SlideShare a Scribd company logo
1
มุทุปาณิชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๒. มุทุปาณิชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๒๖๒)
ว่าด้วยพระราชาถูกหลอกด้วยคนฝ่ามืออันอ่อนนุ่ม
(พระราชธิดาให้แม่นมเรียนคาถาไปทูลพระราชกุมารว่า)
[๓๔] เมื่อใด มีคนใช้ที่มีฝ่ามืออ่อนนุ่ม ช้างที่ฝึกไว้ดีแล้ว เวลามืด
และฝนตก เมื่อนั้น พระองค์พึงสมประสงค์แน่นอน
(พระราชาโพธิสัตว์ไม่อาจจะรักษาพระราชธิดาไว้ได้ จึงได้ตรัสว่า)
[๓๕] หญิงเหล่านั้นพูดจาอ่อนหวาน ไม่รู้จักพอ
ให้เต็มได้ยากเหมือนกับแม่น้า ย่อมจมลง(ในนรก)
บุคคลรู้ชัดเนื้อความข้อนั้นแล้ว พึงเว้นให้ห่างไกล
[๓๖] หญิงเหล่านั้นคบหาชายใด ด้วยความพอใจหรือด้วยทรัพย์ก็ตาม
ย่อมตามเผาผลาญชายนั้นทันที เหมือนไฟป่าเผาผลาญพื้นที่ของตน
มุทุปาณิชาดกที่ ๒ จบ
------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
มุทุปาณิชาดก
ว่าด้วย ความปรารถนาสมประสงค์ในกาลมีของ ๔ อย่าง
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
ทรงปรารภภิกษุผู้กระสันจะสึกรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นผู้ที่ถูกนามายังโรงธรรมสภาว่า
ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่าเธอเป็นผู้กระสันจะสึกจริงหรือ. เมื่อภิกษุนั้นทูลรับว่า
จริงพระเจ้าข้า. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ขึ้นชื่อว่าหญิงทั้งหลายนี้ใครๆ
ไม่ควรจะรักษา เพราะตามอานาจของกิเลส แม้โบราณกบัณฑิตทั้งหลาย
ทั้งที่จับมือธิดาของตนรักษาอยู่ก็ไม่อาจรักษาไว้ได้ ธิดายืนจับมือบิดาอยู่
ไม่ให้บิดารู้ตัวเลย หนีไปกับบุรุษด้วยอานาจกิเลส.
ครั้นตรัสดังนี้แล้ว ได้ทรงนิ่งเสีย.
อันภิกษุเหล่านั้นอ้อนวอน
จึงทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธกดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดในพระครรภ์ของพระอัครมเหสีของพระเจ้าพรหมทัตนั้น
พอทรงเจริญวัย ก็เล่าเรียนศิลปศาสตร์ทุกอย่างในเมืองตักกสิลา
เมื่อพระราชบิดาสวรรคตแล้ว ก็ดารงอยู่ในราชสมบัติ ทรงครองราชย์โดยธรรม.
พระองค์ทรงเลี้ยงดูคนทั้งสอง คือพระราชธิดาและพระราชภาคิไนย
2
ไว้ในพระราชนิเวศน์ของพระองค์
วันหนึ่งประทับอยู่กับพวกอามาตย์ ดารัสว่า เมื่อเราล่วงไป
หลานของเราจักได้เป็นพระราชา
ฝ่ายธิดาของเราจักได้เป็นอัครมเหสีของพระราชานั้น.
ในกาลต่อมา ในเวลาที่พระธิดาและพระภาคิไนยนั้นเจริญวัย
ประทับอยู่กับพวกอามาตย์อีกหนหนึ่ง ตรัสว่า
เราจักนาธิดาของพระราชาอื่นมาให้หลานเรา
และจักให้ธิดาของเราในราชตระกูลอื่น
เมื่อเป็ นอย่างนี้ญาติทั้งหลายของเราจักมากขึ้น. อามาตย์เหล่านั้นก็รับพระบัญชา.
ลาดับนั้น พระราชาจึงรับสั่งให้ประทานวังข้างนอกแก่พระภาคิไนย
ให้พระธิดาประทับอยู่ภายในพระราชนิเวศน์
แต่คนทั้งสองนั้นได้มีจิตปฏิพัทธ์แก่กันและกันอยู่.
พระกุมารคิดอยู่ว่า ด้วยอุบายอะไรหนอ
จึงจะให้นาพระราชธิดามาไว้ภายนอกได้ ทรงคิดได้ว่ามีอุบาย
จึงให้สินจ้างแก่แม่นม เมื่อแม่นมทูลว่า ข้าแต่พระลูกเจ้า มีกิจอะไร. จึงตรัสว่า
ข้าแต่แม่ เราทั้งหลายใคร่จะนาพระราชธิดาไว้ภายนอกวัง
จะมีช่องทางอย่างไรหนอ. แม่นมทูลว่า
หม่อมฉันจักพูดกับพระราชธิดาแล้วจักรู้ได้. พระกุมารตรัสว่า ดีละแม่.
แม่นมนั้นไปแล้วทูลว่า มาซิแม่ หม่อมฉันจักจับเหาที่ศีรษะแม่
แล้วให้พระราชธิดานั้นประทับบนตั่งน้อยตัวเตี้ย ตนเองนั่นบนตั่งน้อยตัวสูง
ให้ศีรษะของพระราชธิดานั้นซบอยู่ที่ขาอ่อนทั้งสองของตน จับเหาอยู่
จึงเอาเล็บของตนจิกศีรษะของพระราชธิดา. พระราชธิดาทรงทราบว่า
แม่นมนี้ย่อมไม่เอาเล็บของตนจิกเรา
แต่เอาเล็บคือความคิดอ่านแห่งพระกุมารผู้เป็นโอรสของพระปิตุจฉาของเราจิก
จึงตรัสถามว่า แม่ได้ไปเฝ้ าพระราชกุมารหรือจ๊ะแม่. แม่นมทูลว่าจ้ะ แม่ไปมา.
พระราชธิดาตรัสว่า พระราชกุมารบอกข่าวอะไรมาแก่แม่หรือ. แม่นมทูลว่า
พระราชกุมารถามถึงอุบายที่พระองค์ให้เสด็จอยู่ภายนอกจ้ะแม่.
พระราชธิดาคิดว่า พระราชกุมาร แม้เป็นบัณฑิตมีปัญญา ก็จักทรงรู้ จึงตรัสว่า
แม่จ๋า แม่จงเรียนเอาคาถานี้ไปบอกพระราชกุมารเถิด.
แล้วจึงตรัสคาถาที่ ๑ ว่า :-
ถ้าคนใช้ของท่านพึงมีฝ่ามืออ่อน ๑ ช้างของท่านฝึกดีแล้ว ๑
เวลามืด ๑ ฝนตก ๑ จะพึงมีในกาลใด
ความปรารถนาของท่านก็จะสมประสงค์ในกาลนั้นเป็ นแน่.
แม่นมนั้นเรียนเอาคาถานั้นแล้วไปเฝ้ าพระกุมาร เมื่อพระกุมารตรัสว่า
พระราชธิดาตรัสอะไรจ๊ะแม่. ทูลว่า ข้าแต่พระลูกเจ้า
3
พระราชธิดาไม่ได้ตรัสคาอะไรๆ อื่นเลย ส่งแต่คาถานี้มา แล้วยกคาถานั้นขึ้นมา.
ฝ่ายพระกุมารทรงทราบเนื้อความของคาถานั้น จึงสั่งแม่นมนั้นไปด้วยดารัสว่า
ไปเถอะแม่.
คาถานั้นมีความว่า
ถ้าคนใช้คนหนึ่งของพระองค์มีมืออ่อนเหมือนมือของหม่อมฉัน ๑
ถ้าช้างเชือกหนึ่งของพระองค์ฝึกให้ทาเหตุแห่งการไม่หวั่นไหวได้อย่า
งดี ๑
วันนั้นมีความมืดจัดประดุจประกอบด้วยองค์สี่ ๑
และฝนตก ๑
เมื่อเป็นเช่นนั้น
ความปรารถนาของท่านก็จะสมประสงค์ในกาลนั้นแน่.
อธิบายว่า เพราะอาศัยปัจจัย ๔ ประการนี้
ความปรารถนาแห่งใจของท่านก็จะถึงที่สุดโดยเด็ดขาด ในกาลเช่นนั้น.
พระกุมารทรงทราบความนั้นโดยถ่องแท้
จึงทรงทาการตระเตรียมคนใช้คนหนึ่งมีรูปงามมืออ่อน
ให้สินจ้างแก่นายหัตถาจารย์ผู้รักษามงคลหัตถี
ให้ฝึกช้างกระทาอาการไม่หวั่นไหวแล้ว ทรงรอคอยเวลาอยู่.
ครั้นในวันอุโบสถข้างแรมวันหนึ่ง
เมฆฝนดาทะมึนตกลงมาในระหว่างมัชฌิมยาม. พระกุมารนั้นทรงกาหนดว่า
วันนี้ เป็ นวันที่พระราชธิดากาหนดไว้ จึงเสด็จขึ้นช้าง
ให้คนใช้มืออ่อนนั้นนั่งบนหลังช้าง เสด็จไปประทับ ณ
ที่ตรงกับเนินช่องว่างของพระราชนิเวศน์ ให้ช้างเบียดติดกับฝาใหญ่
ได้ประทับเปียกชุ่มอยู่ ณ ที่ใกล้พระแกล.
ฝ่ายพระราชา เมื่อจะรักษาพระธิดา จึงมิให้บรรทมที่อื่น
ให้บรรทมอยู่บนที่บรรทมน้อยใกล้กับพระองค์.
ฝ่ายพระธิดารู้ว่า วันนี้ พระกุมารจะเสด็จมาก็บรรทมไม่หลับเลย ทูลว่า
ข้าแต่พระบิดา หม่อมฉันจะอาบน้า. พระราชาตรัสว่า มาเถิดแม่
แล้วจับพระหัตถ์พระธิดาพาไปใกล้พระแกล ตรัสว่า อาบเถิดแม่
แล้วยกขึ้นให้ยืนที่ชานด้านนอกพระแกล ประทับยืนจับพระหัตถ์ข้างหนึ่ง.
พระธิดานั้น แม้กาลังอาบน้า ก็เหยียดพระหัตถ์ให้แก่พระกุมารๆ
เปลื้องเครื่องอาภรณ์จากพระหัตถ์ของพระธิดานั้น แล้วประดับที่มือของคนใช้นั้น
แล้วยกคนใช้นั้นขึ้นให้ยืนที่ชานเกาะพระธิดา. พระธิดานั้นจับมือของคนใช้นั้น
วางที่พระหัตถ์ของพระบิดา. พระราชานั้นทรงจับมือข้างหนึ่งของคนใช้นั้น
แล้วปล่อยมือข้างหนึ่งของพระธิดา
พระธิดานั้นเปลื้องเครื่องอาภรณ์จากมืออีกข้างหนึ่ง
4
เอาประดับมือที่สองของคนใช้นั้น แล้ววางที่พระหัตถ์ของพระบิดา
ตนเองได้ไปกับพระกุมาร.
พระราชาทรงสาคัญว่า ธิดาของพระองค์
จึงให้ทารกนั้นนอนในห้องอันเป็นสิริ ในเวลาเสร็จสิ้นการอาบน้า ปิดประตู
ลั่นกุญแจ ให้การอารักขาแล้ว เสด็จไปบรรทมยังที่บรรทมของพระองค์.
เมื่อราตรีสว่างแจ้งแล้ว พระราชานั้นทรงเปิดประตูเห็นทารกนั้น จึงรับสั่งถามว่า
นี่อะไรกัน ทารกนั้นกราบทูลความที่พระธิดานั้นเสด็จไปกับพระกุมาร.
พระราชาทรงเดือดร้อนพระทัย ทรงพระดาริว่า
เราแม้จับมือเที่ยวไปก็ไม่อาจรักษามาตุคามได้ ชื่อว่าหญิงทั้งหลาย ใครๆ
รักษาไม่ได้อย่างนี้
จึงได้ตรัสคาถา ๒ คาถานอกนี้ว่า :-
หญิงทั้งหลายบุรุษไม่สามารถจะรักษาไว้ได้ด้วยถ้อยคาอันอ่อนหวาน
ยากที่จะให้เต็มได้ เปรียบเสมอด้วยแม่น้า ย่อมจมลงในนรก
บัณฑิตรู้ชัดอย่างนี้แล้ว พึงเว้นเสียให้ห่างไกล
หญิงเหล่านี้ย่อมเข้าไปคบหาบุรุษใด เพราะความรักใคร่ก็ตาม
เพราะทรัพย์ก็ตาม เขาย่อมเผาบุรุษนั้นเสียฉับพลัน
เปรียบเหมือนไฟไหม้ที่ของตนเองฉะนั้น.
ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
มาตุคามไม่อิ่ม ไม่แจ่มแจ้งธรรม ๓ ประการ ย่อมตายไปเสียก่อน
ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน? คือ
ความเข้าเสพเมถุนธรรม ๑
ความดิ้นรน ๑
การแต่งตัว ๑
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มาตุคามยังไม่ทันจะอิ่ม ไม่ทันจะแจ่มแจ้งธรรม ๓
ประการเหล่านี้แล ก็ตายเสียก่อน
สมจริงดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า :-
ชนผู้ตกอยู่ในอานาจของมาตุคาม ถึงมีกาลังก็เป็ นผู้หมดกาลัง
แม้มีเรี่ยวแรงก็เสื่อมถอย มีตาก็เป็นคนตาบอด.
ชนผู้ตกอยู่ในอานาจของมาตุคาม ถึงมีคุณความดีก็หมดคุณความดี
แม้มีปัญญาก็เสื่อมถอย เป็นผู้ประมาท ติดพันอยู่ในบ่วง
มาตุคามย่อมปล้นเอาการศึกษาเล่าเรียน ตบะ ศีล สัจจะ จาคะ สติ
และมติความรู้ของคนผู้ประมาท เหมือนพวกโจรคอยดักทาร้ายในหนทาง.
ย่อมทายศ เกียรติ ฐิติความทรงจา ความกล้าหาญ ความเป็นพหูสูต
และความรู้ของคนผู้ประมาทให้เสื่อมไป
เหมือนไฟผู้ชาระทากองฟืนให้หมดไปฉะนั้น.
5
พระมหาสัตว์ ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว ทรงดาริว่า
แม้หลานเราก็ต้องเลี้ยงดู ธิดาเราก็ต้องเลี้ยงดู
จึงพระราชทานพระธิดาให้แก่พระภาคิไนยนั้นนั่นแหละ
ด้วยสักการะอันใหญ่หลวง
แล้วทรงตั้งพระภาคิไนยนั้นให้ดารงอยู่ในตาแหน่งอุปราช.
เมื่อพระเจ้าลุงสวรรคต แม้อุปราชนั้นก็ดารงอยู่ในราชสมบัติ.
พระศาสดา
ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานั้นมาแล้ว ทรงประกาศสัจจะ แล้วประชุมชาดก.
ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้กระสันจะสึกดารงอยู่ในโสดาปัตติผล.
พระราชาในกาลนั้น ได้เป็ น เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถามุทุปาณิชาดกที่ ๒
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 262 มุทุปาณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
123 นังคลีสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ...
123 นังคลีสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ...123 นังคลีสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ...
123 นังคลีสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ...
maruay songtanin
 
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
104 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
104 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...104 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
104 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
032 นัจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
032 นัจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx032 นัจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
032 นัจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
353 เวนสาขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
353 เวนสาขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx353 เวนสาขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
353 เวนสาขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 

Similar to 262 มุทุปาณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

351 มณิกุณฑลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
351 มณิกุณฑลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...351 มณิกุณฑลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
351 มณิกุณฑลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
279 สตปัตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
503 สัตติคุมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
123 นังคลีสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ...
123 นังคลีสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ...123 นังคลีสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ...
123 นังคลีสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ...
 
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
343 กุนตินีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
258 มันธาตุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
171 กัลยาณธัมมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
(๑๑) พระเรวตเถราปทาน มจร.pdf
(๑๑) พระเรวตเถราปทาน มจร.pdf(๑๑) พระเรวตเถราปทาน มจร.pdf
(๑๑) พระเรวตเถราปทาน มจร.pdf
 
(๑๕) มหากัจจายนเถราปทาน มจร.pdf
(๑๕) มหากัจจายนเถราปทาน มจร.pdf(๑๕) มหากัจจายนเถราปทาน มจร.pdf
(๑๕) มหากัจจายนเถราปทาน มจร.pdf
 
287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
287 ลาภครหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
104 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
104 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...104 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
104 มิตตวินทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx
215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx
215 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]ร.docx
 
๐๒. มหาชนกชาดก.pdf
๐๒. มหาชนกชาดก.pdf๐๒. มหาชนกชาดก.pdf
๐๒. มหาชนกชาดก.pdf
 
032 นัจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
032 นัจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx032 นัจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
032 นัจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
368 ตจสารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
368 ตจสารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx368 ตจสารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
368 ตจสารชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
353 เวนสาขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
353 เวนสาขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx353 เวนสาขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
353 เวนสาขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
213 ภรุราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
311 ปุจิมันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
341 กุณฑลิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
341 กุณฑลิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....341 กุณฑลิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
341 กุณฑลิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
039 นันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

More from maruay songtanin

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
maruay songtanin
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 

262 มุทุปาณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 มุทุปาณิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๒. มุทุปาณิชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๒๖๒) ว่าด้วยพระราชาถูกหลอกด้วยคนฝ่ามืออันอ่อนนุ่ม (พระราชธิดาให้แม่นมเรียนคาถาไปทูลพระราชกุมารว่า) [๓๔] เมื่อใด มีคนใช้ที่มีฝ่ามืออ่อนนุ่ม ช้างที่ฝึกไว้ดีแล้ว เวลามืด และฝนตก เมื่อนั้น พระองค์พึงสมประสงค์แน่นอน (พระราชาโพธิสัตว์ไม่อาจจะรักษาพระราชธิดาไว้ได้ จึงได้ตรัสว่า) [๓๕] หญิงเหล่านั้นพูดจาอ่อนหวาน ไม่รู้จักพอ ให้เต็มได้ยากเหมือนกับแม่น้า ย่อมจมลง(ในนรก) บุคคลรู้ชัดเนื้อความข้อนั้นแล้ว พึงเว้นให้ห่างไกล [๓๖] หญิงเหล่านั้นคบหาชายใด ด้วยความพอใจหรือด้วยทรัพย์ก็ตาม ย่อมตามเผาผลาญชายนั้นทันที เหมือนไฟป่าเผาผลาญพื้นที่ของตน มุทุปาณิชาดกที่ ๒ จบ ------------------------ คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา มุทุปาณิชาดก ว่าด้วย ความปรารถนาสมประสงค์ในกาลมีของ ๔ อย่าง พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้กระสันจะสึกรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ได้ยินว่า พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นผู้ที่ถูกนามายังโรงธรรมสภาว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่าเธอเป็นผู้กระสันจะสึกจริงหรือ. เมื่อภิกษุนั้นทูลรับว่า จริงพระเจ้าข้า. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ขึ้นชื่อว่าหญิงทั้งหลายนี้ใครๆ ไม่ควรจะรักษา เพราะตามอานาจของกิเลส แม้โบราณกบัณฑิตทั้งหลาย ทั้งที่จับมือธิดาของตนรักษาอยู่ก็ไม่อาจรักษาไว้ได้ ธิดายืนจับมือบิดาอยู่ ไม่ให้บิดารู้ตัวเลย หนีไปกับบุรุษด้วยอานาจกิเลส. ครั้นตรัสดังนี้แล้ว ได้ทรงนิ่งเสีย. อันภิกษุเหล่านั้นอ้อนวอน จึงทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธกดังต่อไปนี้ :- ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในพระครรภ์ของพระอัครมเหสีของพระเจ้าพรหมทัตนั้น พอทรงเจริญวัย ก็เล่าเรียนศิลปศาสตร์ทุกอย่างในเมืองตักกสิลา เมื่อพระราชบิดาสวรรคตแล้ว ก็ดารงอยู่ในราชสมบัติ ทรงครองราชย์โดยธรรม. พระองค์ทรงเลี้ยงดูคนทั้งสอง คือพระราชธิดาและพระราชภาคิไนย
  • 2. 2 ไว้ในพระราชนิเวศน์ของพระองค์ วันหนึ่งประทับอยู่กับพวกอามาตย์ ดารัสว่า เมื่อเราล่วงไป หลานของเราจักได้เป็นพระราชา ฝ่ายธิดาของเราจักได้เป็นอัครมเหสีของพระราชานั้น. ในกาลต่อมา ในเวลาที่พระธิดาและพระภาคิไนยนั้นเจริญวัย ประทับอยู่กับพวกอามาตย์อีกหนหนึ่ง ตรัสว่า เราจักนาธิดาของพระราชาอื่นมาให้หลานเรา และจักให้ธิดาของเราในราชตระกูลอื่น เมื่อเป็ นอย่างนี้ญาติทั้งหลายของเราจักมากขึ้น. อามาตย์เหล่านั้นก็รับพระบัญชา. ลาดับนั้น พระราชาจึงรับสั่งให้ประทานวังข้างนอกแก่พระภาคิไนย ให้พระธิดาประทับอยู่ภายในพระราชนิเวศน์ แต่คนทั้งสองนั้นได้มีจิตปฏิพัทธ์แก่กันและกันอยู่. พระกุมารคิดอยู่ว่า ด้วยอุบายอะไรหนอ จึงจะให้นาพระราชธิดามาไว้ภายนอกได้ ทรงคิดได้ว่ามีอุบาย จึงให้สินจ้างแก่แม่นม เมื่อแม่นมทูลว่า ข้าแต่พระลูกเจ้า มีกิจอะไร. จึงตรัสว่า ข้าแต่แม่ เราทั้งหลายใคร่จะนาพระราชธิดาไว้ภายนอกวัง จะมีช่องทางอย่างไรหนอ. แม่นมทูลว่า หม่อมฉันจักพูดกับพระราชธิดาแล้วจักรู้ได้. พระกุมารตรัสว่า ดีละแม่. แม่นมนั้นไปแล้วทูลว่า มาซิแม่ หม่อมฉันจักจับเหาที่ศีรษะแม่ แล้วให้พระราชธิดานั้นประทับบนตั่งน้อยตัวเตี้ย ตนเองนั่นบนตั่งน้อยตัวสูง ให้ศีรษะของพระราชธิดานั้นซบอยู่ที่ขาอ่อนทั้งสองของตน จับเหาอยู่ จึงเอาเล็บของตนจิกศีรษะของพระราชธิดา. พระราชธิดาทรงทราบว่า แม่นมนี้ย่อมไม่เอาเล็บของตนจิกเรา แต่เอาเล็บคือความคิดอ่านแห่งพระกุมารผู้เป็นโอรสของพระปิตุจฉาของเราจิก จึงตรัสถามว่า แม่ได้ไปเฝ้ าพระราชกุมารหรือจ๊ะแม่. แม่นมทูลว่าจ้ะ แม่ไปมา. พระราชธิดาตรัสว่า พระราชกุมารบอกข่าวอะไรมาแก่แม่หรือ. แม่นมทูลว่า พระราชกุมารถามถึงอุบายที่พระองค์ให้เสด็จอยู่ภายนอกจ้ะแม่. พระราชธิดาคิดว่า พระราชกุมาร แม้เป็นบัณฑิตมีปัญญา ก็จักทรงรู้ จึงตรัสว่า แม่จ๋า แม่จงเรียนเอาคาถานี้ไปบอกพระราชกุมารเถิด. แล้วจึงตรัสคาถาที่ ๑ ว่า :- ถ้าคนใช้ของท่านพึงมีฝ่ามืออ่อน ๑ ช้างของท่านฝึกดีแล้ว ๑ เวลามืด ๑ ฝนตก ๑ จะพึงมีในกาลใด ความปรารถนาของท่านก็จะสมประสงค์ในกาลนั้นเป็ นแน่. แม่นมนั้นเรียนเอาคาถานั้นแล้วไปเฝ้ าพระกุมาร เมื่อพระกุมารตรัสว่า พระราชธิดาตรัสอะไรจ๊ะแม่. ทูลว่า ข้าแต่พระลูกเจ้า
  • 3. 3 พระราชธิดาไม่ได้ตรัสคาอะไรๆ อื่นเลย ส่งแต่คาถานี้มา แล้วยกคาถานั้นขึ้นมา. ฝ่ายพระกุมารทรงทราบเนื้อความของคาถานั้น จึงสั่งแม่นมนั้นไปด้วยดารัสว่า ไปเถอะแม่. คาถานั้นมีความว่า ถ้าคนใช้คนหนึ่งของพระองค์มีมืออ่อนเหมือนมือของหม่อมฉัน ๑ ถ้าช้างเชือกหนึ่งของพระองค์ฝึกให้ทาเหตุแห่งการไม่หวั่นไหวได้อย่า งดี ๑ วันนั้นมีความมืดจัดประดุจประกอบด้วยองค์สี่ ๑ และฝนตก ๑ เมื่อเป็นเช่นนั้น ความปรารถนาของท่านก็จะสมประสงค์ในกาลนั้นแน่. อธิบายว่า เพราะอาศัยปัจจัย ๔ ประการนี้ ความปรารถนาแห่งใจของท่านก็จะถึงที่สุดโดยเด็ดขาด ในกาลเช่นนั้น. พระกุมารทรงทราบความนั้นโดยถ่องแท้ จึงทรงทาการตระเตรียมคนใช้คนหนึ่งมีรูปงามมืออ่อน ให้สินจ้างแก่นายหัตถาจารย์ผู้รักษามงคลหัตถี ให้ฝึกช้างกระทาอาการไม่หวั่นไหวแล้ว ทรงรอคอยเวลาอยู่. ครั้นในวันอุโบสถข้างแรมวันหนึ่ง เมฆฝนดาทะมึนตกลงมาในระหว่างมัชฌิมยาม. พระกุมารนั้นทรงกาหนดว่า วันนี้ เป็ นวันที่พระราชธิดากาหนดไว้ จึงเสด็จขึ้นช้าง ให้คนใช้มืออ่อนนั้นนั่งบนหลังช้าง เสด็จไปประทับ ณ ที่ตรงกับเนินช่องว่างของพระราชนิเวศน์ ให้ช้างเบียดติดกับฝาใหญ่ ได้ประทับเปียกชุ่มอยู่ ณ ที่ใกล้พระแกล. ฝ่ายพระราชา เมื่อจะรักษาพระธิดา จึงมิให้บรรทมที่อื่น ให้บรรทมอยู่บนที่บรรทมน้อยใกล้กับพระองค์. ฝ่ายพระธิดารู้ว่า วันนี้ พระกุมารจะเสด็จมาก็บรรทมไม่หลับเลย ทูลว่า ข้าแต่พระบิดา หม่อมฉันจะอาบน้า. พระราชาตรัสว่า มาเถิดแม่ แล้วจับพระหัตถ์พระธิดาพาไปใกล้พระแกล ตรัสว่า อาบเถิดแม่ แล้วยกขึ้นให้ยืนที่ชานด้านนอกพระแกล ประทับยืนจับพระหัตถ์ข้างหนึ่ง. พระธิดานั้น แม้กาลังอาบน้า ก็เหยียดพระหัตถ์ให้แก่พระกุมารๆ เปลื้องเครื่องอาภรณ์จากพระหัตถ์ของพระธิดานั้น แล้วประดับที่มือของคนใช้นั้น แล้วยกคนใช้นั้นขึ้นให้ยืนที่ชานเกาะพระธิดา. พระธิดานั้นจับมือของคนใช้นั้น วางที่พระหัตถ์ของพระบิดา. พระราชานั้นทรงจับมือข้างหนึ่งของคนใช้นั้น แล้วปล่อยมือข้างหนึ่งของพระธิดา พระธิดานั้นเปลื้องเครื่องอาภรณ์จากมืออีกข้างหนึ่ง
  • 4. 4 เอาประดับมือที่สองของคนใช้นั้น แล้ววางที่พระหัตถ์ของพระบิดา ตนเองได้ไปกับพระกุมาร. พระราชาทรงสาคัญว่า ธิดาของพระองค์ จึงให้ทารกนั้นนอนในห้องอันเป็นสิริ ในเวลาเสร็จสิ้นการอาบน้า ปิดประตู ลั่นกุญแจ ให้การอารักขาแล้ว เสด็จไปบรรทมยังที่บรรทมของพระองค์. เมื่อราตรีสว่างแจ้งแล้ว พระราชานั้นทรงเปิดประตูเห็นทารกนั้น จึงรับสั่งถามว่า นี่อะไรกัน ทารกนั้นกราบทูลความที่พระธิดานั้นเสด็จไปกับพระกุมาร. พระราชาทรงเดือดร้อนพระทัย ทรงพระดาริว่า เราแม้จับมือเที่ยวไปก็ไม่อาจรักษามาตุคามได้ ชื่อว่าหญิงทั้งหลาย ใครๆ รักษาไม่ได้อย่างนี้ จึงได้ตรัสคาถา ๒ คาถานอกนี้ว่า :- หญิงทั้งหลายบุรุษไม่สามารถจะรักษาไว้ได้ด้วยถ้อยคาอันอ่อนหวาน ยากที่จะให้เต็มได้ เปรียบเสมอด้วยแม่น้า ย่อมจมลงในนรก บัณฑิตรู้ชัดอย่างนี้แล้ว พึงเว้นเสียให้ห่างไกล หญิงเหล่านี้ย่อมเข้าไปคบหาบุรุษใด เพราะความรักใคร่ก็ตาม เพราะทรัพย์ก็ตาม เขาย่อมเผาบุรุษนั้นเสียฉับพลัน เปรียบเหมือนไฟไหม้ที่ของตนเองฉะนั้น. ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มาตุคามไม่อิ่ม ไม่แจ่มแจ้งธรรม ๓ ประการ ย่อมตายไปเสียก่อน ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน? คือ ความเข้าเสพเมถุนธรรม ๑ ความดิ้นรน ๑ การแต่งตัว ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มาตุคามยังไม่ทันจะอิ่ม ไม่ทันจะแจ่มแจ้งธรรม ๓ ประการเหล่านี้แล ก็ตายเสียก่อน สมจริงดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า :- ชนผู้ตกอยู่ในอานาจของมาตุคาม ถึงมีกาลังก็เป็ นผู้หมดกาลัง แม้มีเรี่ยวแรงก็เสื่อมถอย มีตาก็เป็นคนตาบอด. ชนผู้ตกอยู่ในอานาจของมาตุคาม ถึงมีคุณความดีก็หมดคุณความดี แม้มีปัญญาก็เสื่อมถอย เป็นผู้ประมาท ติดพันอยู่ในบ่วง มาตุคามย่อมปล้นเอาการศึกษาเล่าเรียน ตบะ ศีล สัจจะ จาคะ สติ และมติความรู้ของคนผู้ประมาท เหมือนพวกโจรคอยดักทาร้ายในหนทาง. ย่อมทายศ เกียรติ ฐิติความทรงจา ความกล้าหาญ ความเป็นพหูสูต และความรู้ของคนผู้ประมาทให้เสื่อมไป เหมือนไฟผู้ชาระทากองฟืนให้หมดไปฉะนั้น.
  • 5. 5 พระมหาสัตว์ ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว ทรงดาริว่า แม้หลานเราก็ต้องเลี้ยงดู ธิดาเราก็ต้องเลี้ยงดู จึงพระราชทานพระธิดาให้แก่พระภาคิไนยนั้นนั่นแหละ ด้วยสักการะอันใหญ่หลวง แล้วทรงตั้งพระภาคิไนยนั้นให้ดารงอยู่ในตาแหน่งอุปราช. เมื่อพระเจ้าลุงสวรรคต แม้อุปราชนั้นก็ดารงอยู่ในราชสมบัติ. พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานั้นมาแล้ว ทรงประกาศสัจจะ แล้วประชุมชาดก. ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้กระสันจะสึกดารงอยู่ในโสดาปัตติผล. พระราชาในกาลนั้น ได้เป็ น เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถามุทุปาณิชาดกที่ ๒ -----------------------------------------------------