ว่าด้วย อานุภาพของมาตังคฤาษี
พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภอุเทนราชวงศ์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ความพิสดารว่า ในกาลครั้งนั้น ท่านพระปิณโฑลภารทวาชะเหาะมาจากพระเชตวันมหาวิหารทางอากาศ ไปสู่พระราชอุทยานของพระเจ้าอุเทนในเมืองโกสัมพี เพื่อพักผ่อนในเวลากลางวันโดยมาก.
ได้ยินว่า ในภพก่อนๆ พระเถรเจ้าเคยเสวยราชย์ ครอบครองสมบัติมีบริวารเป็นอันมากในพระราชอุทยานนั้นตลอดกาลนาน ด้วยบุรพจรรยาที่ได้เคยสั่งสมมา พระเถระจึงมักไปนั่งพักผ่อนกลางวันในพระราชอุทยานนั้นเสมอมา ให้กาลเวลาล่วงไปด้วยสุขอันเกิดแต่ผลสมาบัติโดยมาก.
วันหนึ่ง เมื่อพระเถระไปนั่งพักผ่อนอยู่ที่โคนต้นรังอันมีดอกบานสะพรั่งดี ในพระราชอุทยานนั้น พระเจ้าอุเทนทรงพระดำริว่า เราจักดื่มน้ำจัณฑ์ฉลองใหญ่ แล้วเล่นอุยยานกีฬาตลอด ๗ วัน แล้วจึงเสด็จไปยังพระราชอุทยาน พร้อมด้วยราชบริพารเป็นอันมาก ทรงซบพระเศียรลงบนตักของนางสนมคนหนึ่ง บนแท่นมงคลศิลาอาสน์ แล้วทรงนิทราหลับสนิท เพราะความเมามายในการเสวยน้ำจัณฑ์.
เหล่านางสนมที่นั่งขับกล่อม ต่างวางเครื่องดุริยางคดนตรีไว้แล้ว เข้าไปสู่พระราชอุทยาน กำลังเลือกเก็บดอกไม้และผลไม้เป็นต้นอยู่ เห็นพระเถระแล้ว พากันไปกราบไหว้แล้วนั่งอยู่.
พระเถระจึงนั่งแสดงธรรมกถาแก่หญิงเหล่านั้น.
ฝ่ายนางสนมที่นั่งให้พระเจ้าอุเทนหนุนตัก จึงสั่นพระเพลาให้กระเทือน เตือนพระราชาให้ตื่นบรรทม
เมื่อพระองค์ตรัสถามว่า หญิงถ่อยเหล่านั้นไปไหนกันหมด?
จึงกราบทูลว่า หญิงเหล่านั้นไปนั่งล้อมสมณะรูปหนึ่งอยู่.
ท้าวเธอสดับดังนั้นก็ทรงพระพิโรธ เสด็จไปด่าบริภาษพระเถระ แล้วตรัสว่า เอาเถิด เราจักให้มดแดงรุมต่อยสมณะรูปนี้ แล้วตรัสสั่งให้เอารังมดแดง มาแกล้งทำให้กระจายลงที่ร่างกายพระเถระ ด้วยอำนาจแห่งความพิโรธ. พระเถระเหาะขึ้นไปยืนในอากาศ ให้โอวาทพระราชา แล้วเหาะลอยไปลงตรงประตูพระคันธกุฎีที่พระเชตวันนั่นเอง
เมื่อพระตถาคตเจ้าตรัสถามว่า เธอมาจากไหนจึงกราบทูลเนื้อความนั้นให้ทรงทราบ.
พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อนภารทวาชะ พระเจ้าอุเทนเบียดเบียนบรรพชิตทั้งหลาย แต่ในชาตินี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในชาติก่อนก็เบียดเบียนมาแล้วเหมือนกัน
พระปิณโฑลภารทวาชะทูลอาราธนา จึงทรงนำอดีตนิทานมาแสดงดังต่อไปนี้.