SlideShare a Scribd company logo
1
ปรันตปชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๑๑. ปรันตปชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๔๑๖)
ว่าด้วยปรันตปะมหาดเล็ก
(มหาดเล็กชื่อปรันตปะกราบทูลพระราชเทวีว่า)
[๑๕๔] บาปคงจะมาถึงข้าพระองค์ ภัยคงจะมาถึงข้าพระองค์
เพราะในคราวนั้น คนหรือสัตว์ได้ทากิ่งไม้ให้ไหว
(ปุโรหิตคิดถึงภรรยา จึงบ่นเพ้อว่า)
[๑๕๕] ความกระสันของข้าพเจ้ากับหญิงผู้หวาดกลัวซึ่งอยู่ไม่ไกล
จักทาให้ข้าพเจ้าผอมเหลืองแน่ เหมือนกิ่งไม้ทาให้เจ้าปรันตปะผอมเหลือง
[๑๕๖] แม่กานดาผู้มีความงามหาที่ติมิได้
อยู่ในบ้านก็ยังจักทาให้ข้าพเจ้าเศร้าโศก จักกระทาให้ข้าพเจ้าผอมเหลือง
เหมือนกิ่งไม้ทาให้เจ้าปรันตปะผอมเหลือง
[๑๕๗] หางตาที่หยาดเยิ้มซึ่งเจ้าหล่อนชาเลืองมา การยิ้มและการเจรจา
จักกระทาให้ข้าพเจ้าผอมเหลือง เหมือนกิ่งไม้ทาให้เจ้าปรันตปะผอมเหลือง
(ปรันตปะกล่าวกับพระกุมารว่า)
[๑๕๘] เสียงนั้นได้มาแน่แล้ว เสียงนั้นได้บอกแก่ท่านแน่แล้ว
ผู้ที่สั่นกิ่งไม้นั้นได้บอกเหตุนั้นแน่
[๑๕๙] สิ่งที่เราผู้เป็นคนโง่คิดแล้วว่า ก็ในคราวนั้น
คนหรือสัตว์ได้ทากิ่งไม้ให้ไหว สิ่งนี้แลได้มาถึงแล้ว
(พระกุมารตรัสว่า)
[๑๖๐] เจ้าได้สานึกแล้วซิว่า ตามที่เจ้าได้ฆ่าพ่อของเรา
เอากิ่งไม้ปิดไว้คอยระแวงอยู่ว่า ภัยจักมาถึงตัวเรา
ปรันตปชาดกที่ ๑๑ จบ
คันธารวรรคที่ ๒ จบ
--------------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
ปรันตปชาดก
ว่าด้วย ลางบอกความชั่วและภัยที่จะมาถึง
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร
ทรงปรารภการตะเกียกตะกายของพระเทวทัตเพื่อจะปลงพระชนม์พระศาสดา
แล้วจึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
ความพิสดารว่า ในครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายตั้งเรื่องสนทนากันขึ้นว่า
ดูก่อนอาวุโส พระเทวทัตตะเกียกตะกายเพื่อจะปลงพระชนม์พระตถาคตเจ้า
2
คือประกอบนายขมังธนู กลิ้งศิลาทับ ปล่อยช้างนาฬาคีรี
ทาอุบายเพื่อให้พระตถาคตเจ้าทรงพินาศ.
พระศาสดาเสด็จมาถึง แล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เธอทั้งหลายนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ?
เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่าด้วยเรื่องชื่อนี้.
ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
พระเทวทัตไม่ใช่ตะเกียกตะกายเพื่อฆ่าเราตถาคต แต่ในบัดนี้เท่านั้น
แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตนั่นก็ตะเกียกตะกาย เพื่อฆ่าเราตถาคตเหมือนกัน
แต่ก็ไม่อาจเพื่อจะทาแม้เพียงความสะดุ้งให้เราตถาคตได้
จึงเสวยทุกข์ของตนเอง.
แล้วได้ทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี
พระโพธิสัตว์ถือกาเนิดในพระอุทรของพระอัครมเหสีของพระองค์
เจริญวัยแล้วทรงศึกษาศิลปทุกชนิดที่นครตักกสิลา ทรงเรียนมนต์รู้เสียงทุกอย่าง
ท้าวเธอทรงให้การซักถามอาจารย์แล้ว เสด็จกลับนครพาราณสี.
พระชนกทรงตั้งพระองค์ไว้ในตาแหน่งอุปราช
ถึงจะทรงตั้งไว้ในตาแหน่งอุปราชก็จริงอยู่
แต่ก็ทรงมีความประสงค์จะปลงพระชนม์พระโพธิสัตว์อยู่
ไม่ทรงปรารถนาจะให้ท่านเข้าเฝ้ า.
อยู่มาวันหนึ่ง แม่สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งพาเอาลูกน้อย ๒
ตัวเข้าไปทางช่องระบายน้า ในยามราตรีเมื่อมนุษย์ทั้งหลายหลีกเร้นไปแล้ว.
ที่ข้างห้องบรรทมบนปราสาทของพระโพธิสัตว์ มีศาลาหลังหนึ่ง
บนศาลาหลังนั้นมีคนเข็ญใจคนหนึ่ง ถอดรองเท้าวางไว้ที่พื้นดินใกล้เท้าแล้ว
นอนอยู่บนกระดานแผ่นเดียว แต่ยังไม่หลับก่อน.
ครั้งนั้นลูกน้อย ๒ ตัวของแม่สุนัขหิวร้องขึ้น
จึงแม่ของมันได้พูดกะลูกทั้ง ๒ ตัวนั้นตามภาษาของตนว่า อย่าทาเสียงดัง
คนคนหนึ่งถอดรองเท้าวางไว้ที่พื้นบนศาลาหลังนี้
นอนบนแผ่นกระดานแต่ยังไม่หลับ
เวลาคนคนนั้นนอนหลับแม่จักไปคาบเอารองเท้านั่นมาให้พวกเจ้ากิน.
พระโพธิสัตว์ทรงรู้ภาษาของมันด้วยอานุภาพของมนต์
จึงเสด็จออกจากห้องบรรทมไปทรงเปิดพระแกลแล้ว ตรัสว่า ใครอยู่ที่นี่.
คนเข็ญใจทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้า คนเข็ญใจพระเจ้าข้า.
พระโพธิสัตว์ตรัสว่า รองเท้าของเจ้าอยู่ที่ไหน?
คนเข็ญใจทูลว่า อยู่ที่พื้นดิน พระเจ้าข้า.
พระโพธิสัตว์ตรัสว่า ยกขึ้นมาแขวนไว้เถิด.
3
แม่สุนัขจิ้งจอกครั้นได้ยินคานั้นแล้ว โกรธพระโพธิสัตว์.
ในวันรุ่งขึ้นมันก็เข้าพระนครอย่างนั้นเหมือนกัน ครั้งนั้น
คนคนหนึ่งตั้งใจว่าจะดื่มน้า เมื่อลงไปในสระโบกขรณี
ก็ตกลงไปจมน้าหายใจไม่ออกตาย. แต่เขามีผ้าสาฎกสาหรับนุ่งห่ม ๒
ผืนและมีแหวนสวมนิ้วราคาพันกหาปณะที่ผ้านุ่ง. แม้ครานั้น
แม่สุนัขจิ้งจอกนั้นก็พูดกะลูกน้อยของมันที่กาลังร้องว่าแม่พวกฉันหิว ว่า
ลูกเอ๋ยอย่าส่งเสียงดัง คนตายอยู่ที่สระโบกขรณีนั่นแน่ะ เขามีของสิ่งนี้และสิ่งนี้
แต่เขาตายแล้วนอนอยู่ใต้บันไดนั่นเอง แม่จักให้พวกเจ้ากินคนคนนั่น.
พระโพธิสัตว์ทรงสดับคานั้นแล้ว ทรงเปิดพระแกลแล้วตรัสว่า
บนศาลามีใครไหม? เมื่อชายคนหนึ่งลุกขึ้นแล้วทูลว่า ข้าพระองค์ พระเจ้าข้า.
จึงตรัสว่า
ไปเถิดไปเอาผ้าสาฎกและแหวนสวมนิ้วของชายที่ตายอยู่ในสระโบกขรณีนั่น
แล้วปล่อยร่างของมันให้จมอยู่ในน้า โดยวิธีที่มันจะไม่ลอยขึ้น.
เขาได้ทาอย่างนั้นแล้ว.
แม่สุนัขนั้นก็โกรธอีกแล้วร้องขู่พระโพธิสัตว์ว่า
ในวันก่อนเขาไม่ได้ให้ลูกข้ากินรองเท้า วันนี้ไม่ให้กินคนตาย ในวันที่ ๓
พระเจ้าสมันตราชองค์หนึ่งจักมาล้อมพระนครไว้ ครั้งนั้น
พระราชบิดาจักส่งเขาไปเพื่อต้องการให้รบ
พระเจ้าสมันตราชจักตัดศีรษะของท่าน ณ ที่นั้น
เมื่อเป็นเช่นนั้นเราจักดื่มเลือดในลาคอของแกแล้วพ้นเวร ดังนี้แล้วพาลูกออกไป.
ในวันที่ ๓ พระเจ้าสมันตราชเสด็จมาล้อมพระนครไว้.
พระราชาตรัสกะพระโพธิสัตว์ว่า ไปเถิดลูกเอ๋ย จงต่อสู้กับพระเจ้าสมันตราชนั้น.
พระโพธิสัตว์ทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ มีเหตุอย่างหนึ่งที่ข้าพระองค์เห็นแล้ว
ข้าพระองค์ไม่สามารถไปได้ ข้าพระองค์กลัวอันตรายแห่งชีวิต. พระราชาตรัสว่า
เมื่อเจ้าตายหรือไม่ตายก็ตาม จะมีประโยชน์อะไรสาหรับฉัน เจ้าจงไปเถิด.
พระมหาสัตว์รับกระแสพระบรมราชโองการแล้วพาบริษัทไป
ไม่ได้ออกทางประตูด้านที่พระเจ้าสมันตราชทรงตั้งทัพ
ทรงเปิดประตูด้านอื่นเสด็จออกไป. เมื่อพระมหาสัตว์นั้นเสด็จออกไป
พระนครได้ว่างเปล่า คนทั้งหลายได้ออกไปกับพระมหาสัตว์หมดทีเดียว.
พระมหาสัตว์ทรงให้พักค่ายอยู่ ณ ที่ที่มีส่วนเหมาะสมกันแห่งหนึ่ง.
พระราชาทรงดาริว่า อุปราชทาพระนครให้ว่างเปล่า
พากาลังหนีไปแล้ว. ฝ่ายพระเจ้าสมันตราชก็ล้อมพระนครตรึงไว้
บัดนี้ชีวิตของเราจะไม่มี. พระองค์ทรงดาริว่า เราจักรักษาชีวิตไว้
แล้วทรงพาเอาพระราชเทวี
ปุโรหิตและคนรับใช้คนหนึ่งชื่อปรันตปะ ปลอมพระองค์หนีเข้าป่าไป.
4
พระโพธิสัตว์ทรงทราบการเสด็จหนีไปของพระราชาแล้ว
จึงเสด็จเข้าพระนครทรงทาการรบขับไล่พระเจ้าสมันตราชให้หนีไป
แล้วทรงยึดราชสมบัติไว้ได้.
ฝ่ายพระราชบิดาของพระองค์ได้ทรงสร้างบรรณศาลาใกล้ฝั่งแม่น้าแห่
งหนึ่ง ทรงดารงพระชนม์ชีพอยู่ได้ด้วยผลไม้น้อยใหญ่
พระราชากับปุโรหิตไปหาผลไม้น้อยใหญ่.
ที่บรรณศาลานั่นเองมีแต่ทาสชื่อปรันตปะ กับพระราชเทวี.
เพราะทรงอาศัยพระราชา พระราชเทวีได้ทรงพระครรภ์แม้ในสถานที่นั้น
และพระนางได้ประพฤตินอกใจพระราชากับทาสปรันตปะนั่น
ด้วยอานาจแห่งความคุ้นเคยกัน.
วันหนึ่ง พระนางรับสั่งทาสปรันตปะว่า
เมื่อพระราชาทรงทราบเรื่องแล้ว ชีวิตของเจ้าก็จะไม่มี ชีวิตของฉันก็จะหามีไม่
เพราะฉะนั้นเจ้าจงปลงพระชนม์พระราชานั้นเสีย
ทาสปรันตปะทูลว่า ข้าพระองค์จะปลงอย่างไร?
พระราชเทวีรับสั่งว่า
พระราชานี่จะให้เจ้าถือพระขรรค์นั้นและภูษาชุบสรงแล้วไปสรงสนาน
เจ้าจงคอยดูความเผลอของพระราชานั้น ในที่สรงสนานนั้น
ใช้พระขรรค์ตัดพระเศียรแล้วสับพระสรีระออกเป็นท่อนๆ ฝังไว้ในพื้นดิน.
เขารับพระเสาวนีว่า พระเจ้าข้า.
อยู่มาวันหนึ่ง ปุโรหิตนั่นเอง เดินไปเพื่อต้องการผลไม้น้อยใหญ่
ขึ้นต้นไม้ต้นหนึ่ง ใกล้ท่า. ที่พระราชาทรงสรงสนานเก็บผลไม้น้อยใหญ่อยู่.
พระราชาทรงดาริว่า เราจักอาบน้า แล้วทรงให้ทาสปรันตปะ
ถือพระขรรค์และภูษาชุบสรงแล้วได้เสด็จไปสู่ฝั่งแม่น้า.
ทาสปรันตปะทูลพระองค์ผู้ทรงประสบความประมาท ในเวลาทรงสรงสนานแม้ ณ
ที่นั้นว่า ข้าพระองค์จักฆ่าละ แล้วจับพระศอพระองค์เงื้อพระขรรค์ขึ้น.
พระราชาทรงร้องเพราะทรงกลัวความตาย.
ปุโรหิตได้ยินเสียงนั้นแล้วมองดู
เห็นทาสปรันตปะกาลังปลงพระชนม์พระราชา
สะดุ้งกลัวจึงเขย่ากิ่งไม้แล้วลงจากต้นไม้ เข้าไปนั่งที่พุ่มไม้พุ่มหนึ่ง.
ทาสปรันตปะได้ยินเสียงเขย่ากิ่งไม้ของปุโรหิตนั้นแล้วปลงพระชนม์พระราชา
ฝังไว้ในพื้นดินแล้วพิจารณาดูว่า ได้มีเสียงเขย่ากิ่งไม้ในที่นี้ ใครหนออยู่ในที่นี้?
ไม่เห็นใครๆ จึงอาบน้าแล้วไป. ในเวลาทาสปรันตปะไปแล้ว
ปุโรหิตก็ออกจากที่นั่งไป รู้ว่าพระราชาถูกสับพระสรีระออกเป็นท่อนๆ
แล้วฝั่งไว้ในหลุม จึงอาบน้าแล้วปลอมเพศเป็นคนตาบอดแล้วได้ไปบรรณศาลา
เพราะกลัวเขาฆ่าตน.
5
ปรันตปะเห็นเขาแล้วพูดว่า ดูก่อนพราหมณ์ ท่านได้ทาอะไร?
เขาทาเป็นเหมือนไม่รู้พูดว่า ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์นัยน์ตาทั้งสองเสีย
จึงได้มาที่นี่ ข้าพระองค์ได้ยืนอยู่ที่ข้างจอมปลวกแห่งหนึ่งในป่าที่มีอสรพิษชุกชุม
อสรพิษตัวหนึ่งจักพ่นพิษใส่. ปรันตปะคิดว่า เขาไม่รู้จักเรา
เขาจึงพูดว่าข้าแต่สมมติเทพ เราจักปลอบใจเขา แล้วได้ปลอบใจเขาว่า
ดูก่อนพราหมณ์ ท่านอย่าคิดอะไร เราจักปฏิบัติท่าน
แล้วได้ให้ผลไม้น้อยใหญ่ให้กินอิ่มหนาสาราญ.
ต่อแต่นั้นมา ทาสปรันตปะก็นาผลไม้น้อยใหญ่มาให้.
พระราชเทวีประสูติพระราชโอรสแล้ว. เมื่อพระราชโอรสทรงเจริญขึ้น
พระนางบรรทมสบายในเช้ามืดวันหนึ่งได้ตรัสกะทาสปรันตปะเบาๆ ว่า
เจ้าเมื่อปลงพระชนม์พระราชา ไม่มีใครหรือ? เขาเมื่อเจรจากับพระนางว่า ใครๆ
มิได้เห็นข้าพระองค์ แต่ว่า ได้ยินเสียงเขย่ากิ่งไม้
แต่ไม่ทราบว่ากิ่งไม้นั้นมนุษย์หรือสัตว์เดียรฉานเขย่า
ไม่คราวใดก็คราวหนึ่งภัยจะมาถึงข้าพระองค์ และจักมาจากผู้เขย่ากิ่งไม้
ดังนี้แล้วจึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-
บาปจักมาถึงข้าพระองค์ ภัยจักมาถึงข้าพระองค์
เพราะมนุษย์หรือมฤคก็ไม่รู้ เขย่ากิ่งไม้ในครั้งนั้น.
คนทั้งสองนั้นเข้าใจว่า ปุโรหิตหลับแล้ว. แต่ปุโรหิตนั้นยังไม่หลับเลย
ได้ยินถ้อยคาของพวกเขาอยู่. อยู่มาวันหนึ่ง
เมื่อทาสปรันตปะไปหาผลไม้น้อยใหญ่
ปุโรหิตเป็นเหมือนเพ้อระลึกถึงภริยาของตนอยู่ ได้กล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :-
ความใคร่ของเราในภรรยาผู้หวาดกลัวที่อยู่ไม่ไกลจักทาให้เราผอมเห
ลือง เหมือนกิ่งไม้ทาให้นายปรันตปะผอมเหลืองไป ฉะนั้น.
ลาดับนั้น พระราชเทวีจึงกล่าวกะปุโรหิตนั้นว่า ดูก่อนพราหมณ์
ท่านพูดอะไร?
ฝ่ายปุโรหิตพูดว่า ข้าพระองค์กาหนดรู้แล้วแหละ
ในวันรุ่งขึ้น ก็กล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-
ภริยาผู้น่ารักใคร่ ไม่มีที่ติอยู่ในบ้าน จักเศร้าโศกถึงเรา
ความเศร้าโศกจักทาให้เธอผอมเหลือง
เหมือนกิ่งไม้ทานายปรันตปะให้ผอมเหลืองฉะนั้น.
ในวันรุ่งขึ้น ปุโรหิตได้กล่าวคาถาที่ ๔ ว่า :-
หางตาที่หล่อนชาเลืองมาหาฉันก็ดี การยิ้มของหล่อนก็ดี
ถ้อยคาที่หล่อนเปล่งออกมาก็ดี มันจักทาให้เราผอมเหลือง
เหมือนกิ่งไม้ทาให้นายปรันตปะผอมเหลืองฉะนั้น.
6
มีคาอธิบายว่า ดูก่อนนางผู้เจริญ
ดวงตาดาที่ตกแต่งดีแล้วเพราะนาสิ่งโสมมออกจากหางตาแล้ว
ด้วยไม้ป้ ายยาหยอดตาที่หล่อนชาเลืองมาแล้วก็ดี การยิ้มน้อยๆ ก็ดี
คาพูดที่หล่อนพูดอย่างอ่อนหวานก็ดี จักทาให้เราผอมเหลือง
เหมือนกิ่งไม้ที่เราเขย่าแล้วดังอยู่ ทาให้ปรันตปะผอมแห้งฉะนั้น.
ในกาลต่อมา พระราชกุมารได้ทรงเจริญวัยขึ้นมีพระชนมายุได้ ๑๖
ชันษา จึงพราหมณ์ได้ให้พระองค์ทรงจับปลายไม้เท้าจูงไปถึงท่าอาบน้าแล้ว
ได้ลืมตาขึ้นมองดู. พระราชกุมารตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์
ท่านเป็นคนตาบอดไม่ใช่หรือ? เขาทูลว่า ข้าพเจ้าไม่ใช่คนตาบอด
แต่ใช้อุบายนี้รักษาชีวิตไว้ แล้วทูลว่า ท่านรู้จักบิดาของท่านไหม?
เมื่อพระราชกุมารตรัสบอกว่า เรารู้คนคนนั้นเป็ นบิดาของเรา จึงทูลว่า
คนคนนี้ไม่ใช่บิดาของท่าน แต่บิดาของท่านได้แก่พระเจ้าพาราณสี
คนคนนี้เป็ นทาสของท่าน เขาปฏิบัติผิดในมารดาของท่านแล้ว
ฆ่าบิดาของท่านแล้วฝังไว้ที่ตรงนี้ ดังนี้แล้วนาเอากระดูกมาให้ดู.
พระราชกุมารได้ทรงเกิดความกริ้วขึ้นเป็ นกาลัง.
ลาดับนั้น เมื่อพระราชกุมารตรัสถามปุโรหิตนั้นว่า บัดนี้
เราจะทาอย่างไร?
ปุโรหิตจึงทูลว่า
สิ่งใดที่เขาทาแก่พระราชบิดาของพระองค์ที่ท่าน้านี้นั่นเอง
พระองค์จงทรงกระทาสิ่งนั่นเถิด แล้วได้ทูลบอกความเป็นไปทั้งหมดให้ทรงทราบ
แล้วได้ให้พระราชกุมารทรงศึกษา การตีกระบี่กระบองอยู่ ๒,๓ วัน. อยู่มาวันหนึ่ง
พระราชกุมารทรงถือพระขรรค์กับพระภูษาชุบสรงแล้วกล่าวว่า
ไปอาบน้าเถิดพ่อครับ.
ปรันตปะตอบว่า ดีละ แล้วก็ไปกับพระราชกุมารนั้น.
ต่อมาในเวลาเขาลงอาบน้า พระราชกุมารจึงใช้พระหัตถ์ขวาทรงถือดาบ
พระหัตถ์ซ้ายทรงจับมวยผมแล้วตรัสว่า ได้ทราบว่า
เจ้าจับพระจุฬาของเสด็จพ่อของฉันแล้วปลงพระชนม์ของพระองค์ผู้ทรงร้องอยู่ที่
ท่าน้านี้นั่นเอง ฝ่ายฉันก็จักทาเจ้าอย่างนั้นเหมือนกัน.
เขากลัวภัยคือความตาย โอดครวญไปพลางกล่าวคาถา ๒
คาถาไปพลางว่า :-
เสียงกิ่งไม้ได้มาประจักษ์แน่นอนแล้ว เสียงนั้นเห็นจะมาแจ้งเหตุ
ให้ตัวเจ้าทราบแน่นอนแล้ว ผู้ที่สั่นกิ่งไม้นั้นได้บอกเรื่องนั้นอย่างแน่นอน
เรื่องนี้เจ้าแลที่ตัวคนโง่คิดว่า กิ่งไม้ที่มนุษย์หรือมฤคก็ไม่ทราบ
เขย่าแล้วในครั้งนั้นได้มาถึงเจ้าแล้ว.
มีคาอธิบายว่า ข้อที่เราผู้เป็นคนโง่ได้มีสิ่งที่คิด คือสิ่งที่ปริวิตกว่า
7
ภัยจักเกิดขึ้นแก่เรา
จากมนุษย์หรือมฤคที่เขย่ากิ่งไม้ในครั้งนั้นนี้ได้มาประจวบกับเราแล้ว.
ต่อจากนั้น พระราชกุมารก็ได้ตรัสคาถาสุดท้ายว่า
เจ้าได้รู้อย่างนั้นแล้ว
เจ้ายังลวงเสด็จพ่อของฉันไปฆ่าแล้วเอากิ่งไม้ปิดไว้ บัดนี้ ภัยจักมาถึงเจ้าบ้าง.
พระกุมาร ครั้นตรัสดังที่กล่าวมาแล้วนี้
แล้วก็ให้ทาสปรันตปะนั้นถึงความสิ้นชีวิตฝังไว้แล้ว เอากิ่งไม้คลุมไว้
ทรงล้างพระขรรค์สรงสนานแล้ว เสด็จไปสู่บรรณศาลาตรัสบอกปุโรหิตนั้น
ถึงภาวะที่ตนได้ฆ่าแล้ว จึงทรงต่อว่าพระมารดา.
ทั้งสามคนหารือกันว่า พวกเราจักอยู่ทาไมที่ตรงนี้
แล้วจึงได้พากันไปนครพาราณสีนั่นเอง.
พระโพธิสัตว์ทรงประทานตาแหน่งอุปราชแก่พระกนิษฐา
แล้วทรงบาเพ็ญบุญมีทานเป็นต้น ทรงสร้างทางสวรรค์ให้เต็มที่.
พระศาสดา
ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจธรรมทั้งหลายแล้ว ทรงประ
ชุมชาดกไว้ว่า
พระราชาผู้เป็นบิดาในครั้งนั้น ได้แก่ พระเทวทัต ในครั้งนี้
ปุโรหิตได้แก่ พระอานนท์
ส่วนพระราชบุตร ได้แก่ เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาปรันตปชาดกที่ ๑๑
จบ คันธารวรรคที่ ๒.
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 416 ปรันตปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

๖๓. จูฬรถวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๖๓. จูฬรถวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๖๓. จูฬรถวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๖๓. จูฬรถวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
maruay songtanin
 
407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
501 โรหณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
501 โรหณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....501 โรหณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
501 โรหณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
263 จูฬปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
263 จูฬปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...263 จูฬปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
263 จูฬปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
357 ลฏุกิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
357 ลฏุกิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx357 ลฏุกิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
357 ลฏุกิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
234 อสิตาภูชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
234 อสิตาภูชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....234 อสิตาภูชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
234 อสิตาภูชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
341 กุณฑลิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
341 กุณฑลิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....341 กุณฑลิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
341 กุณฑลิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
458 อุทยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
458 อุทยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx458 อุทยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
458 อุทยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
๑๑. ปฐมปติพพตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๑๑. ปฐมปติพพตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๑๑. ปฐมปติพพตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๑๑. ปฐมปติพพตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 

Similar to 416 ปรันตปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

๖๓. จูฬรถวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๖๓. จูฬรถวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...๖๓. จูฬรถวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
๖๓. จูฬรถวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ])...
 
407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
407 มหากปิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
295 อันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
501 โรหณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
501 โรหณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....501 โรหณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
501 โรหณมิคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
๖๒. ตติยนาควิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
165 นกุลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
263 จูฬปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
263 จูฬปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...263 จูฬปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
263 จูฬปโลภนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
357 ลฏุกิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
357 ลฏุกิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx357 ลฏุกิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
357 ลฏุกิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
234 อสิตาภูชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
234 อสิตาภูชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....234 อสิตาภูชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
234 อสิตาภูชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
341 กุณฑลิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
341 กุณฑลิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....341 กุณฑลิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
341 กุณฑลิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
227 คูถปาณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
458 อุทยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
458 อุทยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx458 อุทยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
458 อุทยชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
163 สุสีมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
๑๑. ปฐมปติพพตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๑๑. ปฐมปติพพตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...๑๑. ปฐมปติพพตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
๑๑. ปฐมปติพพตาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุ...
 
333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
333 โคธชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

More from maruay songtanin

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
maruay songtanin
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
maruay songtanin
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
517 ทกรักขสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 

416 ปรันตปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 ปรันตปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๑๑. ปรันตปชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๔๑๖) ว่าด้วยปรันตปะมหาดเล็ก (มหาดเล็กชื่อปรันตปะกราบทูลพระราชเทวีว่า) [๑๕๔] บาปคงจะมาถึงข้าพระองค์ ภัยคงจะมาถึงข้าพระองค์ เพราะในคราวนั้น คนหรือสัตว์ได้ทากิ่งไม้ให้ไหว (ปุโรหิตคิดถึงภรรยา จึงบ่นเพ้อว่า) [๑๕๕] ความกระสันของข้าพเจ้ากับหญิงผู้หวาดกลัวซึ่งอยู่ไม่ไกล จักทาให้ข้าพเจ้าผอมเหลืองแน่ เหมือนกิ่งไม้ทาให้เจ้าปรันตปะผอมเหลือง [๑๕๖] แม่กานดาผู้มีความงามหาที่ติมิได้ อยู่ในบ้านก็ยังจักทาให้ข้าพเจ้าเศร้าโศก จักกระทาให้ข้าพเจ้าผอมเหลือง เหมือนกิ่งไม้ทาให้เจ้าปรันตปะผอมเหลือง [๑๕๗] หางตาที่หยาดเยิ้มซึ่งเจ้าหล่อนชาเลืองมา การยิ้มและการเจรจา จักกระทาให้ข้าพเจ้าผอมเหลือง เหมือนกิ่งไม้ทาให้เจ้าปรันตปะผอมเหลือง (ปรันตปะกล่าวกับพระกุมารว่า) [๑๕๘] เสียงนั้นได้มาแน่แล้ว เสียงนั้นได้บอกแก่ท่านแน่แล้ว ผู้ที่สั่นกิ่งไม้นั้นได้บอกเหตุนั้นแน่ [๑๕๙] สิ่งที่เราผู้เป็นคนโง่คิดแล้วว่า ก็ในคราวนั้น คนหรือสัตว์ได้ทากิ่งไม้ให้ไหว สิ่งนี้แลได้มาถึงแล้ว (พระกุมารตรัสว่า) [๑๖๐] เจ้าได้สานึกแล้วซิว่า ตามที่เจ้าได้ฆ่าพ่อของเรา เอากิ่งไม้ปิดไว้คอยระแวงอยู่ว่า ภัยจักมาถึงตัวเรา ปรันตปชาดกที่ ๑๑ จบ คันธารวรรคที่ ๒ จบ -------------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา ปรันตปชาดก ว่าด้วย ลางบอกความชั่วและภัยที่จะมาถึง พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร ทรงปรารภการตะเกียกตะกายของพระเทวทัตเพื่อจะปลงพระชนม์พระศาสดา แล้วจึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ความพิสดารว่า ในครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายตั้งเรื่องสนทนากันขึ้นว่า ดูก่อนอาวุโส พระเทวทัตตะเกียกตะกายเพื่อจะปลงพระชนม์พระตถาคตเจ้า
  • 2. 2 คือประกอบนายขมังธนู กลิ้งศิลาทับ ปล่อยช้างนาฬาคีรี ทาอุบายเพื่อให้พระตถาคตเจ้าทรงพินาศ. พระศาสดาเสด็จมาถึง แล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ? เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่าด้วยเรื่องชื่อนี้. ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระเทวทัตไม่ใช่ตะเกียกตะกายเพื่อฆ่าเราตถาคต แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตนั่นก็ตะเกียกตะกาย เพื่อฆ่าเราตถาคตเหมือนกัน แต่ก็ไม่อาจเพื่อจะทาแม้เพียงความสะดุ้งให้เราตถาคตได้ จึงเสวยทุกข์ของตนเอง. แล้วได้ทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :- ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ถือกาเนิดในพระอุทรของพระอัครมเหสีของพระองค์ เจริญวัยแล้วทรงศึกษาศิลปทุกชนิดที่นครตักกสิลา ทรงเรียนมนต์รู้เสียงทุกอย่าง ท้าวเธอทรงให้การซักถามอาจารย์แล้ว เสด็จกลับนครพาราณสี. พระชนกทรงตั้งพระองค์ไว้ในตาแหน่งอุปราช ถึงจะทรงตั้งไว้ในตาแหน่งอุปราชก็จริงอยู่ แต่ก็ทรงมีความประสงค์จะปลงพระชนม์พระโพธิสัตว์อยู่ ไม่ทรงปรารถนาจะให้ท่านเข้าเฝ้ า. อยู่มาวันหนึ่ง แม่สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งพาเอาลูกน้อย ๒ ตัวเข้าไปทางช่องระบายน้า ในยามราตรีเมื่อมนุษย์ทั้งหลายหลีกเร้นไปแล้ว. ที่ข้างห้องบรรทมบนปราสาทของพระโพธิสัตว์ มีศาลาหลังหนึ่ง บนศาลาหลังนั้นมีคนเข็ญใจคนหนึ่ง ถอดรองเท้าวางไว้ที่พื้นดินใกล้เท้าแล้ว นอนอยู่บนกระดานแผ่นเดียว แต่ยังไม่หลับก่อน. ครั้งนั้นลูกน้อย ๒ ตัวของแม่สุนัขหิวร้องขึ้น จึงแม่ของมันได้พูดกะลูกทั้ง ๒ ตัวนั้นตามภาษาของตนว่า อย่าทาเสียงดัง คนคนหนึ่งถอดรองเท้าวางไว้ที่พื้นบนศาลาหลังนี้ นอนบนแผ่นกระดานแต่ยังไม่หลับ เวลาคนคนนั้นนอนหลับแม่จักไปคาบเอารองเท้านั่นมาให้พวกเจ้ากิน. พระโพธิสัตว์ทรงรู้ภาษาของมันด้วยอานุภาพของมนต์ จึงเสด็จออกจากห้องบรรทมไปทรงเปิดพระแกลแล้ว ตรัสว่า ใครอยู่ที่นี่. คนเข็ญใจทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้า คนเข็ญใจพระเจ้าข้า. พระโพธิสัตว์ตรัสว่า รองเท้าของเจ้าอยู่ที่ไหน? คนเข็ญใจทูลว่า อยู่ที่พื้นดิน พระเจ้าข้า. พระโพธิสัตว์ตรัสว่า ยกขึ้นมาแขวนไว้เถิด.
  • 3. 3 แม่สุนัขจิ้งจอกครั้นได้ยินคานั้นแล้ว โกรธพระโพธิสัตว์. ในวันรุ่งขึ้นมันก็เข้าพระนครอย่างนั้นเหมือนกัน ครั้งนั้น คนคนหนึ่งตั้งใจว่าจะดื่มน้า เมื่อลงไปในสระโบกขรณี ก็ตกลงไปจมน้าหายใจไม่ออกตาย. แต่เขามีผ้าสาฎกสาหรับนุ่งห่ม ๒ ผืนและมีแหวนสวมนิ้วราคาพันกหาปณะที่ผ้านุ่ง. แม้ครานั้น แม่สุนัขจิ้งจอกนั้นก็พูดกะลูกน้อยของมันที่กาลังร้องว่าแม่พวกฉันหิว ว่า ลูกเอ๋ยอย่าส่งเสียงดัง คนตายอยู่ที่สระโบกขรณีนั่นแน่ะ เขามีของสิ่งนี้และสิ่งนี้ แต่เขาตายแล้วนอนอยู่ใต้บันไดนั่นเอง แม่จักให้พวกเจ้ากินคนคนนั่น. พระโพธิสัตว์ทรงสดับคานั้นแล้ว ทรงเปิดพระแกลแล้วตรัสว่า บนศาลามีใครไหม? เมื่อชายคนหนึ่งลุกขึ้นแล้วทูลว่า ข้าพระองค์ พระเจ้าข้า. จึงตรัสว่า ไปเถิดไปเอาผ้าสาฎกและแหวนสวมนิ้วของชายที่ตายอยู่ในสระโบกขรณีนั่น แล้วปล่อยร่างของมันให้จมอยู่ในน้า โดยวิธีที่มันจะไม่ลอยขึ้น. เขาได้ทาอย่างนั้นแล้ว. แม่สุนัขนั้นก็โกรธอีกแล้วร้องขู่พระโพธิสัตว์ว่า ในวันก่อนเขาไม่ได้ให้ลูกข้ากินรองเท้า วันนี้ไม่ให้กินคนตาย ในวันที่ ๓ พระเจ้าสมันตราชองค์หนึ่งจักมาล้อมพระนครไว้ ครั้งนั้น พระราชบิดาจักส่งเขาไปเพื่อต้องการให้รบ พระเจ้าสมันตราชจักตัดศีรษะของท่าน ณ ที่นั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นเราจักดื่มเลือดในลาคอของแกแล้วพ้นเวร ดังนี้แล้วพาลูกออกไป. ในวันที่ ๓ พระเจ้าสมันตราชเสด็จมาล้อมพระนครไว้. พระราชาตรัสกะพระโพธิสัตว์ว่า ไปเถิดลูกเอ๋ย จงต่อสู้กับพระเจ้าสมันตราชนั้น. พระโพธิสัตว์ทูลว่า ข้าแต่สมมติเทพ มีเหตุอย่างหนึ่งที่ข้าพระองค์เห็นแล้ว ข้าพระองค์ไม่สามารถไปได้ ข้าพระองค์กลัวอันตรายแห่งชีวิต. พระราชาตรัสว่า เมื่อเจ้าตายหรือไม่ตายก็ตาม จะมีประโยชน์อะไรสาหรับฉัน เจ้าจงไปเถิด. พระมหาสัตว์รับกระแสพระบรมราชโองการแล้วพาบริษัทไป ไม่ได้ออกทางประตูด้านที่พระเจ้าสมันตราชทรงตั้งทัพ ทรงเปิดประตูด้านอื่นเสด็จออกไป. เมื่อพระมหาสัตว์นั้นเสด็จออกไป พระนครได้ว่างเปล่า คนทั้งหลายได้ออกไปกับพระมหาสัตว์หมดทีเดียว. พระมหาสัตว์ทรงให้พักค่ายอยู่ ณ ที่ที่มีส่วนเหมาะสมกันแห่งหนึ่ง. พระราชาทรงดาริว่า อุปราชทาพระนครให้ว่างเปล่า พากาลังหนีไปแล้ว. ฝ่ายพระเจ้าสมันตราชก็ล้อมพระนครตรึงไว้ บัดนี้ชีวิตของเราจะไม่มี. พระองค์ทรงดาริว่า เราจักรักษาชีวิตไว้ แล้วทรงพาเอาพระราชเทวี ปุโรหิตและคนรับใช้คนหนึ่งชื่อปรันตปะ ปลอมพระองค์หนีเข้าป่าไป.
  • 4. 4 พระโพธิสัตว์ทรงทราบการเสด็จหนีไปของพระราชาแล้ว จึงเสด็จเข้าพระนครทรงทาการรบขับไล่พระเจ้าสมันตราชให้หนีไป แล้วทรงยึดราชสมบัติไว้ได้. ฝ่ายพระราชบิดาของพระองค์ได้ทรงสร้างบรรณศาลาใกล้ฝั่งแม่น้าแห่ งหนึ่ง ทรงดารงพระชนม์ชีพอยู่ได้ด้วยผลไม้น้อยใหญ่ พระราชากับปุโรหิตไปหาผลไม้น้อยใหญ่. ที่บรรณศาลานั่นเองมีแต่ทาสชื่อปรันตปะ กับพระราชเทวี. เพราะทรงอาศัยพระราชา พระราชเทวีได้ทรงพระครรภ์แม้ในสถานที่นั้น และพระนางได้ประพฤตินอกใจพระราชากับทาสปรันตปะนั่น ด้วยอานาจแห่งความคุ้นเคยกัน. วันหนึ่ง พระนางรับสั่งทาสปรันตปะว่า เมื่อพระราชาทรงทราบเรื่องแล้ว ชีวิตของเจ้าก็จะไม่มี ชีวิตของฉันก็จะหามีไม่ เพราะฉะนั้นเจ้าจงปลงพระชนม์พระราชานั้นเสีย ทาสปรันตปะทูลว่า ข้าพระองค์จะปลงอย่างไร? พระราชเทวีรับสั่งว่า พระราชานี่จะให้เจ้าถือพระขรรค์นั้นและภูษาชุบสรงแล้วไปสรงสนาน เจ้าจงคอยดูความเผลอของพระราชานั้น ในที่สรงสนานนั้น ใช้พระขรรค์ตัดพระเศียรแล้วสับพระสรีระออกเป็นท่อนๆ ฝังไว้ในพื้นดิน. เขารับพระเสาวนีว่า พระเจ้าข้า. อยู่มาวันหนึ่ง ปุโรหิตนั่นเอง เดินไปเพื่อต้องการผลไม้น้อยใหญ่ ขึ้นต้นไม้ต้นหนึ่ง ใกล้ท่า. ที่พระราชาทรงสรงสนานเก็บผลไม้น้อยใหญ่อยู่. พระราชาทรงดาริว่า เราจักอาบน้า แล้วทรงให้ทาสปรันตปะ ถือพระขรรค์และภูษาชุบสรงแล้วได้เสด็จไปสู่ฝั่งแม่น้า. ทาสปรันตปะทูลพระองค์ผู้ทรงประสบความประมาท ในเวลาทรงสรงสนานแม้ ณ ที่นั้นว่า ข้าพระองค์จักฆ่าละ แล้วจับพระศอพระองค์เงื้อพระขรรค์ขึ้น. พระราชาทรงร้องเพราะทรงกลัวความตาย. ปุโรหิตได้ยินเสียงนั้นแล้วมองดู เห็นทาสปรันตปะกาลังปลงพระชนม์พระราชา สะดุ้งกลัวจึงเขย่ากิ่งไม้แล้วลงจากต้นไม้ เข้าไปนั่งที่พุ่มไม้พุ่มหนึ่ง. ทาสปรันตปะได้ยินเสียงเขย่ากิ่งไม้ของปุโรหิตนั้นแล้วปลงพระชนม์พระราชา ฝังไว้ในพื้นดินแล้วพิจารณาดูว่า ได้มีเสียงเขย่ากิ่งไม้ในที่นี้ ใครหนออยู่ในที่นี้? ไม่เห็นใครๆ จึงอาบน้าแล้วไป. ในเวลาทาสปรันตปะไปแล้ว ปุโรหิตก็ออกจากที่นั่งไป รู้ว่าพระราชาถูกสับพระสรีระออกเป็นท่อนๆ แล้วฝั่งไว้ในหลุม จึงอาบน้าแล้วปลอมเพศเป็นคนตาบอดแล้วได้ไปบรรณศาลา เพราะกลัวเขาฆ่าตน.
  • 5. 5 ปรันตปะเห็นเขาแล้วพูดว่า ดูก่อนพราหมณ์ ท่านได้ทาอะไร? เขาทาเป็นเหมือนไม่รู้พูดว่า ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์นัยน์ตาทั้งสองเสีย จึงได้มาที่นี่ ข้าพระองค์ได้ยืนอยู่ที่ข้างจอมปลวกแห่งหนึ่งในป่าที่มีอสรพิษชุกชุม อสรพิษตัวหนึ่งจักพ่นพิษใส่. ปรันตปะคิดว่า เขาไม่รู้จักเรา เขาจึงพูดว่าข้าแต่สมมติเทพ เราจักปลอบใจเขา แล้วได้ปลอบใจเขาว่า ดูก่อนพราหมณ์ ท่านอย่าคิดอะไร เราจักปฏิบัติท่าน แล้วได้ให้ผลไม้น้อยใหญ่ให้กินอิ่มหนาสาราญ. ต่อแต่นั้นมา ทาสปรันตปะก็นาผลไม้น้อยใหญ่มาให้. พระราชเทวีประสูติพระราชโอรสแล้ว. เมื่อพระราชโอรสทรงเจริญขึ้น พระนางบรรทมสบายในเช้ามืดวันหนึ่งได้ตรัสกะทาสปรันตปะเบาๆ ว่า เจ้าเมื่อปลงพระชนม์พระราชา ไม่มีใครหรือ? เขาเมื่อเจรจากับพระนางว่า ใครๆ มิได้เห็นข้าพระองค์ แต่ว่า ได้ยินเสียงเขย่ากิ่งไม้ แต่ไม่ทราบว่ากิ่งไม้นั้นมนุษย์หรือสัตว์เดียรฉานเขย่า ไม่คราวใดก็คราวหนึ่งภัยจะมาถึงข้าพระองค์ และจักมาจากผู้เขย่ากิ่งไม้ ดังนี้แล้วจึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :- บาปจักมาถึงข้าพระองค์ ภัยจักมาถึงข้าพระองค์ เพราะมนุษย์หรือมฤคก็ไม่รู้ เขย่ากิ่งไม้ในครั้งนั้น. คนทั้งสองนั้นเข้าใจว่า ปุโรหิตหลับแล้ว. แต่ปุโรหิตนั้นยังไม่หลับเลย ได้ยินถ้อยคาของพวกเขาอยู่. อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อทาสปรันตปะไปหาผลไม้น้อยใหญ่ ปุโรหิตเป็นเหมือนเพ้อระลึกถึงภริยาของตนอยู่ ได้กล่าวคาถาที่ ๒ ว่า :- ความใคร่ของเราในภรรยาผู้หวาดกลัวที่อยู่ไม่ไกลจักทาให้เราผอมเห ลือง เหมือนกิ่งไม้ทาให้นายปรันตปะผอมเหลืองไป ฉะนั้น. ลาดับนั้น พระราชเทวีจึงกล่าวกะปุโรหิตนั้นว่า ดูก่อนพราหมณ์ ท่านพูดอะไร? ฝ่ายปุโรหิตพูดว่า ข้าพระองค์กาหนดรู้แล้วแหละ ในวันรุ่งขึ้น ก็กล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :- ภริยาผู้น่ารักใคร่ ไม่มีที่ติอยู่ในบ้าน จักเศร้าโศกถึงเรา ความเศร้าโศกจักทาให้เธอผอมเหลือง เหมือนกิ่งไม้ทานายปรันตปะให้ผอมเหลืองฉะนั้น. ในวันรุ่งขึ้น ปุโรหิตได้กล่าวคาถาที่ ๔ ว่า :- หางตาที่หล่อนชาเลืองมาหาฉันก็ดี การยิ้มของหล่อนก็ดี ถ้อยคาที่หล่อนเปล่งออกมาก็ดี มันจักทาให้เราผอมเหลือง เหมือนกิ่งไม้ทาให้นายปรันตปะผอมเหลืองฉะนั้น.
  • 6. 6 มีคาอธิบายว่า ดูก่อนนางผู้เจริญ ดวงตาดาที่ตกแต่งดีแล้วเพราะนาสิ่งโสมมออกจากหางตาแล้ว ด้วยไม้ป้ ายยาหยอดตาที่หล่อนชาเลืองมาแล้วก็ดี การยิ้มน้อยๆ ก็ดี คาพูดที่หล่อนพูดอย่างอ่อนหวานก็ดี จักทาให้เราผอมเหลือง เหมือนกิ่งไม้ที่เราเขย่าแล้วดังอยู่ ทาให้ปรันตปะผอมแห้งฉะนั้น. ในกาลต่อมา พระราชกุมารได้ทรงเจริญวัยขึ้นมีพระชนมายุได้ ๑๖ ชันษา จึงพราหมณ์ได้ให้พระองค์ทรงจับปลายไม้เท้าจูงไปถึงท่าอาบน้าแล้ว ได้ลืมตาขึ้นมองดู. พระราชกุมารตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์ ท่านเป็นคนตาบอดไม่ใช่หรือ? เขาทูลว่า ข้าพเจ้าไม่ใช่คนตาบอด แต่ใช้อุบายนี้รักษาชีวิตไว้ แล้วทูลว่า ท่านรู้จักบิดาของท่านไหม? เมื่อพระราชกุมารตรัสบอกว่า เรารู้คนคนนั้นเป็ นบิดาของเรา จึงทูลว่า คนคนนี้ไม่ใช่บิดาของท่าน แต่บิดาของท่านได้แก่พระเจ้าพาราณสี คนคนนี้เป็ นทาสของท่าน เขาปฏิบัติผิดในมารดาของท่านแล้ว ฆ่าบิดาของท่านแล้วฝังไว้ที่ตรงนี้ ดังนี้แล้วนาเอากระดูกมาให้ดู. พระราชกุมารได้ทรงเกิดความกริ้วขึ้นเป็ นกาลัง. ลาดับนั้น เมื่อพระราชกุมารตรัสถามปุโรหิตนั้นว่า บัดนี้ เราจะทาอย่างไร? ปุโรหิตจึงทูลว่า สิ่งใดที่เขาทาแก่พระราชบิดาของพระองค์ที่ท่าน้านี้นั่นเอง พระองค์จงทรงกระทาสิ่งนั่นเถิด แล้วได้ทูลบอกความเป็นไปทั้งหมดให้ทรงทราบ แล้วได้ให้พระราชกุมารทรงศึกษา การตีกระบี่กระบองอยู่ ๒,๓ วัน. อยู่มาวันหนึ่ง พระราชกุมารทรงถือพระขรรค์กับพระภูษาชุบสรงแล้วกล่าวว่า ไปอาบน้าเถิดพ่อครับ. ปรันตปะตอบว่า ดีละ แล้วก็ไปกับพระราชกุมารนั้น. ต่อมาในเวลาเขาลงอาบน้า พระราชกุมารจึงใช้พระหัตถ์ขวาทรงถือดาบ พระหัตถ์ซ้ายทรงจับมวยผมแล้วตรัสว่า ได้ทราบว่า เจ้าจับพระจุฬาของเสด็จพ่อของฉันแล้วปลงพระชนม์ของพระองค์ผู้ทรงร้องอยู่ที่ ท่าน้านี้นั่นเอง ฝ่ายฉันก็จักทาเจ้าอย่างนั้นเหมือนกัน. เขากลัวภัยคือความตาย โอดครวญไปพลางกล่าวคาถา ๒ คาถาไปพลางว่า :- เสียงกิ่งไม้ได้มาประจักษ์แน่นอนแล้ว เสียงนั้นเห็นจะมาแจ้งเหตุ ให้ตัวเจ้าทราบแน่นอนแล้ว ผู้ที่สั่นกิ่งไม้นั้นได้บอกเรื่องนั้นอย่างแน่นอน เรื่องนี้เจ้าแลที่ตัวคนโง่คิดว่า กิ่งไม้ที่มนุษย์หรือมฤคก็ไม่ทราบ เขย่าแล้วในครั้งนั้นได้มาถึงเจ้าแล้ว. มีคาอธิบายว่า ข้อที่เราผู้เป็นคนโง่ได้มีสิ่งที่คิด คือสิ่งที่ปริวิตกว่า
  • 7. 7 ภัยจักเกิดขึ้นแก่เรา จากมนุษย์หรือมฤคที่เขย่ากิ่งไม้ในครั้งนั้นนี้ได้มาประจวบกับเราแล้ว. ต่อจากนั้น พระราชกุมารก็ได้ตรัสคาถาสุดท้ายว่า เจ้าได้รู้อย่างนั้นแล้ว เจ้ายังลวงเสด็จพ่อของฉันไปฆ่าแล้วเอากิ่งไม้ปิดไว้ บัดนี้ ภัยจักมาถึงเจ้าบ้าง. พระกุมาร ครั้นตรัสดังที่กล่าวมาแล้วนี้ แล้วก็ให้ทาสปรันตปะนั้นถึงความสิ้นชีวิตฝังไว้แล้ว เอากิ่งไม้คลุมไว้ ทรงล้างพระขรรค์สรงสนานแล้ว เสด็จไปสู่บรรณศาลาตรัสบอกปุโรหิตนั้น ถึงภาวะที่ตนได้ฆ่าแล้ว จึงทรงต่อว่าพระมารดา. ทั้งสามคนหารือกันว่า พวกเราจักอยู่ทาไมที่ตรงนี้ แล้วจึงได้พากันไปนครพาราณสีนั่นเอง. พระโพธิสัตว์ทรงประทานตาแหน่งอุปราชแก่พระกนิษฐา แล้วทรงบาเพ็ญบุญมีทานเป็นต้น ทรงสร้างทางสวรรค์ให้เต็มที่. พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจธรรมทั้งหลายแล้ว ทรงประ ชุมชาดกไว้ว่า พระราชาผู้เป็นบิดาในครั้งนั้น ได้แก่ พระเทวทัต ในครั้งนี้ ปุโรหิตได้แก่ พระอานนท์ ส่วนพระราชบุตร ได้แก่ เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถาปรันตปชาดกที่ ๑๑ จบ คันธารวรรคที่ ๒. -----------------------------------------------------