More Related Content
More from maruay songtanin (20)
161 อินทสมานโคตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
อินทสมานโคตตชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๒. สันถววรรค
หมวดว่าด้วยความสนิทสนม
๑. อินทสมานโคตตชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๑๖๑)
ว่าด้วยอินทสมานโคตรดาบส
(ดาบสโพธิสัตว์บอกดาบสที่ไม่ควรทาความคลุกคลีกับคนชั่วว่า)
[๒๑] บุคคลไม่ควรทาความสนิทสนมกับคนชั่ว
บุคคลผู้ประเสริฐรู้ประโยชน์ชัดอยู่
ก็ไม่ควรทาความสนิทสนมกับบุคคลผู้ไม่ประเสริฐ เพราะว่า
บุคคลผู้ไม่ประเสริฐถึงแม้จะอยู่ร่วมกันเป็ นเวลานาน
ก็ยังทาความชั่วเหมือนช้างได้ฆ่าอินทสมานโคตรดาบส
[๒๒] บุคคลรู้บุคคลใดว่า ผู้นี้เช่นเดียวกับเราด้วยศีล ปัญญา และสุตะ
พึงกระทาไมตรีกับบุคคลเช่นนั้นแหละ
เพราะการสมาคมกับสัตบุรุษเป็นความสุขโดยแท้
อินทสมานโคตตชาดกที่ ๑ จบ
-------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
อินทสมานโคตตชาดก
ว่าด้วย การสมาคมกับสัตบุรุษ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
ทรงปรารภภิกษุว่ายากรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มี ดังนี้.
เรื่องภิกษุว่ายากนั้น จักมีแจ้งใน คิชฌชาดก นวกนิบาต.
พระศาสดาตรัสกะภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ
แม้เมื่อก่อนเธอก็ไม่เชื่อฟังคาของบัณฑิตทั้งหลาย เพราะเธอเป็นผู้ว่ายาก
จึงเหลวแหลกเพราะเท้าช้างตกมัน แล้วทรงนาเรื่องในอดีตมาตรัสเล่า
ในอดีตกาลครั้ง
เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ ครั้นเจริญวัยละฆราวาส ออกบวชเป็นฤๅษี
เป็นครูของเหล่าฤๅษี ๕๐๐ อาศัยอยู่ในหิมวันตประเทศ. ในครั้งนั้น
บรรดาดาบสเหล่านั้น ได้มีดาบสชื่ออินทสมานโคตร เป็นผู้ว่ายากไม่เชื่อฟัง
ดาบสนั้นเลี้ยงลูกช้างไว้เชือกหนึ่ง. พระโพธิสัตว์ได้ทราบข่าว
จึงเรียกดาบสนั้นมาถามว่า เขาว่าเธอเลี้ยงลูกช้างไว้จริงหรือ. ดาบสตอบว่า
จริงขอรับอาจารย์ ข้าพเจ้าเลี้ยงลูกช้างไว้เชือกหนึ่ง แม่มันตาย.
- 2. 2
พระโพธิสัตว์พูดเตือนว่า ขึ้นชื่อว่าช้าง เมื่อเติบโตมักฆ่าคนเลี้ยง
เธออย่าเลี้ยงลูกช้างนั้นเลย. ดาบสกล่าวว่า ท่านอาจารย์ข้าพเจ้าไม่อาจทิ้งมันได้.
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นเธอจักได้รู้เอง. ดาบสเลี้ยงดูช้างนั้น
ต่อมามันมีร่างกายใหญ่โต. คราวหนึ่ง
พวกฤๅษีพากันไปในที่ไกลเพื่อหารากไม้และผลาผลในป่า แล้วพักอยู่ ณ ที่นั้น ๒-
๓ วัน.
ช้างก็ตกมัน รื้อบรรณศาลาเสียกระจุยกระจาย ทาลายหม้อน้าดื่ม
โยนแผ่นหินทิ้ง ถอนแผ่นกระดานแขวนทิ้ง แล้วเข้าไปยังที่ซ่อนแห่งหนึ่ง
ยืนคอยมองดูทางมาของดาบส ด้วยหวังว่า จักฆ่าดาบสนั้นแล้วไป.
ดาบสอินทสมานโคตรหาอาหารไว้ให้ช้าง เดินมาก่อนดาบสทั้งหมด
ครั้นเห็นช้างนั้น จึงเข้าไปหามันตามความรู้สึกที่เป็นปกติ.
ครั้นแล้วช้างนั้นออกจากที่ซ่อน เอางวงจับฟาดลงกับพื้น
เอาเท้าเหยียบศีรษะขยี้ให้ถึงความตาย แล้วแผดเสียงดังเข้าป่าไป.
พวกดาบสที่เหลือจึงแจ้งข่าวนั้นให้พระโพธิสัตว์ทราบ.
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ไม่ควรทาความคลุกคลีกับคนชั่ว
แล้วกล่าวคาถานี้ว่า:-
บุคคลไม่พึงทาความสนิทสนมกับคนชั่ว ท่านผู้เป็นอริยะ
รู้ประโยชน์อยู่ ไม่พึงทาความสนิทสนมกับอนารยชน เพราะอนารยชนนั้น
แม้อยู่ร่วมกันเป็นเวลานาน ก็ย่อมทาความชั่ว
ดุจช้างผู้ทาลายดาบสอินทสมานโคตรฉะนั้น
บุคคลพึงรู้บุคคลใดว่า ผู้นี้เช่นเดียวกับเรา ด้วยศีล ด้วยปัญญา
และแม้ด้วยสุตะ พึงทาไมตรีกับบุคคลผู้นั้นนั่นแหละ
เพราะการสมาคมกับสัตบุรุษนามาซึ่งความสุขแท้.
บุคคลผู้เป็นอริยะ รู้จักประโยชน์ คือรู้จักผล
ฉลาดในประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ ดารงอยู่ในอาจาระ
ไม่พึงทาความสนิทสนมด้วยอานาจตัณหา หรือความสนิทสนมด้วยความเป็นมิตร
กับคนที่มิใช่อริยะ คือคนทุศีลไม่มียางอาย.
ถามว่า เพราะเหตุไร.
ตอบว่า เพราะคนที่มิใช่อริยะนั้น แม้อยู่ร่วมกันนาน
ก็มิได้คานึงถึงการอยู่ร่วมกันนั้น ย่อมกระทาความชั่ว
คือกระทากรรมอันลามกเท่านั้น.
ถามว่า เหมือนอะไร.
ตอบว่า เหมือนช้างฆ่าอินทสมานโคตรดาบสใดกระทาความชั่ว.
พระโพธิสัตว์สอนหมู่ฤๅษีว่า ธรรมดาคนเราไม่ควรเป็นผู้สอนยาก
ควรศึกษาให้ดีแล้ว ให้จัดการเผาศพอินทสมานโคตรดาบส เจริญพรหมวิหาร