SlideShare a Scribd company logo
1
ตุณฑิลชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๓. ตุณฑิลชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๓๘๘)
ว่าด้วยตุณฑิลสุกรโพธิสัตว์
(จูฬตุณฑิลสุกรบอกเหตุที่ตนเห็นมาว่า)
[๘๘] วันนี้ นายแม่ของเราเปลี่ยนอาหารให้ใหม่
รางข้าวมีอาหารเต็มบริบูรณ์ นายแม่ก็ยืนอยู่ใกล้ๆ คนจานวนมากก็ยืนถือบ่วงอยู่
ฉันไม่อยากกินเลย
(มหาตุณฑิลสุกรโพธิสัตว์ได้กล่าวว่า)
[๘๙] เจ้าสะดุ้งกลัว หัวหมุน มองหาที่พึ่งไปไย เจ้าไม่มีที่พึ่งหรอก
จะหนีไปไหนกัน พ่อตุณฑิละ อย่าดิ้นรนไปเลย กินเสียเถิด
พวกเราถูกเขาขุนเพื่อต้องการเนื้อ
[๙๐] เจ้าจงลงสู่ห้วงน้าที่ไม่มีโคลนตม
ชาระเหงื่อและมลทินทั้งปวงให้สิ้นไป แล้วถือเอาเครื่องลูบไล้ชนิดใหม่
ที่มีกลิ่นหอมไม่จางหายไปในกาลไหนๆ
(จูฬตุณฑิลสุกรถามว่า)
[๙๑] อะไรหนอคือห้วงน้าที่ไม่มีโคลนตม
อะไรเล่าที่เรียกว่าเหงื่อและมลทิน และอะไรเล่าคือเครื่องลูบไล้ชนิดใหม่
ที่มีกลิ่นหอมไม่จางหายไปในกาลไหนๆ
(มหาตุณฑิลสุกรโพธิสัตว์กล่าวว่า)
[๙๒] ธรรมะคือห้วงน้าที่ไม่มีโคลนตม บาปเรียกว่าเหงื่อและมลทิน อนึ่ง
ศีลคือเครื่องลูบไล้ชนิดใหม่ ที่มีกลิ่นหอมไม่จางหายไปในกาลไหนๆ
[๙๓] คนที่ฆ่าสัตว์ย่อมพอใจ ส่วนสัตว์ที่ถูกฆ่าย่อมไม่พอใจ
ในคืนเดือนเพ็ญแห่งวันอุโบสถ สัตว์ทั้งหลายเช่นเรายินดีสละชีพ
ตุณฑิลชาดกที่ ๓ จบ
----------------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
ตุณฑิลชาดก
ว่าด้วย ธรรมเหมือนน้า บาปธรรมเหมือนเหงื่อไคล
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
ทรงปรารภภิกษุผู้กลัวตายรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า กุลบุตรชาวเมืองสาวัตถีนั้น
บวชในพระศาสนาแต่ได้เป็นผู้กลัวตาย. เธอได้ยินเสียงกิ่งไม้สั่นไหว ท่อนไม้ตก
2
เสียงนกหรือสัตว์สี่เท้า แม้เพียงเล็กน้อย คือเบาๆ หรือเสียงอย่างอื่นแบบนั้น
ก็จะเป็นผู้ถูกภัยคือความตายขู่ เดินตัวสั่นไป เหมือนกระต่ายถูกแทงที่ท้องฉะนั้น.
ภิกษุทั้งหลายพากันตั้งคาถา คือเรื่องสนทนาขึ้นในธรรมสภาว่า
ดูก่อนอาวุโส ภิกษุชื่อโน้นกลัวตาย ได้ยินเสียงแม้เพียงเล็กน้อย
ก็ร้องพลางวิ่งพลางหนีไป ควรจะมนสิการว่า
ก็ความตายของสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้เท่านั้นเป็นของเที่ยง แต่ชีวิตไม่เที่ยง ดังนี้.
พระศาสดาเสด็จมาถึง ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
นั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรนะ เมื่อภิกษุทั้งหลายทูลว่า ด้วยเรื่องชื่อนี้ ดังนี้แล้ว
ตรัสสั่งให้หาภิกษุนั้นมา แล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ทราบว่า
เธอกลัวตายจริงหรือ? เมื่อภิกษุนั้นทูลรับว่า ถูกแล้วพระเจ้าข้า ดังนี้ จึงตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไม่เฉพาะในปัจจุบันนี้เท่านั้น แม้ในชาติก่อน
ภิกษุนี้ก็กลัวตายเหมือนกัน แล้วได้ทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี
พระโพธิสัตว์ได้ถือปฏิสนธิในท้องของแม่สุกร. แม่สุกรท้องแก่ครบกาหนดแล้ว
คลอดลูก ๒ ตัว.
อยู่มาวันหนึ่ง มันพาลูก ๒ ตัวนั้นไปนอนที่หลุมแห่งหนึ่ง กาลครั้งนั้น
หญิงชราคนหนึ่งมีปกติอยู่บ้านใกล้ประตูนครพาราณสี
เก็บฝ้ ายได้เต็มกระบุงจากไร่ฝ้ าย เดินเอาไม้เท้ายันดินมา
แม่สุกรได้ยินเสียงนั้นแล้ว ทิ้งลูกน้อยหนีไปเพราะกลัวตาย.
หญิงชราเห็นลูกสุกรกลับได้ความสาคัญว่าเป็นลูก จึงเอาใส่กระบุงไปถึงเรือน
แล้วตั้งชื่อตัวพี่ว่ามหาตุณฑิละ ตัวน้องว่าจุลตุณฑิละ เลี้ยงมันเหมือนลูก.
ในเวลาต่อมามันเติบโตขึ้น ได้มีร่างกายอ้วน.
หญิงชราถึงจะถูกทาบทามว่า จงขายหมูเหล่านี้ให้พวกฉันเถิด ก็บอกว่า
ลูกของฉัน แล้วไม่ให้ใคร.
ภายหลังในวันมหรสพ วันหนึ่งพวกนักเลงดื่มสุรา
เมื่อเนื้อหมดก็หารือกันว่า พวกเราจะได้เนื้อจากที่ไหนหนอ ทราบว่า
ที่บ้านหญิงชรามีสุกร จึงพากันถือเหล้าไปที่นั้น พูดว่า คุณยายครับ
ขอให้คุณยายรับเอาราคาสุกรแล้วให้สุกรตัวหนึ่งแก่พวกผมเถิด. หญิงชรานั้น
แม้จะปฏิเสธว่า อย่าเลยหลานเอ๋ย สุกรนั่นเป็นลูกฉัน
ธรรมดาคนจะให้ลูกแก่คนที่ต้องการจะกินเนื้อไม่มีหรอก.
พวกนักเลงแม้จะอ้อนวอนแล้วอ้อนวอนเล่าว่า
ขึ้นชื่อว่าหมูจะเป็ นลูกของคนไม่มีน่ะ ให้มันแก่พวกผมเถิด ก็ไม่ได้สุกร
จึงให้หญิงชราดื่มสุรา เวลาแกเมาแล้วก็พูดว่า ยาย ยาย จะทาอะไรกับหมู?
ยายเอาราคาหมูนี้ไปไว้ทาเป็นค่าใช้จ่ายเถิด
แล้ววางเหรียญกระษาปณ์ไว้ในมือหญิงชรา.
3
หญิงชรารับเอาเหรียญกระษาปณ์ พูดว่า หลานเอ๋ย
ยายไม่อาจจะให้สุกรชื่อมหาตุณฑิละได้ แกจงพากันเอาจุลตุณฑิละไป.
มันอยู่ที่ไหน? นักเลงถาม.
ที่กอไม้กอโน้น หญิงชราตอบ.
ยายให้เสียง เรียกมันสิ นักเลงสั่ง.
ฉันไม่เห็นอาหาร หญิงชราตอบ.
นักเลงทั้งหลายจึงให้ค่าอาหารให้ไปนาข้าวมา ๑ ถาด.
หญิงชรารับเอาค่าอาหารนั้น จัดซื้อข้าว
เทให้เต็มรางหมูที่วางไว้ใกล้ประตูแล้วได้ยืนอยู่ใกล้ๆ ราง. นักเลงประมาณ ๓๐
คน มีบ่วงในมือ ได้ยืนอยู่ ณ ที่นั้นนั่นเอง. หญิงชราได้ให้เสียงร้องเรียกหมูว่า
ลูกจุลตุณฑิละมาโว้ย.
มหาตุณฑิละได้ยินเสียงนั้นแล้วรู้แล้วว่า ตลอดเวลาประมาณเท่านี้
แม่เราไม่เคยให้เสียงแก่จุลตุณฑิละ ส่งเสียงถึงเราก่อนทั้งนั้น
วันนี้คงจักมีภัยเกิดขึ้นแก่พวกเราแน่แท้.
มหาตุณฑิละจึงเรียกจุลตุณฑิละมาแล้วบอกว่า น้องเอ๋ย แม่ของเราเรียกเจ้า
เจ้าลงไปให้รู้เรื่องก่อน.
จุลตุณฑิละก็ออกจากกอไม้ไปเห็นว่านักเลงเหล่านั้นยืนอยู่ใกล้รางข้าว
ก็รู้ว่า วันนี้ความตายจะเกิดขึ้นแก่เราแล้ว ถูกมรณภัยคุกคามอยู่
จึงหันกลับตัวสั่นไปหาพี่ชาย ไม่อาจจะยืนอยู่ได้ ตัวสั่นหมุนไปรอบๆ.
มหาตุณฑิละเห็นเขาแล้วจึงถามว่า น้องเอ๋ย ก็วันนี้เจ้าสั่นเทาไป
เห็นสถานที่เป็นที่เข้าไปแล้ว เจ้าทาอะไรนั่น.
มันเมื่อจะบอกเหตุที่ตนได้เห็นมา จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-
บัดนี้ วันนี้แม่เราให้อาหารสาหรับขุนใหม่ วางอาหารนี้เต็ม
นายแม่ยืนใกล้รางอาหาร คนหลายคนมีมือถือบ่วง
อาหารนั้นไม่แจ่มชัดสาหรับฉัน เพื่อกินอาหาร.
มหาสัตว์ได้ฟังดังนั้นแล้ว พูดว่า น้องจุลตุณฑิละเอ๋ย ได้ทราบว่า
ธรรมดาแม่ของเรา เมื่อเลี้ยงสุกรไว้ในที่นี้นั่นเอง ย่อมเลี้ยงเพื่อประโยชน์อันใด
ประโยชน์อันนั้นของท่านถึงที่สุดแล้วในวันนี้ น้องอย่าคิดเลย.
เมื่อจะแสดงธรรมโดยลีลาพระพุทธเจ้าด้วยเสียงที่ไพเราะ
จึงได้กล่าวคาถา ๒ คาถาว่า :-
เจ้าสะดุ้ง เจ้าหัวหมุนไปไย? เจ้าประสงค์จะหลีกหนีไป
เจ้าไม่มีผู้ต้านทานจักไปไหน? น้องตุณฑิละเอ๋ยเจ้าจงเป็ นผู้ขวนขวายแต่น้อย
กินไปเถิด พวกเราถูกเขาขุนเพื่อต้องการเนื้อ
เจ้าจงลงสู่ห้วงน้าที่ไม่มีโคลนตม ชาระล้างเหงื่อไคลทั้งหมด
แล้วถือเอาเครื่องลูบไล้ใหม่ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมา มีกลิ่นหอมไม่ขาดสาย.
4
เมื่อมหาตุณฑิละมหาสัตว์นั้นราลึกถึงบารมีทั้งหลาย
แล้วทาเมตตาบารมีให้เป็นปุเรจาริกออกหน้า ยกบทแรกมาเป็นตัวอย่างอยู่นั่นเอง
เสียงได้ดังไปท่วมนครพาราณสี ที่กว้างยาวทั้งสิ้น ๑๒ โยชน์.
ในขณะที่คนทั้งหลายได้ยินๆ นั่นแหละ ชาวนครพาราณสีตั้งต้นแต่พระราชา
และพระอุปราชเป็ นต้น ได้พากันมาตามเสียง
ฝ่ายผู้ไม่ได้มาอยู่ที่บ้านนั่นเองก็ได้ยิน ราชบุรุษทั้งหลายพากันถางพุ่มไม้
ปราบพื้นที่ให้เสมอแล้วเกลี่ยทรายลง ผู้ให้สุราแก่นักเลงทั้งหลายก็งดให้
พวกนักเลงพากันทิ้งบ่วงแล้วได้ยืนฟังธรรมกันทั้งนั้น ฝ่ายหญิงชราก็หายเมา.
มหาสัตว์ได้กล่าวปรารภเทศนาแก่จุลตุณฑิละท่ามกลางมหาชน.
จุลตุณฑิละได้ยินคานั้นแล้วคิดว่า พี่ชายของเราพูดอย่างนี้
วงศ์ของพวกเราไม่มีการลงสระโบกขรณี
แล้วอาบน้าชาระล้างเหงื่อไคลออกจากสรีระร่าง การนาเอาเครื่องลูบไล้เก่าออกไป
แล้วเอาเครื่องลูบไล้ใหม่ที่มีกลิ่นหอมฟุ้ งลูบไล้ไม่มีในกาลไหนเลย
พี่ชายของเราพูดอย่างนี้ หมายถึงอะไรกันหนอ ดังนี้แล้ว
เมื่อจะถามจึงกล่าวคาถาที่ ๘ ว่า :-
ห้วงน้าอะไรหนอที่ไม่มีโคลนตม? อะไรหนอ
เรียกว่าเหงื่อไคล? อะไรเรียกว่าเครื่องลูบไล้ใหม่? กลิ่นอะไรไม่ขาดหายมาแต่ไ
หนแต่ไร?
พระมหาสัตว์ได้ยินคาตอบนั้นแล้ว จึงกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น
เธอจงเงี่ยโสตฟัง
เมื่อจะแสดงธรรมด้วยพุทธลีลา ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า :-
ห้วงน้าคือพระธรรมไม่มีโคลนตม บาปเรียกว่าเหงื่อไคล และศีลเรียกว่
าเครื่องลูบไล้ใหม่ แต่ไหนแต่ไรมา กลิ่นของศีลนั้นไม่ขาดหายไป
เหล่าชนผู้ไม่รู้ ผู้ฆ่าสัตว์กินเป็ นปกติ จะเพลิดเพลินใจ
ส่วนผู้รักษาชีวิตสัตว์ ไม่ฆ่าสัตว์เป็ นปกติ จะไม่เพลิดเพลินใจ
เมื่อวันเดือนเพ็ญมีพระจันทร์เต็มดวงแล้ว เหล่าชนผู้รื่นเริงใจอยู่เท่านั้น
จึงจะสละชีพได้.
เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ธรรมทั้งหลายมีปัจจัยปรุงแต่งก็ตาม ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งก็ตาม มีประมาณเท่าใด
วิราคธรรมท่านกล่าวว่าล้าเลิศกว่าธรรมเหล่านั้น ได้แก่ธรรมให้สร่างเมา
ปราศจากความหิวระหาย. ถอนอาลัยออกได้ ตัดวัฏฏะได้ เป็ นที่สิ้นตัณหา วิราคะ
คือคลายกาหนัด นิโรธ คือดับตัณหาไม่มีเหลือ นิพพาน
คือดับกิเลสและทุกข์หมด.
นัยว่าพระโพธิสัตว์ เมื่อจะแสดงพระนิพพานนั้นนั่นแหละ
จึงกล่าวอย่างนี้ ด้วยอานาจอุปนิสสัยปัจจัยว่า น้องจุลตุณฑิละเอ๋ย
5
เราเรียกสระคือพระนิพพานว่า ห้วงน้า เพราะในพระนิพพานนั้นนั่นเอง ไม่มีชาติ
ชรา พยาธิ และมรณทุกข์เป็นต้น แม้ว่าหากจะมีผู้ประสงค์จะพ้นจากมรณะ
ก็จงเรียนข้อปฏิบัติที่จะให้ถึงพระนิพพาน.
บาปมีมากอย่าง คือ อกุศลธรรมทั้งหลายที่ทรงจาแนกออกไป
โดยเป็นธรรมหมวด ๑ หมวด ๒ และหมวด ๓ เป็ นต้นอย่างนี้ คือ ราคะ โทสะ
โมหะ.
บทว่า ศีล ได้แก่ศีล ๕ ศีล ๑๐ และปาริสุทธิศีล ๔. น้องเอ๋ย
บัณฑิตทั้งหลายเรียกศีลนี้ว่าเป็นเสมือนเครื่องลูบไล้ใหม่.
กลิ่นดอกไม้จะไม่หอมทวนลมไป กลิ่นจันทน์กฤษณา หรือดอกมะลิ
ก็ไม่หอมทวนลมไป แต่กลิ่นของสัตบุรุษหอมทวนลมไป
สัตบุรุษฟุ้ งขจรไปทั่วทุกทิศ.
กลิ่นศีลหอมยิ่งกว่าคันธชาติเหล่านี้ คือจันทน์กฤษณะ
ดอกอุบลหรือดอกมะลิ เพราะกลิ่นกฤษณาและจันทน์นี้หอมน้อย
ส่วนกลิ่นของผู้มีศีลทั้งหลายหอมมาก ฟุ้ งขจรไปในเทวโลกและมนุษย์โลก.
น้องจุลตุณฑิละเอ๋ย คนผู้ไม่มีความรู้ทั้งหลายเหล่านี้
เมื่อทาปาณาติบาตจะเพลิดเพลิน คือพอใจว่า พวกเราจักกินเนื้ออร่อยบ้าง
จักให้ลูกเมียกินบ้าง คือไม่รู้โทษของปาณาติบาตเป็นต้นนี้ว่า
ปาณาติบาตที่ประพฤติจนชินอบรมมาทาให้มากแล้ว จะเป็นไปเพื่อให้เกิดในนรก
จะเป็นไปเพื่อให้เกิดในกาเนิดเดียรัจฉาน ฯลฯ จะเป็ นไปเพื่อให้เกิดในเปรตวิสัย
วิบากของปาณาติบาตที่เบากว่าวิบากทั้งหมด
จะเป็นไปเพื่อให้ผู้เกิดเป็นมนุษย์มีอายุน้อย ดังนี้
เมื่อไม่รู้ ก็จะเป็ นผู้สาคัญบาปว่าเป็ นน้าผึ้ง ตามพระพุทธภาษิต ว่า :-
คนโง่ย่อมสาคัญบาปว่าเป็ นเหมือนน้าผึ้ง ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ให้ผล
แต่เมื่อใดบาปให้ผล เมื่อนั้นคนโง่ก็จะเข้าถึงทุกข์.
ไม่รู้แม้เหตุมีประมาณเท่านี้ว่า :-
คนเขลา เบาปัญญา เที่ยวทาบาปกรรมซึ่งมีผลเผ็ดร้อนด้วยตนเอง
ที่เป็นเหมือนศัตรู กรรมที่มีผลเผ็ดร้อน
ทาให้ตนมีน้าตานองหน้าร้องไห้ไปพลางเสวยผลกรรมไปพลาง ทาแล้วไม่ดี.
สัตว์ทั้งหลายสะดุ้งต่ออาชญากันหมด
เพราะชีวิตเป็นที่รักของสัตว์ทั้งหลาย ฉะนั้น
คนควรเอาตนเป็ นเครื่องเปรียบเทียบแล้ว ไม่เบียดเบียน ไม่ฆ่ากัน.
น้องจุลตุณฑิละเอ๋ย เธออย่าเศร้าโศก อย่าร้องไห้
ขึ้นชื่อว่าความตายไม่ใช่เฉพาะเราเท่านั้น แม้สัตว์ที่เหลือทั้งหลายก็มีความตาย
สัตว์ผู้ไม่มีคุณมีศีลเป็ นต้น อยู่ในภายในย่อมจะกลัว
แต่พวกเราผู้สมบูรณ์ด้วยศีลและอาจาระ เป็นผู้มีบุญ คือจะไม่กลัว เพราะฉะนั้น
6
สัตว์ที่เช่นกับเราจะยินดีสละชีวิตทีเดียว.
มหาสัตว์แสดงด้วยเสียงอันไพเราะด้วยพุทธลีลาอย่างนี้แล้ว
ชุมนุมชนมีการปรบมือและการชูผ้าจานวนพันเป็ นไปแล้ว
ท้องฟ้ าได้เต็มไปด้วยเสียงสาธุการ.
พระเจ้าพาราณสีทรงบูชาพระโพธิสัตว์ด้วยราชสมบัติ ประทานยศแก่หญิงชรา
ทรงรับเอาสุกรทั้ง ๒ ตัวไว้ ทรงให้อาบด้วยน้าหอม ให้ห่มผ้า
ให้ไล้ทาด้วยของหอมเป็นต้น ให้ประดับแก้วมณีที่คอ
แล้วทรงนาเข้าไปสู่พระนคร สถาปนาไว้ในตาแหน่งราชบุตร
ทรงประคับประคองด้วยบริวารมาก.
พระโพธิสัตว์ได้ให้ศีล ๕ แก่ข้าราชบริพาร
ชาวนครพาราณสีและชาวกาสิกรัฐพากันรักษาศีล ๕ ศีล ๑๐ ทุกคน.
ฝ่ายมหาสัตว์ได้แสดงธรรมแก่ชนเหล่านั้นทุกวันปักษ์
นั่งในที่วินิจฉัยศาลพิจารณาคดี เมื่อมหาสัตว์นั้นยังมีชีวิตอยู่ ขึ้นชื่อว่าการโกง
ไม่มีแล้ว.
ในกาลต่อมาพระราชาสวรรคต
ฝ่ายมหาสัตว์ให้ประชาชนถวายพระเพลิงพระสรีระพระองค์
แล้วให้จารึกคัมภีร์วินิจฉัยคดีไว้แล้วบอกว่า
ท่านทั้งหลายต้องดูคัมภีร์นี้พิจารณาคดี แล้วแสดงธรรมแก่มหาชน
โอวาทด้วยความไม่ประมาทแล้วเข้าป่าไปพร้อมกับจุลตุณฑิละ
ทั้งๆ ที่คนทั้งหมดพากันร้องไห้และคร่าครวญอยู่นั่นเอง.
โอวาทของพระโพธิสัตว์ครั้งนั้น เป็ นไปถึง ๖ หมื่นปี.
พระศาสดา
ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะ แล้วทรงประชุมชาดกไว้
ในที่สุดแห่งสัจจธรรม ภิกษุผู้กลัวตายนั้นดารงอยู่แล้วในโสดาปัตติผล.
พระราชาในครั้งนั้น ได้แก่ พระอานนท์ ในบัดนี้
จุลตุณฑิละได้แก่ ภิกษุผู้กลัวตาย
บริษัทได้แก่ พุทธบริษัท
ส่วนมหาตุณฑิละ คือ เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาตุณฑิลชาดกที่ ๓
-----------------------------------------------------

More Related Content

Similar to 388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

1. สุนัขจิ้งจอกจอมยุยง วณฺณาโรหชาตกํ ๓๖๑
1. สุนัขจิ้งจอกจอมยุยง  วณฺณาโรหชาตกํ  ๓๖๑1. สุนัขจิ้งจอกจอมยุยง  วณฺณาโรหชาตกํ  ๓๖๑
1. สุนัขจิ้งจอกจอมยุยง วณฺณาโรหชาตกํ ๓๖๑
ศิริพันธ์ ศิริพันธ์
 
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
079 ขรัสสรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
079 ขรัสสรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx079 ขรัสสรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
079 ขรัสสรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
352 สุชาตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
352 สุชาตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx352 สุชาตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
352 สุชาตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
หยั่งลงก้นมหาสมุทร
หยั่งลงก้นมหาสมุทรหยั่งลงก้นมหาสมุทร
หยั่งลงก้นมหาสมุทรPanda Jing
 
Tri91 43++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๔
Tri91 43++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๔Tri91 43++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๔
Tri91 43++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๔Tongsamut vorasan
 
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555
เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555
เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555
Carzanova
 
242 สุนขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
242 สุนขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx242 สุนขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
242 สุนขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
328 อนนุโสจิยชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
328 อนนุโสจิยชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...328 อนนุโสจิยชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
328 อนนุโสจิยชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
214 ปุณณนทีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
214 ปุณณนทีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....214 ปุณณนทีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
214 ปุณณนทีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
17-cit-mano-vinna.pdf
17-cit-mano-vinna.pdf17-cit-mano-vinna.pdf
17-cit-mano-vinna.pdf
ThawatchaiArkonkaew
 
5. กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก ๗๙ พระคาถา
5. กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก  ๗๙ พระคาถา5. กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก  ๗๙ พระคาถา
158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
490 ปัญจุโปสถิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
490 ปัญจุโปสถิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...490 ปัญจุโปสถิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
490 ปัญจุโปสถิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
maruay songtanin
 

Similar to 388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx (20)

1. สุนัขจิ้งจอกจอมยุยง วณฺณาโรหชาตกํ ๓๖๑
1. สุนัขจิ้งจอกจอมยุยง  วณฺณาโรหชาตกํ  ๓๖๑1. สุนัขจิ้งจอกจอมยุยง  วณฺณาโรหชาตกํ  ๓๖๑
1. สุนัขจิ้งจอกจอมยุยง วณฺณาโรหชาตกํ ๓๖๑
 
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
394 วัฏฏกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
079 ขรัสสรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
079 ขรัสสรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx079 ขรัสสรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
079 ขรัสสรชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
156 อลีนจิตตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
352 สุชาตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
352 สุชาตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx352 สุชาตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
352 สุชาตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
หยั่งลงก้นมหาสมุทร
หยั่งลงก้นมหาสมุทรหยั่งลงก้นมหาสมุทร
หยั่งลงก้นมหาสมุทร
 
Tri91 43++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๔
Tri91 43++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๔Tri91 43++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๔
Tri91 43++ขุททกนิกาย+คาถาธรรมบท+เล่ม+๑+ภาค+๒+ตอน+๔
 
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
298 อุทุมพรชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555
เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555
เชิญร่วมงานสาธยายพระไตรปิฎก วัดมเหยงคณ์ วันที่ 5 เดือน 5 2555
 
242 สุนขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
242 สุนขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx242 สุนขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
242 สุนขชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
273 กัจฉปชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
278 มหิสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
328 อนนุโสจิยชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
328 อนนุโสจิยชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...328 อนนุโสจิยชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
328 อนนุโสจิยชาดกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
214 ปุณณนทีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
214 ปุณณนทีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....214 ปุณณนทีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
214 ปุณณนทีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
17-cit-mano-vinna.pdf
17-cit-mano-vinna.pdf17-cit-mano-vinna.pdf
17-cit-mano-vinna.pdf
 
5. กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก ๗๙ พระคาถา
5. กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก  ๗๙ พระคาถา5. กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก  ๗๙ พระคาถา
5. กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก ๗๙ พระคาถา
 
158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
158 สุหนุชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
322 ทุททุภายชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
337 ปีฐชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
490 ปัญจุโปสถิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
490 ปัญจุโปสถิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...490 ปัญจุโปสถิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
490 ปัญจุโปสถิกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬ...
 

More from maruay songtanin

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
maruay songtanin
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
maruay songtanin
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
maruay songtanin
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
maruay songtanin
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
535 สุธาโภชนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 

388 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 ตุณฑิลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๓. ตุณฑิลชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๓๘๘) ว่าด้วยตุณฑิลสุกรโพธิสัตว์ (จูฬตุณฑิลสุกรบอกเหตุที่ตนเห็นมาว่า) [๘๘] วันนี้ นายแม่ของเราเปลี่ยนอาหารให้ใหม่ รางข้าวมีอาหารเต็มบริบูรณ์ นายแม่ก็ยืนอยู่ใกล้ๆ คนจานวนมากก็ยืนถือบ่วงอยู่ ฉันไม่อยากกินเลย (มหาตุณฑิลสุกรโพธิสัตว์ได้กล่าวว่า) [๘๙] เจ้าสะดุ้งกลัว หัวหมุน มองหาที่พึ่งไปไย เจ้าไม่มีที่พึ่งหรอก จะหนีไปไหนกัน พ่อตุณฑิละ อย่าดิ้นรนไปเลย กินเสียเถิด พวกเราถูกเขาขุนเพื่อต้องการเนื้อ [๙๐] เจ้าจงลงสู่ห้วงน้าที่ไม่มีโคลนตม ชาระเหงื่อและมลทินทั้งปวงให้สิ้นไป แล้วถือเอาเครื่องลูบไล้ชนิดใหม่ ที่มีกลิ่นหอมไม่จางหายไปในกาลไหนๆ (จูฬตุณฑิลสุกรถามว่า) [๙๑] อะไรหนอคือห้วงน้าที่ไม่มีโคลนตม อะไรเล่าที่เรียกว่าเหงื่อและมลทิน และอะไรเล่าคือเครื่องลูบไล้ชนิดใหม่ ที่มีกลิ่นหอมไม่จางหายไปในกาลไหนๆ (มหาตุณฑิลสุกรโพธิสัตว์กล่าวว่า) [๙๒] ธรรมะคือห้วงน้าที่ไม่มีโคลนตม บาปเรียกว่าเหงื่อและมลทิน อนึ่ง ศีลคือเครื่องลูบไล้ชนิดใหม่ ที่มีกลิ่นหอมไม่จางหายไปในกาลไหนๆ [๙๓] คนที่ฆ่าสัตว์ย่อมพอใจ ส่วนสัตว์ที่ถูกฆ่าย่อมไม่พอใจ ในคืนเดือนเพ็ญแห่งวันอุโบสถ สัตว์ทั้งหลายเช่นเรายินดีสละชีพ ตุณฑิลชาดกที่ ๓ จบ ---------------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา ตุณฑิลชาดก ว่าด้วย ธรรมเหมือนน้า บาปธรรมเหมือนเหงื่อไคล พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้กลัวตายรูปหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ได้ยินว่า กุลบุตรชาวเมืองสาวัตถีนั้น บวชในพระศาสนาแต่ได้เป็นผู้กลัวตาย. เธอได้ยินเสียงกิ่งไม้สั่นไหว ท่อนไม้ตก
  • 2. 2 เสียงนกหรือสัตว์สี่เท้า แม้เพียงเล็กน้อย คือเบาๆ หรือเสียงอย่างอื่นแบบนั้น ก็จะเป็นผู้ถูกภัยคือความตายขู่ เดินตัวสั่นไป เหมือนกระต่ายถูกแทงที่ท้องฉะนั้น. ภิกษุทั้งหลายพากันตั้งคาถา คือเรื่องสนทนาขึ้นในธรรมสภาว่า ดูก่อนอาวุโส ภิกษุชื่อโน้นกลัวตาย ได้ยินเสียงแม้เพียงเล็กน้อย ก็ร้องพลางวิ่งพลางหนีไป ควรจะมนสิการว่า ก็ความตายของสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้เท่านั้นเป็นของเที่ยง แต่ชีวิตไม่เที่ยง ดังนี้. พระศาสดาเสด็จมาถึง ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรนะ เมื่อภิกษุทั้งหลายทูลว่า ด้วยเรื่องชื่อนี้ ดังนี้แล้ว ตรัสสั่งให้หาภิกษุนั้นมา แล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ทราบว่า เธอกลัวตายจริงหรือ? เมื่อภิกษุนั้นทูลรับว่า ถูกแล้วพระเจ้าข้า ดังนี้ จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไม่เฉพาะในปัจจุบันนี้เท่านั้น แม้ในชาติก่อน ภิกษุนี้ก็กลัวตายเหมือนกัน แล้วได้ทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้. ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้ถือปฏิสนธิในท้องของแม่สุกร. แม่สุกรท้องแก่ครบกาหนดแล้ว คลอดลูก ๒ ตัว. อยู่มาวันหนึ่ง มันพาลูก ๒ ตัวนั้นไปนอนที่หลุมแห่งหนึ่ง กาลครั้งนั้น หญิงชราคนหนึ่งมีปกติอยู่บ้านใกล้ประตูนครพาราณสี เก็บฝ้ ายได้เต็มกระบุงจากไร่ฝ้ าย เดินเอาไม้เท้ายันดินมา แม่สุกรได้ยินเสียงนั้นแล้ว ทิ้งลูกน้อยหนีไปเพราะกลัวตาย. หญิงชราเห็นลูกสุกรกลับได้ความสาคัญว่าเป็นลูก จึงเอาใส่กระบุงไปถึงเรือน แล้วตั้งชื่อตัวพี่ว่ามหาตุณฑิละ ตัวน้องว่าจุลตุณฑิละ เลี้ยงมันเหมือนลูก. ในเวลาต่อมามันเติบโตขึ้น ได้มีร่างกายอ้วน. หญิงชราถึงจะถูกทาบทามว่า จงขายหมูเหล่านี้ให้พวกฉันเถิด ก็บอกว่า ลูกของฉัน แล้วไม่ให้ใคร. ภายหลังในวันมหรสพ วันหนึ่งพวกนักเลงดื่มสุรา เมื่อเนื้อหมดก็หารือกันว่า พวกเราจะได้เนื้อจากที่ไหนหนอ ทราบว่า ที่บ้านหญิงชรามีสุกร จึงพากันถือเหล้าไปที่นั้น พูดว่า คุณยายครับ ขอให้คุณยายรับเอาราคาสุกรแล้วให้สุกรตัวหนึ่งแก่พวกผมเถิด. หญิงชรานั้น แม้จะปฏิเสธว่า อย่าเลยหลานเอ๋ย สุกรนั่นเป็นลูกฉัน ธรรมดาคนจะให้ลูกแก่คนที่ต้องการจะกินเนื้อไม่มีหรอก. พวกนักเลงแม้จะอ้อนวอนแล้วอ้อนวอนเล่าว่า ขึ้นชื่อว่าหมูจะเป็ นลูกของคนไม่มีน่ะ ให้มันแก่พวกผมเถิด ก็ไม่ได้สุกร จึงให้หญิงชราดื่มสุรา เวลาแกเมาแล้วก็พูดว่า ยาย ยาย จะทาอะไรกับหมู? ยายเอาราคาหมูนี้ไปไว้ทาเป็นค่าใช้จ่ายเถิด แล้ววางเหรียญกระษาปณ์ไว้ในมือหญิงชรา.
  • 3. 3 หญิงชรารับเอาเหรียญกระษาปณ์ พูดว่า หลานเอ๋ย ยายไม่อาจจะให้สุกรชื่อมหาตุณฑิละได้ แกจงพากันเอาจุลตุณฑิละไป. มันอยู่ที่ไหน? นักเลงถาม. ที่กอไม้กอโน้น หญิงชราตอบ. ยายให้เสียง เรียกมันสิ นักเลงสั่ง. ฉันไม่เห็นอาหาร หญิงชราตอบ. นักเลงทั้งหลายจึงให้ค่าอาหารให้ไปนาข้าวมา ๑ ถาด. หญิงชรารับเอาค่าอาหารนั้น จัดซื้อข้าว เทให้เต็มรางหมูที่วางไว้ใกล้ประตูแล้วได้ยืนอยู่ใกล้ๆ ราง. นักเลงประมาณ ๓๐ คน มีบ่วงในมือ ได้ยืนอยู่ ณ ที่นั้นนั่นเอง. หญิงชราได้ให้เสียงร้องเรียกหมูว่า ลูกจุลตุณฑิละมาโว้ย. มหาตุณฑิละได้ยินเสียงนั้นแล้วรู้แล้วว่า ตลอดเวลาประมาณเท่านี้ แม่เราไม่เคยให้เสียงแก่จุลตุณฑิละ ส่งเสียงถึงเราก่อนทั้งนั้น วันนี้คงจักมีภัยเกิดขึ้นแก่พวกเราแน่แท้. มหาตุณฑิละจึงเรียกจุลตุณฑิละมาแล้วบอกว่า น้องเอ๋ย แม่ของเราเรียกเจ้า เจ้าลงไปให้รู้เรื่องก่อน. จุลตุณฑิละก็ออกจากกอไม้ไปเห็นว่านักเลงเหล่านั้นยืนอยู่ใกล้รางข้าว ก็รู้ว่า วันนี้ความตายจะเกิดขึ้นแก่เราแล้ว ถูกมรณภัยคุกคามอยู่ จึงหันกลับตัวสั่นไปหาพี่ชาย ไม่อาจจะยืนอยู่ได้ ตัวสั่นหมุนไปรอบๆ. มหาตุณฑิละเห็นเขาแล้วจึงถามว่า น้องเอ๋ย ก็วันนี้เจ้าสั่นเทาไป เห็นสถานที่เป็นที่เข้าไปแล้ว เจ้าทาอะไรนั่น. มันเมื่อจะบอกเหตุที่ตนได้เห็นมา จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :- บัดนี้ วันนี้แม่เราให้อาหารสาหรับขุนใหม่ วางอาหารนี้เต็ม นายแม่ยืนใกล้รางอาหาร คนหลายคนมีมือถือบ่วง อาหารนั้นไม่แจ่มชัดสาหรับฉัน เพื่อกินอาหาร. มหาสัตว์ได้ฟังดังนั้นแล้ว พูดว่า น้องจุลตุณฑิละเอ๋ย ได้ทราบว่า ธรรมดาแม่ของเรา เมื่อเลี้ยงสุกรไว้ในที่นี้นั่นเอง ย่อมเลี้ยงเพื่อประโยชน์อันใด ประโยชน์อันนั้นของท่านถึงที่สุดแล้วในวันนี้ น้องอย่าคิดเลย. เมื่อจะแสดงธรรมโดยลีลาพระพุทธเจ้าด้วยเสียงที่ไพเราะ จึงได้กล่าวคาถา ๒ คาถาว่า :- เจ้าสะดุ้ง เจ้าหัวหมุนไปไย? เจ้าประสงค์จะหลีกหนีไป เจ้าไม่มีผู้ต้านทานจักไปไหน? น้องตุณฑิละเอ๋ยเจ้าจงเป็ นผู้ขวนขวายแต่น้อย กินไปเถิด พวกเราถูกเขาขุนเพื่อต้องการเนื้อ เจ้าจงลงสู่ห้วงน้าที่ไม่มีโคลนตม ชาระล้างเหงื่อไคลทั้งหมด แล้วถือเอาเครื่องลูบไล้ใหม่ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมา มีกลิ่นหอมไม่ขาดสาย.
  • 4. 4 เมื่อมหาตุณฑิละมหาสัตว์นั้นราลึกถึงบารมีทั้งหลาย แล้วทาเมตตาบารมีให้เป็นปุเรจาริกออกหน้า ยกบทแรกมาเป็นตัวอย่างอยู่นั่นเอง เสียงได้ดังไปท่วมนครพาราณสี ที่กว้างยาวทั้งสิ้น ๑๒ โยชน์. ในขณะที่คนทั้งหลายได้ยินๆ นั่นแหละ ชาวนครพาราณสีตั้งต้นแต่พระราชา และพระอุปราชเป็ นต้น ได้พากันมาตามเสียง ฝ่ายผู้ไม่ได้มาอยู่ที่บ้านนั่นเองก็ได้ยิน ราชบุรุษทั้งหลายพากันถางพุ่มไม้ ปราบพื้นที่ให้เสมอแล้วเกลี่ยทรายลง ผู้ให้สุราแก่นักเลงทั้งหลายก็งดให้ พวกนักเลงพากันทิ้งบ่วงแล้วได้ยืนฟังธรรมกันทั้งนั้น ฝ่ายหญิงชราก็หายเมา. มหาสัตว์ได้กล่าวปรารภเทศนาแก่จุลตุณฑิละท่ามกลางมหาชน. จุลตุณฑิละได้ยินคานั้นแล้วคิดว่า พี่ชายของเราพูดอย่างนี้ วงศ์ของพวกเราไม่มีการลงสระโบกขรณี แล้วอาบน้าชาระล้างเหงื่อไคลออกจากสรีระร่าง การนาเอาเครื่องลูบไล้เก่าออกไป แล้วเอาเครื่องลูบไล้ใหม่ที่มีกลิ่นหอมฟุ้ งลูบไล้ไม่มีในกาลไหนเลย พี่ชายของเราพูดอย่างนี้ หมายถึงอะไรกันหนอ ดังนี้แล้ว เมื่อจะถามจึงกล่าวคาถาที่ ๘ ว่า :- ห้วงน้าอะไรหนอที่ไม่มีโคลนตม? อะไรหนอ เรียกว่าเหงื่อไคล? อะไรเรียกว่าเครื่องลูบไล้ใหม่? กลิ่นอะไรไม่ขาดหายมาแต่ไ หนแต่ไร? พระมหาสัตว์ได้ยินคาตอบนั้นแล้ว จึงกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น เธอจงเงี่ยโสตฟัง เมื่อจะแสดงธรรมด้วยพุทธลีลา ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า :- ห้วงน้าคือพระธรรมไม่มีโคลนตม บาปเรียกว่าเหงื่อไคล และศีลเรียกว่ าเครื่องลูบไล้ใหม่ แต่ไหนแต่ไรมา กลิ่นของศีลนั้นไม่ขาดหายไป เหล่าชนผู้ไม่รู้ ผู้ฆ่าสัตว์กินเป็ นปกติ จะเพลิดเพลินใจ ส่วนผู้รักษาชีวิตสัตว์ ไม่ฆ่าสัตว์เป็ นปกติ จะไม่เพลิดเพลินใจ เมื่อวันเดือนเพ็ญมีพระจันทร์เต็มดวงแล้ว เหล่าชนผู้รื่นเริงใจอยู่เท่านั้น จึงจะสละชีพได้. เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายมีปัจจัยปรุงแต่งก็ตาม ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งก็ตาม มีประมาณเท่าใด วิราคธรรมท่านกล่าวว่าล้าเลิศกว่าธรรมเหล่านั้น ได้แก่ธรรมให้สร่างเมา ปราศจากความหิวระหาย. ถอนอาลัยออกได้ ตัดวัฏฏะได้ เป็ นที่สิ้นตัณหา วิราคะ คือคลายกาหนัด นิโรธ คือดับตัณหาไม่มีเหลือ นิพพาน คือดับกิเลสและทุกข์หมด. นัยว่าพระโพธิสัตว์ เมื่อจะแสดงพระนิพพานนั้นนั่นแหละ จึงกล่าวอย่างนี้ ด้วยอานาจอุปนิสสัยปัจจัยว่า น้องจุลตุณฑิละเอ๋ย
  • 5. 5 เราเรียกสระคือพระนิพพานว่า ห้วงน้า เพราะในพระนิพพานนั้นนั่นเอง ไม่มีชาติ ชรา พยาธิ และมรณทุกข์เป็นต้น แม้ว่าหากจะมีผู้ประสงค์จะพ้นจากมรณะ ก็จงเรียนข้อปฏิบัติที่จะให้ถึงพระนิพพาน. บาปมีมากอย่าง คือ อกุศลธรรมทั้งหลายที่ทรงจาแนกออกไป โดยเป็นธรรมหมวด ๑ หมวด ๒ และหมวด ๓ เป็ นต้นอย่างนี้ คือ ราคะ โทสะ โมหะ. บทว่า ศีล ได้แก่ศีล ๕ ศีล ๑๐ และปาริสุทธิศีล ๔. น้องเอ๋ย บัณฑิตทั้งหลายเรียกศีลนี้ว่าเป็นเสมือนเครื่องลูบไล้ใหม่. กลิ่นดอกไม้จะไม่หอมทวนลมไป กลิ่นจันทน์กฤษณา หรือดอกมะลิ ก็ไม่หอมทวนลมไป แต่กลิ่นของสัตบุรุษหอมทวนลมไป สัตบุรุษฟุ้ งขจรไปทั่วทุกทิศ. กลิ่นศีลหอมยิ่งกว่าคันธชาติเหล่านี้ คือจันทน์กฤษณะ ดอกอุบลหรือดอกมะลิ เพราะกลิ่นกฤษณาและจันทน์นี้หอมน้อย ส่วนกลิ่นของผู้มีศีลทั้งหลายหอมมาก ฟุ้ งขจรไปในเทวโลกและมนุษย์โลก. น้องจุลตุณฑิละเอ๋ย คนผู้ไม่มีความรู้ทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อทาปาณาติบาตจะเพลิดเพลิน คือพอใจว่า พวกเราจักกินเนื้ออร่อยบ้าง จักให้ลูกเมียกินบ้าง คือไม่รู้โทษของปาณาติบาตเป็นต้นนี้ว่า ปาณาติบาตที่ประพฤติจนชินอบรมมาทาให้มากแล้ว จะเป็นไปเพื่อให้เกิดในนรก จะเป็นไปเพื่อให้เกิดในกาเนิดเดียรัจฉาน ฯลฯ จะเป็ นไปเพื่อให้เกิดในเปรตวิสัย วิบากของปาณาติบาตที่เบากว่าวิบากทั้งหมด จะเป็นไปเพื่อให้ผู้เกิดเป็นมนุษย์มีอายุน้อย ดังนี้ เมื่อไม่รู้ ก็จะเป็ นผู้สาคัญบาปว่าเป็ นน้าผึ้ง ตามพระพุทธภาษิต ว่า :- คนโง่ย่อมสาคัญบาปว่าเป็ นเหมือนน้าผึ้ง ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ให้ผล แต่เมื่อใดบาปให้ผล เมื่อนั้นคนโง่ก็จะเข้าถึงทุกข์. ไม่รู้แม้เหตุมีประมาณเท่านี้ว่า :- คนเขลา เบาปัญญา เที่ยวทาบาปกรรมซึ่งมีผลเผ็ดร้อนด้วยตนเอง ที่เป็นเหมือนศัตรู กรรมที่มีผลเผ็ดร้อน ทาให้ตนมีน้าตานองหน้าร้องไห้ไปพลางเสวยผลกรรมไปพลาง ทาแล้วไม่ดี. สัตว์ทั้งหลายสะดุ้งต่ออาชญากันหมด เพราะชีวิตเป็นที่รักของสัตว์ทั้งหลาย ฉะนั้น คนควรเอาตนเป็ นเครื่องเปรียบเทียบแล้ว ไม่เบียดเบียน ไม่ฆ่ากัน. น้องจุลตุณฑิละเอ๋ย เธออย่าเศร้าโศก อย่าร้องไห้ ขึ้นชื่อว่าความตายไม่ใช่เฉพาะเราเท่านั้น แม้สัตว์ที่เหลือทั้งหลายก็มีความตาย สัตว์ผู้ไม่มีคุณมีศีลเป็ นต้น อยู่ในภายในย่อมจะกลัว แต่พวกเราผู้สมบูรณ์ด้วยศีลและอาจาระ เป็นผู้มีบุญ คือจะไม่กลัว เพราะฉะนั้น
  • 6. 6 สัตว์ที่เช่นกับเราจะยินดีสละชีวิตทีเดียว. มหาสัตว์แสดงด้วยเสียงอันไพเราะด้วยพุทธลีลาอย่างนี้แล้ว ชุมนุมชนมีการปรบมือและการชูผ้าจานวนพันเป็ นไปแล้ว ท้องฟ้ าได้เต็มไปด้วยเสียงสาธุการ. พระเจ้าพาราณสีทรงบูชาพระโพธิสัตว์ด้วยราชสมบัติ ประทานยศแก่หญิงชรา ทรงรับเอาสุกรทั้ง ๒ ตัวไว้ ทรงให้อาบด้วยน้าหอม ให้ห่มผ้า ให้ไล้ทาด้วยของหอมเป็นต้น ให้ประดับแก้วมณีที่คอ แล้วทรงนาเข้าไปสู่พระนคร สถาปนาไว้ในตาแหน่งราชบุตร ทรงประคับประคองด้วยบริวารมาก. พระโพธิสัตว์ได้ให้ศีล ๕ แก่ข้าราชบริพาร ชาวนครพาราณสีและชาวกาสิกรัฐพากันรักษาศีล ๕ ศีล ๑๐ ทุกคน. ฝ่ายมหาสัตว์ได้แสดงธรรมแก่ชนเหล่านั้นทุกวันปักษ์ นั่งในที่วินิจฉัยศาลพิจารณาคดี เมื่อมหาสัตว์นั้นยังมีชีวิตอยู่ ขึ้นชื่อว่าการโกง ไม่มีแล้ว. ในกาลต่อมาพระราชาสวรรคต ฝ่ายมหาสัตว์ให้ประชาชนถวายพระเพลิงพระสรีระพระองค์ แล้วให้จารึกคัมภีร์วินิจฉัยคดีไว้แล้วบอกว่า ท่านทั้งหลายต้องดูคัมภีร์นี้พิจารณาคดี แล้วแสดงธรรมแก่มหาชน โอวาทด้วยความไม่ประมาทแล้วเข้าป่าไปพร้อมกับจุลตุณฑิละ ทั้งๆ ที่คนทั้งหมดพากันร้องไห้และคร่าครวญอยู่นั่นเอง. โอวาทของพระโพธิสัตว์ครั้งนั้น เป็ นไปถึง ๖ หมื่นปี. พระศาสดา ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะ แล้วทรงประชุมชาดกไว้ ในที่สุดแห่งสัจจธรรม ภิกษุผู้กลัวตายนั้นดารงอยู่แล้วในโสดาปัตติผล. พระราชาในครั้งนั้น ได้แก่ พระอานนท์ ในบัดนี้ จุลตุณฑิละได้แก่ ภิกษุผู้กลัวตาย บริษัทได้แก่ พุทธบริษัท ส่วนมหาตุณฑิละ คือ เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถาตุณฑิลชาดกที่ ๓ -----------------------------------------------------