More Related Content
Similar to 093 วิสสาสโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (6)
More from maruay songtanin (20)
093 วิสสาสโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
วิสสาสโภชนชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๓. วิสสาสโภชนชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๙๓)
ว่าด้วยภัยเกิดจากคนผู้คุ้นเคยกัน
(เศรษฐีโพธิสัตว์แสดงธรรมแก่บริษัทว่า)
[๙๓] บุคคลไม่ควรไว้วางใจในบุคคลที่ไม่คุ้นเคยกัน
แม้ในบุคคลที่คุ้นเคยกันก็ไม่พึงไว้วางใจ ภัยย่อมมีมาจากบุคคลผู้คุ้นเคยกัน
เหมือนภัยจากแม่เนื้อมาถึงสีหะ
วิสสาสโภชนชาดกที่ ๓ จบ
------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
วิสสาสโภชนชาดก
ว่าด้วย การไว้วางใจ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภการบริโภคด้วยความวางใจ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ความย่อว่า ในสมัยนั้น พวกภิกษุโดยมากพากันวางใจ
ไม่พิจารณาบริโภคปัจจัย ๔ ที่หมู่ญาติถวาย เพราะคิดเสียว่า
มารดาของพวกเราถวาย บิดาของพวกเราถวาย พี่ชายน้องชาย พี่สาวน้องสาว
น้าอาลุงป้ า ถวาย คนเหล่านี้สมควรจะให้แก่เรา แม้ในเวลาเป็ นคฤหัสถ์มาแล้ว
ถึงในเวลาเราเป็นภิกษุ ก็คงเป็ นผู้สมควรจะให้ได้.
พระศาสดาทรงทราบเหตุนั้น ทรงพระดาริว่า
สมควรที่เราจะแสดงพระธรรมเทศนาแก่ภิกษุทั้งหลาย ดังนี้แล้ว
รับสั่งให้เรียกประชุมภิกษุ แล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ธรรมดาภิกษุต้องพิจารณาแล้วจึงค่อยทาการบริโภคปัจจัย ๔
แม้ที่พวกญาติพากันถวาย ด้วยว่าพวกภิกษุที่ไม่พิจารณาแล้วบริโภคเมื่อทากาละ
ย่อมไม่พ้นจากอัตภาพแห่งยักษ์และเปรต ขึ้นชื่อว่าการบริโภคปัจจัย ๔
ที่ไม่พิจารณานี้ เป็นเช่นกับการบริโภคยาพิษ แม้ที่คนคุ้นเคยกันให้แล้วก็ตาม
แม้ที่คนไม่คุ้นกันให้แล้วก็ตาม ย่อมทาให้ตายได้ทั้งนั้น แม้ในครั้งก่อน
สัตว์ทั้งหลายบริโภคยาพิษที่เขาให้ด้วยความพิศวาส ถึงความสิ้นชีวิตไปแล้ว.
อันภิกษุเหล่านั้นกราบทูลอาราธนา ทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก
ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์ได้เป็ นเศรษฐีมีสมบัติมาก คนเลี้ยงโคของท่านคนหนึ่ง
- 2. 2
ต้อนฝูงโคเข้าป่า ในสมัยที่ภูมิภาคแออัดไปด้วยข้าวกล้า
ตั้งคอกเลี้ยงโคอยู่ในป่านั้น และนาโครสมาให้ท่านเศรษฐีตามเวลา
ก็แลในที่ไม่ห่างคนเลี้ยงโคนั้น สีหะยึดเอาเป็นที่อยู่อาศัย เมื่อพวกโคซูบผอมไป
เพราะหวาดหวั่นต่อสีหะ น้านมก็ใส.
อยู่มาวันหนึ่ง คนเลี้ยงโคนาเอานมมาให้ ท่านเศรษฐีจึงถามว่า
สหายโคบาลเป็นอย่างไรหรือ น้านมจึงได้ใส เขาแจ้งเหตุนั้น ท่านเศรษฐีถามว่า
สหาย ก็ความปฏิพัทธ์ในอะไรๆ ของสีหะนั้นมีบ้างไหม? เขาตอบว่า มีครับนาย
มันติดพันแม่เนื้อตัวหนึ่ง. ท่านเศรษฐีถามว่า
แกสามารถจะจับแม่เนื้อนั้นได้ไหม? เขาตอบว่า พอจะทาได้ครับนาย
ท่านเศรษฐีกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น เจ้าจงจับมันให้ได้ เอายาพิษย้อมขนที่ตัว
ตั้งแต่หน้าผากของมัน ขึ้นไปหลายๆ ครั้ง ทาให้แห้ง กักไว้สอง-สามวัน
ค่อยปล่อยแม่เนื้อนั้นไป สีหะนั้นจักเลียสรีระของแม่เนื้อนั้นด้วยเสน่หา
ถึงความสิ้นชีวิตเป็นแน่ ทีนั้น เจ้าจงเอาหนังเล็บเขี้ยวและเนื้อของมันมาให้
แล้วมอบยาพิษอย่างแรงให้ส่งตัวไป
คนเลี้ยงโควางข่ายจับแม่เนื้อนั้นได้ด้วยอุบายแล้ว ได้กระทาตามสั่ง
สีหะเห็นแม่เนื้อนั้นแล้ว เลียสรีระของแม่เนื้อนั้นด้วยเสน่หาอย่างรุนแรง
ถึงความสิ้นชีวิต. ฝ่ายคนเลี้ยงโค ก็เอาหนังเป็นต้น ไปสู่สานักพระโพธิสัตว์.
พระโพธิสัตว์ทราบเหตุนั้นแล้ว กล่าวว่า
ขึ้นชื่อว่าเสน่หาในพวกอื่นไม่ควรกระทา สีหะผู้เป็ นมฤคราช
ถึงจะสมบูรณ์ด้วยกาลังอย่างนี้ ก็เพราะอาศัยความติดพันด้วยอานาจกิเลส
เลียสรีระของแม่เนื้อ ทาการบริโภคยาพิษ ถึงสิ้นชีวิตไปแล้ว.
เมื่อจะแสดงธรรมแก่บริษัทที่ประชุมกัน กล่าวคาถานี้ ความว่า
บุคคลไม่ควรไว้วางใจในผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกัน แม้ผู้ที่คุ้นเคยกันแล้ว
ก็ไม่ควรไว้วางใจ ภัยย่อมมาจากผู้ที่คุ้นเคยกัน
เหมือนภัยของราชสีห์เกิดจากแม่เนื้อ ฉะนั้น ดังนี้.
ในคาถานั้น มีความสังเขปดังนี้ :-
ผู้ใดในกาลก่อน เคยเป็ นภัยยังไม่เป็นที่มักคุ้นกับตน ไม่พึงวางใจ
คือไม่พึงทาความมักคุ้นกับผู้ไม่คุ้นเคยนั้น ผู้ใดแม้ในกาลก่อน จะไม่เคยเป็นภัย
เป็นผู้สนิทสนมมักคุ้นอยู่กับตน แม้ในผู้มักคุ้นกันนั้น ก็ไม่ควรวางใจ
คือไม่พึงทาความสนิทสนมเลยทีเดียว.
เพราะเหตุไร?
เพราะภัยย่อมมาจากผู้ที่คุ้นเคยกัน ได้แก่ภัยนั่นแหละ
ย่อมมาแต่ความคุ้นเคยทั้งในมิตร ทั้งในอมิตร
อย่างไร?
เหมือนอย่างภัยของราชสีห์ เกิดแต่แม่เนื้อฉะนั้น