More Related Content
Similar to 298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)
More from maruay songtanin (20)
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
อุทุมพรชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๘. อุทุมพรชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๒๙๘)
ว่าด้วยลิงหลอกลิงด้วยผลมะเดื่อ
(ลิงใหญ่หน้าดาตัวหนึ่งคิดจะลวงลิงเล็กเพื่อยึดที่อยู่
จึงกล่าวกับลิงเล็กว่า)
[๑๔๒] ต้นมะเดื่อ ต้นไทร และต้นมะขวิดเหล่านี้มีผลสุก
เจ้าจงออกมากินเถิด จะยอมตายเพราะความหิวทาไม
(ลิงเล็กๆ เชื่อแล้วไป แต่ไม่ได้อะไร จึงกลับมาพบลิงใหญ่แล้ว
คิดจะลวงลิงใหญ่นั้นบ้าง จึงกล่าวว่า)
[๑๔๓] ผู้ใดอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ผู้นั้นย่อมเป็นผู้อิ่มหนาสาราญ
เหมือนข้าพเจ้าได้กินผลไม้สุกจนอิ่มหนาสาราญในวันนี้
(ลิงใหญ่ได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวว่า)
[๑๔๔] ลิงลวงลิงป่าเพราะเหตุใด เหตุนั้นลิงหนุ่มก็ไม่ควรเชื่อ
ถึงลิงแก่เฒ่าก็ไม่ควรเชื่อ
อุทุมพรชาดกที่ ๘ จบ
-----------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
อุทุมพรชาดก
ว่าด้วย ผู้อ่อนน้อมชื่อว่าเป็นผู้อิ่ม
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า ภิกษุนั้นสร้างวิหารอยู่ในปัจจันตคามแห่งหนึ่ง
วิหารน่ารื่นรมย์ตั้งอยู่เหนือแผ่นหินดาด สถานที่ปัดกวาดคล้ายปะรา
มีน้าใช้ผาสุกสาราญ โคจรคามก็ไม่ไกล คนทั้งหลายรักใคร่พากันถวายภิกษา.
ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเที่ยวจาริกไปถึงวิหารนั้น.
ภิกษุผู้เป็ นเจ้าถิ่นกระทาอาคันตุกวัตรแก่ภิกษุนั้น ในวันรุ่งขึ้น
ได้พาภิกษุนั้นไปบิณฑบาตยังบ้าน.
คนทั้งหลายถวายภิกษาอันประณีตแก่ภิกษุนั้น แล้วนิมนต์ฉันในวันพรุ่งนี้อีก.
อาคันตุกะภิกษุฉันอยู่ ๒-๓ วัน จึงคิดว่า
เราจักลวงภิกษุเจ้าถิ่นนั้นด้วยอุบายอย่างหนึ่งฉุดคร่าออกไปแล้วยึดวิหารนี้.
ลาดับนั้น ภิกษุอาคันตุกะได้ถามภิกษุเจ้าถิ่นผู้มายังที่บารุงพระเถระว่า อาวุโส
ท่านไม่ได้ทาการอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าหรือ ? ภิกษุเจ้าถิ่นกล่าวว่า
ชื่อว่าคนผู้จะปฏิบัติดูแลวิหารนี้ ไม่มี ด้วยเหตุนั้น กระผมจึงไม่เคยไป.
- 2. 2
ภิกษุอาคันตุกะกล่าวว่า ผมจักปฏิบัติดูแลวิหารนี้
จนกว่าท่านไปเฝ้ าพระพุทธเจ้าแล้วกลับมา. ภิกษุเจ้าถิ่นกล่าวว่า ดีแล้ว
ท่านผู้เจริญ แล้วกล่าวกะคนทั้งหลายว่า
ท่านทั้งหลายจงอย่าประมาทพระเถระจนกว่าเราจะกลับมา แล้วหลีกไป.
จาเดิมแต่นั้นมา อาคันตุกะภิกษุก็กล่าวว่า
ภิกษุเจ้าถิ่นนั้นมีโทษนี้และนี้ แล้วยุยงคนทั้งหลายเหล่านั้นให้แตกร้าวกัน.
ฝ่ายภิกษุเจ้าถิ่นถวายบังคมพระศาสดา แล้วกลับมา. ลาดับนั้น
ภิกษุอาคันตุกะนั้นไม่ให้ภิกษุเจ้าถิ่นเข้าไป. ภิกษุเจ้าถิ่นนั้นจึงอยู่ในที่แห่งหนึ่ง
วันรุ่งขึ้นเข้าไปบิณฑบาตยังบ้าน
ฝ่ายคนทั้งหลายก็ไม่กระทาแม้มาตรว่าสามีจิกรรม. ภิกษุเจ้าถิ่นนั้นเดือดร้อน
จึงไปยังพระเชตวันวิหารอีก แล้วบอกเหตุการณ์อันนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย.
ภิกษุทั้งหลายจึงนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า อาวุโสทั้งหลาย
ได้ยินว่า ภิกษุโน้นคร่าภิกษุโน้นออกจากวิหาร แล้วตนเองอยู่ในวิหารนั้น.
พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้
พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลาย กราบทูลให้ทรงทราบแล้ว
จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน
อาคันตุกะภิกษุนั้นก็ได้ฉุดคร่าภิกษุนี้ออกจากที่อยู่มาแล้วเหมือนกัน
แล้วทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล
เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นรุกขเทวดาอยู่ในป่า. ในฤดูฝน ฝนตกในป่านั้นตลอด ๗
สัปดาห์. ครั้งนั้น
มีลิงเล็กหน้าแดงตัวหนึ่งอยู่ในซอกเขาหินแห่งหนึ่งซึ่งไม่เปียกฝน วันหนึ่ง
นั่งอยู่ในที่ที่ไม่เปียก ณ ที่ประตูซอกเขา.
ลาดับนั้น ลิงใหญ่หน้าดาตัวหนึ่งเปียกฝน ถูกความหนาวเบียดเบียน
เที่ยวมา เห็นลิงเล็กนั้นนั่งอยู่อย่างนั้น จึงคิดว่า เราจักนาเจ้าลิงนี้ออกไปด้วยอุบาย
แล้วจักอยู่ในที่นี้เสียเอง จึงทาให้ท้องย้อยยานแสดงอาการอิ่มเหลือล้น
ไปยืนอยู่ข้างหน้าลิงเล็กนั้น
แล้วกล่าวคาถาที่หนึ่งว่า
ต้นมะเดื่อ ต้นไทร และต้นมะขวิดนี้มีผลสุกแล้ว
เชิญท่านออกมากินเถิด จะยอมตายเพราะความหิวทาไม.
ฝ่ายลิงเล็กนั้นได้ฟังคาของลิงใหญ่นั้นก็เชื่อ
ประสงค์จะเคี้ยวกินผลาผลทั้งหลาย จึงได้ออกแล้วเที่ยวไปในที่นั้นๆ
เมื่อไม่ได้อะไรๆ จึงกลับมาอีก เห็นลิงใหญ่นั้นเข้าไปนั่งในซอกเขาของตน
คิดว่าจักลวงลิงใหญ่นั้น จึงยืนอยู่ข้างหน้าลิงใหญ่นั้น
- 3. 3
แล้วกล่าวคาถาที่สองว่า
ผู้ใดประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ผู้นั้นชื่อว่าเป็ นผู้อิ่มแล้ว
เหมือนข้าพเจ้าเคี้ยวกินผลไม้สุกเป็ นผู้อิ่มแล้วในวันนี้ฉะนั้น.
ลิงใหญ่ได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่สามว่า
ลิงเกิดในป่า พึงหลอกลวงลิงที่เกิดในป่า เพราะเหตุใด
แม้ลิงหนุ่มก็ไม่พึงเชื่อเหตุอันนั้น ลิงที่แก่เฒ่าชราจะไม่เชื่อเลย.
เนื้อความแห่งคาถานั้นว่า ลิงผู้เกิดในป่า
พึงกระทาการหลอกลวงลิงผู้เกิดในป่า เพราะเหตุใด ลิงแม้หนุ่มเช่นท่าน
ก็จะไม่พึงเชื่อ เพราะเหตุอันนั้น ลิงแก่ชรา คือลิงผู้เฒ่าแม้เช่นกับเรา
จะไม่พึงเชื่อเลย คือจะไม่เชื่อต่อลิงผู้หนุ่มเช่นกับท่านผู้กล่าวตั้ง ๗ ครั้ง
ในหิมวันตประเทศ มีผลาผลทั้งปวงอันเปียกชุ่มด้วยน้าฝนหล่นลงแล้ว
ในสถานที่นี้ ไม่มีสาหรับท่านอีกต่อไป ท่านจงไปเสียเถิด. ลิงเล็กตัวนั้น
จึงหลีกไปจากที่นั้นเอง.
พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว
จึงทรงประชุมชาดกว่า
ลิงเล็กในครั้งนั้น ได้เป็ น ภิกษุผู้เป็นเจ้าถิ่น ในบัดนี้
ลิงดาใหญ่ในครั้งนั้น ได้เป็ น อาคันตุกะภิกษุ ในบัดนี้
ส่วนรุกขเทวดา คือ เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาอุทุมพรชาดกที่ ๘
--------------------------