ว่าด้วย รู้ตัวว่าผิดแล้วสารภาพผิด พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงปรารภภิกษุแก่รูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. ได้ยินว่า ในนครสาวัตถีมีกุลบุตรผู้หนึ่งเห็นโทษในกามทั้งหลาย จึงบวชในสำนักของพระศาสดา ขวนขวายในพระกรรมฐาน ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรหัต. จำเพียรกาลนานมา มารดาของภิกษุนั้นได้กระทำกาลกิริยาตาย. เมื่อมารดาล่วงลับไปแล้ว ภิกษุนั้นจึงให้บิดาและน้องชายบวช แล้วอยู่ในพระเชตวันวิหาร ในวัสสูปนายิกสมัยใกล้วันเข้าพรรษา ได้ฟังว่าปัจจัยคือจีวรหาได้ง่าย จึงไปยังอาวาสประจำหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทั้ง ๓ รูปจำพรรษาอยู่ในอาวาสประจำหมู่บ้านนั้น ออกพรรษาแล้วจึงกลับมายังพระเชตวันวิหารตามเดิม. ภิกษุหนุ่มจึงสั่งสามเณรน้องชาย ณ ที่ใกล้พระเชตวันว่า สามเณร เธอจงให้พระเถระแก่พักแล้วค่อยนำมา เราจะล่วงหน้าไปจัดแจงบริเวณก่อน แล้วก็เข้าไปยังพระเชตวัน. พระเถระแก่ค่อยๆ เดินมา. สามเณรทำราวกะว่าเอาศีรษะรุนอยู่บ่อยๆ นำท่านไปโดยพลการว่า ท่านผู้เจริญ จงเดินๆ ไปเถิด. พระเถระกล่าวว่า เธอนำฉันมาเป็นแน่ จึงหวนกลับไปใหม่ แล้วเดินมาตั้งแต่ปลายทาง. เมื่อพระเถระกับสามเณรทำการทะเลาะกันอยู่อย่างนี้นั่นแหละ พระอาทิตย์ก็อัสดงคต ความมืดมนอนธการก็เกิดขึ้น. ฝ่ายภิกษุหนุ่มนอกนี้ก็กวาดบริเวณตั้งน้ำไว้ เมื่อไม่เห็นการมาของพระเถระกับสามเณรเหล่านั้น จึงถือคบเพลิงไปคอยรับ ได้เห็นพระเถระและสามเณรกำลังมาอยู่จึงถามว่า ทำไมจึงชักช้าอยู่? พระเถระแก่จึงบอกเหตุนั้น ภิกษุหนุ่มนั้นให้พระเถระและสามเณรนั้นพักแล้วค่อยๆ พามา. วันนั้น ไม่ได้โอกาสการอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า. ครั้นในวันที่สอง ภิกษุหนุ่มนั้นมายังที่อุปัฏฐากของพระพุทธเจ้า ถวายบังคมแล้วนั่ง พระศาสดาจึงตรัสถามว่า เธอมาเมื่อไร? ภิกษุหนุ่มนั้นกราบทูลว่า มาเมื่อวาน พระเจ้าข้า. พระศาสดาตรัสว่า เธอมาเมื่อวาน แต่มากระทำพุทธอุปัฏฐากวันนี้. ภิกษุหนุ่มนั้นกราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แล้วกราบทูลเหตุนั้น. พระศาสดาทรงติเตียนพระแก่แล้วตรัสว่า ภิกษุแก่รูปนี้กระทำกรรมเห็นปานนี้ ในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อนก็ได้กระทำแล้ว แต่บัดนี้ พระแก่นั้นทำเธอให้ลำบาก แต่ในกาลก่อนได้กระทำบัณฑิตให้ลำบาก อันภิกษุนั้นทูลอ้อนวอนแล้ว จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธกดังต่อไปนี้