More Related Content
Similar to ๒๙. อุฬารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx (20)
More from maruay songtanin (20)
๒๙. อุฬารวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx
- 1. อุฬารวิมาน
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
๓. ปาริจฉัตตกวรรค
หมวดว่าด้วยดอกปาริชาต
๑. อุฬารวิมาน
ว่าด้วยวิมานอันโอฬาร
(พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพธิดานั้นด้วยคาถาเหล่านี้ว่า)
[๒๘๖] เธอมีบริวารยศอันยิ่งใหญ่ ผิวพรรณเรืองรอง
ส่องสว่างไปทั่วทุกทิศ
เหล่าเทพนารีและเหล่าเทพบุตรแต่งองค์ทรงเครื่องพากันฟ้ อนราขับร้องอยู่
[๒๘๗] ให้ความบันเทิงใจ แวดล้อมหวังบาเรอเธออยู่
เทพธิดาผู้มีโฉมชวนพิศ วิมานเหล่านี้ของเธอล้วนเป็นวิมานทองคา
[๒๘๘] ทั้งเธอก็เป็นใหญ่กว่าเทพเหล่านั้น ปรารถนาทุกสิ่งก็สาเร็จสิ้น
เธอเกิดมาดี มีอานุภาพยิ่งใหญ่ ร่าเริงบันเทิงใจอยู่ในหมู่เทพ เทพธิดา
อาตมาถามแล้ว ขอเธอจงบอกเถิดว่า นี้เป็ นผลของกรรมอันใดเล่า
(เทพธิดาตอบว่า)
[๒๘๙] ชาติก่อนดิฉันเกิดเป็ นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์ในมนุษยโลก
เป็นลูกสะใภ้อยู่ในตระกูลทุศีล เมื่อคนในตระกูลมีพ่อผัวแม่ผัวเป็นผู้ไม่มีศรัทธา
เป็นคนตระหนี่
[๒๙๐] ดิฉันกลับเป็นผู้มีศรัทธา สมบูรณ์ด้วยศีล
ยินดีแจกจ่ายทานโดยเคารพทุกเมื่อ
ได้ถวายขนมเบื้องแด่พระคุณเจ้าซึ่งกาลังเที่ยวบิณฑบาตอยู่
[๒๙๑] ครั้งนั้น ดิฉันบอกแม่ผัวว่า สมณะมาถึงที่นี้แล้ว ดิฉันเลื่อมใส
ได้ถวายขนมเบื้องแด่ท่านด้วยมือทั้งสองของตน
[๒๙๒] แม่ผัวด่าดิฉันว่า เธอเป็ นหญิงหัวดื้อ
ทาไมเธอไม่คิดจะปรึกษาฉันเสียก่อนว่า จะถวายสมณะเล่า
[๒๙๓] เพราะเหตุนี้แหละ แม่ผัวจึงเกรี้ยวกราด
แล้วเอาสากตีดิฉันถูกจงอยบ่า ได้ทาร้ายดิฉัน ดิฉันจึงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้นาน
[๒๙๔] เพราะชีวิตสลายลง ดิฉันพ้นจากทุกข์นั้นมา
ได้จุติจากอัตภาพนั้นมาจึงเกิดร่วมกับหมู่เทพชั้นไตรทศ
[๒๙๕] เพราะบุญนั้นผิวพรรณดิฉันจึงงามเช่นนี้ ฯลฯ
และมีร่างกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้
อุฬารวิมานที่ ๑ จบ
----------------------
- 2. คาอธิบายเพิ่มเติมนี้ นามาจากบางส่วนของ
อรรถกถา ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปาริฉัตตกวรรคที่ ๓
๑. อุฬารวิมาน
ปาริฉัตตกวรรควรรณนาที่ ๓
อรรถกถาอุฬารวิมาน
อุฬารวิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร
อันเป็นที่ให้เหยื่อแก่กระแต ใกล้กรุงราชคฤห์.
สมัยนั้น ในตระกูลอุปัฏฐากของท่านพระมหาโมคคัลลานเถระ
ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งชอบให้ทาน ยินดีในการแจกจ่ายทาน.
นางให้ของเคี้ยวของบริโภคก่อนอาหารอันเกิดขึ้นในเรือนนั้น
ครึ่งหนึ่งจากส่วนแบ่งที่ตนได้. ตนเองบริโภคครึ่งหนึ่ง หากยังไม่ให้ก็ไม่บริโภค
เมื่อยังไม่เห็นผู้ที่ควรให้ก็เก็บไว้แล้วให้ในเวลาที่ตนเห็น. นางให้แม้แก่ยาจก.
ครั้นต่อมามารดาของนาง ชื่นชมยินดีว่าลูกสาวของเราชอบให้ทาน
ยินดีในการแจกจ่ายทาน จึงให้เพิ่มขึ้นเป็ นสองส่วนแก่นาง. อนึ่ง มารดาเมื่อจะให้
ย่อมให้เพิ่มขึ้นอีกในเมื่อลูกสาวได้แจกจ่ายส่วนหนึ่งไปแล้ว.
นางทาการแจกจ่ายจากส่วนนั้นนั่นเอง.
เมื่อกาลเวลาผ่านไปอย่างนี้
มารดาบิดาได้ยกลูกสาวนั้นซึ่งเจริญวัยแล้วแก่กุมารในตระกูลหนึ่งในเมืองนั้นนั่น
เอง. แต่ตระกูลนั้นเป็ นมิจฉาทิฏฐิ ไม่มีศรัทธา ไม่มีความเลื่อมใส.
ครั้งนั้น
ท่านพระมหาโมคคัลลานะออกบิณฑบาตไปตามลาดับตรอกในกรุงราชคฤห์
ได้ไปยืนอยู่ที่ประตูเรือนของพ่อผัวของนาง
นางครั้นเห็นพระมหาโมคคัลลานะนั้นก็มีจิตเลื่อมใส นิมนต์ให้เข้าไปในบ้าน
ไหว้แล้ว เมื่อไม่เห็นแม่ผัว นางจึงถือวิสาสะเอาขนมที่แม่ผัววางไว้ด้วยคิดว่า
เราจักบอกให้แม่ผัวอนุโมทนา แล้วได้ถวายแก่พระเถระ.
พระเถระกระทาอนุโมทนาแล้วกลับไป.
นางจึงบอกแก่แม่ผัวว่า
ฉันได้ให้ขนมที่แม่วางไว้แก่พระมหาโมคคัลลานเถระไปแล้ว.
แม่ผัวครั้นได้ฟังดังนั้น จึงตะคอกต่อว่านางว่า นี่มันเรื่องอะไรกันจ๊ะ
ไม่บอกกล่าวเจ้าของก่อน เอาไปให้สมณะเสียแล้ว แม่โกรธจัด
ไม่ได้นึกถึงสิ่งควรไม่ควร คว้าสากที่วางอยู่ข้างหน้าทุบเข้าที่จะงอยบ่า
เพราะนางเป็นสุขุมาลชาติ และเพราะจะสิ้นอายุ
ด้วยการถูกทุบนั้นเองได้รับทุกข์สาหัส.
ต่อมา ๒-๓ วัน นางก็ถึงแก่กรรมไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
- 3. แม้เมื่อกรรมสุจริตอื่นก็มีอยู่ แต่ทานที่นางถวายแก่พระเถระเป็นทานน่าพอใจยิ่ง
ได้ปรากฏแก่นาง.
ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้ไปโดยนัยที่กล่าวแล้วในหนหลัง
จึงถามนางนั้นด้วยคาถาว่า
ดูก่อนเทพธิดา ยศผิวพรรณของท่านโอฬารยิ่งนัก
ยังทิศทั้งหมดให้สว่างไสว เหล่านารีฟ้ อนราขับร้อง เทพบุตรตกแต่งงดงาม
ต่างบันเทิง แวดล้อมเพื่อบูชาท่าน.
ดูก่อนสุทัสสนา วิมานเหล่านี้ของท่านเป็นสีทอง
ท่านเป็นใหญ่กว่าเทพเหล่านั้น มีความสาเร็จในสิ่งที่ใคร่ทั้งหมด ท่านเกิดยิ่งใหญ่
บันเทิงในหมู่เทพ.
ดูก่อนเทพธิดา เราขอถามท่าน ท่านจงบอกว่า
นี้เป็นผลของกรรมอะไร.
ดีฉัน ในชาติก่อนเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก ในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย
ได้เป็นสะใภ้ในตระกูลคนทุศีล ในเมื่อเขาไม่มีศรัทธา ตระหนี่
ดีฉันมีศรัทธาและศีล ยินดีในการแจกตลอดกาล
ได้ถวายขนมเบื้องแก่ท่านผู้ออกไปบิณฑบาต ดีฉันจึงบอกแก่แม่ผัวว่า
สมณะมาถึงที่นี่แล้ว ดีฉันจึงได้ถวายขนมเบื้องแก่สมณะนั้นด้วยมือของตน.
ด้วยเหตุนี้แหละ แม่ผัวนั้นจึงบริภาษว่า เองเป็ นสาวไม่มีใครสั่งสอน
ไม่ถามฉันเสียก่อนจะถวายทานแก่สมณะ แม่ผัวก็โกรธดีฉัน
จึงเอาสากทุบดีฉันที่จะงอยบ่า ดีฉันไม่สามารถจะมีชีวิตอยู่ได้นาน
ครั้นดีฉันสิ้นชีพจึงจุติจากที่นั้น มาเกิดเป็นสหายกับพวกเทวดาชั้นดาวดึงส์.
เพราะบุญกรรมนั้น ผิวพรรณของดีฉันจึงเป็ นเช่นนั้น
และผิวพรรณของดีฉันย่อมสว่างไสวไปทุกทิศ ดังนี้.
บทที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล.
จบอรรถกถาอุฬารวิมาน
-----------------------------------------------------