SlideShare a Scribd company logo
1
อัพภันตรชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๔. อัพภันตรวรรค
หมวดว่าด้วยผลไม้ทิพย์ชื่ออัพภันตระ
๑. อัพภันตรชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๒๘๑)
ว่าด้วยผลไม้ทิพย์ชื่ออัพภันตระ
(ท้าวสักกะทรงเจรจากับพระมเหสีของพระราชาว่า)
[๙๑] ผลของต้นมะม่วงที่ชื่ออัพภันตระ เป็นผลไม้ทิพย์
หญิงแพ้ท้องบริโภคแล้ว จะประสูติโอรสเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
[๙๒] พระนางผู้เจริญ แม้พระนางก็จะได้เป็ นพระมเหสี
ทั้งจะได้เป็ นที่โปรดปรานของพระสวามี
พระราชาจักทรงนาผลมะม่วงชื่ออัพภันตระนี้ มาพระราชทานแก่พระนาง
(นกแขกเต้าสุวโปตกะได้กล่าวกับพวกรากษสว่า)
[๙๓] บุคคลผู้กล้าหาญยอมเสียสละชีวิตร่างกาย
พยายามทาประโยชน์แก่ผู้ที่เลี้ยงดูตนมา ย่อมประสบฐานะอันใด
ข้าพเจ้าก็จะประสบฐานะอันนั้นเช่นกัน
อัพภันตรชาดกที่ ๑ จบ
------------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
อัพภันตรชาดก
ว่าด้วย ผลไม้ทิพย์
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
ทรงปรารภการที่พระสารีบุตรเถระถวายรสมะม่วงแก่พระพิมพาเถรี
จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศพระธรรมจักรอันควร
แล้วประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลาในเมืองเวสาลี
พระนางมหาปชาบดีโคตมีพานางสากิยานีจานวน ๕๐๐ นางไปขอบรรพชาแล้ว
ได้บรรพชาและอุปสมบท. ในกาลต่อมา ภิกษุณี ๕๐๐
รูปเหล่านั้นได้ฟังโอวาทของพระนันทกะได้บรรลุพระอรหัต.
อนึ่ง เมื่อพระศาสดาเสด็จเข้าไปอาศัยประทับอยู่ในเมืองสาวัตถี
พระเทวีชนนีของพระราหุลทรงดาริว่า
พระสวามีของเราบวชได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณแล้ว
แม้โอรสของเราก็บวชอยู่ในสานักของพระสวามีแห่งเรานั้น
เราจักกระทาอะไรอยู่ในท่ามกลางเรือน แม้เราบวชแล้วไปอยู่ในเมืองสาวัตถี
2
จักเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระโอรสอยู่เป็นเนืองนิตย์
จึงเสด็จเข้าไปยังสานักของนางภิกษุณี
บวชแล้วได้ไปยังเมืองสาวัตถีพร้อมกับอุปัชฌาย์อาจารย์.
เห็นพระศาสดาและบุตรผู้เป็ นที่รัก สาเร็จการอยู่ในสานักภิกษุณีแห่งหนึ่ง
ราหุลสามเณรได้มาเยี่ยมพระชนนี.
ครั้นวันหนึ่ง ลมในพระอุทรของพระเถรีกาเริบขึ้น.
เมื่อพระโอรสเสด็จมาเพื่อจะเยี่ยมเยียน พระเถรีนั้นไม่สามารถจะออกมาพบได้
ภิกษุณีอื่นๆ จึงมาบอกว่า พระเถรีไม่สบาย.
ราหุลสามเณรนั้นจึงไปยังสานักของพระมารดา แล้วทูลถามว่า
พระองค์ควรจะได้ยาอะไร? พระเถรีผู้ชนนีตรัสว่า ดูก่อนพ่อ
ในคราวยังครองเรือน
มารดาดื่มรสมะม่วงที่เขาปรุงประกอบด้วยน้าตาลกรวดเป็นต้น
โรคลมในท้องก็สงบระงับไป แต่บัดนี้ พวกเราเที่ยวบิณฑบาตเลี้ยงชีพ
จักได้รสมะม่วงนั้นมาจากไหน.
ราหุลสามเณรทูลว่า เมื่อหม่อมฉันได้ จักนามา แล้วก็ออกไป.
ก็ท่านผู้มีอายุนั้นมีสมบัติมากมาย คือ
มีพระธรรมเสนาบดีเป็นอุปัชฌาย์ มีพระมหาโมคคัลลานะเป็ นอาจารย์
มีพระอานันทเถระเป็ นอาว์ มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบิดา. แม้เมื่อเป็นอย่างนั้น
ท่านก็ไม่ไปยังสานักอื่น ได้ไปยังสานักของอุปัชฌาย์ไหว้แล้ว
ได้ยืนมีอาการหน้าเศร้าอยู่.
ลาดับนั้น พระเถระจึงกล่าวกะราหุลสามเณรนั้นว่า ดูก่อนราหุล
เหตุไรหนอ เธอจึงมีหน้าระทมทุกข์อยู่. ราหุลสามเณรกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
โรคลมในท้องแห่งพระเถรีผู้เป็ นมารดาของกระผม กาเริบขึ้น.
พระเถระถามว่า ได้อะไรจึงจะควร?
ราหุลสามเณรเรียนว่า พระมารดาเล่าให้ฟังว่า
มีความผาสุกได้ด้วยรสมะม่วงที่ปรุงประกอบด้วยน้าตาลกรวด.
พระเถระจึงกล่าวว่า ช่างเถอะ เราจักได้มา เธออย่าคิดไปเลย.
ในวันรุ่งขึ้น พระเถระพาราหุลสามเณรนั้นเข้าไปในเมืองสาวัตถี
ให้สามเณรนั่งที่โรงฉันแล้วได้ไปยังประตูพระราชวัง. พระเจ้าโกศลเห็นพระเถระ
จึงนิมนต์ให้นั่ง. ในขณะนั้นเอง นายอุยยานบาลนาเอามะม่วงหวานที่สุกทั้งพวง
จานวนห่อหนึ่งมาถวาย.
พระราชาทรงปอกเปลือกมะม่วงแล้วใส่น้าตาลกรวดลงไป ขยาด้วยพระองค์เอง
แล้วได้ถวายพระเถระจนเต็มบาตร.
พระเถระออกจากพระราชนิเวศน์ ไปยังโรงฉัน แล้วได้ให้แก่สามเณร
โดยกล่าวว่า เธอจงนารสมะม่วงนั้นไปให้มารดาของเธอ.
3
ราหุลสามเณรนั้นได้นาไปถวายแล้ว.
พอพระเถรีบริโภคแล้วเท่านั้น โรคลมในท้องก็สงบ.
ฝ่ายพระราชาทรงส่งคนไปด้วยดารัสสั่งว่า
พระเถระไม่นั่งฉันรสมะม่วงในที่นี้ เธอจงไปดูให้รู้ว่า พระเถระให้ใคร.
ราชบุรุษคนนั้นจึงไปพร้อมกับพระเถระ
ทราบเหตุนั้นแล้วจึงมากราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ. พระราชาทรงพระดาริว่า
ถ้าพระศาสดาจักอยู่ครองเรือน จักได้เป็ นพระเจ้าจักรพรรดิ
ราหุลสามเณรจักได้เป็นขุนพลแก้ว พระเถรีจักได้เป็ นนางแก้ว
ราชสมบัติในสกลจักรวาฬจักเป็ นของท่านเหล่านี้ทีเดียว
ควรที่เราจะพึงอุปัฏฐากบารุงท่านเหล่านี้ บัดนี้ เราไม่ควรประมาทในท่านเหล่านี้
ผู้บวชแล้วเข้ามาอาศัยเราอยู่. จาเดิมแต่นั้น
พระเจ้าโกศลรับสั่งให้ถวายรสมะม่วงแก่พระเถรีเป็นประจา.
ความที่พระสารีบุตรเถระถวายรสมะม่วงแก่พระพิมพาเถรี
เกิดปรากฏในหมู่ภิกษุสงฆ์.
อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า
ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ได้ยินว่า
พระสารีบุตรเถระได้กระทาพระพิมพาเถรีให้อิ่มหนาด้วยรสมะม่วง.
พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
พวกเธอนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร
เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรให้มารดาของราหุลอิ่มหนาด้วยรสมะม่วง
ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อน
สารีบุตรนี้ก็ได้ให้มารดาของราหุลนี้อิ่มหนามาแล้วเหมือนกัน
แล้วทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในเมืองพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ในหมู่บ้านแคว้นกาสี
พอเจริญวัยแล้วก็ไปเรียนสรรพศิลปศาสตร์ในเมืองตักกสิลา แล้วดารงฆราวาสอยู่
ต่อมาบิดามารดาล่วงลับไป จึงบวชเป็นฤาษี
ทาอภิญญาและสมาบัติให้เกิดในหิมวันตประเทศ
อันคณะฤาษีห้อมล้อมเป็นครูของคณะ. ต่อเมื่อระยะกาลอันยาวนานล่วงไป
เพื่อต้องการจะเสพรสเค็มและเปรี้ยว
จึงลงจากเชิงเขาเที่ยวจาริกไปจนถึงเมืองพาราณสี
จึงสาเร็จการอยู่ในพระราชอุทยาน.
ครั้งนั้น
ภพของท้าวสักกะเทวราชก็สะท้านหวั่นไหวด้วยเดชแห่งศีลของคณะฤาษีนั้น.
4
ท้าวสักกะทรงราพึงอยู่ก็ได้ทรงทราบเหตุนั้น จึงทรงดาริว่า
เราจักตะเกียกตะกายทาให้ดาบสเหล่านี้อยู่ไม่ได้ เมื่อเป็ นเช่นนั้น
ดาบสเหล่านั้นถูกทาลายที่อยู่ ก็จะวุ่นวายเที่ยวไป จักไม่ได้เอกัคคตาจิต
เมื่อเป็นเช่นนั้น ความผาสุกจักมีแก่เรา แล้วทรงพิจารณาว่า
จะมีอุบายอย่างไรหนอ ก็ได้ทรงเห็นอุบายข้อนี้ว่า
ในเวลาติดต่อกับมัชฌิมยาม
เราจักเข้าไปห้องสิริไสยาศน์ของพระอัครมเหสีของพระราชา
ยืนในอากาศบอกแก่พระนาง ดูก่อนพระนางผู้เจริญ
ถ้าพระองค์จะได้เสวยมะม่วงสุกอันมีชื่อว่าอัพภันตระ จักได้พระโอรส
และพระโอรสนั้นจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
พระราชาได้ทรงสดับถ้อยคาของพระเทวีแล้ว
จักส่งคนไปพระราชอุทยานเพื่อต้องการให้ได้เอามะม่วงสุกมา เมื่อเป็นเช่นนั้น
เราก็จักทาให้มะม่วงอันตรธานหายไป ราชบุรุษจักกลับมากราบทูลพระราชาว่า
มะม่วงในพระราชอุทยานไม่มี เมื่อพระราชาตรัสถามว่า ใครกินหมด
พวกราชบุรุษจักกราบทูลว่า พวกดาบสกินหมด ครั้นพระราชาทรงสดับดังนั้น
จักรับสั่งให้โบยตีพวกดาบสแล้วขับไล่ออกไป แม้เมื่อเป็นอย่างนั้น
ดาบสเหล่านั้นจักเป็นอันถูกเรารบกวนให้วุ่นวาย.
ในกาลติดต่อกับมัชฌิมยาม
ท้าวสักกะนั้นจึงเสด็จเข้าไปยังห้องสิริไสยาศน์ ประทับยืนอยู่ในอากาศ
แสดงตนให้รู้ว่าเป็นท้าวเทวราช
เมื่อจะทรงปราศัยกับพระอัครมเหสีของพระราชานั้น ได้ตรัสคาถา ๒
คาถาแรกว่า :-
ผลของต้นไม้ชื่ออัพภันตระเป็ นผลไม้ทิพย์
นารีผู้แพ้ท้องได้เสวยผลไม้ทิพย์นั้นแล้ว
จะประสูติพระโอรสเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ.
ดูก่อนพระนางผู้เจริญ แม้พระนางก็จะได้เป็ นพระอัครมเหสี
ทั้งจะเป็นที่โปรดปรานของพระสวามี
พระราชาจักทรงนาผลไม้ชื่ออัพภันตระนี้มาให้แก่พระนาง.
ท้าวสักกะตรัสคาถา ๒ คาถานี้ด้วยประการอย่างนี้แล้ว
ทรงพร่าสอนพระเทวีว่า พระองค์จงอย่าประมาทอย่าได้ชักช้า
พึงกราบทูลพระราชาให้ทรงทราบในวันพรุ่งนี้
แล้วเสด็จกลับไปสถานที่อยู่ของพระองค์ทีเดียว.
วันรุ่งขึ้น พระนางแสดงอาการว่าทรงประชวร
ทรงให้สัญญาแก่นางบาเรอทั้งหลาย แล้วทรงบรรทมอยู่.
พระราชาประทับนั่งบนสีหาศน์ ภายใต้เศวตฉัตรที่ยกขึ้น
5
ทอดพระเนตรดูเหล่านางนักสนมทั้งหลาย ไม่เห็นพระเทวี
จึงตรัสถามนางข้าบาทบริจาริกาทั้งหลายว่า พระเทวีไปไหน?
นางข้าบาทบริจาริกาทั้งหลายกราบทูลว่า พระนางทรงพระประชวร พระเจ้าข้า.
พระราชาจึงเสด็จไปยังสานักของพระเทวี
ประทับนั่งบนข้างพระที่บรรทมแล้ว ทรงลูบพระปฤษฎางค์ ตรัสถามว่า
น้องนางผู้เจริญ เธอไม่มีผาสุกสาราญอะไรหรือ? พระเทวีทูลว่า ข้าแต่มหาราช
ชื่อว่าความไม่ผาสุกสาราญอย่างอื่นไม่มี แต่กระหม่อมฉันเกิดการแพ้พระครรภ์
พระเจ้าข้า. พระราชาตรัสถามว่า น้องนางผู้เจริญ เธอต้องการอะไร?
พระเทวีทูลว่า กระหม่อมฉันต้องการผลมะม่วงชื่ออัพภันตระพระเจ้าข้า.
พระราชาตรัสถามว่า เทวี มะม่วงชื่ออัพภันตระมีอยู่ที่ไหน? พระเทวีทูลว่า
ขอเดชะ กระหม่อมฉันจะรู้จักมะม่วงชื่อว่าอัพภันตระก็หามิได้ เป็นแต่ว่า
เมื่อกระหม่อมฉันได้ผลของต้นมะม่วงชื่อว่าอัพภันตระนั้น ก็จะมีชีวิตอยู่
เมื่อไม่ได้คงจะไม่มีชีวิตพระเจ้าข้า.
พระราชาตรัสว่า ถ้าอย่างนั้น เราจักให้นามา เธออย่าเสียใจไปเลย.
พระราชา ครั้นทรงปลอบโยนพระเทวีให้เบาพระทัยแล้ว
จึงเสด็จลุกขึ้นไปประทับนั่งบนราชบัลลังก์
รับสั่งให้เรียกอามาตย์ทั้งหลายมาแล้วตรัสถามว่า พระเทวีเกิดการแพ้พระครรภ์
อยากจะเสวยมะม่วงชื่อว่าอัพภันตระ ควรจะทาอย่างไร?
อามาตย์ทั้งหลายกราบทูลว่า
ข้าแต่สมมติเทพ มะม่วงที่ตั้งอยู่ระหว่างกลางมะม่วง ๒ ต้น
ชื่อว่ามะม่วงอัพภันตระ พวกข้าพระพุทธเจ้าจักส่งคนไปยังพระราชอุทยาน
ให้นาผลจากมะม่วงที่ตั้งอยู่ในระหว่างต้นมะม่วงทั้งสองต้นมาให้ประทานแก่พระเ
ทวี.
พระราชาตรัสว่า ดีแล้ว พวกท่านจงนาเอาผลมะม่วงเห็นปานนั้นมา
แล้วทรงส่งราชบุรุษไปยังพระราชอุทยาน.
ท้าวสักกะทรงบันดาลให้ผลมะม่วงทั้งหลายในพระราชอุทยานอันตรธา
นไป เหมือนอย่างถูกคนเคี้ยวกินด้วยอานุภาพของพระองค์.
ราชบุรุษทั้งหลายผู้ไปเพื่อต้องการผลมะม่วง
เที่ยวไปตลอดพระราชอุทยานทั้งสิ้น ไม่ได้แม้มะม่วงกับผลเดียว
จึงกลับมากราบทูลพระราชา ถึงความที่ผลมะม่วงไม่มีในพระราชอุทยาน.
พระราชาตรัสถามว่า ใครกินมะม่วงหมด?
พวกราชบุรุษกราบทูลว่า พวกดาบส พระเจ้าข้า.
พระราชาตรัสว่า
พวกท่านจงโบยตีดาบสทั้งหลายนาออกไปจากพระราชอุทยาน.
พวกราชบุรุษรับพระบัญชาแล้ว
6
พากันนาพระดาบสทั้งหลายออกไปจากพระราชอุทยาน.
เป็นอันว่า มโนรถของท้าวสักกะบรรลุถึงที่สุดสมประสงค์.
พระเทวีก็ยังทรงบรรทมอยู่นั่นแหละโดยผูกพระทัยเพื่อจะเสวยผลมะม่
วงให้ได้. เมื่อพระราชาไม่ทรงเห็นลู่ทางที่จะพึงกระทา
จึงสั่งให้อามาตย์และพราหมณ์ทั้งหลายประชุมกัน แล้วตรัสถามว่า
ท่านทั้งหลายยังจะทราบว่ามะม่วงอัพภันตระมีอยู่หรือ?
พราหมณ์ทั้งหลายกราบทูลว่า ขอเดชะ
ชื่อว่ามะม่วงอัพภันตระเป็นเครื่องบริโภคของเทวดาทั้งหลาย
มีอยู่ภายในถ้าทองในป่าหิมพานต์ พวกข้าพระพุทธเจ้าได้ยินสืบๆ กันมาดังนี้
พระราชาตรัสถามว่า
ก็ใครเล่าจักสามารถนาเอามะม่วงจากป่าหิมพานต์นั้นมาได้?
พวกพราหมณ์กราบทูลว่า ผู้ที่เป็นมนุษย์ไม่สามารถจะไปในที่นั้นได้
ควรจะส่งสุวโปดกลูกนกแขกเต้าตัวหนึ่งไป.
ก็สมัยนั้น ในราชสกุลมีลูกนกแขกเต้าตัวหนึ่ง
ตัวใหญ่ประมาณเท่าดุมล้อแห่งยานของพวกเด็กๆ สมบูรณ์ด้วยเรี่ยวแรงมีปัญญา
ฉลาดในอุบาย.
พระราชาจึงให้นาสุวโปดกนั้นมาแล้วตรัสว่า ดูก่อนพ่อสุวโปดก
เรามีอุปการะเป็นอันมากแก่เจ้า เจ้าได้อยู่ในกรงทอง
กินข้าวตอกคลุกน้าผึ้งในจานทอง ดื่มน้าเจือน้าตาลกรวด
แม้เจ้าก็ควรจะช่วยเหลือทากิจอันหนึ่งของเรา.
สุวโปดกถามว่า ข้าแต่สมมติเทพ กิจอะไร พระเจ้าข้า?
พระราชาตรัสว่า ดูก่อนพ่อ พระเทวีเกิดแพ้พระครรภ์
อยากจะเสวยมะม่วงอัพภันตระ ก็มะม่วงนั้นมีอยู่ในระหว่างกาญจนบรรพต
ในป่าหิมพานต์ เป็ นเครื่องบริโภคของเทวดาทั้งหลาย
ผู้เป็นมนุษย์ไม่อาจไปในที่นั้น ท่านควรนาผลมะม่วงจากป่าหิมพานต์นั้นมา.
สุวโปดกกราบทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ ได้พระเจ้าข้า ข้าพระองค์จักนามาถวาย.
ลาดับนั้น
พระราชาจึงให้สุวโปดกนั้นกินข้าวตอกเคล้าน้าผึ้งในจานทอง
ให้ดื่มน้าเจือน้าตาลกรวด
ทาระหว่างปีกของสุวโปดกนั้นด้วยน้ามันอันสุกได้ร้อยครั้ง
แล้วอุ้มเสด็จไปประทับยืนที่สีหบัญชร แล้วปล่อยไปในอากาศ.
ฝ่ายสุวโปดกนั้นแสดงการเคารพต่อพระราชาแล้วบินไปในอากาศ
ล่วงเลยถิ่นมนุษย์ไปถึงสานักของนกแขกเต้าทั้งหลายผู้อยู่ในระหว่างภูเขาที่หนึ่ง
ในหิมวันตประเทศ แล้วถามว่า มะม่วงชื่ออัพภันตระมีอยู่ที่ไหน
ท่านทั้งหลายจงบอกสถานที่นั้นแก่ข้าพเจ้า. พวกนกแขกเต้ากล่าวว่า
7
พวกเราไม่รู้จัก พวกนกแขกเต้า ในระหว่างภูเขาที่สองคงจักรู้.
สุวโปดกนั้นได้ฟังดังนั้น จึงได้บินจากนั้นไปถึงระหว่างเขาที่สอง
ที่สาม ที่สี่ ที่ห้า ที่หก ก็ถามเหมือนอย่างนั้น.
นกแขกเต้าทั้งหลายในระหว่างภูเขาที่หกแม้นั้นกล่าวกะสุวโปดกนั้นว่า
พวกเราไม่รู้ พวกนกแขกเต้า ในระหว่างภูเขาที่ ๗ คงจักรู้.
สุวโปดกนั้นจึงบินในระหว่างภูเขาที่ ๗ แม้นั้นแล้วถามว่า มะม่วงชื่ออั
พภันตระมีอยู่ที่ไหน? นกแขกเต้าเหล่านั้นกล่าวว่า
มีอยู่ในระหว่างกาญจนบรรพตในที่ชื่อโน้น. สุวโปดกกล่าวว่า
ข้าพเจ้ามาเพื่อต้องการผลของมะม่วงอัพภันตระนั้น
ท่านทั้งหลายโปรดนาข้าพเจ้าไปที่นั้นแล้ว
จงให้ผลจากมะม่วงชื่อว่าอัพภันตระนั้นแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด.
หมู่นกแขกเต้ากล่าวว่า สหาย มะม่วงอัพภันตระนั้น
เป็นเครื่องบริโภคของท้าวเวสวัณมหาราช ใครๆ ไม่อาจเข้าไปใกล้
ต้นไม้ทั้งสิ้นล้อมด้วยตาข่ายเหล็ก ๗ ชั้น ตั้งแต่ราก
มีกุมภัณฑ์และรากษสจานวนพันรักษาอยู่
ผู้ที่หมู่กุมภัณฑ์และรากษสเหล่านั้นเห็นแล้ว จะไม่มีชีวิตรอด
สถานที่นั้นเหมือนอเวจีมหานรก ประดุจไฟลุกอยู่ตลอดกัป
ท่านอย่าได้กระทาความปรารถนาในที่นั้นเลย.
สุวโปดกกล่าวว่า ถ้าท่านทั้งหลายไม่ไป ขอจงบอกที่นั้นแก่ข้าพเจ้า.
นกแขกเต้าทั้งหลายกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านจงไปทางโน้นๆ.
สุวโปดกนั้นทรงจาหนทางได้แม่นยา ตามที่นกแขกเต้าเหล่านั้นบอก
จึงบินไปยังที่นั้น ไม่แสดงตนในตอนกลางวัน ในระหว่างมัชฌิมยาม
ในเวลาที่พวกรากษสนอนหลับ จึงเข้าไปใกล้ต้นมะม่วงอัพภันตระเริ่มค่อยๆ
ปีนขึ้นทางระหว่างโคนต้นหนึ่ง ตาข่ายเหล็กก็กระทบกันเสียงดังกริ๊กๆ.
พวกรากษสเหล่านั้นตื่นขึ้นแลเห็นสุวโปดกอยู่ข้างใน
จึงจับเอาไว้โดยหาว่าเป็นโจรลักมะม่วง แล้วจัดแจงจะลงเครื่องกรรมกรณ์.
รากษสตนหนึ่งกล่าวว่า เราจะใส่ปากกลืนกินมัน. รากษสอีกตนหนึ่งกล่าวว่า
เราจะขยี้ด้วยมือทั้งสอง ทามันให้แหลกกระจาย รากษสอีกตนหนึ่งกล่าวว่า
เราจะผ่าให้เป็ นสองซีกปิ้งที่ถ่านไฟแล้วกินเสีย.
สุวโปดกนั้น แม้จะได้ยินการจัดแจงลงกรรมกรณ์ของรากษสเหล่านั้น
ก็มิได้หวาดเสียวเลย เรียกพวกรากษสเหล่านั้นมาแล้วกล่าวว่า ท่านรากษสผู้เจริญ
พวกท่านเป็นราชบุรุษของใคร. พวกรากษสกล่าวว่า
เป็นราชบุรุษของท้าวเวสวัณมหาราช.
สุวโปดกกล่าวว่า แม้พวกท่านก็เป็ นราชบุรุษของพระราชาองค์หนึ่ง
แม้เราก็เป็นราชบุรุษของพระราชาผู้เป็ นมนุษย์เหมือนกัน
8
พระเจ้าพาราณสีทรงส่งเรามาเพื่อต้องการผลมะม่วงอัพภันตระ
เรานั้นได้สละชีวิตเพื่อพระราชาของเราในเมืองพาราณสีนั้นนั่นแลจึงได้มา
ก็บุคคลใดสละชีวิตเพื่อประโยชน์แก่บิดามารดาและเจ้านายของตน
บุคคลนั้นย่อมบังเกิดในเทวโลกเที่ยงแท้ เพราะฉะนั้น
แม้เราพ้นจากกาเนิดดิรัจฉานนี้แล้ว จักบังเกิดในเทวโลกเท่านั้น
แล้วกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-
บุคคลผู้กล้าหาญ ยอมเสียสละตน
พากเพียรพยายามในประโยชน์ของท่านที่ได้เลี้ยงตนมา ย่อมถึงฐานะอันใด
ข้าพเจ้าเป็นผู้จะได้ฐานะอันนั้น.
สุวโปดกนั้นแสดงธรรมแก่พวกรากษสเหล่านั้นด้วยคาถานี้ด้วยประกา
รอย่างนี้. พวกรากษสเหล่านั้นฟังธรรมของสุวโปดกนั้นแล้ว มีจิตเลื่อมใสกล่าวว่า
สุวโปดกนี้เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม ใครๆ ไม่อาจฆ่าให้ตาย
พวกเราจงปล่อยสุวโปดกนั้นเสียเถิด ว่าแล้วก็ปล่อยสุวโปดกพลางกล่าวว่า
ดูก่อนสุวโปดกผู้เจริญ ท่านเป็นผู้พ้นภัยแล้ว
ท่านจงไปจากมือของพวกเราโดยความสวัสดีเถิด. สุวโปดกกล่าวว่า
ท่านทั้งหลายอย่าได้กระทาการมาของข้าพเจ้าให้เปล่าประโยชน์เลย
จงให้ผลมะม่วงแก่ข้าพเจ้าสักผลหนึ่ง.
รากษสทั้งหลายกล่าวว่า ดูก่อนสุวโปดก
ชื่อว่าการให้ผลมะม่วงผลหนึ่งแก่ท่าน หาได้เป็ นภาระหน้าที่ของพวกเรา
ด้วยว่ามะม่วงบนต้นนี้ ท้าวเวสวัณมานับไว้ๆ เมื่อขาดหายไม่มีแม้แต่ผลเดียว
ชีวิตของพวกเราก็จะไม่มี เพราะเมื่อท้าวเวสวัณโกรธแลดูคราวเดียว
พวกเราก็จะเป็ นเหมือนเมล็ดงาที่ใส่ลงในกระเบื้องอันร้อน
กุมภัณฑ์ทั้งพันตนก็จะแตกละเอียดกระจายไป ด้วยเหตุนั้น
พวกเราจึงไม่อาจให้แก่ท่าน แต่พวกเราจักบอกสถานที่ที่พอจะหาได้.
สุวโปดกกล่าวว่า คนใดคนหนึ่งผู้สามารถจะให้ได้
ท่านทั้งหลายจงบอกสถานที่ที่ได้เถิด. รากษสเหล่านั้นจึงบอกว่า
ในระหว่างตาข่ายแห่งกาญจนบรรพตนี้
มีดาบสชื่อโชติรส ท่านบูชาไฟอยู่ในบรรณศาลาชื่อว่ากาญจนปันตี
ท่านเป็นกุลุปกะคือนักบวชประจาตระกูลของท้าวเวสวัณ
และท้าวเวสวัณส่งผลมะม่วงไปถวายเป็นประจาวันละ ๔ ผล
ท่านจงไปยังสานักของพระดาบสนั้นเถิด.
สุวโปดกรับคาแล้วบินไปยังสานักของดาบสนั้นไหว้แล้วจับอยู่ ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. ลาดับนั้น ดาบสจึงถามสุวโปดกนั้นว่า เธอมาจากไหน?
สุวโปดกเรียนว่า มาจากสานักของพระเจ้าพาราณสี. พระดาบสถามว่า
มาเพื่อต้องการอะไร? สุวโปดกเรียนว่า
9
พระเทวีของพระราชาแห่งกระผมเกิดความแพ้พระครรภ์
อยากเสวยมะม่วงสุกชื่ออัพภันตระ
กระผมจึงได้มาเพื่อต้องการมะม่วงชื่ออัพภันตระนั้น
แต่พวกรากษสจะให้มะม่วงสุกชื่อว่าอัพภันตระแก่ผม ด้วยตนเองไม่ได้
จึงส่งมายังสานักของพระคุณเจ้า. พระดาบสกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น
เธอจงนั่งคอยก่อนจึงจักได้.
ลาดับนั้น ท้าวเวสวัณส่งผลมะม่วง ๔ ผลมาถวายพระดาบสนั้น.
พระดาบสฉันไป ๒ ผล จาก ๔ ผลนั้น ได้ให้สุวโปดกกินผลหนึ่ง
เมื่อสุวโปดกนั้นกินมะม่วงผลนั้นแล้ว
พระดาบสจึงเอามะม่วงอีกผลหนึ่งใส่สาแหรกคล้องคอสุวโปดก แล้วกล่าว
เธอจงไปในบัดเดี๋ยวนี้ แล้วก็ปล่อยสุวโปดกนั้นไป.
สุวโปดกนั้นได้นาผลมะม่วงนั้นมาถวายพระเทวี.
พระเทวีเสวยผลมะม่วงนั้นแล้วก็ยังความแพ้พระครรภ์ให้สงบระงับลงได้.
พระราชาทรงชื่นชมโสมนัสอันมีการได้มะม่วงอัพภันตระนั้นมาเป็นเหตุ
แต่พระราชเทวีนั้นมิได้มีพระราชโอรส.
พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
พระเทวีในกาลนั้นได้เป็น ราหุลมารดา ในบัดนี้
สุวโปดกในกาลนั้น ได้เป็ น ราหุล
พระราชาในกาลนั้นได้เป็น พระอานนท์
ดาบสผู้ให้มะม่วงสุกในกาลนั้น ได้เป็น พระสารีบุตร
ส่วนดาบสผู้อยู่ในพระราชอุทยานในครั้งนั้น
ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาอัพภันตรชาดกที่ ๑
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

415 กุมมาสปิณฑิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
415 กุมมาสปิณฑิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...415 กุมมาสปิณฑิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
415 กุมมาสปิณฑิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...maruay songtanin
 
455 มาตุโปสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
455 มาตุโปสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...455 มาตุโปสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
455 มาตุโปสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
074 รุกขธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
074 รุกขธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...074 รุกขธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
074 รุกขธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
๒๙. อุฬารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๒๙. อุฬารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๒๙. อุฬารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๒๙. อุฬารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...maruay songtanin
 
461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
๓๘. ปาริจฉัตตกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๓๘. ปาริจฉัตตกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๓๘. ปาริจฉัตตกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๓๘. ปาริจฉัตตกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 
๓๙. มัญชิฏฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓๙. มัญชิฏฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๓๙. มัญชิฏฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓๙. มัญชิฏฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
๓๒. ลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx
๓๒. ลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx๓๒. ลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx
๓๒. ลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docxmaruay songtanin
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
247 ปาทัญชลิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
247 ปาทัญชลิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...247 ปาทัญชลิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
247 ปาทัญชลิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
507 มหาปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
507 มหาปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...507 มหาปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
507 มหาปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
111 คัทรภปัญหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
111 คัทรภปัญหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...111 คัทรภปัญหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
111 คัทรภปัญหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
064 ทุราชานชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
064 ทุราชานชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx064 ทุราชานชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
064 ทุราชานชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 

Similar to 281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

415 กุมมาสปิณฑิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
415 กุมมาสปิณฑิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...415 กุมมาสปิณฑิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
415 กุมมาสปิณฑิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
 
455 มาตุโปสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
455 มาตุโปสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...455 มาตุโปสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
455 มาตุโปสกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
186 ทธิวาหนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
074 รุกขธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
074 รุกขธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...074 รุกขธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
074 รุกขธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๒๙. อุฬารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๒๙. อุฬารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๒๙. อุฬารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๒๙. อุฬารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
461 ทสรถชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
097 นามสิทธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๓๘. ปาริจฉัตตกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๓๘. ปาริจฉัตตกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๓๘. ปาริจฉัตตกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๓๘. ปาริจฉัตตกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๓๙. มัญชิฏฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓๙. มัญชิฏฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๓๙. มัญชิฏฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๓๙. มัญชิฏฐกวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
094 โลมหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
514 ฉัททันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
๓๒. ลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx
๓๒. ลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx๓๒. ลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx
๓๒. ลตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
346 เกสวชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
329 กาฬพาหุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
247 ปาทัญชลิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
247 ปาทัญชลิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...247 ปาทัญชลิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
247 ปาทัญชลิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
507 มหาปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
507 มหาปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...507 มหาปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
507 มหาปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
111 คัทรภปัญหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
111 คัทรภปัญหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...111 คัทรภปัญหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
111 คัทรภปัญหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
064 ทุราชานชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
064 ทุราชานชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx064 ทุราชานชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
064 ทุราชานชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

More from maruay songtanin

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfmaruay songtanin
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 

281 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 อัพภันตรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๔. อัพภันตรวรรค หมวดว่าด้วยผลไม้ทิพย์ชื่ออัพภันตระ ๑. อัพภันตรชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๒๘๑) ว่าด้วยผลไม้ทิพย์ชื่ออัพภันตระ (ท้าวสักกะทรงเจรจากับพระมเหสีของพระราชาว่า) [๙๑] ผลของต้นมะม่วงที่ชื่ออัพภันตระ เป็นผลไม้ทิพย์ หญิงแพ้ท้องบริโภคแล้ว จะประสูติโอรสเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ [๙๒] พระนางผู้เจริญ แม้พระนางก็จะได้เป็ นพระมเหสี ทั้งจะได้เป็ นที่โปรดปรานของพระสวามี พระราชาจักทรงนาผลมะม่วงชื่ออัพภันตระนี้ มาพระราชทานแก่พระนาง (นกแขกเต้าสุวโปตกะได้กล่าวกับพวกรากษสว่า) [๙๓] บุคคลผู้กล้าหาญยอมเสียสละชีวิตร่างกาย พยายามทาประโยชน์แก่ผู้ที่เลี้ยงดูตนมา ย่อมประสบฐานะอันใด ข้าพเจ้าก็จะประสบฐานะอันนั้นเช่นกัน อัพภันตรชาดกที่ ๑ จบ ------------------------------ คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา อัพภันตรชาดก ว่าด้วย ผลไม้ทิพย์ พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภการที่พระสารีบุตรเถระถวายรสมะม่วงแก่พระพิมพาเถรี จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ได้ยินว่า เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศพระธรรมจักรอันควร แล้วประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลาในเมืองเวสาลี พระนางมหาปชาบดีโคตมีพานางสากิยานีจานวน ๕๐๐ นางไปขอบรรพชาแล้ว ได้บรรพชาและอุปสมบท. ในกาลต่อมา ภิกษุณี ๕๐๐ รูปเหล่านั้นได้ฟังโอวาทของพระนันทกะได้บรรลุพระอรหัต. อนึ่ง เมื่อพระศาสดาเสด็จเข้าไปอาศัยประทับอยู่ในเมืองสาวัตถี พระเทวีชนนีของพระราหุลทรงดาริว่า พระสวามีของเราบวชได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณแล้ว แม้โอรสของเราก็บวชอยู่ในสานักของพระสวามีแห่งเรานั้น เราจักกระทาอะไรอยู่ในท่ามกลางเรือน แม้เราบวชแล้วไปอยู่ในเมืองสาวัตถี
  • 2. 2 จักเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระโอรสอยู่เป็นเนืองนิตย์ จึงเสด็จเข้าไปยังสานักของนางภิกษุณี บวชแล้วได้ไปยังเมืองสาวัตถีพร้อมกับอุปัชฌาย์อาจารย์. เห็นพระศาสดาและบุตรผู้เป็ นที่รัก สาเร็จการอยู่ในสานักภิกษุณีแห่งหนึ่ง ราหุลสามเณรได้มาเยี่ยมพระชนนี. ครั้นวันหนึ่ง ลมในพระอุทรของพระเถรีกาเริบขึ้น. เมื่อพระโอรสเสด็จมาเพื่อจะเยี่ยมเยียน พระเถรีนั้นไม่สามารถจะออกมาพบได้ ภิกษุณีอื่นๆ จึงมาบอกว่า พระเถรีไม่สบาย. ราหุลสามเณรนั้นจึงไปยังสานักของพระมารดา แล้วทูลถามว่า พระองค์ควรจะได้ยาอะไร? พระเถรีผู้ชนนีตรัสว่า ดูก่อนพ่อ ในคราวยังครองเรือน มารดาดื่มรสมะม่วงที่เขาปรุงประกอบด้วยน้าตาลกรวดเป็นต้น โรคลมในท้องก็สงบระงับไป แต่บัดนี้ พวกเราเที่ยวบิณฑบาตเลี้ยงชีพ จักได้รสมะม่วงนั้นมาจากไหน. ราหุลสามเณรทูลว่า เมื่อหม่อมฉันได้ จักนามา แล้วก็ออกไป. ก็ท่านผู้มีอายุนั้นมีสมบัติมากมาย คือ มีพระธรรมเสนาบดีเป็นอุปัชฌาย์ มีพระมหาโมคคัลลานะเป็ นอาจารย์ มีพระอานันทเถระเป็ นอาว์ มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบิดา. แม้เมื่อเป็นอย่างนั้น ท่านก็ไม่ไปยังสานักอื่น ได้ไปยังสานักของอุปัชฌาย์ไหว้แล้ว ได้ยืนมีอาการหน้าเศร้าอยู่. ลาดับนั้น พระเถระจึงกล่าวกะราหุลสามเณรนั้นว่า ดูก่อนราหุล เหตุไรหนอ เธอจึงมีหน้าระทมทุกข์อยู่. ราหุลสามเณรกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ โรคลมในท้องแห่งพระเถรีผู้เป็ นมารดาของกระผม กาเริบขึ้น. พระเถระถามว่า ได้อะไรจึงจะควร? ราหุลสามเณรเรียนว่า พระมารดาเล่าให้ฟังว่า มีความผาสุกได้ด้วยรสมะม่วงที่ปรุงประกอบด้วยน้าตาลกรวด. พระเถระจึงกล่าวว่า ช่างเถอะ เราจักได้มา เธออย่าคิดไปเลย. ในวันรุ่งขึ้น พระเถระพาราหุลสามเณรนั้นเข้าไปในเมืองสาวัตถี ให้สามเณรนั่งที่โรงฉันแล้วได้ไปยังประตูพระราชวัง. พระเจ้าโกศลเห็นพระเถระ จึงนิมนต์ให้นั่ง. ในขณะนั้นเอง นายอุยยานบาลนาเอามะม่วงหวานที่สุกทั้งพวง จานวนห่อหนึ่งมาถวาย. พระราชาทรงปอกเปลือกมะม่วงแล้วใส่น้าตาลกรวดลงไป ขยาด้วยพระองค์เอง แล้วได้ถวายพระเถระจนเต็มบาตร. พระเถระออกจากพระราชนิเวศน์ ไปยังโรงฉัน แล้วได้ให้แก่สามเณร โดยกล่าวว่า เธอจงนารสมะม่วงนั้นไปให้มารดาของเธอ.
  • 3. 3 ราหุลสามเณรนั้นได้นาไปถวายแล้ว. พอพระเถรีบริโภคแล้วเท่านั้น โรคลมในท้องก็สงบ. ฝ่ายพระราชาทรงส่งคนไปด้วยดารัสสั่งว่า พระเถระไม่นั่งฉันรสมะม่วงในที่นี้ เธอจงไปดูให้รู้ว่า พระเถระให้ใคร. ราชบุรุษคนนั้นจึงไปพร้อมกับพระเถระ ทราบเหตุนั้นแล้วจึงมากราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ. พระราชาทรงพระดาริว่า ถ้าพระศาสดาจักอยู่ครองเรือน จักได้เป็ นพระเจ้าจักรพรรดิ ราหุลสามเณรจักได้เป็นขุนพลแก้ว พระเถรีจักได้เป็ นนางแก้ว ราชสมบัติในสกลจักรวาฬจักเป็ นของท่านเหล่านี้ทีเดียว ควรที่เราจะพึงอุปัฏฐากบารุงท่านเหล่านี้ บัดนี้ เราไม่ควรประมาทในท่านเหล่านี้ ผู้บวชแล้วเข้ามาอาศัยเราอยู่. จาเดิมแต่นั้น พระเจ้าโกศลรับสั่งให้ถวายรสมะม่วงแก่พระเถรีเป็นประจา. ความที่พระสารีบุตรเถระถวายรสมะม่วงแก่พระพิมพาเถรี เกิดปรากฏในหมู่ภิกษุสงฆ์. อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ได้ยินว่า พระสารีบุตรเถระได้กระทาพระพิมพาเถรีให้อิ่มหนาด้วยรสมะม่วง. พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรให้มารดาของราหุลอิ่มหนาด้วยรสมะม่วง ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อน สารีบุตรนี้ก็ได้ให้มารดาของราหุลนี้อิ่มหนามาแล้วเหมือนกัน แล้วทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้. ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในเมืองพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ในหมู่บ้านแคว้นกาสี พอเจริญวัยแล้วก็ไปเรียนสรรพศิลปศาสตร์ในเมืองตักกสิลา แล้วดารงฆราวาสอยู่ ต่อมาบิดามารดาล่วงลับไป จึงบวชเป็นฤาษี ทาอภิญญาและสมาบัติให้เกิดในหิมวันตประเทศ อันคณะฤาษีห้อมล้อมเป็นครูของคณะ. ต่อเมื่อระยะกาลอันยาวนานล่วงไป เพื่อต้องการจะเสพรสเค็มและเปรี้ยว จึงลงจากเชิงเขาเที่ยวจาริกไปจนถึงเมืองพาราณสี จึงสาเร็จการอยู่ในพระราชอุทยาน. ครั้งนั้น ภพของท้าวสักกะเทวราชก็สะท้านหวั่นไหวด้วยเดชแห่งศีลของคณะฤาษีนั้น.
  • 4. 4 ท้าวสักกะทรงราพึงอยู่ก็ได้ทรงทราบเหตุนั้น จึงทรงดาริว่า เราจักตะเกียกตะกายทาให้ดาบสเหล่านี้อยู่ไม่ได้ เมื่อเป็ นเช่นนั้น ดาบสเหล่านั้นถูกทาลายที่อยู่ ก็จะวุ่นวายเที่ยวไป จักไม่ได้เอกัคคตาจิต เมื่อเป็นเช่นนั้น ความผาสุกจักมีแก่เรา แล้วทรงพิจารณาว่า จะมีอุบายอย่างไรหนอ ก็ได้ทรงเห็นอุบายข้อนี้ว่า ในเวลาติดต่อกับมัชฌิมยาม เราจักเข้าไปห้องสิริไสยาศน์ของพระอัครมเหสีของพระราชา ยืนในอากาศบอกแก่พระนาง ดูก่อนพระนางผู้เจริญ ถ้าพระองค์จะได้เสวยมะม่วงสุกอันมีชื่อว่าอัพภันตระ จักได้พระโอรส และพระโอรสนั้นจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ พระราชาได้ทรงสดับถ้อยคาของพระเทวีแล้ว จักส่งคนไปพระราชอุทยานเพื่อต้องการให้ได้เอามะม่วงสุกมา เมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็จักทาให้มะม่วงอันตรธานหายไป ราชบุรุษจักกลับมากราบทูลพระราชาว่า มะม่วงในพระราชอุทยานไม่มี เมื่อพระราชาตรัสถามว่า ใครกินหมด พวกราชบุรุษจักกราบทูลว่า พวกดาบสกินหมด ครั้นพระราชาทรงสดับดังนั้น จักรับสั่งให้โบยตีพวกดาบสแล้วขับไล่ออกไป แม้เมื่อเป็นอย่างนั้น ดาบสเหล่านั้นจักเป็นอันถูกเรารบกวนให้วุ่นวาย. ในกาลติดต่อกับมัชฌิมยาม ท้าวสักกะนั้นจึงเสด็จเข้าไปยังห้องสิริไสยาศน์ ประทับยืนอยู่ในอากาศ แสดงตนให้รู้ว่าเป็นท้าวเทวราช เมื่อจะทรงปราศัยกับพระอัครมเหสีของพระราชานั้น ได้ตรัสคาถา ๒ คาถาแรกว่า :- ผลของต้นไม้ชื่ออัพภันตระเป็ นผลไม้ทิพย์ นารีผู้แพ้ท้องได้เสวยผลไม้ทิพย์นั้นแล้ว จะประสูติพระโอรสเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ. ดูก่อนพระนางผู้เจริญ แม้พระนางก็จะได้เป็ นพระอัครมเหสี ทั้งจะเป็นที่โปรดปรานของพระสวามี พระราชาจักทรงนาผลไม้ชื่ออัพภันตระนี้มาให้แก่พระนาง. ท้าวสักกะตรัสคาถา ๒ คาถานี้ด้วยประการอย่างนี้แล้ว ทรงพร่าสอนพระเทวีว่า พระองค์จงอย่าประมาทอย่าได้ชักช้า พึงกราบทูลพระราชาให้ทรงทราบในวันพรุ่งนี้ แล้วเสด็จกลับไปสถานที่อยู่ของพระองค์ทีเดียว. วันรุ่งขึ้น พระนางแสดงอาการว่าทรงประชวร ทรงให้สัญญาแก่นางบาเรอทั้งหลาย แล้วทรงบรรทมอยู่. พระราชาประทับนั่งบนสีหาศน์ ภายใต้เศวตฉัตรที่ยกขึ้น
  • 5. 5 ทอดพระเนตรดูเหล่านางนักสนมทั้งหลาย ไม่เห็นพระเทวี จึงตรัสถามนางข้าบาทบริจาริกาทั้งหลายว่า พระเทวีไปไหน? นางข้าบาทบริจาริกาทั้งหลายกราบทูลว่า พระนางทรงพระประชวร พระเจ้าข้า. พระราชาจึงเสด็จไปยังสานักของพระเทวี ประทับนั่งบนข้างพระที่บรรทมแล้ว ทรงลูบพระปฤษฎางค์ ตรัสถามว่า น้องนางผู้เจริญ เธอไม่มีผาสุกสาราญอะไรหรือ? พระเทวีทูลว่า ข้าแต่มหาราช ชื่อว่าความไม่ผาสุกสาราญอย่างอื่นไม่มี แต่กระหม่อมฉันเกิดการแพ้พระครรภ์ พระเจ้าข้า. พระราชาตรัสถามว่า น้องนางผู้เจริญ เธอต้องการอะไร? พระเทวีทูลว่า กระหม่อมฉันต้องการผลมะม่วงชื่ออัพภันตระพระเจ้าข้า. พระราชาตรัสถามว่า เทวี มะม่วงชื่ออัพภันตระมีอยู่ที่ไหน? พระเทวีทูลว่า ขอเดชะ กระหม่อมฉันจะรู้จักมะม่วงชื่อว่าอัพภันตระก็หามิได้ เป็นแต่ว่า เมื่อกระหม่อมฉันได้ผลของต้นมะม่วงชื่อว่าอัพภันตระนั้น ก็จะมีชีวิตอยู่ เมื่อไม่ได้คงจะไม่มีชีวิตพระเจ้าข้า. พระราชาตรัสว่า ถ้าอย่างนั้น เราจักให้นามา เธออย่าเสียใจไปเลย. พระราชา ครั้นทรงปลอบโยนพระเทวีให้เบาพระทัยแล้ว จึงเสด็จลุกขึ้นไปประทับนั่งบนราชบัลลังก์ รับสั่งให้เรียกอามาตย์ทั้งหลายมาแล้วตรัสถามว่า พระเทวีเกิดการแพ้พระครรภ์ อยากจะเสวยมะม่วงชื่อว่าอัพภันตระ ควรจะทาอย่างไร? อามาตย์ทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ มะม่วงที่ตั้งอยู่ระหว่างกลางมะม่วง ๒ ต้น ชื่อว่ามะม่วงอัพภันตระ พวกข้าพระพุทธเจ้าจักส่งคนไปยังพระราชอุทยาน ให้นาผลจากมะม่วงที่ตั้งอยู่ในระหว่างต้นมะม่วงทั้งสองต้นมาให้ประทานแก่พระเ ทวี. พระราชาตรัสว่า ดีแล้ว พวกท่านจงนาเอาผลมะม่วงเห็นปานนั้นมา แล้วทรงส่งราชบุรุษไปยังพระราชอุทยาน. ท้าวสักกะทรงบันดาลให้ผลมะม่วงทั้งหลายในพระราชอุทยานอันตรธา นไป เหมือนอย่างถูกคนเคี้ยวกินด้วยอานุภาพของพระองค์. ราชบุรุษทั้งหลายผู้ไปเพื่อต้องการผลมะม่วง เที่ยวไปตลอดพระราชอุทยานทั้งสิ้น ไม่ได้แม้มะม่วงกับผลเดียว จึงกลับมากราบทูลพระราชา ถึงความที่ผลมะม่วงไม่มีในพระราชอุทยาน. พระราชาตรัสถามว่า ใครกินมะม่วงหมด? พวกราชบุรุษกราบทูลว่า พวกดาบส พระเจ้าข้า. พระราชาตรัสว่า พวกท่านจงโบยตีดาบสทั้งหลายนาออกไปจากพระราชอุทยาน. พวกราชบุรุษรับพระบัญชาแล้ว
  • 6. 6 พากันนาพระดาบสทั้งหลายออกไปจากพระราชอุทยาน. เป็นอันว่า มโนรถของท้าวสักกะบรรลุถึงที่สุดสมประสงค์. พระเทวีก็ยังทรงบรรทมอยู่นั่นแหละโดยผูกพระทัยเพื่อจะเสวยผลมะม่ วงให้ได้. เมื่อพระราชาไม่ทรงเห็นลู่ทางที่จะพึงกระทา จึงสั่งให้อามาตย์และพราหมณ์ทั้งหลายประชุมกัน แล้วตรัสถามว่า ท่านทั้งหลายยังจะทราบว่ามะม่วงอัพภันตระมีอยู่หรือ? พราหมณ์ทั้งหลายกราบทูลว่า ขอเดชะ ชื่อว่ามะม่วงอัพภันตระเป็นเครื่องบริโภคของเทวดาทั้งหลาย มีอยู่ภายในถ้าทองในป่าหิมพานต์ พวกข้าพระพุทธเจ้าได้ยินสืบๆ กันมาดังนี้ พระราชาตรัสถามว่า ก็ใครเล่าจักสามารถนาเอามะม่วงจากป่าหิมพานต์นั้นมาได้? พวกพราหมณ์กราบทูลว่า ผู้ที่เป็นมนุษย์ไม่สามารถจะไปในที่นั้นได้ ควรจะส่งสุวโปดกลูกนกแขกเต้าตัวหนึ่งไป. ก็สมัยนั้น ในราชสกุลมีลูกนกแขกเต้าตัวหนึ่ง ตัวใหญ่ประมาณเท่าดุมล้อแห่งยานของพวกเด็กๆ สมบูรณ์ด้วยเรี่ยวแรงมีปัญญา ฉลาดในอุบาย. พระราชาจึงให้นาสุวโปดกนั้นมาแล้วตรัสว่า ดูก่อนพ่อสุวโปดก เรามีอุปการะเป็นอันมากแก่เจ้า เจ้าได้อยู่ในกรงทอง กินข้าวตอกคลุกน้าผึ้งในจานทอง ดื่มน้าเจือน้าตาลกรวด แม้เจ้าก็ควรจะช่วยเหลือทากิจอันหนึ่งของเรา. สุวโปดกถามว่า ข้าแต่สมมติเทพ กิจอะไร พระเจ้าข้า? พระราชาตรัสว่า ดูก่อนพ่อ พระเทวีเกิดแพ้พระครรภ์ อยากจะเสวยมะม่วงอัพภันตระ ก็มะม่วงนั้นมีอยู่ในระหว่างกาญจนบรรพต ในป่าหิมพานต์ เป็ นเครื่องบริโภคของเทวดาทั้งหลาย ผู้เป็นมนุษย์ไม่อาจไปในที่นั้น ท่านควรนาผลมะม่วงจากป่าหิมพานต์นั้นมา. สุวโปดกกราบทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ ได้พระเจ้าข้า ข้าพระองค์จักนามาถวาย. ลาดับนั้น พระราชาจึงให้สุวโปดกนั้นกินข้าวตอกเคล้าน้าผึ้งในจานทอง ให้ดื่มน้าเจือน้าตาลกรวด ทาระหว่างปีกของสุวโปดกนั้นด้วยน้ามันอันสุกได้ร้อยครั้ง แล้วอุ้มเสด็จไปประทับยืนที่สีหบัญชร แล้วปล่อยไปในอากาศ. ฝ่ายสุวโปดกนั้นแสดงการเคารพต่อพระราชาแล้วบินไปในอากาศ ล่วงเลยถิ่นมนุษย์ไปถึงสานักของนกแขกเต้าทั้งหลายผู้อยู่ในระหว่างภูเขาที่หนึ่ง ในหิมวันตประเทศ แล้วถามว่า มะม่วงชื่ออัพภันตระมีอยู่ที่ไหน ท่านทั้งหลายจงบอกสถานที่นั้นแก่ข้าพเจ้า. พวกนกแขกเต้ากล่าวว่า
  • 7. 7 พวกเราไม่รู้จัก พวกนกแขกเต้า ในระหว่างภูเขาที่สองคงจักรู้. สุวโปดกนั้นได้ฟังดังนั้น จึงได้บินจากนั้นไปถึงระหว่างเขาที่สอง ที่สาม ที่สี่ ที่ห้า ที่หก ก็ถามเหมือนอย่างนั้น. นกแขกเต้าทั้งหลายในระหว่างภูเขาที่หกแม้นั้นกล่าวกะสุวโปดกนั้นว่า พวกเราไม่รู้ พวกนกแขกเต้า ในระหว่างภูเขาที่ ๗ คงจักรู้. สุวโปดกนั้นจึงบินในระหว่างภูเขาที่ ๗ แม้นั้นแล้วถามว่า มะม่วงชื่ออั พภันตระมีอยู่ที่ไหน? นกแขกเต้าเหล่านั้นกล่าวว่า มีอยู่ในระหว่างกาญจนบรรพตในที่ชื่อโน้น. สุวโปดกกล่าวว่า ข้าพเจ้ามาเพื่อต้องการผลของมะม่วงอัพภันตระนั้น ท่านทั้งหลายโปรดนาข้าพเจ้าไปที่นั้นแล้ว จงให้ผลจากมะม่วงชื่อว่าอัพภันตระนั้นแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด. หมู่นกแขกเต้ากล่าวว่า สหาย มะม่วงอัพภันตระนั้น เป็นเครื่องบริโภคของท้าวเวสวัณมหาราช ใครๆ ไม่อาจเข้าไปใกล้ ต้นไม้ทั้งสิ้นล้อมด้วยตาข่ายเหล็ก ๗ ชั้น ตั้งแต่ราก มีกุมภัณฑ์และรากษสจานวนพันรักษาอยู่ ผู้ที่หมู่กุมภัณฑ์และรากษสเหล่านั้นเห็นแล้ว จะไม่มีชีวิตรอด สถานที่นั้นเหมือนอเวจีมหานรก ประดุจไฟลุกอยู่ตลอดกัป ท่านอย่าได้กระทาความปรารถนาในที่นั้นเลย. สุวโปดกกล่าวว่า ถ้าท่านทั้งหลายไม่ไป ขอจงบอกที่นั้นแก่ข้าพเจ้า. นกแขกเต้าทั้งหลายกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านจงไปทางโน้นๆ. สุวโปดกนั้นทรงจาหนทางได้แม่นยา ตามที่นกแขกเต้าเหล่านั้นบอก จึงบินไปยังที่นั้น ไม่แสดงตนในตอนกลางวัน ในระหว่างมัชฌิมยาม ในเวลาที่พวกรากษสนอนหลับ จึงเข้าไปใกล้ต้นมะม่วงอัพภันตระเริ่มค่อยๆ ปีนขึ้นทางระหว่างโคนต้นหนึ่ง ตาข่ายเหล็กก็กระทบกันเสียงดังกริ๊กๆ. พวกรากษสเหล่านั้นตื่นขึ้นแลเห็นสุวโปดกอยู่ข้างใน จึงจับเอาไว้โดยหาว่าเป็นโจรลักมะม่วง แล้วจัดแจงจะลงเครื่องกรรมกรณ์. รากษสตนหนึ่งกล่าวว่า เราจะใส่ปากกลืนกินมัน. รากษสอีกตนหนึ่งกล่าวว่า เราจะขยี้ด้วยมือทั้งสอง ทามันให้แหลกกระจาย รากษสอีกตนหนึ่งกล่าวว่า เราจะผ่าให้เป็ นสองซีกปิ้งที่ถ่านไฟแล้วกินเสีย. สุวโปดกนั้น แม้จะได้ยินการจัดแจงลงกรรมกรณ์ของรากษสเหล่านั้น ก็มิได้หวาดเสียวเลย เรียกพวกรากษสเหล่านั้นมาแล้วกล่าวว่า ท่านรากษสผู้เจริญ พวกท่านเป็นราชบุรุษของใคร. พวกรากษสกล่าวว่า เป็นราชบุรุษของท้าวเวสวัณมหาราช. สุวโปดกกล่าวว่า แม้พวกท่านก็เป็ นราชบุรุษของพระราชาองค์หนึ่ง แม้เราก็เป็นราชบุรุษของพระราชาผู้เป็ นมนุษย์เหมือนกัน
  • 8. 8 พระเจ้าพาราณสีทรงส่งเรามาเพื่อต้องการผลมะม่วงอัพภันตระ เรานั้นได้สละชีวิตเพื่อพระราชาของเราในเมืองพาราณสีนั้นนั่นแลจึงได้มา ก็บุคคลใดสละชีวิตเพื่อประโยชน์แก่บิดามารดาและเจ้านายของตน บุคคลนั้นย่อมบังเกิดในเทวโลกเที่ยงแท้ เพราะฉะนั้น แม้เราพ้นจากกาเนิดดิรัจฉานนี้แล้ว จักบังเกิดในเทวโลกเท่านั้น แล้วกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :- บุคคลผู้กล้าหาญ ยอมเสียสละตน พากเพียรพยายามในประโยชน์ของท่านที่ได้เลี้ยงตนมา ย่อมถึงฐานะอันใด ข้าพเจ้าเป็นผู้จะได้ฐานะอันนั้น. สุวโปดกนั้นแสดงธรรมแก่พวกรากษสเหล่านั้นด้วยคาถานี้ด้วยประกา รอย่างนี้. พวกรากษสเหล่านั้นฟังธรรมของสุวโปดกนั้นแล้ว มีจิตเลื่อมใสกล่าวว่า สุวโปดกนี้เป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม ใครๆ ไม่อาจฆ่าให้ตาย พวกเราจงปล่อยสุวโปดกนั้นเสียเถิด ว่าแล้วก็ปล่อยสุวโปดกพลางกล่าวว่า ดูก่อนสุวโปดกผู้เจริญ ท่านเป็นผู้พ้นภัยแล้ว ท่านจงไปจากมือของพวกเราโดยความสวัสดีเถิด. สุวโปดกกล่าวว่า ท่านทั้งหลายอย่าได้กระทาการมาของข้าพเจ้าให้เปล่าประโยชน์เลย จงให้ผลมะม่วงแก่ข้าพเจ้าสักผลหนึ่ง. รากษสทั้งหลายกล่าวว่า ดูก่อนสุวโปดก ชื่อว่าการให้ผลมะม่วงผลหนึ่งแก่ท่าน หาได้เป็ นภาระหน้าที่ของพวกเรา ด้วยว่ามะม่วงบนต้นนี้ ท้าวเวสวัณมานับไว้ๆ เมื่อขาดหายไม่มีแม้แต่ผลเดียว ชีวิตของพวกเราก็จะไม่มี เพราะเมื่อท้าวเวสวัณโกรธแลดูคราวเดียว พวกเราก็จะเป็ นเหมือนเมล็ดงาที่ใส่ลงในกระเบื้องอันร้อน กุมภัณฑ์ทั้งพันตนก็จะแตกละเอียดกระจายไป ด้วยเหตุนั้น พวกเราจึงไม่อาจให้แก่ท่าน แต่พวกเราจักบอกสถานที่ที่พอจะหาได้. สุวโปดกกล่าวว่า คนใดคนหนึ่งผู้สามารถจะให้ได้ ท่านทั้งหลายจงบอกสถานที่ที่ได้เถิด. รากษสเหล่านั้นจึงบอกว่า ในระหว่างตาข่ายแห่งกาญจนบรรพตนี้ มีดาบสชื่อโชติรส ท่านบูชาไฟอยู่ในบรรณศาลาชื่อว่ากาญจนปันตี ท่านเป็นกุลุปกะคือนักบวชประจาตระกูลของท้าวเวสวัณ และท้าวเวสวัณส่งผลมะม่วงไปถวายเป็นประจาวันละ ๔ ผล ท่านจงไปยังสานักของพระดาบสนั้นเถิด. สุวโปดกรับคาแล้วบินไปยังสานักของดาบสนั้นไหว้แล้วจับอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. ลาดับนั้น ดาบสจึงถามสุวโปดกนั้นว่า เธอมาจากไหน? สุวโปดกเรียนว่า มาจากสานักของพระเจ้าพาราณสี. พระดาบสถามว่า มาเพื่อต้องการอะไร? สุวโปดกเรียนว่า
  • 9. 9 พระเทวีของพระราชาแห่งกระผมเกิดความแพ้พระครรภ์ อยากเสวยมะม่วงสุกชื่ออัพภันตระ กระผมจึงได้มาเพื่อต้องการมะม่วงชื่ออัพภันตระนั้น แต่พวกรากษสจะให้มะม่วงสุกชื่อว่าอัพภันตระแก่ผม ด้วยตนเองไม่ได้ จึงส่งมายังสานักของพระคุณเจ้า. พระดาบสกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้น เธอจงนั่งคอยก่อนจึงจักได้. ลาดับนั้น ท้าวเวสวัณส่งผลมะม่วง ๔ ผลมาถวายพระดาบสนั้น. พระดาบสฉันไป ๒ ผล จาก ๔ ผลนั้น ได้ให้สุวโปดกกินผลหนึ่ง เมื่อสุวโปดกนั้นกินมะม่วงผลนั้นแล้ว พระดาบสจึงเอามะม่วงอีกผลหนึ่งใส่สาแหรกคล้องคอสุวโปดก แล้วกล่าว เธอจงไปในบัดเดี๋ยวนี้ แล้วก็ปล่อยสุวโปดกนั้นไป. สุวโปดกนั้นได้นาผลมะม่วงนั้นมาถวายพระเทวี. พระเทวีเสวยผลมะม่วงนั้นแล้วก็ยังความแพ้พระครรภ์ให้สงบระงับลงได้. พระราชาทรงชื่นชมโสมนัสอันมีการได้มะม่วงอัพภันตระนั้นมาเป็นเหตุ แต่พระราชเทวีนั้นมิได้มีพระราชโอรส. พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า พระเทวีในกาลนั้นได้เป็น ราหุลมารดา ในบัดนี้ สุวโปดกในกาลนั้น ได้เป็ น ราหุล พระราชาในกาลนั้นได้เป็น พระอานนท์ ดาบสผู้ให้มะม่วงสุกในกาลนั้น ได้เป็น พระสารีบุตร ส่วนดาบสผู้อยู่ในพระราชอุทยานในครั้งนั้น ได้เป็น เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถาอัพภันตรชาดกที่ ๑ -----------------------------------------------------