SlideShare a Scribd company logo
1
นิโครธชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๗. นิโครธชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๔๔๕)
ว่าด้วยพระเจ้านิโครธ
(นายโปตติกะกราบทูลพระเจ้านิโครธว่า)
[๗๒] ขอเดชะพระเจ้านิโครธ พระองค์ทรงเข้าพระทัยอย่างไร
ตามที่สาขเสนาบดีกล่าวว่า เราไม่รู้จักมันเลยว่า มันผู้นี้เป็ นใคร
หรือเป็นคนสอดแนมของใคร
[๗๓] ต่อแต่นั้น คนผู้กระทาตามคาสั่งของสาขเสนาบดี
ได้ตบหน้าข้าพระองค์แล้วลากคอนาข้าพระองค์ออกไป
[๗๔] ขอเดชะพระองค์ผู้เป็นใหญ่แห่งหมู่ชน
สาขเสนาบดีเพื่อนของพระองค์เป็ นคนมีความคิดต่าทราม อกตัญญู
ประทุษร้ายมิตร กระทากรรมอันไม่ประเสริฐเช่นนี้
(พระเจ้านิโครธตรัสว่า)
[๗๕] เพื่อน เรื่องนี้เรายังไม่ทราบ ทั้งใครๆ ก็มิได้บอกเรา
ถึงเรื่องที่สาขะได้กระทาการฉุดคร่าท่าน มีแต่ท่านได้บอกเรา
[๗๖] ท่านส่งเสริมเพื่อนทั้งสอง คือ เราและสาขะให้มีอาชีพดีขึ้น คือ
ท่านได้ให้อิสริยยศแก่พวกเราเป็นใหญ่ในหมู่มนุษย์
สมบัติเหล่านี้พวกเราได้มาก็เพราะท่าน ในเรื่องนี้เราไม่สงสัยเลย
[๗๗] เมล็ดพืชที่ถูกเผาในกองไฟย่อมไม่งอกขึ้น ฉันใด
ความดีที่ทาในคนชั่วก็ย่อมพินาศไปไม่งอกงาม ฉันนั้น
[๗๘] ส่วนความดีที่ทาในคนผู้มีความกตัญญู มีศีล
มีความประพฤติอันประเสริฐ ย่อมไม่เสียหาย เหมือนเมล็ดพืชในนาที่ดี
(พระราชารับสั่งว่า)
[๗๙] ก็เจ้าสาขะผู้นี้เป็นคนชั่วช้า คดโกง มีความคิดเยี่ยงคนชั่ว
จงเอาหอกแทงมัน เราไม่ต้องการให้มันมีชีวิตอยู่
(นายโปตติกะกราบทูลว่า)
[๘๐] ขอเดชะพระมหาราช ขอพระองค์ทรงโปรดงดโทษแก่เขาเถิด
ชีวิตนากลับคืนมาไม่ได้ ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพ
ขอพระองค์ทรงโปรดงดโทษแก่คนชั่วเถิด ข้าพระองค์ไม่ต้องการฆ่าเขา
(นายโปตติกะกล่าวสอนลูกสาวลูกชายว่า)
[๘๑] ควรคบแต่พระเจ้านิโครธเท่านั้น
อย่าเข้าไปคบหาเจ้าสาขเสนาบดีเลย
2
การตายในสานักของพระเจ้านิโครธประเสริฐกว่า
การมีชีวิตอยู่ในสานักของเจ้าสาขเสนาบดีจะประเสริฐอะไร
นิโครธชาดกที่ ๗ จบ
-------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
นิโครธชาดก
ว่าด้วย การคบคนดี
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภพระเทวทัต
ตรัสพระธรรมเทศนาเรื่องนี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า
วันหนึ่งภิกษุทั้งหลายสนทนากันในธรรมสภาถึงเรื่องพระเทวทัต
ที่ภิกษุทั้งหลายตักเตือนว่า ดูก่อนท่านเทวทัต
พระศาสดาทรงมีพระอุปการะแก่เธอมา เพราะเธอได้อาศัยพระองค์
จึงได้บรรพชาอุปสมบท ได้เรียนพระพุทธพจน์คือพระไตรปิฎก และได้ฌาน
แม้ลาภสักการะของเธอก็เกิดแต่พระทศพลทั้งนั้น.
พระเทวทัตยังยกสลากหญ้าขึ้นประกาศว่า อุปการคุณแม้เพียงเท่านี้
เราก็ไม่แลเห็นว่า พระสมณโคดมกระทาให้แก่เรา ดังนี้.
พระศาสดาเสด็จมา ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้
เธอทั้งหลายนั่งสนทนากันถึงเรื่องอะไร?
เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นที่พระเทวทัตเป็นอกตัญญูประทุษร้ายมิตร
แม้ในกาลก่อนพระเทวทัตก็เป็นคนอกตัญญูประทุษร้ายเหมือนกัน
แล้วทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล พระเจ้ามคธราชครองราชสมบัติอยู่ในนครราชคฤห์
ครั้งนั้น
เศรษฐีเมืองราชคฤห์ได้ขอธิดาของเศรษฐีในชนบทมาให้เป็นภรรยาของบุตรตน
นางนั้นเป็นหญิงหมัน ต่อมาภายหลังตระกูลนั้นก็เสื่อมลาภสักการะลง
เขาพูดกันให้นางนั้นได้ยินว่า เมื่อหญิงหมันมาอยู่เรือนลูกชายเรา
วงศ์ตระกูลจักเจริญได้อย่างไร.
นางได้ฟังคานั้นจึงคิดว่า ช่างเถอะ เราจักทามีครรภ์ลวงคนเหล่านี้
แล้วกล่าวถามหญิงพี่เลี้ยงที่ไว้วางใจ ถึงวิธีการของหญิงมีครรภ์ว่า
ธรรมดาหญิงที่มีครรภ์จะต้องทาอย่างไรบ้าง? ครั้นได้ฟังแล้ว
เมื่อถึงคราวมีระดูก็ปกปิดเสีย แสดงกิริยาของหญิงแพ้ท้อง
มีชอบของเปรี้ยวเป็นต้น ในเวลาที่มือเท้าบวมจึงทุบหลังมือหลังเท้าให้นูน
เอาผ้าเก่าพันท้องให้โตขึ้นทุกวันๆ ทาหัวนมให้ดา
3
แม้จะทาสรีรกิจก็ไม่ทาต่อหน้าคนอื่นนอกจากหญิงพี่เลี้ยงคนนั้น
แม้สามีก็ได้ช่วยบริหารครรภ์แก่นาง.
อยู่มาได้ ๙ เดือนด้วยอาการอย่างนี้
นางจึงลาพ่อผัวแม่ผัวจะไปคลอดบุตร ณ เรือนบิดาในชนบทแล้วก็ขึ้นรถ
ออกจากเมืองราชคฤห์เดินทางไปด้วยบริวารใหญ่.
ข้างหน้านาง มีพวกเกวียนไปพวกหนึ่ง
นางไปถึงที่ซึ่งพวกเกวียนหยุดพักแล้วไปในเวลาอาหารเช้า
วันหนึ่งหญิงเข็ญใจคนหนึ่งที่อาศัยไปในพวกเกวียนนั้น
คลอดบุตรที่โคนต้นไทรต้นหนึ่งในกลางคืน
ครั้นรุ่งเช้าเมื่อพวกเกวียนออกเดินทาง จึงคิดว่า
เราเว้นพวกเกวียนเสียแล้วไม่อาจไปได้ แลเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ก็อาจที่จะได้บุตร
ดังนี้แล้วจึงเอารถและครรภ์มลทินมาราดลงที่ควงข่ายต้นไทรแล้วทิ้งบุตรไป
เทวดาได้มาอารักขาทารกไว้ เพราะทารกนั้นไม่ใช่สัตว์สามัญ
คือองค์พระโพธิสัตว์ทีเดียว แลครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ได้มาถือปฏิสนธิเช่นนั้น.
เวลาเช้า หญิงหมันได้ไปถึงที่นั้นในเวลาอาหารเช้า คิดว่าจักทาสรีรกิจ
จึงไปที่โคนต้นไทรกับหญิงพี่เลี้ยงนั้น เห็นทารกมีวรรณะดังทอง
จึงพูดกับพี่เลี้ยงว่า กิจของเราสาเร็จแล้ว แล้วก็แก้ผ้าพันท้องออก
เอาโลหิตและครรภมลทินทาหน้าขา แล้วบอกว่าตนคลอดบุตร ทันใดนั้น
พวกบริวารชนต่างพากันร่าเริงยินดี ช่วยกันเอาม่านกั้นให้นาง
แล้วมีหนังสือส่งไปนครราชคฤห์.
ลาดับนั้น พ่อผัวแม่ผัวของนางมีหนังสือส่งไปว่า
เมื่อคลอดแล้วก็ไม่ต้องไปตระกูลบิดา จงกลับมาที่นี้เถิด
นางจึงกลับเข้านครราชคฤห์ทันที เมื่อจะรับขวัญตั้งชื่อทารก
ญาติทั้งหลายตั้งชื่อให้ว่า นิโครธกุมาร เพราะเกิดที่โคนต้นไทร.
ในวันเดียวกันนั้น หญิงสะใภ้ของอนุเศรษฐี
ก็ไปตระกูลบิดามารดาเพื่อจะคลอดบุตร
ได้คลอดบุตรที่ใต้กิ่งไม้แห่งหนึ่งในระหว่างทาง
พวกญาติได้ตั้งชื่อให้ทารกนั้นว่าสาขกุมาร.
และในวันเดียวกันนั้น ภรรยาของช่างชุนที่อาศัยมหาเศรษฐีอยู่
ก็คลอดบุตรที่ระหว่างกองผ้าขี้ริ้ว พวกญาติจึงตั้งชื่อให้ทารกนั้นว่าโปติกะ.
มหาเศรษฐีทราบว่า ทารกทั้งสองคนนั้นเกิดในวันที่นิโครธกุมารเกิด
จึงนามาบารุงเลี้ยงไว้ร่วมกับนิโครธกุมาร กุมารทั้งสามนั้นเติบโตมาพร้อมๆ กัน
ครั้นเจริญวัยแล้วจึงไปเมืองตักกสิลาเรียนศิลปะ
สองบุตรเศรษฐีให้ทรัพย์เป็นค่าสอนแก่อาจารย์คนละพัน
แต่โปติกกุมารคอยรับเรียนศิลปะในสานักนิโครธกุมาร.
4
เมื่อกุมารทั้งสามสาเร็จการศึกษาแล้ว จึงลาอาจารย์ออกเที่ยวไปตามชนบท
ถึงเมืองพาราณสีโดยลาดับ นอนอยู่ ณ โคนต้นไม้แห่งหนึ่ง.
ครั้งนั้น เป็นคราวที่พระเจ้าพาราณสีเสด็จสวรรคตได้เจ็ดวัน
พวกเสนามาตย์ให้ตีกลองประกาศทั่วนครว่า วันพรุ่งนี้จักเสี่ยงบุศยราชรถ
ขณะที่เพื่อนรักทั้งสามพากันนอนหลับอยู่ที่โคนต้นไม้ โปติกะลุกขึ้นเวลาเช้ามืด
นั่งนวดฟั้นเท้านิโครธกุมารอยู่.
บนต้นไม้นั้นมีไก่นอนอยู่สองตัว ไก่ตัวบนถ่ายอุจจาระลงถูกไก่ตัวล่าง.
ลาดับนั้น ไก่ตัวล่างจึงถามไก่ตัวบนว่า ใครถ่ายอุจจาระ. ไก่ตัวบนตอบว่า
เพื่อนอย่าโกรธเลย เราไม่รู้จึงถ่ายลง. ไก่ตัวล่างต่อว่าไก่ตัวบนว่า เจ้าสัตว์ร้าย
เจ้าเข้าใจว่าตัวข้าเป็ นที่ถ่ายอุจจาระของเจ้าหรือ เจ้าไม่รู้จักความดีของข้าหรือ?
ไก่ตัวบนกล่าวกะไก่ตัวล่างนั้นว่า เจ้าสัตว์ร้าย
เมื่อข้าซึ่งเป็ นผู้ไม่รู้ยอมรับแล้วว่าถ่ายเอง เจ้ายังโกรธอยู่อีก
อะไรนะที่เป็นความดีของเจ้า. ไก่ตัวล่างตอบว่า ผู้ใดฆ่าเราแล้วกินเนื้อ
ผู้นั้นจะได้ทรัพย์พันหนึ่งแต่เช้าทีเดียว ฉะนั้น ข้าจึงถือตัวนัก
ไก่ตัวบนกล่าวกะไก่ตัวล่างนั้นว่า เจ้าสัตว์ร้าย ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ เจ้ายังถือตัวได้
เรานี่สิถ้าใครฆ่าแล้วกินเนื้อกล้ามของเรา เขาจะได้เป็ นพระราชาแต่เช้าทีเดียว
คนที่กินเนื้อกลางๆ จะได้เป็นเสนาบดี คนที่กินเนื้อติดกระดูกจะได้เป็นขุนคลัง.
โปติกะได้ยินถ้อยคาของไก่ทั้งสองนั้น จึงคิดว่า
จะเป็ นประโยชน์อะไรด้วยทรัพย์พันหนึ่ง ราชสมบัติเท่านั้นประเสริฐ จึงค่อยๆ
ขึ้นต้นไม้ไปจับไก่ตัวที่นอนบนลงมาฆ่า
ย่างบนถ่านไฟแล้วฉีกเนื้อกล้ามให้นิโครธกุมาร ให้เนื้อกลางๆ แก่สาขกุมาร
ตัวเองบริโภคเนื้อติดกระดูก.
ก็แลครั้นบริโภคกันแล้ว โปติกะจึงพูดว่า เพื่อนนิโครธ
วันนี้ท่านจักได้เป็ นพระราชา เพื่อนสาขะ วันนี้ท่านจักได้เป็ นเสนาบดี
ส่วนเราจักได้เป็ นขุนคลัง ถูกสองสหายถามว่า ท่านรู้ได้อย่างไร?
จึงเล่าเรื่องราวให้ฟังทุกประการ.
สามสหายนั้น ครั้นถึงเวลาบริโภคอาหารเช้า ก็พากันเข้าเมืองพาราณสี
บริโภคข้าวปายาสที่ระคนด้วยเนยใสและน้าตาลกรวดที่เรือนพราหมณ์คนหนึ่ง
แล้วออกจากเมืองเข้าพระราชอุทยาน นิโครธกุมารนอนบนแผ่นศิลา
สองกุมารนอนข้างนอก.
ขณะนั้น
พวกเสนามาตย์ทั้งหลายได้เอาเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์วางไว้ภายในบุศยราชร
ถแล้วปล่อยไป.
ความพิสดารของการเรื่องบุศยราชรถนั้น จักมีแจ้งใน มหาชนกชาดก.
บุศยราชรถไปถึงพระราชอุทยานก็หันกลับหยุดอยู่
5
ประหนึ่งว่าเตรียมการคอยท่าให้คนขึ้น ปุโรหิตคิดว่า
สัตว์ผู้มีบุญคงจะมีในพระราชอุทยาน จึงเข้าพระราชอุทยาน
เห็นกุมารเข้าก็เลิกผ้าปลายเท้าขึ้น พิจารณาลายลักษณ์ที่เท้าทั้งสอง ก็ทราบชัดว่า
ราชสมบัติเมืองพาราณสียังคงดารงอยู่ต่อไป
กุมารนี้สมควรเป็ นราชาธิราชใหญ่ยิ่งทั่วชมพูทวีป จึงสั่งให้ประโคมขึ้น.
นิโครธกุมารตื่นขึ้น เลิกผ้าคลุมหน้าออกแลเห็นคนประชุมกันมาก
พลิกกลับมานอนปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปอีกหน่อยหนึ่ง
แล้วลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนแผ่นศิลา.
ลาดับนั้น ปุโรหิตคุกเข่าลงกล่าวกะนิโครธกุมารนั้นว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ราชสมบัติถึงแก่พระองค์แล้ว.
เมื่อนิโครธกุมารกล่าวว่า ดีแล้ว ก็จัดราชพิธีให้นั่งเหนือกองแก้ว ณ
ที่นั้น แล้วอภิเษกตามราชประเพณี.
นิโครธกุมารนั้นครองราชสมบัติแล้วพระราชทานตาแหน่งเสนาบดีแก่สาขกุมาร
แล้วเสด็จเข้าพระนครด้วยสักการะใหญ่ แม้โปติกะก็ตามเสด็จเข้าไปด้วย.
จาเดิมแต่นั้นมา
พระมหาสัตว์ได้ครองราชสมบัติในนครพาราณสีโดยธรรม.
วันหนึ่งพระองค์ทรงระลึกถึงมารดาบิดา จึงกล่าวกะสาขะว่า แน่ะเพื่อน
เราไม่อาจอยู่โดยปราศจากมารดาบิดาได้
ท่านพร้อมด้วยบริวารใหญ่จงไปหามารดาบิดาของเรามา.
สาขเสนาบดีทูลปฏิเสธว่า ข้าพระองค์ไม่มีกิจที่จะต้องไปในที่นั้น.
ต่อจากนั้น พระราชารับสั่งโปติกะให้ไปรับ
โปติกกุมารรับพระราชบัญชาว่า ได้พระเจ้าข้า แล้วก็ไป ณ ที่นั้น
เข้าไปหาพระชนกชนนีของพระเจ้านิโครธราช แจ้งว่า
นิโครธกุมารบุตรของท่านได้ราชสมบัติแล้ว มาเถิด ท่านเราจักไป ณ ที่นั้น.
พระชนกชนนีจึงห้ามว่า อย่าให้เราไปเลย สมบัติของเราก็มีอยู่แล้ว.
โปติกกุมารจึงมาบอกมารดาบิดาของสาขเสนาบดี
ท่านทั้งสองนั้นก็ไม่ยอมไป จึงได้มาหามารดาบิดาของตน
อ้อนวอนจะให้ไปอยู่ด้วย ท่านทั้งสองนั้นก็ห้ามเสียว่า ลูกรัก
เราจักขอเป็นอยู่ด้วยทาการชุนเช่นนี้ อย่าให้เราต้องไปเลย.
โปติกกุมารครั้นไม่ได้มารดาบิดาไปแล้ว ก็กลับมายังเมืองพาราณสี
คิดว่าจะไปพักที่เรือนของเสนาบดีให้หายเหนื่อยแล้วจึงจะเข้าเฝ้ าพระเจ้านิโครธร
าชต่อภายหลัง จึงไปที่ประตูเรือนเสนาบดี กล่าวกะนายประตูว่า
จงไปบอกท่านเสนาบดีว่า นายโปติกะสหายของท่านมาหา
นายประตูได้ทาตามนั้น.
ฝ่ายสาขเสนาบดีผูกเวรในโปติกกุมารว่า
6
โปติกะนี้ไม่ให้ราชสมบัติแก่เรา ไปให้แก่นิโครธกุมารผู้สหายเสีย
พอสาขเสนาบดีได้ฟังคานั้นเท่านั้นก็โกรธออกมาด่าว่า ใครเป็ นสหายของไอ้คนนี้
มันเป็นคนบ้า ลูกอีทาสี จงจับมันไป แล้วให้บ่าวใช้มือเท้าศอกเข่าทุบถอง
จับคอไสออกไป.
โปติกกุมารนั้นคิดว่า ไอ้สาขะ มันได้ตาแหน่งเสนาบดีก็เพราะเรา
มันยังอกตัญญูประทุษร้ายมิตร ให้คนทุบถองขับไล่เรา
แต่ท่านนิโครธเป็ นบัณฑิตกตัญญู เป็ นสัตบุรุษ เราจักไปเฝ้ าท่าน
แล้วไปยังประตูพระราชวัง ให้นายประตูเข้าไปกราบทูลแด่พระราชาว่า
นัยว่า พระสหายของพระองค์ชื่อว่าโปติกะ มาเฝ้ าอยู่ที่ประตู.
พระราชารับสั่งให้เข้ามา
ครั้นทอดพระเนตรเห็นนายโปติกะมาก็เสด็จลุกจากพระราชอาสน์ออกต้อนรับทร
งปฏิสันถาร ตรัสสั่งให้ช่างกัลบกมาแต่งผมและหนวด
แล้วให้ประดับเครื่องสรรพาภรณ์ และให้บริโภคโภชนะอันประณีตที่มีรสอันเลิศ
แล้วประทับตรัสด้วยถามฉันมิตรกับโปติกะ
ตรัสถามถึงข่าวคราวของพระชนกชนนี ทรงทราบว่าท่านไม่ยอมมา.
แม้สาขเสนาบดีก็คิดว่า นายโปติกะคงทาลายเราในสานักพระราชา
แต่เมื่อเราไปเฝ้ าเขาคงไม่อาจกล่าวโทษอะไรๆ คิดดังนี้แล้วจึงไปเฝ้ า ณ
พระราชสานักนั้นแหละ.
นายโปติกะได้กราบทูลพระราชาต่อหน้าสาขเสนาบดีนั้นแลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ข้าพระองค์เหน็ดเหนื่อยมาตามทาง คิดว่า
จะไปเรือนท่านสาขะพักผ่อนแล้ว จักเข้าเฝ้ า แต่ท่านสาขะกล่าวกะข้าพระองค์ว่า
จาข้าพระองค์ไม่ได้ให้คนทุบถองจับคอไสออกไป
ขอพระองค์ได้ทรงเชื่อดังนี้เถิด.
แล้วกล่าวคาถา ๓ คาถาว่า :-
ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงนามว่านิโครธ ท่านสาขะเสนาบดีพูดว่า
เราไม่รู้จักคนนี้เลยว่าเป็นใครกัน หรือเป็ นเพื่อนของใคร
พระองค์จะทรงเข้าพระทัยอย่างไร.
ลาดับนั้น บุรุษผู้ทาตามคาของท่านสาขะเสนาบดี เข้าจับคอ
ตบหน้าข้าพระองค์ ขับไสออกไป.
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชานิกร กรรมอันไม่ประเสริฐเช่นนี้
อันท่านสาขะเสนาบดีผู้เป็นเพื่อนเก่าของพระองค์ เป็ นคนมีความคิดทราม
เป็นคนอกตัญญูประทุษร้ายมิตร ได้กระทาแล้ว.
พระเจ้านิโครธราชได้ทรงสดับดังนั้น จึงตรัสพระคาถา ๔ พระคาถาว่า
:-
ดูก่อนสหาย เรื่องนี้เราไม่รู้เลย แม้ใครๆ ก็มิได้บอกเรา
7
ท่านมาบอกเราแล้วว่า ท่านสาขะเสนาบดีฉุดคร่าท่าน.
ท่านเป็นคนทาเพื่อนให้มีชีวิตอยู่สบายดี ท่านเป็นคนให้อิสริยยศ
คือความเป็นใหญ่ในหมู่มนุษย์แก่เรา และแก่สาขะเสนาบดีทั้งสองคน
เราได้รับความสาเร็จเพราะท่าน ในข้อนี้เราไม่มีความสงสัยเลย.
กรรมที่บุคคลทาในอสัตบุรุษ ย่อมฉิบหายไม่งอกงาม
เหมือนพืชที่บุคคลหว่านลงในไฟ ย่อมถูกไฟไหม้ไม่งอกงาม ฉะนั้น.
ส่วนกรรมที่บุคคลทาในคนกตัญญู มีศีล มีความประพฤติประเสริฐ
ย่อมไม่ฉิบหายไป เหมือนพืชที่บุคคลหว่านลงในนาดี ฉะนั้น.
แลเมื่อพระเจ้านิโครธราชกาลังตรัสอยู่อย่างนี้ สาขเสนาบดีได้ยืนอยู่ ณ
ที่นั้นเอง. ลาดับนั้น พระราชาจึงตรัสถามเขาว่า ท่านสาขะ
ท่านจาโปติกะนี้ได้ไหม? สาขเสนาบดีได้นั่งอยู่.
พระองค์ เมื่อจะลงพระราชอาญาแก่เขา ได้ตรัสพระคาถาที่ ๘ ว่า :-
ราชบุรุษทั้งหลายจงฆ่าสาขะเสนาบดี ผู้ชั่วช้ามักหลอกลวง
มีความคิดอย่างอสัตบุรุษคนนี้เสียด้วยหอกทั้งหลาย
เราไม่อยากให้มันมีชีวิตอยู่เลย.
นายโปติกะได้ฟังดังนั้นคิดว่า ไอ้คนพาลนี้จงอย่าฉิบหายเพราะเราเลย.
จึงกล่าวคาถาที่ ๙ ว่า :-
ข้าแต่พระมหาราชา ขอพระองค์ได้โปรดอดโทษให้แก่เขาเถิด
ชีวิตของคนตายแล้วไม่อาจจะนากลับคืนมาได้
ขอได้ทรงโปรดอดโทษแก่อสัตบุรุษเถิดพระพุทธเจ้าข้า
ข้าพระองค์ไม่อยากให้ฆ่าเขา.
พระราชาได้ทรงสดับถ้อยคาของโปติกะแล้ว ก็ทรงยกโทษให้สาขะ
พระองค์ประสงค์จะพระราชทานตาแหน่งเสนาบดีแก่นายโปติกะ
แต่เขาไม่ประสงค์.
ลาดับนั้น พระองค์จึงทรงพระราชทานตาแหน่งขุนคลัง
เพิ่มอานาจให้มีหน้าที่ตรวจตราราชการทั้งหมด ได้ยินว่า ฐานันดรเช่นนั้น
แต่ก่อนไม่เคยมีเพิ่งมีขึ้นแต่นั้นมา ต่อมา ท่านขุนคลังโปติกะเจริญด้วยบุตรธิดา
กล่าวสอนบุตรธิดาของตนด้วยคาถาสุดท้ายว่า :-
ควรคบแต่ท่านนิโครธเท่านั้น ไม่ควรเข้าไปคบเจ้าสาขะอยู่
ตายเสียในสานักท่านนิโครธประเสริฐกว่า
เป็นอยู่ในสานักเจ้าสาขะจะประเสริฐอะไร.
พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนาเรื่องนี้มาแสดงแล้ว ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตก็เป็นคนอกตัญญูอย่างนี้แหละ
แล้วทรงประชุมชาดกว่า
8
สาขเสนาบดีในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระเทวทัต ในบัดนี้
โปติกะขุนคลังในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอานนท์ ในบัดนี้
ส่วนพระเจ้านิโครธราชในครั้งนั้น ได้มาเป็ น เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถานิโครธชาดกที่ ๗
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 445 นิโครธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
405 พกพรหมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
405 พกพรหมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx405 พกพรหมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
405 พกพรหมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
364 ขัชโชปนกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
364 ขัชโชปนกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...364 ขัชโชปนกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
364 ขัชโชปนกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
411 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
411 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx411 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
411 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
367 สาลิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
367 สาลิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx367 สาลิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
367 สาลิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
334 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
334 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....334 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
334 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
326 กักการุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
326 กักการุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....326 กักการุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
326 กักการุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๕ วินัยปิฎกที่ ๐๕ มหาวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๕ วินัยปิฎกที่ ๐๕ มหาวรรค ภาค ๒พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๕ วินัยปิฎกที่ ๐๕ มหาวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๕ วินัยปิฎกที่ ๐๕ มหาวรรค ภาค ๒Tongsamut vorasan
 
194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
143 วิโรจนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
143 วิโรจนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx143 วิโรจนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
143 วิโรจนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
401 ทสัณณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
401 ทสัณณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx401 ทสัณณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
401 ทสัณณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 

Similar to 445 นิโครธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
303 เอกราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
284 สิริชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
516 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
405 พกพรหมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
405 พกพรหมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx405 พกพรหมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
405 พกพรหมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
364 ขัชโชปนกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
364 ขัชโชปนกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...364 ขัชโชปนกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
364 ขัชโชปนกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
192 สิริกาฬกัณณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
411 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
411 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx411 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
411 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
397 มโนชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
362 สีลวีมังสชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
367 สาลิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
367 สาลิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx367 สาลิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
367 สาลิยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
334 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
334 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....334 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
334 ราโชวาทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
326 กักการุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
326 กักการุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....326 กักการุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
326 กักการุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๕ วินัยปิฎกที่ ๐๕ มหาวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๕ วินัยปิฎกที่ ๐๕ มหาวรรค ภาค ๒พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๕ วินัยปิฎกที่ ๐๕ มหาวรรค ภาค ๒
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๐๕ วินัยปิฎกที่ ๐๕ มหาวรรค ภาค ๒
 
194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
194 มณิโจรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
143 วิโรจนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
143 วิโรจนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx143 วิโรจนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
143 วิโรจนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
285 มณิสูกรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
401 ทสัณณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
401 ทสัณณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx401 ทสัณณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
401 ทสัณณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

More from maruay songtanin

๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
maruay songtanin
 
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
maruay songtanin
 
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
maruay songtanin
 
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
maruay songtanin
 
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
maruay songtanin
 
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
maruay songtanin
 
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๖. อภิชชมานเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๕. อุพพรีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๒๔. กัณณมุณฑเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๒๓. สุตตเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๒๒. อุตตรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
 
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๒๑. อังกุรเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๒๐. จูฬเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๙. ธนปาลเสฏฐิเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
 
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๘. กัณหเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
๑๗. มัฏฐกุณฑลีเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหา...
 
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๖. นันทาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
๑๕. มัตตาเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬา...
 
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
๑๔. สารีปุตตเถรมาตุเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉ...
 
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
๑๓. สังสารโมจกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมห...
 
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
๑๒. อุรคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
๑๑. นาคเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๑๐. ขัลลาฏิยเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
๙. มหาเปสการเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจ...
 
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
๘. โคณเปตวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
๗. สัตตปุตตขาทิกเปติวัตถุ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับ...
 

445 นิโครธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 นิโครธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๗. นิโครธชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๔๔๕) ว่าด้วยพระเจ้านิโครธ (นายโปตติกะกราบทูลพระเจ้านิโครธว่า) [๗๒] ขอเดชะพระเจ้านิโครธ พระองค์ทรงเข้าพระทัยอย่างไร ตามที่สาขเสนาบดีกล่าวว่า เราไม่รู้จักมันเลยว่า มันผู้นี้เป็ นใคร หรือเป็นคนสอดแนมของใคร [๗๓] ต่อแต่นั้น คนผู้กระทาตามคาสั่งของสาขเสนาบดี ได้ตบหน้าข้าพระองค์แล้วลากคอนาข้าพระองค์ออกไป [๗๔] ขอเดชะพระองค์ผู้เป็นใหญ่แห่งหมู่ชน สาขเสนาบดีเพื่อนของพระองค์เป็ นคนมีความคิดต่าทราม อกตัญญู ประทุษร้ายมิตร กระทากรรมอันไม่ประเสริฐเช่นนี้ (พระเจ้านิโครธตรัสว่า) [๗๕] เพื่อน เรื่องนี้เรายังไม่ทราบ ทั้งใครๆ ก็มิได้บอกเรา ถึงเรื่องที่สาขะได้กระทาการฉุดคร่าท่าน มีแต่ท่านได้บอกเรา [๗๖] ท่านส่งเสริมเพื่อนทั้งสอง คือ เราและสาขะให้มีอาชีพดีขึ้น คือ ท่านได้ให้อิสริยยศแก่พวกเราเป็นใหญ่ในหมู่มนุษย์ สมบัติเหล่านี้พวกเราได้มาก็เพราะท่าน ในเรื่องนี้เราไม่สงสัยเลย [๗๗] เมล็ดพืชที่ถูกเผาในกองไฟย่อมไม่งอกขึ้น ฉันใด ความดีที่ทาในคนชั่วก็ย่อมพินาศไปไม่งอกงาม ฉันนั้น [๗๘] ส่วนความดีที่ทาในคนผู้มีความกตัญญู มีศีล มีความประพฤติอันประเสริฐ ย่อมไม่เสียหาย เหมือนเมล็ดพืชในนาที่ดี (พระราชารับสั่งว่า) [๗๙] ก็เจ้าสาขะผู้นี้เป็นคนชั่วช้า คดโกง มีความคิดเยี่ยงคนชั่ว จงเอาหอกแทงมัน เราไม่ต้องการให้มันมีชีวิตอยู่ (นายโปตติกะกราบทูลว่า) [๘๐] ขอเดชะพระมหาราช ขอพระองค์ทรงโปรดงดโทษแก่เขาเถิด ชีวิตนากลับคืนมาไม่ได้ ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพ ขอพระองค์ทรงโปรดงดโทษแก่คนชั่วเถิด ข้าพระองค์ไม่ต้องการฆ่าเขา (นายโปตติกะกล่าวสอนลูกสาวลูกชายว่า) [๘๑] ควรคบแต่พระเจ้านิโครธเท่านั้น อย่าเข้าไปคบหาเจ้าสาขเสนาบดีเลย
  • 2. 2 การตายในสานักของพระเจ้านิโครธประเสริฐกว่า การมีชีวิตอยู่ในสานักของเจ้าสาขเสนาบดีจะประเสริฐอะไร นิโครธชาดกที่ ๗ จบ ------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา นิโครธชาดก ว่าด้วย การคบคนดี พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภพระเทวทัต ตรัสพระธรรมเทศนาเรื่องนี้ ดังนี้. ได้ยินว่า วันหนึ่งภิกษุทั้งหลายสนทนากันในธรรมสภาถึงเรื่องพระเทวทัต ที่ภิกษุทั้งหลายตักเตือนว่า ดูก่อนท่านเทวทัต พระศาสดาทรงมีพระอุปการะแก่เธอมา เพราะเธอได้อาศัยพระองค์ จึงได้บรรพชาอุปสมบท ได้เรียนพระพุทธพจน์คือพระไตรปิฎก และได้ฌาน แม้ลาภสักการะของเธอก็เกิดแต่พระทศพลทั้งนั้น. พระเทวทัตยังยกสลากหญ้าขึ้นประกาศว่า อุปการคุณแม้เพียงเท่านี้ เราก็ไม่แลเห็นว่า พระสมณโคดมกระทาให้แก่เรา ดังนี้. พระศาสดาเสด็จมา ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เธอทั้งหลายนั่งสนทนากันถึงเรื่องอะไร? เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นที่พระเทวทัตเป็นอกตัญญูประทุษร้ายมิตร แม้ในกาลก่อนพระเทวทัตก็เป็นคนอกตัญญูประทุษร้ายเหมือนกัน แล้วทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :- ในอดีตกาล พระเจ้ามคธราชครองราชสมบัติอยู่ในนครราชคฤห์ ครั้งนั้น เศรษฐีเมืองราชคฤห์ได้ขอธิดาของเศรษฐีในชนบทมาให้เป็นภรรยาของบุตรตน นางนั้นเป็นหญิงหมัน ต่อมาภายหลังตระกูลนั้นก็เสื่อมลาภสักการะลง เขาพูดกันให้นางนั้นได้ยินว่า เมื่อหญิงหมันมาอยู่เรือนลูกชายเรา วงศ์ตระกูลจักเจริญได้อย่างไร. นางได้ฟังคานั้นจึงคิดว่า ช่างเถอะ เราจักทามีครรภ์ลวงคนเหล่านี้ แล้วกล่าวถามหญิงพี่เลี้ยงที่ไว้วางใจ ถึงวิธีการของหญิงมีครรภ์ว่า ธรรมดาหญิงที่มีครรภ์จะต้องทาอย่างไรบ้าง? ครั้นได้ฟังแล้ว เมื่อถึงคราวมีระดูก็ปกปิดเสีย แสดงกิริยาของหญิงแพ้ท้อง มีชอบของเปรี้ยวเป็นต้น ในเวลาที่มือเท้าบวมจึงทุบหลังมือหลังเท้าให้นูน เอาผ้าเก่าพันท้องให้โตขึ้นทุกวันๆ ทาหัวนมให้ดา
  • 3. 3 แม้จะทาสรีรกิจก็ไม่ทาต่อหน้าคนอื่นนอกจากหญิงพี่เลี้ยงคนนั้น แม้สามีก็ได้ช่วยบริหารครรภ์แก่นาง. อยู่มาได้ ๙ เดือนด้วยอาการอย่างนี้ นางจึงลาพ่อผัวแม่ผัวจะไปคลอดบุตร ณ เรือนบิดาในชนบทแล้วก็ขึ้นรถ ออกจากเมืองราชคฤห์เดินทางไปด้วยบริวารใหญ่. ข้างหน้านาง มีพวกเกวียนไปพวกหนึ่ง นางไปถึงที่ซึ่งพวกเกวียนหยุดพักแล้วไปในเวลาอาหารเช้า วันหนึ่งหญิงเข็ญใจคนหนึ่งที่อาศัยไปในพวกเกวียนนั้น คลอดบุตรที่โคนต้นไทรต้นหนึ่งในกลางคืน ครั้นรุ่งเช้าเมื่อพวกเกวียนออกเดินทาง จึงคิดว่า เราเว้นพวกเกวียนเสียแล้วไม่อาจไปได้ แลเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ก็อาจที่จะได้บุตร ดังนี้แล้วจึงเอารถและครรภ์มลทินมาราดลงที่ควงข่ายต้นไทรแล้วทิ้งบุตรไป เทวดาได้มาอารักขาทารกไว้ เพราะทารกนั้นไม่ใช่สัตว์สามัญ คือองค์พระโพธิสัตว์ทีเดียว แลครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ได้มาถือปฏิสนธิเช่นนั้น. เวลาเช้า หญิงหมันได้ไปถึงที่นั้นในเวลาอาหารเช้า คิดว่าจักทาสรีรกิจ จึงไปที่โคนต้นไทรกับหญิงพี่เลี้ยงนั้น เห็นทารกมีวรรณะดังทอง จึงพูดกับพี่เลี้ยงว่า กิจของเราสาเร็จแล้ว แล้วก็แก้ผ้าพันท้องออก เอาโลหิตและครรภมลทินทาหน้าขา แล้วบอกว่าตนคลอดบุตร ทันใดนั้น พวกบริวารชนต่างพากันร่าเริงยินดี ช่วยกันเอาม่านกั้นให้นาง แล้วมีหนังสือส่งไปนครราชคฤห์. ลาดับนั้น พ่อผัวแม่ผัวของนางมีหนังสือส่งไปว่า เมื่อคลอดแล้วก็ไม่ต้องไปตระกูลบิดา จงกลับมาที่นี้เถิด นางจึงกลับเข้านครราชคฤห์ทันที เมื่อจะรับขวัญตั้งชื่อทารก ญาติทั้งหลายตั้งชื่อให้ว่า นิโครธกุมาร เพราะเกิดที่โคนต้นไทร. ในวันเดียวกันนั้น หญิงสะใภ้ของอนุเศรษฐี ก็ไปตระกูลบิดามารดาเพื่อจะคลอดบุตร ได้คลอดบุตรที่ใต้กิ่งไม้แห่งหนึ่งในระหว่างทาง พวกญาติได้ตั้งชื่อให้ทารกนั้นว่าสาขกุมาร. และในวันเดียวกันนั้น ภรรยาของช่างชุนที่อาศัยมหาเศรษฐีอยู่ ก็คลอดบุตรที่ระหว่างกองผ้าขี้ริ้ว พวกญาติจึงตั้งชื่อให้ทารกนั้นว่าโปติกะ. มหาเศรษฐีทราบว่า ทารกทั้งสองคนนั้นเกิดในวันที่นิโครธกุมารเกิด จึงนามาบารุงเลี้ยงไว้ร่วมกับนิโครธกุมาร กุมารทั้งสามนั้นเติบโตมาพร้อมๆ กัน ครั้นเจริญวัยแล้วจึงไปเมืองตักกสิลาเรียนศิลปะ สองบุตรเศรษฐีให้ทรัพย์เป็นค่าสอนแก่อาจารย์คนละพัน แต่โปติกกุมารคอยรับเรียนศิลปะในสานักนิโครธกุมาร.
  • 4. 4 เมื่อกุมารทั้งสามสาเร็จการศึกษาแล้ว จึงลาอาจารย์ออกเที่ยวไปตามชนบท ถึงเมืองพาราณสีโดยลาดับ นอนอยู่ ณ โคนต้นไม้แห่งหนึ่ง. ครั้งนั้น เป็นคราวที่พระเจ้าพาราณสีเสด็จสวรรคตได้เจ็ดวัน พวกเสนามาตย์ให้ตีกลองประกาศทั่วนครว่า วันพรุ่งนี้จักเสี่ยงบุศยราชรถ ขณะที่เพื่อนรักทั้งสามพากันนอนหลับอยู่ที่โคนต้นไม้ โปติกะลุกขึ้นเวลาเช้ามืด นั่งนวดฟั้นเท้านิโครธกุมารอยู่. บนต้นไม้นั้นมีไก่นอนอยู่สองตัว ไก่ตัวบนถ่ายอุจจาระลงถูกไก่ตัวล่าง. ลาดับนั้น ไก่ตัวล่างจึงถามไก่ตัวบนว่า ใครถ่ายอุจจาระ. ไก่ตัวบนตอบว่า เพื่อนอย่าโกรธเลย เราไม่รู้จึงถ่ายลง. ไก่ตัวล่างต่อว่าไก่ตัวบนว่า เจ้าสัตว์ร้าย เจ้าเข้าใจว่าตัวข้าเป็ นที่ถ่ายอุจจาระของเจ้าหรือ เจ้าไม่รู้จักความดีของข้าหรือ? ไก่ตัวบนกล่าวกะไก่ตัวล่างนั้นว่า เจ้าสัตว์ร้าย เมื่อข้าซึ่งเป็ นผู้ไม่รู้ยอมรับแล้วว่าถ่ายเอง เจ้ายังโกรธอยู่อีก อะไรนะที่เป็นความดีของเจ้า. ไก่ตัวล่างตอบว่า ผู้ใดฆ่าเราแล้วกินเนื้อ ผู้นั้นจะได้ทรัพย์พันหนึ่งแต่เช้าทีเดียว ฉะนั้น ข้าจึงถือตัวนัก ไก่ตัวบนกล่าวกะไก่ตัวล่างนั้นว่า เจ้าสัตว์ร้าย ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ เจ้ายังถือตัวได้ เรานี่สิถ้าใครฆ่าแล้วกินเนื้อกล้ามของเรา เขาจะได้เป็ นพระราชาแต่เช้าทีเดียว คนที่กินเนื้อกลางๆ จะได้เป็นเสนาบดี คนที่กินเนื้อติดกระดูกจะได้เป็นขุนคลัง. โปติกะได้ยินถ้อยคาของไก่ทั้งสองนั้น จึงคิดว่า จะเป็ นประโยชน์อะไรด้วยทรัพย์พันหนึ่ง ราชสมบัติเท่านั้นประเสริฐ จึงค่อยๆ ขึ้นต้นไม้ไปจับไก่ตัวที่นอนบนลงมาฆ่า ย่างบนถ่านไฟแล้วฉีกเนื้อกล้ามให้นิโครธกุมาร ให้เนื้อกลางๆ แก่สาขกุมาร ตัวเองบริโภคเนื้อติดกระดูก. ก็แลครั้นบริโภคกันแล้ว โปติกะจึงพูดว่า เพื่อนนิโครธ วันนี้ท่านจักได้เป็ นพระราชา เพื่อนสาขะ วันนี้ท่านจักได้เป็ นเสนาบดี ส่วนเราจักได้เป็ นขุนคลัง ถูกสองสหายถามว่า ท่านรู้ได้อย่างไร? จึงเล่าเรื่องราวให้ฟังทุกประการ. สามสหายนั้น ครั้นถึงเวลาบริโภคอาหารเช้า ก็พากันเข้าเมืองพาราณสี บริโภคข้าวปายาสที่ระคนด้วยเนยใสและน้าตาลกรวดที่เรือนพราหมณ์คนหนึ่ง แล้วออกจากเมืองเข้าพระราชอุทยาน นิโครธกุมารนอนบนแผ่นศิลา สองกุมารนอนข้างนอก. ขณะนั้น พวกเสนามาตย์ทั้งหลายได้เอาเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์วางไว้ภายในบุศยราชร ถแล้วปล่อยไป. ความพิสดารของการเรื่องบุศยราชรถนั้น จักมีแจ้งใน มหาชนกชาดก. บุศยราชรถไปถึงพระราชอุทยานก็หันกลับหยุดอยู่
  • 5. 5 ประหนึ่งว่าเตรียมการคอยท่าให้คนขึ้น ปุโรหิตคิดว่า สัตว์ผู้มีบุญคงจะมีในพระราชอุทยาน จึงเข้าพระราชอุทยาน เห็นกุมารเข้าก็เลิกผ้าปลายเท้าขึ้น พิจารณาลายลักษณ์ที่เท้าทั้งสอง ก็ทราบชัดว่า ราชสมบัติเมืองพาราณสียังคงดารงอยู่ต่อไป กุมารนี้สมควรเป็ นราชาธิราชใหญ่ยิ่งทั่วชมพูทวีป จึงสั่งให้ประโคมขึ้น. นิโครธกุมารตื่นขึ้น เลิกผ้าคลุมหน้าออกแลเห็นคนประชุมกันมาก พลิกกลับมานอนปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปอีกหน่อยหนึ่ง แล้วลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนแผ่นศิลา. ลาดับนั้น ปุโรหิตคุกเข่าลงกล่าวกะนิโครธกุมารนั้นว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ราชสมบัติถึงแก่พระองค์แล้ว. เมื่อนิโครธกุมารกล่าวว่า ดีแล้ว ก็จัดราชพิธีให้นั่งเหนือกองแก้ว ณ ที่นั้น แล้วอภิเษกตามราชประเพณี. นิโครธกุมารนั้นครองราชสมบัติแล้วพระราชทานตาแหน่งเสนาบดีแก่สาขกุมาร แล้วเสด็จเข้าพระนครด้วยสักการะใหญ่ แม้โปติกะก็ตามเสด็จเข้าไปด้วย. จาเดิมแต่นั้นมา พระมหาสัตว์ได้ครองราชสมบัติในนครพาราณสีโดยธรรม. วันหนึ่งพระองค์ทรงระลึกถึงมารดาบิดา จึงกล่าวกะสาขะว่า แน่ะเพื่อน เราไม่อาจอยู่โดยปราศจากมารดาบิดาได้ ท่านพร้อมด้วยบริวารใหญ่จงไปหามารดาบิดาของเรามา. สาขเสนาบดีทูลปฏิเสธว่า ข้าพระองค์ไม่มีกิจที่จะต้องไปในที่นั้น. ต่อจากนั้น พระราชารับสั่งโปติกะให้ไปรับ โปติกกุมารรับพระราชบัญชาว่า ได้พระเจ้าข้า แล้วก็ไป ณ ที่นั้น เข้าไปหาพระชนกชนนีของพระเจ้านิโครธราช แจ้งว่า นิโครธกุมารบุตรของท่านได้ราชสมบัติแล้ว มาเถิด ท่านเราจักไป ณ ที่นั้น. พระชนกชนนีจึงห้ามว่า อย่าให้เราไปเลย สมบัติของเราก็มีอยู่แล้ว. โปติกกุมารจึงมาบอกมารดาบิดาของสาขเสนาบดี ท่านทั้งสองนั้นก็ไม่ยอมไป จึงได้มาหามารดาบิดาของตน อ้อนวอนจะให้ไปอยู่ด้วย ท่านทั้งสองนั้นก็ห้ามเสียว่า ลูกรัก เราจักขอเป็นอยู่ด้วยทาการชุนเช่นนี้ อย่าให้เราต้องไปเลย. โปติกกุมารครั้นไม่ได้มารดาบิดาไปแล้ว ก็กลับมายังเมืองพาราณสี คิดว่าจะไปพักที่เรือนของเสนาบดีให้หายเหนื่อยแล้วจึงจะเข้าเฝ้ าพระเจ้านิโครธร าชต่อภายหลัง จึงไปที่ประตูเรือนเสนาบดี กล่าวกะนายประตูว่า จงไปบอกท่านเสนาบดีว่า นายโปติกะสหายของท่านมาหา นายประตูได้ทาตามนั้น. ฝ่ายสาขเสนาบดีผูกเวรในโปติกกุมารว่า
  • 6. 6 โปติกะนี้ไม่ให้ราชสมบัติแก่เรา ไปให้แก่นิโครธกุมารผู้สหายเสีย พอสาขเสนาบดีได้ฟังคานั้นเท่านั้นก็โกรธออกมาด่าว่า ใครเป็ นสหายของไอ้คนนี้ มันเป็นคนบ้า ลูกอีทาสี จงจับมันไป แล้วให้บ่าวใช้มือเท้าศอกเข่าทุบถอง จับคอไสออกไป. โปติกกุมารนั้นคิดว่า ไอ้สาขะ มันได้ตาแหน่งเสนาบดีก็เพราะเรา มันยังอกตัญญูประทุษร้ายมิตร ให้คนทุบถองขับไล่เรา แต่ท่านนิโครธเป็ นบัณฑิตกตัญญู เป็ นสัตบุรุษ เราจักไปเฝ้ าท่าน แล้วไปยังประตูพระราชวัง ให้นายประตูเข้าไปกราบทูลแด่พระราชาว่า นัยว่า พระสหายของพระองค์ชื่อว่าโปติกะ มาเฝ้ าอยู่ที่ประตู. พระราชารับสั่งให้เข้ามา ครั้นทอดพระเนตรเห็นนายโปติกะมาก็เสด็จลุกจากพระราชอาสน์ออกต้อนรับทร งปฏิสันถาร ตรัสสั่งให้ช่างกัลบกมาแต่งผมและหนวด แล้วให้ประดับเครื่องสรรพาภรณ์ และให้บริโภคโภชนะอันประณีตที่มีรสอันเลิศ แล้วประทับตรัสด้วยถามฉันมิตรกับโปติกะ ตรัสถามถึงข่าวคราวของพระชนกชนนี ทรงทราบว่าท่านไม่ยอมมา. แม้สาขเสนาบดีก็คิดว่า นายโปติกะคงทาลายเราในสานักพระราชา แต่เมื่อเราไปเฝ้ าเขาคงไม่อาจกล่าวโทษอะไรๆ คิดดังนี้แล้วจึงไปเฝ้ า ณ พระราชสานักนั้นแหละ. นายโปติกะได้กราบทูลพระราชาต่อหน้าสาขเสนาบดีนั้นแลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ข้าพระองค์เหน็ดเหนื่อยมาตามทาง คิดว่า จะไปเรือนท่านสาขะพักผ่อนแล้ว จักเข้าเฝ้ า แต่ท่านสาขะกล่าวกะข้าพระองค์ว่า จาข้าพระองค์ไม่ได้ให้คนทุบถองจับคอไสออกไป ขอพระองค์ได้ทรงเชื่อดังนี้เถิด. แล้วกล่าวคาถา ๓ คาถาว่า :- ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงนามว่านิโครธ ท่านสาขะเสนาบดีพูดว่า เราไม่รู้จักคนนี้เลยว่าเป็นใครกัน หรือเป็ นเพื่อนของใคร พระองค์จะทรงเข้าพระทัยอย่างไร. ลาดับนั้น บุรุษผู้ทาตามคาของท่านสาขะเสนาบดี เข้าจับคอ ตบหน้าข้าพระองค์ ขับไสออกไป. ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชานิกร กรรมอันไม่ประเสริฐเช่นนี้ อันท่านสาขะเสนาบดีผู้เป็นเพื่อนเก่าของพระองค์ เป็ นคนมีความคิดทราม เป็นคนอกตัญญูประทุษร้ายมิตร ได้กระทาแล้ว. พระเจ้านิโครธราชได้ทรงสดับดังนั้น จึงตรัสพระคาถา ๔ พระคาถาว่า :- ดูก่อนสหาย เรื่องนี้เราไม่รู้เลย แม้ใครๆ ก็มิได้บอกเรา
  • 7. 7 ท่านมาบอกเราแล้วว่า ท่านสาขะเสนาบดีฉุดคร่าท่าน. ท่านเป็นคนทาเพื่อนให้มีชีวิตอยู่สบายดี ท่านเป็นคนให้อิสริยยศ คือความเป็นใหญ่ในหมู่มนุษย์แก่เรา และแก่สาขะเสนาบดีทั้งสองคน เราได้รับความสาเร็จเพราะท่าน ในข้อนี้เราไม่มีความสงสัยเลย. กรรมที่บุคคลทาในอสัตบุรุษ ย่อมฉิบหายไม่งอกงาม เหมือนพืชที่บุคคลหว่านลงในไฟ ย่อมถูกไฟไหม้ไม่งอกงาม ฉะนั้น. ส่วนกรรมที่บุคคลทาในคนกตัญญู มีศีล มีความประพฤติประเสริฐ ย่อมไม่ฉิบหายไป เหมือนพืชที่บุคคลหว่านลงในนาดี ฉะนั้น. แลเมื่อพระเจ้านิโครธราชกาลังตรัสอยู่อย่างนี้ สาขเสนาบดีได้ยืนอยู่ ณ ที่นั้นเอง. ลาดับนั้น พระราชาจึงตรัสถามเขาว่า ท่านสาขะ ท่านจาโปติกะนี้ได้ไหม? สาขเสนาบดีได้นั่งอยู่. พระองค์ เมื่อจะลงพระราชอาญาแก่เขา ได้ตรัสพระคาถาที่ ๘ ว่า :- ราชบุรุษทั้งหลายจงฆ่าสาขะเสนาบดี ผู้ชั่วช้ามักหลอกลวง มีความคิดอย่างอสัตบุรุษคนนี้เสียด้วยหอกทั้งหลาย เราไม่อยากให้มันมีชีวิตอยู่เลย. นายโปติกะได้ฟังดังนั้นคิดว่า ไอ้คนพาลนี้จงอย่าฉิบหายเพราะเราเลย. จึงกล่าวคาถาที่ ๙ ว่า :- ข้าแต่พระมหาราชา ขอพระองค์ได้โปรดอดโทษให้แก่เขาเถิด ชีวิตของคนตายแล้วไม่อาจจะนากลับคืนมาได้ ขอได้ทรงโปรดอดโทษแก่อสัตบุรุษเถิดพระพุทธเจ้าข้า ข้าพระองค์ไม่อยากให้ฆ่าเขา. พระราชาได้ทรงสดับถ้อยคาของโปติกะแล้ว ก็ทรงยกโทษให้สาขะ พระองค์ประสงค์จะพระราชทานตาแหน่งเสนาบดีแก่นายโปติกะ แต่เขาไม่ประสงค์. ลาดับนั้น พระองค์จึงทรงพระราชทานตาแหน่งขุนคลัง เพิ่มอานาจให้มีหน้าที่ตรวจตราราชการทั้งหมด ได้ยินว่า ฐานันดรเช่นนั้น แต่ก่อนไม่เคยมีเพิ่งมีขึ้นแต่นั้นมา ต่อมา ท่านขุนคลังโปติกะเจริญด้วยบุตรธิดา กล่าวสอนบุตรธิดาของตนด้วยคาถาสุดท้ายว่า :- ควรคบแต่ท่านนิโครธเท่านั้น ไม่ควรเข้าไปคบเจ้าสาขะอยู่ ตายเสียในสานักท่านนิโครธประเสริฐกว่า เป็นอยู่ในสานักเจ้าสาขะจะประเสริฐอะไร. พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนาเรื่องนี้มาแสดงแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตก็เป็นคนอกตัญญูอย่างนี้แหละ แล้วทรงประชุมชาดกว่า
  • 8. 8 สาขเสนาบดีในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระเทวทัต ในบัดนี้ โปติกะขุนคลังในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอานนท์ ในบัดนี้ ส่วนพระเจ้านิโครธราชในครั้งนั้น ได้มาเป็ น เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถานิโครธชาดกที่ ๗ -----------------------------------------------------