More Related Content
More from maruay songtanin (20)
085 กิมปักกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
- 1. 1
กิมปักกชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๕. กิมปักกชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๘๕)
ว่าด้วยกามเปรียบเหมือนผลไม้มีพิษชื่อกิมปักกะ
(พระศาสดาตรัสเปรียบการบริโภคกามคุณเหมือนการบริโภคผลไม้มีพิษแก่กุลบุ
ตรผู้บวชถวายชีวิตว่า)
[๘๕] บุคคลใดไม่รู้จักโทษในอนาคตแล้วมัวแต่เสพกามอยู่ ในที่สุด
กามทั้งหลายในคราวให้ผลย่อมขจัดบุคคลนั้น
เช่นเดียวกับผลไม้มีพิษชื่อกิมปักกะ (กิมปักกะ คือ
ผลไม้มีพิษชนิดหนึ่งมีสีกลิ่นและรสน่ารับประทาน) ขจัดผู้บริโภค
กิมปักกชาดกที่ ๕ จบ
----------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
กิมปักกชาดก
ว่าด้วย โทษของกาม
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภภิกษุผู้กระสันแล้วรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า กุลบุตรผู้หนึ่งบวชถวายชีวิตในพระพุทธศาสนา วันหนึ่ง
เที่ยวบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี เห็นหญิงนางหนึ่งแต่งกายหมดจดงดงาม
เกิดกระสัน. ครั้งนั้น อาจารย์แลอุปัชฌาย์พาเธอ มายังสานักของพระบรมศาสดา.
พระบรมศาสดาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุ จริงหรือที่ว่าเธอกระสัน.
เมื่อเธอกราบทูลว่า จริง พระเจ้าข้า. ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ขึ้นชื่อว่า
เบญจกามคุณเหล่านี้ น่ารื่นรมย์ในเวลาบริโภค แต่ว่า
การบริโภคเบญจกามคุณเหล่านั้นย่อมเปรียบได้กับการบริโภคผลกิมปักกะ
(ผลไม้มีพิษชนิดหนึ่ง ลูกเท่าผลมะม่วง)
เพราะเป็นตัวให้เกิดปฏิสนธิในนรกเป็นต้น ที่ได้ชื่อว่า ผลกิมปักกะสมบูรณ์ด้วยสี
กลิ่นและรส แต่กินเข้าไปแล้ว กัดไส้ทาให้ถึงสิ้นชีวิต ในครั้งก่อน
คนเป็นอันมากไม่เห็นโทษของมัน ติดใจในสี กลิ่นและรส ต่างบริโภคผลนั้น
พากันถึงสิ้นชีวิต.
อันภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น กราบทูลอาราธนา
ทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ อยู่ในกรุงพาราณสี
พระโพธิสัตว์เป็นนายกองเกวียน คุมกองเกวียน ๕๐๐ เล่ม
- 2. 2
เดินทางไปสู่ชายแดนไกลๆ ถึงปากดง เรียกประชุมคนทั้งหลายตักเตือนว่า
ในดงนี้มีต้นไม้ที่ชื่อต้นไม้มีพิษ ไม่ถามเราก่อนแล้ว
อย่ากินผลาผลที่ไม่เคยกินมาก่อนเป็นอันขาด. ฝูงชนเดินทางล่วงเข้าสู่ดง
ได้เห็นต้นกิมปักกะ (ต้นไม้มีผลเป็ นพิษชนิดหนึ่ง ลูกเท่าผลมะม่วง) ต้นหนึ่ง
มีกิ่งโน้มลงเพราะหนักผล ลาต้น กิ่งและใบของมัน คล้ายกับต้นมะม่วงทั้งสัณฐาน
สี กลิ่นและรส พากันกินผลไม้ ด้วยสาคัญว่าผลมะม่วง บางพวกก็ว่า
ต้องถามนายกองเกวียนก่อนแล้วจึงจักกิน ถือยืนรออยู่.
ครั้นพระโพธิสัตว์มาถึงที่นั้น
ก็ร้องบอกพวกที่ถือยืนรอนั้นให้ทิ้งผลไม้เสีย
บอกให้พวกที่พากันกินเข้าไปแล้วทาการสารอก แล้วให้ยาพวกนั้นกิน
พวกเหล่านั้นบางคนก็หาย แต่พวกที่กินเข้าไปก่อนพวกทีเดียว พากันสิ้นชีวิต.
ฝ่ายพระโพธิสัตว์เดินทางถึงสถานที่ต้องการจะไปโดยสวัสดี
ได้ลาภแล้ว กลับมาถึงสถานที่ของตนดังเดิม กระทาบุญมีให้ทานเป็นต้น
แล้วไปตามยถากรรม.
พระศาสดาตรัสเรื่องนั้นแล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
ผู้ใดไม่รู้โทษในอนาคต มัวเสพกามอยู่ ผลที่สุด
กามเหล่านั้น ก็จะกาจัดบุคคลนั้นเสีย
เหมือนผลกิมปักกะกาจัดผู้กินให้ถึงตายฉะนั้น ดังนี้.
พระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมตามอนุสนธิ แล้วทรงประกาศสัจธรรม
ภิกษุผู้กระสันบรรลุโสดาปัตติผล บริษัทที่เหลือ บางพวกเป็นพระโสดาบัน
บางพวกเป็นพระสกทาคามี บางพวกเป็นพระอนาคามี
บางพวกได้เป็ นพระอรหันต์.
พระศาสดาทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
บริษัทในครั้งนั้น ได้มาเป็น พุทธบริษัท
ส่วนนายกองเกวียนได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.
-----------------------------------------------------