SlideShare a Scribd company logo
1
โลมสกัสสปชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๗. โลมสกัสสปชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๔๓๓)
ว่าด้วยโลมสกัสสปฤาษี
(ท้าวสักกะตรัสกับพระราชาว่า)
[๖๐] ข้าแต่มหาราช หากพระองค์ให้ฤๅษีโลมสกัสสปะบูชายัญได้
พระองค์จะเป็ นเหมือนพระอินทร์ ไม่แก่ ไม่ตายเลย
(ฤๅษีโลมสกัสสปะกล่าวกับสัยหอามาตย์ว่า)
[๖๑] อาตมาไม่ปรารถนาแผ่นดินอันมีสมุทรเป็ นขอบเขต
มีสาครล้อมรอบประดุจต่างหู พร้อมกับคานินทา ท่านจงทราบอย่างนี้เถิด
สัยหอามาตย์
[๖๒] พราหมณ์ น่าติเตียนการได้ยศ และการได้ทรัพย์สาหรับเลี้ยงชีวิต
ซึ่งเป็ นเหตุให้ประสบความพินาศ หรือประพฤติไม่เป็นธรรม
[๖๓] ถึงแม้เราจะเป็ นนักบวชถือบาตรเลี้ยงชีพ
การเลี้ยงชีพเช่นนั้นแหละยังดีกว่าการแสวงหาโดยไม่ชอบธรรม
[๖๔] ถึงแม้เราจะเป็ นนักบวชถือบาตรเลี้ยงชีพ
ไม่เบียดเบียนผู้อื่นในโลก การเลี้ยงชีพเช่นนั้นแหละยังดีกว่าการครองราชสมบัติ
(ประชาชนที่มาประชุมกันกล่าวว่า)
[๖๕] ดวงจันทร์ก็มีกาลัง ดวงอาทิตย์ก็มีกาลัง
สมณะและพราหมณ์ทั้งหลายก็มีกาลัง ฝั่งสมุทรก็มีกาลัง
แต่หญิงทั้งหลายมีกาลังเหนือกว่ากาลังทั้งหมด
[๖๖] เพราะพระนางจันทวดีได้ใช้ฤๅษีชื่อโลมสกัสสปะ
ซึ่งมีตบะสูงบูชายัญชื่อ วาชเปยยะ เพื่อประโยชน์แก่พระบิดาได้
(ฤๅษีโลมสกัสสปะสลดใจ จึงกล่าวว่า)
[๖๗] กรรมที่กระทาด้วยความโลภมีกามเป็นเหตุนั้น เป็นกรรมเผ็ดร้อน
เราจักค้นหารากเหง้าของกรรมนั้น จักตัดราคะพร้อมทั้งเครื่องผูก
[๖๘] น่าติเตียน กามทั้งหลายแม้มากมายในโลก
ขอถวายพระพรมหาบพิตร ตบะเท่านั้นประเสริฐกว่ากามคุณทั้งหลาย
อาตมาจะละกาม บาเพ็ญตบะ ส่วนแว่นแคว้นและพระนางจันทวดี
ขอถวายคืนมหาบพิตร
โลมสกัสสปชาดกที่ ๗ จบ
----------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
โลมสกัสสปชาดก
2
ว่าด้วย ตบะเป็นคุณธรรมอันประเสริฐ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
ทรงปรารภภิกษุผู้กระสันรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
ความย่อมีว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุรูปนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ
เขาว่าเธอกระสันจริงหรือ? เมื่อภิกษุรูปนั้นกราบทูลว่า จริงพระเจ้าข้า
จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ก็ลมที่พัดภูเขาสิเนรุให้หวั่นไหว
ทาไมจึงจักไม่พัดใบไม้เก่าๆ ให้หวั่นไหวเล่า แม้ผู้ที่เพียบพร้อมไปด้วยยศทั่วๆ
ไป ยังถึงความเสื่อมยศได้ ชื่อว่ากิเลสย่อมทาสัตว์ที่บริสุทธิ์ให้เศร้าหมองได้
จะป่วยกล่าวไปใยถึงคนเช่นเธอ ดังนี้
แล้วทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล โอรสของพระเจ้าพรหมทัตผู้ครองพระนครพาราณสี
ชื่อว่าพรหมทัตตกุมาร และบุตรของปุโรหิต ชื่อว่ากัสสปะ เป็นสหายกัน
เรียนศิลปะทุกอย่างในตระกูลอาจารย์คนเดียวกัน.
ต่อมา เมื่อพระราชบิดาสวรรคต พรหมทัตตกุมารได้ครองราชสมบัติ
ที่นั้นกัสสปกุมารคิดว่า สหายของเราเป็ นพระราชา
บัดนี้คงจักพระราชทานความเป็ นใหญ่
ประโยชน์อะไรด้วยความเป็นใหญ่สาหรับเรา
เราจักลามารดาบิดาและพระราชาแล้วบวช
ครั้นเขาคิดดังนี้แล้ว จึงได้ถวายบังคมลาพระราชาและลามารดาบิดา
เข้าดินแดนหิมพานต์ บวชเป็นฤๅษี ในวันที่ ๗ ได้อภิญญาและสมาบัติ
เลี้ยงชีพอยู่ด้วยการเที่ยวแสวงหาผลไม้
คนทั้งหลายพากันเรียกท่านซึ่งเป็ นบรรพชิตว่าโลมสกัสสปะ ท่านเป็นดาบสที่มีอิน
ทรีย์สงบระงับอย่างยิ่ง มีตบะแรงกล้า
ภพของท้าวสักกเทวราชหวั่นไหวด้วยเดชแห่งตบะของดาบสนั้น.
ลาดับนั้น ท้าวสักกเทวราชทรงพิจารณาดูเห็นเหตุดังนั้นแล้ว
ทรงดาริว่า ดาบสนี้มีเดชสูงนัก จะทาเราให้เคลื่อนจากความเป็ นท้าวสักกะ
เราจักร่วมมือกับพระเจ้าพาราณสี ทาลายตบะของดาบสนั้นเสีย.
ครานั้น ท้าวเธอได้เสด็จเข้าไปยังห้องสิริไสยาสน์ของพระเจ้าพาราณสี
ในเวลาเที่ยงคืน แสดงอานุภาพของท้าวสักกะ
บันดาลห้องทั้งหมดให้สว่างด้วยรัศมีแห่งพระสรีระ
ลอยอยู่ในอากาศในสานักของพระราชา ปลุกพระราชาว่า ตื่นขึ้นเถิดมหาราช
เมื่อพระราชาตรัสถามว่า ท่านเป็ นใคร ตรัสตอบว่า เราคือท้าวสักกะ ตรัสถามว่า
ท่านมาเพื่ออะไร? ตรัสย้อนถามว่า มหาราช
ท่านจะปรารถนาความเป็นเอกราชในชมพูทวีปทั้งสิ้น หรือไม่ปรารถนา?
ตรัสตอบว่า ทาไมจึงจะไม่ปรารถนาเล่า.
3
ลาดับนั้น ท้าวสักกเทวราชจึงตรัสกะพระราชาว่า ถ้าเช่นนั้น
พระองค์จงนาโลมสกัสสปดาบสมาบูชาปสุฆาตยัญ พระองค์จะเสมอด้วยท้าวสักกะ
ไม่แก่ไม่ตายจักได้ครองราชสมบัติทั่วชมพูทวีป ดังนี้
แล้วตรัสคาถาที่ ๑ ว่า :-
ถ้าท่านนาเอาฤๅษีโลมสกัสสปะมาบูชายัญได้
ท่านจักได้เป็ นพระราชาเสมอด้วยพระอินทร์ ไม่รู้แก่ ไม่รู้ตายเลย.
ลาดับนั้น พระราชาได้ทรงสดับพระดารัสของท้าวสักกะแล้ว
ทรงรับคาว่า ดีแล้ว ครานั้น ท้าวสักกะตรัสเตือนว่า ถ้าเช่นนั้น ก็อย่าเนิ่นช้า
แล้วเสด็จหลีกไป.
วันรุ่งขึ้น พระราชารับสั่งให้เรียกไสยหะอามาตย์ตรัสว่า แน่ะเพื่อน
ท่านจงไปสานักโลมสกัสสปะผู้เป็นสหายที่รักของเรา
จงพูดตามคาของเราอย่างนี้ว่า ได้ยินว่า พระราชาจักให้ท่านบูชาปสุฆาตยัญ
แล้วจักเป็นเอกราชทั่วชมพูทวีป ท่านปรารถนาประเทศเท่าใด
พระราชาจักพระราชทานประเทศเท่านั้นแก่ท่าน ขอท่านจงมาเพื่อบูชายัญกับเรา.
ไสยหะอามาตย์ได้ฟังดังนั้นแล้ว กราบทูลว่า ดีแล้ว พระเจ้าข้า
แล้วให้ตีกลองป่าวประกาศในพระนคร เพื่อจะรู้ที่อยู่ของดาบส
เมื่อชาวป่าคนหนึ่งบอกว่า ข้าพเจ้ารู้
ได้ให้เขาเป็นคนนาทางไปในที่นั้นด้วยบริวารใหญ่ ไหว้พระฤๅษีแล้วนั่ง ณ
ที่ควรแห่งหนึ่ง แจ้งข่าวสาส์นนั้น.
ลาดับนั้น พระดาบสได้ฟังคาของไสยหะอามาตย์ แล้วกล่าวว่า
ดูก่อนไสยหะ ท่านพูดอะไรนั่น เมื่อจะปฏิเสธถ้อยคาของไสยหะอามาตย์
ได้กล่าวคาถา ๔ คาถาว่า :-
อาตมาไม่ปรารถนาแผ่นดินที่มีทะเลล้อมรอบ มีมหาสมุทร ๔
เป็นขอบเขต พร้อมกับความนินทา ดูก่อนไสยหะ ท่านจงทราบอย่างนี้เถิด.
ดูก่อนพราหมณ์ เราติเตียนการได้ยศ การได้ทรัพย์
และความประพฤติอันไม่เป็ นธรรม มีแต่จะให้ถึงความพินาศ.
ถึงแม้จะเป็นบรรพชิต ต้องอุ้มบาตรหาเลี้ยงชีพ แต่ไม่เบียดเบียนใคร
ความเป็นอยู่เช่นนั้น ยังดีกว่าการแสวงหาที่ไม่เป็นธรรมจะดีอะไร.
ถึงแม้จะเป็นบรรพชิต ต้องอุ้มบาตรหาเลี้ยงชีพ แต่ไม่เบียดเบียนใคร
ความเป็นอยู่นั่นแหละประเสริฐกว่าความเป็นพระราชาในโลก.
อามาตย์ฟังคาของพระดาบสนั้นแล้ว ได้ไปกราบทูลแด่พระราชา
พระราชาได้ทรงสดับดังนั้น ตรัสว่า เมื่อท่านไม่มา เราก็ไม่อาจจะทาอะไรได้
จึงได้ทรงนิ่งอยู่
ลาดับนั้น ท้าวสักกเทวราชได้เสด็จมาในเวลาเที่ยงคืนอีก
ประทับอยู่ในอากาศ ตรัสว่า ดูก่อนมหาราช
4
เหตุไรพระองค์จึงไม่บังคับโลมสกัสสปดาบสให้บูชายัญ
พระราชาตรัสว่า ข้าพระองค์ส่งอามาตย์ไปบอกแล้ว แต่ท่านไม่มา.
ท้าวสักกะตรัสว่า ดูก่อนมหาราช ถ้าเช่นนั้น
พระองค์จงตกแต่งจันทวดีกุมารี ซึ่งเป็ นพระราชธิดาของพระองค์
แล้วมอบให้ไสยหะอามาตย์นาไปบอกว่า ถ้าท่านมาบูชายัญ
พระราชาจักพระราชทานพระราชกุมารีนี้แก่ท่าน
พระดาบสนั้นจักมีจิตปฏิพัทธ์ในกุมารี จักมาเป็นแน่.
พระราชาได้ทรงสดับดังนั้น ทรงรับว่า ดีแล้ว.
วันรุ่งขึ้น
ทรงมอบพระราชธิดาของพระองค์แก่ไสยหะอามาตย์ส่งไปแล้ว
ไสยหะอามาตย์พาพระราชธิดาไปในที่นั้น ไหว้พระฤๅษีทาปฏิสันถารแล้ว ยืนอยู่
ณ ที่ควรแห่งหนึ่ง แสดงพระราชธิดาซึ่งงามประดุจเทพอัปสรแก่พระฤๅษี.
ลาดับนั้น พระดาบสทาลายอินทรีย์เสียแล้ว แลดูพระราชธิดา
พร้อมกับการแลดูนั่นเอง เกิดจิตปฏิพัทธ์ขึ้นแล้วเสื่อมจากฌาน.
อามาตย์รู้ว่าพระดาบสมีจิตปฏิพัทธ์ จึงกล่าวว่า ท่านขอรับ
ถ้าท่านบูชายัญ
พระราชาจักพระราชทานพระราชธิดานี้ให้เป็นบาทบริจาริกาสาหรับท่าน.
พระดาบสนั้นกาลังหวั่นไหวไปด้วยอานาจกิเลส จึงถามว่า ได้ยินว่า
พระราชาจักพระราชทานพระราชธิดานี้แก่เราหรือ?
อามาตย์ตอบว่า ถูกแล้ว พระราชาจักพระราชทานแก่ท่านผู้บูชายัญ.
พระดาบสกล่าวว่า ดีแล้ว เมื่อเราได้พระราชธิดานี้จักบูชายัญ
แล้วสวมชฎาพาพระราชธิดาขึ้นรถที่ประดับงดงาม ไปพระนครพาราณสี.
แม้พระราชาได้สดับว่า พระดาบสมา
ก็รับสั่งให้ตั้งพิธีกรรมขึ้นที่หลุมบูชายัญไว้สาหรับพระดาบสนั้น
ครั้นได้ทอดพระเนตรเห็นพระดาบสมา ก็ตรัสว่า ท่านบูชายัญในวันพรุ่งนี้
เราจักเป็นผู้เสมอด้วยพระอินทร์ เวลาเสร็จการบูชายัญ เราจักถวายธิดาแก่ท่าน
กัสสปดาบสรับคาว่า ดีแล้ว ครั้นในวันรุ่งขึ้น
พระราชาพาท่านดาบสไปที่หลุมบูชายัญพร้อมกับนางจันทวดี
ในหลุมนั้นได้มีสัตว์ ๔ เท้าทุกอย่าง เช่นช้าง ม้า โคเป็ นต้น
ประดิษฐานไว้เป็ นลาดับ.
พระดาบสเริ่มจะฆ่าสัตว์เหล่านั้นทั้งหมดให้ตายแล้วบูชายัญ
มหาชนที่มาประชุมกันอยู่ ณ ที่นั้น เห็นดังนั้นกล่าวว่า ดูก่อนโลมสกัสสปะ
กรรมนี้ไม่เหมาะไม่สมควรแก่ท่าน ทากรรมนั้นเพื่ออะไร แล้วคร่าครวญ
กล่าวคาถา ๒ คาถาว่า :-
พระจันทร์มีกาลัง พระอาทิตย์มีกาลัง สมณพราหมณ์มีกาลัง
5
ฝั่งแห่งสมุทรก็มีกาลัง หญิงมีกาลังยิ่งกว่ากาลังทั้งหลาย.
พระนางจันทวดี ทาให้ฤๅษีชื่อโลมสกัสสปะผู้มีตบะกล้า
มาบูชายัญเพื่อประโยชน์แก่พระราชบิดาได้.
ข้อนี้มีอธิบายว่า เพราะนางจันทวดีนี้กระทาโลมสกัสสปะผู้มีตบะกล้า
ผู้ชื่อว่าเป็นฤๅษี เพราะเป็นผู้แสวงหาคุณทั้งหลายมีศีลเป็นต้น ให้เป็นผู้ไม่มีศีล
แล้วให้บูชาวาชเปยยะ คือยัญ เพื่อประโยชน์แก่พระราชบิดาได้ ฉะนั้น ข้อนี้
บัณฑิตพึงทราบว่า หญิงมีกาลังยิ่งกว่ากาลังทั้งหลาย.
ขณะนั้น กัสสปดาบสเงื้อพระขรรค์แก้วขึ้น ด้วยคิดว่า
จักฟันคอมงคลหัตถีเพื่อบูชายัญ ช้างเห็นดังนั้นก็สะดุ้งกลัวต่อมรณภัย
จึงร้องเสียงดัง แม้พวกสัตว์นอกนี้ คือช้าง ม้า โคเป็นต้น
ได้ฟังเสียงร้องของช้างมงคลหัตถีนั้น ต่างก็สะดุ้งกลัวต่อมรณภัย
จึงได้ร้องลั่นด้วยความกลัว แม้มหาชนก็พากันร้อง
กัสสปดาบสได้ยินเสียงร้องกันใหญ่ดังนั้น ก็สลดใจ แลดูชฎาเป็ นต้นของตน.
ลาดับนั้น ชฎา หนวด ขนรักแร้ ขนอก ได้ปรากฏแก่พระดาบสนั้น
พระดาบสมีความเดือดร้อนใจ คิดว่า เราได้ทากรรมลามก ไม่สมควรเลย.
เมื่อจะประกาศความสลด ได้กล่าวคาถาที่ ๘ ว่า :-
กรรมที่ทาด้วยความโลภนั้น เผ็ดร้อน มีกามเป็ นเหตุ
เราจักค้นหามูลรากของกรรมนั้น จักตัดความกาหนัดพร้อมทั้งเครื่องผูกเสีย.
พึงทราบความแห่งคาที่เป็นคาถานั้นว่า
ข้าแต่พระราชาผู้เป็นใหญ่
กรรมใดที่ข้าพระองค์ทาความโลภในนางจันทวดีให้เกิดขึ้น
แล้วทาลงด้วยความโลภนั้น กรรมนั้นมีกามเป็นเหตุ เป็นกรรมลามก เผ็ดร้อน
มีวิบากแรงกล้า ข้าพระองค์จักค้นหามูลราก
กล่าวคืออโยนิโสมนสิการของกรรมนั้น สมควรแล้วที่ข้าพระองค์จักชักดาบ
คือปัญญาออก ตัดความกาหนัดยินดี พร้อมด้วยเครื่องผูกพัน คือศุภนิมิต.
ลาดับนั้น พระราชาตรัสกะพระดาบสว่า ดูก่อนสหาย อย่ากลัวเลย
เราจักให้นางจันทวดีกุมารีและกองแก้ว ๗ ประการแก่ท่านในบัดนี้
ท่านจงบูชายัญเถิด.
พระกัสสปดาบสได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวว่า ข้าแต่มหาราช
ข้าพระองค์ไม่ต้องการด้วยกิเลสนี้ แล้วกล่าวคาถาสุดท้ายว่า :-
ข้าแต่พระราชา ข้าพระองค์ติเตียนกามคุณทั้งหลาย
ที่มีอยู่ในโลกเป็นอันมาก ตบะธรรมเท่านั้นประเสริฐกว่ากามคุณทั้งหลาย
ข้าพระองค์จักละกามคุณทั้งหลายเสีย แล้วบาเพ็ญตบะ
ส่วนนางจันทวดีจงอยู่ในแว่นแคว้นของพระองค์เถิด.
6
พระดาบส ครั้นทูลดังนี้แล้ว
ได้ประมวลกสิณบริกรรมทาคุณวิเศษที่เสียไปให้เกิดขึ้น
นั่งบัลลังก์ในอากาศแสดงธรรมแก่พระราชา กล่าวสอนว่าจงอย่าประมาท
แล้วทาลายหลุมบูชายัญ ให้อภัยทานแก่มหาชน.
เมื่อพระราชายังวิงวอนอยู่ ได้เหาะไปที่อยู่ของตน
เจริญพรหมวิหารธรรมจนตลอดชีวิต ได้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า.
พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนามาแสดง
ดังนี้แล้ว ทรงประกาศสัจธรรม เวลาจบสัจธรรม
ภิกษุผู้กระสันตั้งอยู่ในพระอรหัตผล.
พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า
ไสยหะมหาอามาตย์ในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระสารีบุตร ในบัดนี้
ส่วนโลมสกัสสปดาบส ได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาโลมสกัสสปชาดกที่ ๗
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 433 โลมสกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
425 อัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
425 อัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx425 อัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
425 อัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
504 ภัลลาติยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
504 ภัลลาติยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...504 ภัลลาติยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
504 ภัลลาติยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
492 ตัจฉสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
492 ตัจฉสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...492 ตัจฉสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
492 ตัจฉสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์A'waken P'Kong
 
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
09 สิวิราชจริยา มจร.pdf
09 สิวิราชจริยา มจร.pdf09 สิวิราชจริยา มจร.pdf
09 สิวิราชจริยา มจร.pdf
maruay songtanin
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
maruay songtanin
 
๐๗. จันทกุมารชาดก.pdf
๐๗. จันทกุมารชาดก.pdf๐๗. จันทกุมารชาดก.pdf
๐๗. จันทกุมารชาดก.pdf
maruay songtanin
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์A'waken P'Kong
 

Similar to 433 โลมสกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

Ppt 1
Ppt 1Ppt 1
Ppt 1
 
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
380 อาสังกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
425 อัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
425 อัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx425 อัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
425 อัฏฐานชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
น้องบีม
น้องบีมน้องบีม
น้องบีม
 
น้องบีม
น้องบีมน้องบีม
น้องบีม
 
ไทย
ไทยไทย
ไทย
 
479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
479 กาลิงคโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
504 ภัลลาติยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
504 ภัลลาติยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...504 ภัลลาติยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
504 ภัลลาติยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
492 ตัจฉสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
492 ตัจฉสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...492 ตัจฉสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
492 ตัจฉสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
476 ชวนหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
09 สิวิราชจริยา มจร.pdf
09 สิวิราชจริยา มจร.pdf09 สิวิราชจริยา มจร.pdf
09 สิวิราชจริยา มจร.pdf
 
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
๐๘. มหานารทกัสสปชาดก.pdf
 
๐๗. จันทกุมารชาดก.pdf
๐๗. จันทกุมารชาดก.pdf๐๗. จันทกุมารชาดก.pdf
๐๗. จันทกุมารชาดก.pdf
 
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
๐๗. จันทกุมารชาดก (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
สามัคคีเภทคำฉันท์ท๊อป
สามัคคีเภทคำฉันท์ท๊อปสามัคคีเภทคำฉันท์ท๊อป
สามัคคีเภทคำฉันท์ท๊อป
 
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
241 สัพพทาฐิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
259 ติรีฏวัจฉชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์สามัคคีเภทคำฉันท์
สามัคคีเภทคำฉันท์
 

More from maruay songtanin

๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
maruay songtanin
 
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
maruay songtanin
 
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
maruay songtanin
 
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
maruay songtanin
 
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
maruay songtanin
 
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
 
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
 
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
 
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
 
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
 
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
 

433 โลมสกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 โลมสกัสสปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๗. โลมสกัสสปชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๔๓๓) ว่าด้วยโลมสกัสสปฤาษี (ท้าวสักกะตรัสกับพระราชาว่า) [๖๐] ข้าแต่มหาราช หากพระองค์ให้ฤๅษีโลมสกัสสปะบูชายัญได้ พระองค์จะเป็ นเหมือนพระอินทร์ ไม่แก่ ไม่ตายเลย (ฤๅษีโลมสกัสสปะกล่าวกับสัยหอามาตย์ว่า) [๖๑] อาตมาไม่ปรารถนาแผ่นดินอันมีสมุทรเป็ นขอบเขต มีสาครล้อมรอบประดุจต่างหู พร้อมกับคานินทา ท่านจงทราบอย่างนี้เถิด สัยหอามาตย์ [๖๒] พราหมณ์ น่าติเตียนการได้ยศ และการได้ทรัพย์สาหรับเลี้ยงชีวิต ซึ่งเป็ นเหตุให้ประสบความพินาศ หรือประพฤติไม่เป็นธรรม [๖๓] ถึงแม้เราจะเป็ นนักบวชถือบาตรเลี้ยงชีพ การเลี้ยงชีพเช่นนั้นแหละยังดีกว่าการแสวงหาโดยไม่ชอบธรรม [๖๔] ถึงแม้เราจะเป็ นนักบวชถือบาตรเลี้ยงชีพ ไม่เบียดเบียนผู้อื่นในโลก การเลี้ยงชีพเช่นนั้นแหละยังดีกว่าการครองราชสมบัติ (ประชาชนที่มาประชุมกันกล่าวว่า) [๖๕] ดวงจันทร์ก็มีกาลัง ดวงอาทิตย์ก็มีกาลัง สมณะและพราหมณ์ทั้งหลายก็มีกาลัง ฝั่งสมุทรก็มีกาลัง แต่หญิงทั้งหลายมีกาลังเหนือกว่ากาลังทั้งหมด [๖๖] เพราะพระนางจันทวดีได้ใช้ฤๅษีชื่อโลมสกัสสปะ ซึ่งมีตบะสูงบูชายัญชื่อ วาชเปยยะ เพื่อประโยชน์แก่พระบิดาได้ (ฤๅษีโลมสกัสสปะสลดใจ จึงกล่าวว่า) [๖๗] กรรมที่กระทาด้วยความโลภมีกามเป็นเหตุนั้น เป็นกรรมเผ็ดร้อน เราจักค้นหารากเหง้าของกรรมนั้น จักตัดราคะพร้อมทั้งเครื่องผูก [๖๘] น่าติเตียน กามทั้งหลายแม้มากมายในโลก ขอถวายพระพรมหาบพิตร ตบะเท่านั้นประเสริฐกว่ากามคุณทั้งหลาย อาตมาจะละกาม บาเพ็ญตบะ ส่วนแว่นแคว้นและพระนางจันทวดี ขอถวายคืนมหาบพิตร โลมสกัสสปชาดกที่ ๗ จบ ---------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา โลมสกัสสปชาดก
  • 2. 2 ว่าด้วย ตบะเป็นคุณธรรมอันประเสริฐ พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้กระสันรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ความย่อมีว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุรูปนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ เขาว่าเธอกระสันจริงหรือ? เมื่อภิกษุรูปนั้นกราบทูลว่า จริงพระเจ้าข้า จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ก็ลมที่พัดภูเขาสิเนรุให้หวั่นไหว ทาไมจึงจักไม่พัดใบไม้เก่าๆ ให้หวั่นไหวเล่า แม้ผู้ที่เพียบพร้อมไปด้วยยศทั่วๆ ไป ยังถึงความเสื่อมยศได้ ชื่อว่ากิเลสย่อมทาสัตว์ที่บริสุทธิ์ให้เศร้าหมองได้ จะป่วยกล่าวไปใยถึงคนเช่นเธอ ดังนี้ แล้วทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :- ในอดีตกาล โอรสของพระเจ้าพรหมทัตผู้ครองพระนครพาราณสี ชื่อว่าพรหมทัตตกุมาร และบุตรของปุโรหิต ชื่อว่ากัสสปะ เป็นสหายกัน เรียนศิลปะทุกอย่างในตระกูลอาจารย์คนเดียวกัน. ต่อมา เมื่อพระราชบิดาสวรรคต พรหมทัตตกุมารได้ครองราชสมบัติ ที่นั้นกัสสปกุมารคิดว่า สหายของเราเป็ นพระราชา บัดนี้คงจักพระราชทานความเป็ นใหญ่ ประโยชน์อะไรด้วยความเป็นใหญ่สาหรับเรา เราจักลามารดาบิดาและพระราชาแล้วบวช ครั้นเขาคิดดังนี้แล้ว จึงได้ถวายบังคมลาพระราชาและลามารดาบิดา เข้าดินแดนหิมพานต์ บวชเป็นฤๅษี ในวันที่ ๗ ได้อภิญญาและสมาบัติ เลี้ยงชีพอยู่ด้วยการเที่ยวแสวงหาผลไม้ คนทั้งหลายพากันเรียกท่านซึ่งเป็ นบรรพชิตว่าโลมสกัสสปะ ท่านเป็นดาบสที่มีอิน ทรีย์สงบระงับอย่างยิ่ง มีตบะแรงกล้า ภพของท้าวสักกเทวราชหวั่นไหวด้วยเดชแห่งตบะของดาบสนั้น. ลาดับนั้น ท้าวสักกเทวราชทรงพิจารณาดูเห็นเหตุดังนั้นแล้ว ทรงดาริว่า ดาบสนี้มีเดชสูงนัก จะทาเราให้เคลื่อนจากความเป็ นท้าวสักกะ เราจักร่วมมือกับพระเจ้าพาราณสี ทาลายตบะของดาบสนั้นเสีย. ครานั้น ท้าวเธอได้เสด็จเข้าไปยังห้องสิริไสยาสน์ของพระเจ้าพาราณสี ในเวลาเที่ยงคืน แสดงอานุภาพของท้าวสักกะ บันดาลห้องทั้งหมดให้สว่างด้วยรัศมีแห่งพระสรีระ ลอยอยู่ในอากาศในสานักของพระราชา ปลุกพระราชาว่า ตื่นขึ้นเถิดมหาราช เมื่อพระราชาตรัสถามว่า ท่านเป็ นใคร ตรัสตอบว่า เราคือท้าวสักกะ ตรัสถามว่า ท่านมาเพื่ออะไร? ตรัสย้อนถามว่า มหาราช ท่านจะปรารถนาความเป็นเอกราชในชมพูทวีปทั้งสิ้น หรือไม่ปรารถนา? ตรัสตอบว่า ทาไมจึงจะไม่ปรารถนาเล่า.
  • 3. 3 ลาดับนั้น ท้าวสักกเทวราชจึงตรัสกะพระราชาว่า ถ้าเช่นนั้น พระองค์จงนาโลมสกัสสปดาบสมาบูชาปสุฆาตยัญ พระองค์จะเสมอด้วยท้าวสักกะ ไม่แก่ไม่ตายจักได้ครองราชสมบัติทั่วชมพูทวีป ดังนี้ แล้วตรัสคาถาที่ ๑ ว่า :- ถ้าท่านนาเอาฤๅษีโลมสกัสสปะมาบูชายัญได้ ท่านจักได้เป็ นพระราชาเสมอด้วยพระอินทร์ ไม่รู้แก่ ไม่รู้ตายเลย. ลาดับนั้น พระราชาได้ทรงสดับพระดารัสของท้าวสักกะแล้ว ทรงรับคาว่า ดีแล้ว ครานั้น ท้าวสักกะตรัสเตือนว่า ถ้าเช่นนั้น ก็อย่าเนิ่นช้า แล้วเสด็จหลีกไป. วันรุ่งขึ้น พระราชารับสั่งให้เรียกไสยหะอามาตย์ตรัสว่า แน่ะเพื่อน ท่านจงไปสานักโลมสกัสสปะผู้เป็นสหายที่รักของเรา จงพูดตามคาของเราอย่างนี้ว่า ได้ยินว่า พระราชาจักให้ท่านบูชาปสุฆาตยัญ แล้วจักเป็นเอกราชทั่วชมพูทวีป ท่านปรารถนาประเทศเท่าใด พระราชาจักพระราชทานประเทศเท่านั้นแก่ท่าน ขอท่านจงมาเพื่อบูชายัญกับเรา. ไสยหะอามาตย์ได้ฟังดังนั้นแล้ว กราบทูลว่า ดีแล้ว พระเจ้าข้า แล้วให้ตีกลองป่าวประกาศในพระนคร เพื่อจะรู้ที่อยู่ของดาบส เมื่อชาวป่าคนหนึ่งบอกว่า ข้าพเจ้ารู้ ได้ให้เขาเป็นคนนาทางไปในที่นั้นด้วยบริวารใหญ่ ไหว้พระฤๅษีแล้วนั่ง ณ ที่ควรแห่งหนึ่ง แจ้งข่าวสาส์นนั้น. ลาดับนั้น พระดาบสได้ฟังคาของไสยหะอามาตย์ แล้วกล่าวว่า ดูก่อนไสยหะ ท่านพูดอะไรนั่น เมื่อจะปฏิเสธถ้อยคาของไสยหะอามาตย์ ได้กล่าวคาถา ๔ คาถาว่า :- อาตมาไม่ปรารถนาแผ่นดินที่มีทะเลล้อมรอบ มีมหาสมุทร ๔ เป็นขอบเขต พร้อมกับความนินทา ดูก่อนไสยหะ ท่านจงทราบอย่างนี้เถิด. ดูก่อนพราหมณ์ เราติเตียนการได้ยศ การได้ทรัพย์ และความประพฤติอันไม่เป็ นธรรม มีแต่จะให้ถึงความพินาศ. ถึงแม้จะเป็นบรรพชิต ต้องอุ้มบาตรหาเลี้ยงชีพ แต่ไม่เบียดเบียนใคร ความเป็นอยู่เช่นนั้น ยังดีกว่าการแสวงหาที่ไม่เป็นธรรมจะดีอะไร. ถึงแม้จะเป็นบรรพชิต ต้องอุ้มบาตรหาเลี้ยงชีพ แต่ไม่เบียดเบียนใคร ความเป็นอยู่นั่นแหละประเสริฐกว่าความเป็นพระราชาในโลก. อามาตย์ฟังคาของพระดาบสนั้นแล้ว ได้ไปกราบทูลแด่พระราชา พระราชาได้ทรงสดับดังนั้น ตรัสว่า เมื่อท่านไม่มา เราก็ไม่อาจจะทาอะไรได้ จึงได้ทรงนิ่งอยู่ ลาดับนั้น ท้าวสักกเทวราชได้เสด็จมาในเวลาเที่ยงคืนอีก ประทับอยู่ในอากาศ ตรัสว่า ดูก่อนมหาราช
  • 4. 4 เหตุไรพระองค์จึงไม่บังคับโลมสกัสสปดาบสให้บูชายัญ พระราชาตรัสว่า ข้าพระองค์ส่งอามาตย์ไปบอกแล้ว แต่ท่านไม่มา. ท้าวสักกะตรัสว่า ดูก่อนมหาราช ถ้าเช่นนั้น พระองค์จงตกแต่งจันทวดีกุมารี ซึ่งเป็ นพระราชธิดาของพระองค์ แล้วมอบให้ไสยหะอามาตย์นาไปบอกว่า ถ้าท่านมาบูชายัญ พระราชาจักพระราชทานพระราชกุมารีนี้แก่ท่าน พระดาบสนั้นจักมีจิตปฏิพัทธ์ในกุมารี จักมาเป็นแน่. พระราชาได้ทรงสดับดังนั้น ทรงรับว่า ดีแล้ว. วันรุ่งขึ้น ทรงมอบพระราชธิดาของพระองค์แก่ไสยหะอามาตย์ส่งไปแล้ว ไสยหะอามาตย์พาพระราชธิดาไปในที่นั้น ไหว้พระฤๅษีทาปฏิสันถารแล้ว ยืนอยู่ ณ ที่ควรแห่งหนึ่ง แสดงพระราชธิดาซึ่งงามประดุจเทพอัปสรแก่พระฤๅษี. ลาดับนั้น พระดาบสทาลายอินทรีย์เสียแล้ว แลดูพระราชธิดา พร้อมกับการแลดูนั่นเอง เกิดจิตปฏิพัทธ์ขึ้นแล้วเสื่อมจากฌาน. อามาตย์รู้ว่าพระดาบสมีจิตปฏิพัทธ์ จึงกล่าวว่า ท่านขอรับ ถ้าท่านบูชายัญ พระราชาจักพระราชทานพระราชธิดานี้ให้เป็นบาทบริจาริกาสาหรับท่าน. พระดาบสนั้นกาลังหวั่นไหวไปด้วยอานาจกิเลส จึงถามว่า ได้ยินว่า พระราชาจักพระราชทานพระราชธิดานี้แก่เราหรือ? อามาตย์ตอบว่า ถูกแล้ว พระราชาจักพระราชทานแก่ท่านผู้บูชายัญ. พระดาบสกล่าวว่า ดีแล้ว เมื่อเราได้พระราชธิดานี้จักบูชายัญ แล้วสวมชฎาพาพระราชธิดาขึ้นรถที่ประดับงดงาม ไปพระนครพาราณสี. แม้พระราชาได้สดับว่า พระดาบสมา ก็รับสั่งให้ตั้งพิธีกรรมขึ้นที่หลุมบูชายัญไว้สาหรับพระดาบสนั้น ครั้นได้ทอดพระเนตรเห็นพระดาบสมา ก็ตรัสว่า ท่านบูชายัญในวันพรุ่งนี้ เราจักเป็นผู้เสมอด้วยพระอินทร์ เวลาเสร็จการบูชายัญ เราจักถวายธิดาแก่ท่าน กัสสปดาบสรับคาว่า ดีแล้ว ครั้นในวันรุ่งขึ้น พระราชาพาท่านดาบสไปที่หลุมบูชายัญพร้อมกับนางจันทวดี ในหลุมนั้นได้มีสัตว์ ๔ เท้าทุกอย่าง เช่นช้าง ม้า โคเป็ นต้น ประดิษฐานไว้เป็ นลาดับ. พระดาบสเริ่มจะฆ่าสัตว์เหล่านั้นทั้งหมดให้ตายแล้วบูชายัญ มหาชนที่มาประชุมกันอยู่ ณ ที่นั้น เห็นดังนั้นกล่าวว่า ดูก่อนโลมสกัสสปะ กรรมนี้ไม่เหมาะไม่สมควรแก่ท่าน ทากรรมนั้นเพื่ออะไร แล้วคร่าครวญ กล่าวคาถา ๒ คาถาว่า :- พระจันทร์มีกาลัง พระอาทิตย์มีกาลัง สมณพราหมณ์มีกาลัง
  • 5. 5 ฝั่งแห่งสมุทรก็มีกาลัง หญิงมีกาลังยิ่งกว่ากาลังทั้งหลาย. พระนางจันทวดี ทาให้ฤๅษีชื่อโลมสกัสสปะผู้มีตบะกล้า มาบูชายัญเพื่อประโยชน์แก่พระราชบิดาได้. ข้อนี้มีอธิบายว่า เพราะนางจันทวดีนี้กระทาโลมสกัสสปะผู้มีตบะกล้า ผู้ชื่อว่าเป็นฤๅษี เพราะเป็นผู้แสวงหาคุณทั้งหลายมีศีลเป็นต้น ให้เป็นผู้ไม่มีศีล แล้วให้บูชาวาชเปยยะ คือยัญ เพื่อประโยชน์แก่พระราชบิดาได้ ฉะนั้น ข้อนี้ บัณฑิตพึงทราบว่า หญิงมีกาลังยิ่งกว่ากาลังทั้งหลาย. ขณะนั้น กัสสปดาบสเงื้อพระขรรค์แก้วขึ้น ด้วยคิดว่า จักฟันคอมงคลหัตถีเพื่อบูชายัญ ช้างเห็นดังนั้นก็สะดุ้งกลัวต่อมรณภัย จึงร้องเสียงดัง แม้พวกสัตว์นอกนี้ คือช้าง ม้า โคเป็นต้น ได้ฟังเสียงร้องของช้างมงคลหัตถีนั้น ต่างก็สะดุ้งกลัวต่อมรณภัย จึงได้ร้องลั่นด้วยความกลัว แม้มหาชนก็พากันร้อง กัสสปดาบสได้ยินเสียงร้องกันใหญ่ดังนั้น ก็สลดใจ แลดูชฎาเป็ นต้นของตน. ลาดับนั้น ชฎา หนวด ขนรักแร้ ขนอก ได้ปรากฏแก่พระดาบสนั้น พระดาบสมีความเดือดร้อนใจ คิดว่า เราได้ทากรรมลามก ไม่สมควรเลย. เมื่อจะประกาศความสลด ได้กล่าวคาถาที่ ๘ ว่า :- กรรมที่ทาด้วยความโลภนั้น เผ็ดร้อน มีกามเป็ นเหตุ เราจักค้นหามูลรากของกรรมนั้น จักตัดความกาหนัดพร้อมทั้งเครื่องผูกเสีย. พึงทราบความแห่งคาที่เป็นคาถานั้นว่า ข้าแต่พระราชาผู้เป็นใหญ่ กรรมใดที่ข้าพระองค์ทาความโลภในนางจันทวดีให้เกิดขึ้น แล้วทาลงด้วยความโลภนั้น กรรมนั้นมีกามเป็นเหตุ เป็นกรรมลามก เผ็ดร้อน มีวิบากแรงกล้า ข้าพระองค์จักค้นหามูลราก กล่าวคืออโยนิโสมนสิการของกรรมนั้น สมควรแล้วที่ข้าพระองค์จักชักดาบ คือปัญญาออก ตัดความกาหนัดยินดี พร้อมด้วยเครื่องผูกพัน คือศุภนิมิต. ลาดับนั้น พระราชาตรัสกะพระดาบสว่า ดูก่อนสหาย อย่ากลัวเลย เราจักให้นางจันทวดีกุมารีและกองแก้ว ๗ ประการแก่ท่านในบัดนี้ ท่านจงบูชายัญเถิด. พระกัสสปดาบสได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวว่า ข้าแต่มหาราช ข้าพระองค์ไม่ต้องการด้วยกิเลสนี้ แล้วกล่าวคาถาสุดท้ายว่า :- ข้าแต่พระราชา ข้าพระองค์ติเตียนกามคุณทั้งหลาย ที่มีอยู่ในโลกเป็นอันมาก ตบะธรรมเท่านั้นประเสริฐกว่ากามคุณทั้งหลาย ข้าพระองค์จักละกามคุณทั้งหลายเสีย แล้วบาเพ็ญตบะ ส่วนนางจันทวดีจงอยู่ในแว่นแคว้นของพระองค์เถิด.
  • 6. 6 พระดาบส ครั้นทูลดังนี้แล้ว ได้ประมวลกสิณบริกรรมทาคุณวิเศษที่เสียไปให้เกิดขึ้น นั่งบัลลังก์ในอากาศแสดงธรรมแก่พระราชา กล่าวสอนว่าจงอย่าประมาท แล้วทาลายหลุมบูชายัญ ให้อภัยทานแก่มหาชน. เมื่อพระราชายังวิงวอนอยู่ ได้เหาะไปที่อยู่ของตน เจริญพรหมวิหารธรรมจนตลอดชีวิต ได้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า. พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนามาแสดง ดังนี้แล้ว ทรงประกาศสัจธรรม เวลาจบสัจธรรม ภิกษุผู้กระสันตั้งอยู่ในพระอรหัตผล. พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า ไสยหะมหาอามาตย์ในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระสารีบุตร ในบัดนี้ ส่วนโลมสกัสสปดาบส ได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถาโลมสกัสสปชาดกที่ ๗ -----------------------------------------------------