More Related Content
Similar to 054 ผลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (8)
More from maruay songtanin (20)
054 ผลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
ผลชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๔. ผลชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๕๔)
ว่าด้วยการรู้จักผลไม้
(พ่อค้าเกวียนโพธิสัตว์เล่าเรื่องที่ตนทราบว่าต้นไม้นั้นไม่ใช่ต้นมะม่วงด้วยเหตุ ๒
ประการ จึงกล่าวว่า)
[๕๔] ต้นไม้นี้คนขึ้นได้ไม่ยาก ทั้งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน เพราะเหตุ ๒
ประการนี้ เราจึงรู้ได้ว่า ต้นไม้นี้มีผลไม่ดี
ผลชาดกที่ ๔ จบ
----------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
เอกกนิบาตชาดก อาสิงสวรรค
๔. ผลชาดก ว่าด้วยการรู้จักผลไม้
พระบรมศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภอุบาสกผู้ฉลาดดูผลไม้คนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ได้ยินมาว่า กุฎุมพีชาวเมืองสาวัตถีคนหนึ่ง นิมนต์ภิกษุสงฆ์
มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ให้นั่งในสวนของตน ถวายข้าวยาคู
และของขบฉันแล้ว สั่งคนเฝ้ าสวนว่า เจ้าจงเที่ยวไปในสวนกับภิกษุทั้งหลาย
ถวายผลไม้ต่างๆ มีมะม่วงเป็ นต้นแก่พระคุณเจ้าทั้งหลายด้วยเถิด.
คนเฝ้ าสวนรับคาแล้ว พาภิกษุสงฆ์เที่ยวไปในสวนดูต้นไม้
รู้จักผลไม้ด้วยความชานาญว่า ผลนั้นดิบ ผลนั้นยังไม่สุกดี ผลนั้นสุกดี
เขาพูดอย่างใด ก็เป็นอย่างนั้นทั้งนั้น.
ภิกษุทั้งหลายไปกราบทูลแต่พระตถาคตว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ.
คนเฝ้ าสวนผู้นี้ฉลาดดูผลไม้ ถึงยืนอยู่ที่แผ่นดิน มองดูผลไม้แล้ว ก็รู้ได้ว่า
ผลนั้นดิบ ผลนั้นยังไม่สุกดี ผลนั้นสุกดี เขาพูดอย่างใด ก็เป็นอย่างนั้นทั้งนั้น.
พระศาสดาตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย
คนเฝ้ าสวนนี้ไม่ใช่เป็ นผู้ฉลาดดูผลไม้เพียงคนเดียวเท่านั้น.
ในครั้งก่อนบัณฑิตทั้งหลาย ที่ฉลาดดูผลไม้ ก็ได้เคยมีมาแล้ว
ทรงนาเอาเรื่องอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลพ่อค้าเกวียน เจริญวัยแล้ว ทาการค้าด้วยเกวียน ๕๐๐
เล่ม.
คราวหนึ่งไปถึงดงลึก จึงตั้งพักอยู่ปากดง เรียกคนทั้งหมดมาประชุม
- 2. 2
พลางกล่าวว่า ในดงนี้ขึ้นชื่อว่า ต้นไม้ที่มีพิษย่อมมีอยู่ มีใบเป็นพิษก็มี
มีดอกเป็นพิษก็มี มีผลเป็นพิษก็มี มีรสหวานเป็นพิษก็มี มีอยู่ทั่วไป
พวกท่านต้องไม่บริโภคก่อน ยังไม่บอก ใบ ผล ดอกอย่างใดอย่างหนึ่งกะเราแล้ว
อย่าขบเคี้ยวเป็นอันขาด. พวกนั้นรับคาแล้วพร้อมกันย่างเข้าสู่ดง.
ก็ที่ปากดง มีต้นกิงผลพฤกษ์อยู่ที่ประตูบ้านแห่งหนึ่ง ลาต้น กิ่ง ใบอ่อน
ดอกผลทุกๆ อย่างของต้นกิงผลพฤกษ์นั้น เช่นเดียวกันกับมะม่วงไม่ผิดเลย
ใช่แต่เท่านั้นก็หาไม่ ผลดิบและผลสุก ยังเหมือนกับมะม่วง ทั้งสีและสัณฐาน
ทั้งกลีบ และรสก็ไม่แผกกันเลย แต่ขบเคี้ยวเข้าแล้ว
ก็ทาให้ผู้ขบเคี้ยวถึงสิ้นชีวิตทันทีทีเดียว เหมือนยาพิษชนิดที่ร้ายแรง ฉะนั้น
พวกที่ล่วงหน้าไป บางหมู่เป็นคนโลเล สาคัญว่า นี่ต้นมะม่วง ขบเคี้ยว
กินเข้าไป บางหมู่คิดว่า ต้องถามหัวหน้าหมู่ก่อน ถึงจักกิน ก็ถือยืนรอ.
พอหัวหน้าหมู่มาถึง ก็พากันถามว่า นาย พวกข้าพเจ้าจะกินผลมะม่วงเหล่านี้.
พระโพธิสัตว์รู้ว่า นี่ไม่ใช่ต้นมะม่วง ก็ห้ามว่า ต้นไม้นี้ชื่อว่าต้นกิงผลพฤกษ์
ไม่ใช่ต้นมะม่วง พวกท่านอย่ากิน พวกที่กินเข้าไปแล้ว
ก็จัดการให้อาเจียนออกมา และให้ดื่มของหวาน ๔ ชนิด
ทาให้ปราศจากโรคไปได้.
ก็ในครั้งก่อน พวกมนุษย์พากันหยุดพักที่โคนต้นไม้นี้
ขบเคี้ยวผลอันเป็ นพิษทั้งนี้เข้าไป ด้วยสาคัญว่าเป็นผลมะม่วง
พากันถึงความสิ้นชีวิต. รุ่งขึ้น พวกชาวบ้านก็พากันออกมา
เห็นคนตายก็ช่วยฉุดเท้าเอาไปทิ้งในที่รกๆ แล้วก็ยึดเอาข้าวของของพวกนั้น
พร้อมทั้งเกวียนทั้งนั้น พากันไป.
ถึงแม้ในวันนั้น พอรุ่งอรุณเท่านั้นเอง พวกชาวบ้านเหล่านั้น
ก็พูดกันว่า โคต้องเป็ นของเรา เกวียนต้องเป็นของเรา ภัณฑะต้องเป็นของเรา
พากันวิ่งไปสู่โคนต้นไม้นั้น ครั้นเห็นคนทั้งหลายปลอดภัย ต่างก็ถามว่า
พวกท่านรู้ได้อย่างไรว่า ต้นไม้นี้ไม่ใช่ต้นมะม่วง?
คนเหล่านั้นก็ตอบว่า พวกเราไม่รู้ดอก หัวหน้าหมู่ของเรา ท่านรู้.
พวกมนุษย์จึงถามพระโพธิสัตว์ว่า พ่อบัณฑิตท่านทาอย่างไร
จึงรู้ว่าต้นไม้นี้ไม่ใช่ต้นมะม่วง?
พระโพธิสัตว์บอกว่า เรารู้ด้วย เหตุ ๒ ประการ แล้วกล่าวคาถานี้
ความว่า :-
ต้นไม้นี้ คนขึ้นไม่ยาก ทั้งไม่ไกลจากหมู่บ้าน
เป็นสิ่งบอกเหตุให้เรารู้ว่า ต้นไม้นี้มิใช่ต้นไม้มีผลดี ดังนี้.
รู้จักอย่างไร?
รู้จักว่า ต้นไม้นี้มิใช่ต้นไม้มีผลดี. อธิบายว่า
ถ้าต้นไม้นี้มีผลอร่อยเป็ นต้นมะม่วงแล้วไซร้ ในเมื่อมันขึ้นได้ง่าย