่าด้วยพระเจ้าอธรรมิกราชลงโทษโจรลักแก้วมณี
(นางสุชาดาเห็นคหบดีโพธิสัตว์ถูกเฆี่ยน
ราลึกถึงคุณแห่งศีลของตนแล้ว จึงกล่าวว่า)
[๘๗] เทวดาทั้งหลาย (คาว่า เทวดาทั้งหลาย ในที่นี้
หมายถึงเทวดาผู้คอยดูแลคนมีศีล และห้ามปรามคนทาชั่ว)
ไม่มีหรือไม่อยู่เป็นแน่ เมื่อมีกิจเห็นปานนี้เกิดขึ้น
เทวดาทั้งหลายก็พากันไปค้างแรมเสียแน่ อนึ่ง
ท่านผู้รักษาโลกก็ไม่มีอยู่ในโลกนี้แน่นอน
เมื่อคนทุศีลทั้งหลายกระทากรรมอันหยาบช้าอยู่
คนทั้งหลายผู้ห้ามปรามก็ไม่มีแน่นอน
(ท้าวสักกะถวายโอวาทแก่พระราชาว่า)
[๘๘] ในรัชสมัยของพระราชาผู้ไม่ทรงธรรม ในกาลไม่สมควรตก
ฝนก็ตก ในกาลสมควรจะตก ฝนก็ไม่ตก พระราชาผู้ไม่ทรงธรรม
จุติจากโลกสวรรค์ พระราชาพระองค์นั้นถูกทาลายแล้ว
เพราะเหตุแห่งความชั่วมีประมาณเท่านี้แน่นอน
มณิโจรชาดกที่ ๔ จบ
----------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
มณิโจรชาดก
ว่าด้วย พระเจ้าอธรรมิกราช
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร
ทรงปรารภพระเทวทัตผู้พยายามปลงพระชนม์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
พระศาสดาทรงสดับว่า พระเทวทัตพยายามปลงพระชนม์ จึงตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวทัตพยายามฆ่าเรา ใช่ว่าในครั้งนี้เท่านั้นก็หาไม่
แม้ครั้งก่อนก็พยายามฆ่าเราเหมือนกัน ถึงแม้พยายามก็ไม่สามารถฆ่าเราได้
แล้วทรงนาเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลคหบดี ที่หมู่บ้านไม่ไกลจากกรุงพาราณสี.
ครั้นเจริญวัย มารดาบิดาจึงได้นากุลธิดามาจากกรุงพาราณสี นางเป็นที่รัก
มีรูปสวย น่าดู ดุจเทพอัปสร ดุจบุบผลดา (ดอกไม้เถา) และดุจกินรีเยื้องกราย
ปฏิบัติสามีดี ถึงพร้อมด้วยศีลาจารวัตร มีชื่อว่า สุชาดา. การปฏิบัติสามีก็ดี
- 2. 2
การปฏิบัติแม่ผัวก็ดี การปฏิบัติพ่อผัวก็ดี หญิงนี้ทาจนเสร็จสิ้น ตลอดกาลเป็นนิจ
นางจึงเป็ นที่รัก เป็ นที่โปรดปรานของพระโพธิสัตว์. ทั้งสองสามีภรรยามีใจชุ่มชื่น
รักเดียวใจเดียว อยู่ร่วมกันด้วยความสมัครสมาน.
อยู่มาวันหนึ่ง นางสุชาดาบอกแก่พระโพธิสัตว์ว่า
อยากจะไปเยี่ยมมารดาบิดา. พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ดีละน้อง
จงเตรียมเสบียงให้เพียงพอในการเดินทาง ให้ทอดของเคี้ยวต่างชนิด
แล้วบรรทุกของเคี้ยวเป็นต้น ลงบนยานน้อย นั่งข้างหน้ายานขับไป
ส่วนนางนั่งข้างหลัง ทั้งสองไปใกล้พระนคร จึงปลดยาน อาบน้าบริโภคอาหาร.
เสร็จแล้วพระโพธิสัตว์ก็เทียมยานนั่งไปข้างหน้า
นางสุชาดาผลัดผ้าตกแต่งร่างกายนั่งอยู่ข้างหลัง.
ในเวลาที่ยานเข้าไปภายในพระนคร
พระเจ้าพาราณสีประทับบนคอคชสารตัวประเสริฐ กระทาทักษิณพระนคร
ได้เสด็จมาถึงที่นั้น. นางสุชาดาลงเดินด้วยเท้ามาข้างหลังยาน
พระราชาทอดพระเนตรเห็นนาง ถูกรูปสมบัติของนางรัดรึงพระทัย มีจิตปฏิพัทธ์
ทรงส่งอามาตย์คนหนึ่งไปด้วยพระดารัสว่า ท่านจงไป จงรู้ว่า
นางมีสามีหรือยังไม่มี. ครั้นอามาตย์ไปก็รู้ว่า นางมีสามีแล้ว
จึงกราบทูลพระราชาว่า ขอเดชะ นางมีสามีแล้วพระเจ้าข้า
บุรุษที่นั่งอยู่บนยานเป็นสามีของนาง.
พระราชาไม่อาจทรงอดกลั้นความมีพระทัยปฏิพัทธ์ได้ ทรงเร่าร้อนไปด้วยกิเลส
ทรงดาริว่า เราจักฆ่าเสียด้วยอุบายอย่างหนึ่ง แล้วยึดเอาหญิงนี้มา
ทรงเรียกบุรุษคนหนึ่งมา แล้วตรัสว่า เจ้าจงไป จงเอาปิ่นมณีนี้ไป
ทาเป็นคนเดินถนน ซุกซ่อนไว้ในยานของชายนี้แล้วกลับมา ทรงส่งปิ่นมณีให้ไป.
เขาทูลรับพระดารัส จึงถือเอาปิ่นมณีนั้นไปวางไว้ในยานแล้ว กลับมากราบทูลว่า
เสร็จแล้ว พระเจ้าข้า.
พระราชาตรัสว่า ปิ่นมณีของเราหายไป.
พวกมนุษย์ต่างพากันแตกตื่นเป็นโกลาหล. พระราชาตรัสว่า
ท่านทั้งหลายจงปิดประตูทุกด้าน ตัดการสัญจรไปมาค้นหาโจร.
พวกราชบุรุษได้ทาตามพระราชโองการ พระนครเกิดเกรียวกราวกันไปทั่ว.
บุรุษคนหนึ่งพาพวกเจ้าหน้าที่ไปหาพระโพธิสัตว์ กล่าวว่า จงหยุดยานก่อนพ่อคุณ
ปิ่นมณีของพระราชาหายไป เราจักตรวจยาน เมื่อตรวจยาน
ยึดปิ่นมณีที่ตนซ่อนไว้ จับพระโพธิสัตว์โบยด้วยมือและเท้า
กล่าวหาว่าเป็ นโจรลักปิ่นมณี แล้วมัดแขนไพล่หลัง นาไปมอบแด่พระราชา
กราบทูลว่า ชายผู้นี้เป็นโจรลักปิ่นมณี พระเจ้าข้า.
พระราชามีพระบัญชาว่า จงตัดศีรษะมันเสีย.
พวกราชบุรุษเอาหวายเฆี่ยนพระโพธิสัตว์ยกละสี่ๆ
- 3. 3
นาออกจากพระนครทางประตูขวา
แม้นางสุชาดาก็ทิ้งยานประคองแขนคร่าครวญเดินราพันตามไปข้างหลังว่า
ข้าแต่สามี ท่านได้รับทุกข์นี้เพราะอาศัยข้าพเจ้า.
พวกราชบุรุษให้พระโพธิสัตว์นอนหงายด้วยหมายใจว่า
จักตัดศีรษะของพระโพธิสัตว์นั้น.
นางสุชาดาเห็นดังนั้น จึงราลึกถึงคุณแห่งศีลของตน
แล้วราพันเป็ นต้นว่า ชื่อว่าเทพเจ้าผู้สามารถห้ามเหล่ามนุษย์มีนิสัยชั่วช้าสาหัส
ซึ่งเบียดเบียนผู้มีศีลทั้งหลายในโลกนี้ เห็นจะไม่มีแล้วหนอ จึงกล่าวคาถาแรกว่า
:-
เทพเจ้าทั้งหลาย ย่อมไม่มีอยู่ในโลกนี้เป็นแน่
หรือเมื่อกิจเห็นปานนี้เกิดขึ้น ย่อมพากันไปค้างแรมเสียเป็ นแน่ อนึ่ง
สมณพราหมณ์ทั้งหลายอันเขาสมมติว่า เป็ นผู้รักษาโลก ไม่มีอยู่ในโลกนี้เป็นแน่
เมื่อชนทุศีลกระทากรรมอันสาหัส บุคคลผู้ห้ามปรามไม่มีอยู่เป็นแน่.
เมื่อนางผู้สมบูรณ์ด้วยศีลคร่าครวญอยู่อย่างนี้
อาสนะที่ประทับนั่งของท้าวสักกเทวราชก็แสดงอาการร้อน ท้าวสักกะทรงราพึงว่า
ใครหนอหวังจะให้เราเคลื่อนจากตาแหน่งสักกะ ครั้นทรงทราบเหตุนี้ว่า
พระราชาพาราณสีทรงทากรรมหยาบยิ่งนัก
ทาให้นางสุชาดาผู้สมบูรณ์ด้วยศีลลาบาก เราควรจะไปในบัดนี้
จึงเสด็จลงจากเทวโลก บันดาลให้พระราชาลามกซึ่งประทับนั่งบนหลังคชสาร
เสด็จลงจากคชสาร ให้บรรทมหงายเหนือเขียงสัญญาณ
แล้วทรงอุ้มพระโพธิสัตว์ให้ทรงเครื่องอลังการพร้อมสรรพ
ทรงเพศเป็นพระราชาประทับนั่งเหนือคอคชสาร.
เพชฌฆาตผู้ยืนเงื้อขวานคอยจะตัดศีรษะ ก็ตัดเอาพระเศียรของพระราชา.
ในเวลาตัดนั่นเอง จึงรู้ว่าเป็ นพระเศียรของพระราชา.
ท้าวสักกเทวราชทรงแสดงพระกายให้ปรากฏ เข้าไปหาพระโพธิสัตว์
ทรงกระทาราชาภิเษกแก่พระราชา ทรงตั้งตาแหน่งอัครมเหสีแก่นางสุชาดา.
พวกอามาตย์ พราหมณ์และคหบดีเป็นต้น เห็นท้าวสักกเทวราชแล้ว
ต่างชื่นชมปรีดาว่า พระราชาผู้ปราศจากธรรมสิ้นพระชนม์แล้ว บัดนี้
พวกเราได้พระราชาผู้ทรงธรรม ซึ่งท้าวสักกะทรงประทาน.
ท้าวสักกะประทับอยู่บนอากาศ ทรงตรัสแก่บริษัททั้งหลายว่า
พวกท่านได้พระราชาองค์นี้ที่ท้าวสักกะให้แล้ว. มีเทวดารัสต่อไปว่า
ดูก่อนมหาราช ตั้งแต่นี้ไป ขอให้ท่านครองราชสมบัติโดยธรรมเถิด
หากพระราชาไม่ประกอบด้วยธรรม ฝนก็จะไม่ตกต้องตามฤดูกาล
ภัยสามอย่างเหล่านี้คือ ภัยเกิดจากความอดหยาก ๑ ภัยเกิดจากโรค ๑
ภัยเกิดจากศัตรู ๑ ก็จะบังเกิดขึ้น
- 4. 4
เมื่อจะถวายโอวาท จึงตรัสคาถาที่ ๒ ว่า :-
ในรัชสมัยของพระเจ้าอธรรมิกราช ฝนย่อมตกในเวลาอันไม่ควรตก
ในเวลาที่ควรตกก็ไม่ตก พระราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรมนั้น
ใช่ว่าจะได้รับความยากเข็ญด้วยเหตุมีประมาณเท่านั้น ก็หามิได้.
ท้าวสักกะประทานโอวาทแก่มหาชนอย่างนี้แล้ว
ได้เสด็จกลับไปยังเทวสถานของพระองค์
แม้พระโพธิสัตว์ก็ครองราชสมบัติโดยธรรม
ทรงบาเพ็ญทางไปสวรรค์ให้บริบูรณ์.
พระศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก.
พระราชาผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรมในครั้งนั้น ได้เป็ น เทวทัต ในครั้งนี้
ท้าวสักกะได้เป็น อนุรุทธ
นางสุชาดาได้เป็น มารดาราหุล
ส่วนพระราชาที่ท้าวสักกะประทาน คือ เราตถาคต นี้แล.
จบ อรรถกถามณิโจรชาดกที่ ๔
-----------------------------------------------------