More Related Content
Similar to ๔๑. นาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx (20)
More from maruay songtanin (20)
๔๑. นาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx
- 1. 1
นาควิมาน
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
๓. นาควิมาน
ว่าด้วยวิมานที่เกิดขึ้นแก่หญิงผู้ถวายผ้าคู่หนึ่งแด่พระพุทธเจ้า
(พระวังคีสเถระถามเทพธิดาองค์หนึ่งว่า)
[๗๐๕] เธอประดับองค์ทรงเครื่องแล้ว ขึ้นคชสารตัวประเสริฐ
มีร่างกายใหญ่ ประดับแก้วและทอง มีข่ายทองคลุมตระพอง
ผูกสายรัดประคนทองไว้เรียบร้อย นั่งหลังคชสารเหาะมาที่นี้
[๗๐๖] ที่งาทั้งสองของพญาคชสารล้วนมีสระโบกขรณีเนรมิต
มีน้าใสสะอาด ดารดาษด้วยปทุมชาติมีดอกบานสะพรั่ง ในดอกปทุมทุกดอกๆ
มีหมู่ดุริยเทพบรรเลงเพลง
และมีเหล่าเทพอัปสรนี้ฟ้ อนราชวนให้เกิดความรื่นเริงบันเทิงใจ
[๗๐๗] เทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก เธอได้บรรลุเทวฤทธิ์
เมื่อเธอเกิดเป็นมนุษย์ได้ทาบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร เธอจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง
และมีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้
(เทพธิดาตอบว่า)
[๗๐๘] ดิฉันได้เข้าไปเฝ้ าพระพุทธเจ้าที่กรุงพาราณสี
ได้ถวายผ้าคู่หนึ่งแด่พระองค์ ถวายอภิวาทพระยุคลบาทแล้วนั่งอยู่บนพื้นดิน
มีจิตยินดีได้ทาอัญชลีแด่พระองค์แล้ว
[๗๐๙] อนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงมีพระฉวีวรรณดุจทองคาธรรมชาติ
ได้ทรงแสดงทุกขสัจและสมุทัยสัจว่าเป็นสภาวะไม่เที่ยง
และทรงแสดงทุกขนิโรธสัจและมัคคสัจ ว่าเป็นสภาวะอันปัจจัยอะไรๆ
ปรุงแต่งไม่ได้แล้วแก่ดิฉัน เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงได้รู้แจ้งชัดอริยสัจ ๔
[๗๑๐] ดิฉันถึงแก่กรรมตั้งแต่อายุยังน้อย เคลื่อนจากอัตภาพนั้นแล้ว
บังเกิดในหมู่เทพชั้นดาวดึงส์ มีบริวารยศ เป็ นปชาบดีองค์หนึ่งของท้าวสักกะ
มีนามว่ายสุตตรา ปรากฏไปทั่วทุกทิศ
นาควิมานที่ ๓ จบ
-------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนี้ นามาจากบางส่วนของ
อรรถกถา ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ มัญชิฏฐกวรรคที่ ๔
๓. นาควิมาน
อรรถกถานาควิมาน
นาควิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ อิสิปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี.
- 2. 2
สมัยนั้น อุบาสิกาชาวพาราณสีคนหนึ่งมีศรัทธาปสาทะ
สมบูรณ์ด้วยศีลและจรรยา. นางให้ทอผ้าคู่ อุทิศพระผู้มีพระภาคเจ้า
ให้ซักย้อมดีแล้ว เข้าเฝ้ าวางผ้าไว้แทบพระยุคลบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้วกราบทูลอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดอนุเคราะห์ทรงรับผ้าคู่นี้ ซึ่งจะพึงเป็ นประโยชน์
เป็นสุขตลอดกาลนานแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับผ้าคู่นั้น ทรงเห็นอุปนิสัยสมบัติของนาง
จึงทรงแสดงธรรม. จบเทศนา นางดารงอยู่ในโสดาปัตติผล
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า ทาประทักษิณแล้วกลับบ้าน.
ต่อมาไม่นานนัก นางตายไปเกิดในภพดาวดึงส์
ได้เป็นที่สนิทเสน่หาของท้าวสักกเทวราช มีนามว่ายสุตตรา.
ด้วยบุญญานุภาพของนาง ก็บังเกิดกุญชรชาติตัวประเสริฐคลุมด้วยข่ายทอง
ที่คอของกุญชรนั้นมีมณฑปแก้วมณี
กลางมณฑปก็บังเกิดรัตนบัลลังก์ที่ตกแต่งไว้อย่างดี และที่งาทั้งสองของกุญชรนั้น
ปรากฏมีสระโบกขรณี ๒ สระดาดาษไปด้วยดอกปทุมบานสะพรั่งน่ารื่นรมย์
ในดอกปทุมนั้นๆ มีเทพธิดายืนอยู่ตามกลีบปทุม ประโคมดนตรีเครื่อง ๕
และขับร้องกัน.
พระศาสดาประทับที่กรุงพาราณสี ตามพระพุทธอัธยาศัย
แล้วเสด็จจาริกไปยังกรุงสาวัตถี. ครั้นเสด็จถึงกรุงสาวัตถีโดยลาดับแล้ว ได้ยินว่า
ในสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี.
ครั้งนั้น เทพธิดานั้นตรวจดูทิพยสมบัติที่ตนเสวยอยู่
ทบทวนถึงเหตุที่ได้เสวยทิพยสมบัติ ทราบว่า เหตุคือถวายผ้าคู่แด่พระศาสดา
เกิดโสมนัส เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้ามาก ประสงค์จะถวายบังคม
ครั้นล่วงราตรีปฐมยาม นางนั่งเหนือคอช้างตัวประเสริฐ
เหาะมาลงจากคอช้างนั้นแล้ว ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
ยืนประคองอัญชลีอยู่ ณ ที่ควรแห่งหนึ่ง.
ท่านพระวังคีสะโดยพระพุทธานุญาต ได้ถามนางด้วยคาถาเหล่านี้ว่า
ท่านประดับองค์แล้วขึ้นนั่งคชสารตัวประเสริฐซึ่งมีขนาดใหญ่
งามไปด้วยแก้วและทอง วิจิตรด้วยข่ายทอง ผูกสายรัดประคนเรียบร้อย
เลื่อนลอยในอากาศเวหามาในที่นี้ ที่งาทั้งสองของคชสาร
มีสระโบกขรณีที่เนรมิตไว้ มีน้าใสสะอาด ดาดาษไปด้วยดอกปทุมบานสะพรั่ง
ดอกปทุมทั้งหลายมีหมู่เทพอัปสรนักดนตรีพากันมาขับร้องประสานเสียงและฟ้ อน
รา ชวนให้เกิดความประทับใจ.
ดูก่อนเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก ท่านบรรลุเทวฤทธิ์แล้ว
- 3. 3
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทาบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร
ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทั่วทิศ.
ถูกพระเถระถามอย่างนี้แล้ว เทพธิดาก็กล่าวตอบ ด้วยคาถาเหล่านี้ว่า
ดีฉันได้เข้าเฝ้ าพระพุทธเจ้าที่กรุงพาราณสี
ได้ถวายผ้าคู่หนึ่งแด่พระพุทธเจ้า ถวายบังคมพระยุคลบาท แล้วนั่งอยู่ที่พื้นดิน
ดีฉันปลื้มใจได้กระทาอัญชลี.
อนึ่ง พระพุทธเจ้ามีพระฉวีวรรณผุดผ่องดุจทองคาธรรมชาติ
ได้ทรงแสดงทุกขสัจและสมุทัยสัจ
และได้ทรงแสดงทุกขนิโรธสัจอันปัจจัยปรุงแต่งไม่ได้ และมรรคสัจแก่ดีฉัน
โดยประการที่ดีฉันจักรู้แจ้งได้ ดีฉันเป็ นคนมีอายุน้อย ทากาละ [ตาย]
จุติจากชาตินั้นแล้ว ไปเกิดในชั้นไตรทศ [ดาวดึงส์] เป็ นผู้เรืองยศ
เป็ นปชาบดีองค์หนึ่งของท้าวสักกะ นามว่า ยสุตตรา ปรากฏไปทุกทิศ.
คาที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล.
จบอรรถกถานาควิมาน
-----------------------------------------------------