SlideShare a Scribd company logo
1 of 5
1
กุททาลชาดก
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
๑๐. กุททาลชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๗๐)
ว่าด้วยกุททาลบัณฑิต
(ฤๅษีโพธิสัตว์ชื่อกุททาลบัณฑิตแสดงธรรมโปรดพระราชาว่า)
[๗๐] ความชนะใดที่บุคคลชนะแล้วกลับแพ้อีก
ความชนะนั้นไม่เป็นการชนะที่ดีเลย
ส่วนความชนะใดที่บุคคลชนะแล้วไม่กลับแพ้อีก ความชนะนั้นเป็นการชนะที่ดี
--------------------------
คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา
เอกกนิบาตชาดก อิตถีวรรค
๑๐. กุททาลชาดก ว่าด้วยความชนะที่ดี
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภพระจิตหัตถสารีบุตร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า พระจิตหัตถสารีบุตรเป็ นเด็กที่เกิดในตระกูลผู้หนึ่ง
ในพระนครสาวัตถี.
อยู่มาวันหนึ่งไถนาแล้ว ขากลับเข้าไปสู่วิหาร ได้โภชนะประณีตอร่อย
มีรสสนิทจากบาตรพระเถระองค์หนึ่ง คิดว่า ถึงแม้เราจะกระทางานต่างๆ
ด้วยมือของตน ตลอดคืนตลอดวัน ก็ยังไม่ได้อาหารอร่อยอย่างนี้
แม้เราก็สมควรจะเป็ นสมณะ ดังนี้.
เขาบวชแล้วอยู่มาได้ประมาณครึ่งเดือน เมื่อไม่ใส่ใจโดยแยบคาย
ตกไปในอานาจกิเลส สึกไป พอลาบากด้วยอาหาร ก็มาบวชอีก เรียนพระอภิธรรม
ด้วยอุบายนี้ สึกแล้วบวชถึง ๖ ครั้ง.
ในความเป็นภิกษุครั้งที่ ๗ เป็ นผู้ทรงพระอภิธรรม ๗ พระคัมภีร์
ได้บอกธรรมแก่ภิกษุเป็นอันมาก บาเพ็ญวิปัสสนาได้บรรลุพระอรหัตแล้ว.
ครั้งนั้น ภิกษุผู้เป็นสหายของท่านพากันเยาะเย้ยว่า อาวุโสจิตหัตถ์
เดี๋ยวนี้ กิเลสทั้งหลายของเธอ ไม่เจริญ เหมือนเมื่อก่อนดอกหรือ?
ท่านตอบว่า ผู้มีอายุ ตั้งแต่บัดนี้ไป ผมไม่เหมาะเพื่อความเป็นคฤหัสถ์.
ก็เมื่อท่านบรรลุพระอรหัตอย่างนี้แล้ว เกิดโจทย์กันขึ้นในธรรมสภาว่า
ผู้มีอายุทั้งหลาย เมื่ออุปนิสัยแห่งพระอรหัต เห็นปานนี้มีอยู่
ท่านพระจิตหัตถสารีบุตรต้องสึกถึง ๖ ครั้ง โอ! ความเป็นปุถุชนมีโทษมากดังนี้.
พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้
พวกเธอสนทนากันด้วยเรื่องอะไร? เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว.
ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าจิตของปุถุชนเมา ข่มได้ยาก
2
คอยไปติดด้วยอานาจแห่งอารมณ์ ลงติดเสียครั้งหนึ่งแล้ว
ก็ไม่อาจปลดเปลื้องได้โดยเร็ว การฝึกฝนจิตเห็นปานนี้เป็ นความดี
จิตที่ฝึกฝนดีแล้วเท่านั้น จะนาประโยชน์เกื้อกูล และความสุขมาให้.
แล้วตรัสพระคาถานี้ ความว่า “ การฝึกฝนจิตที่ข่มได้ยาก เมา มีปกติ
ตกไปตามอารมณ์ที่ปรารถนา เป็นการดี เพราะจิตที่ฝึกฝนแล้ว
ย่อมนาสุขมาให้ ” ดังนี้.
ครั้นแล้วตรัสต่อไปว่า ก็เพราะเหตุที่ จิตนั้นข่มได้โดยยาก
บัณฑิตทั้งหลาย แม้ในกาลก่อน อาศัยจอบเล่มเดียว ไม่อาจทิ้งมันได้ ต้องสึกถึง ๖
ครั้ง ด้วยอานาจความโลภ ในเพศแห่งบรรพชิตครั้งที่ ๗ ทาฌานให้เกิดขึ้นแล้ว
จึงข่มความโลภนั้น ได้ดังนี้แล้ว.
ทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ อยู่ในกรุงพาราณสี.
พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลคนปลูกผัก
ถึงความเป็นผู้รู้เดียงสาแล้วได้นามว่า “กุททาลบัณฑิต”.
ท่านกุททาลบัณฑิตกระทาการืื้นดินด้วยจอบ
เพาะปลูกพืชพันธ์และผัก มีน้าเต้า ืักเขียว ืักเหลืองเป็นต้น เก็บผักเหล่านั้นขาย
เลี้ยงชีพด้วยการเบียดกรอ. แท้จริง ท่านกุททาลบัณฑิต
นอกจากจอบเล่มเดียวเท่านั้น ทรัพย์สมบัติอย่างอื่นไม่มีเลย.
ครั้นวันหนึ่ง ท่านดาริว่า จะมีประโยชน์อะไรด้วยการอยู่ครองเรือน
เราจักบวช ดังนี้.
ครั้นวันหนึ่ง ท่านซ่อนจอบนั้นไว้ในที่ซึ่งมิดชิด แล้วบวชเป็ นฤาษี
ครั้นหวลนึกถึงจอบเล่มนั้นแล้ว ก็ไม่อาจตัดความโลภเสียได้ เลยต้องสึก
เพราะอาศัยจอบกุดๆ เล่มนั้น.
แม้ครั้งที่ ๒ แม้ครั้งที่ ๓ ก็เป็ นอย่างนี้ เก็บจอบนั้นไว้ในที่มิดชิด บวชๆ
สึกๆ รวมได้ถึง ๖ ครั้ง.
ในครั้งที่ ๗ ได้คิดว่า เราอาศัยจอบกุดๆ เล่มนี้ ต้องสึกบ่อยครั้ง คราวนี้
เราจักขว้างมันทิ้งเสียในแม่น้าใหญ่ แล้วบวช ดังนี้แล้วเดินไปสู่ฝั่งแม่น้า คิดว่า
ถ้าเรายังเห็นที่ตกของมัน ก็จักต้องอยากงมมันขึ้นมาอีก แล้วจับจอบที่ด้าม
ท่านมีกาลังดังช้างสาร สมบูรณ์ด้วยเรี่ยวแรง ควงจอบเหนือศีรษะ ๓ รอบ
หลับตาขว้างลงไปกลางแม่น้า แล้วบันลือเสียงกึกก้อง ๓ ครั้งว่า “เราชนะแล้ว
เราชนะแล้ว”.
ในขณะนั้น
พระเจ้าพาราณสีทรงปราบปรามปัจจันตชนบทราบคาบแล้ว เสด็จกลับ
ทรงสนานพระเศียรในแม่น้านั้น ประดับพระองค์ด้วยเครื่องอลังการครบเครื่อง
เสด็จพระดาเนินโดยพระคชาธาร ทรงสดับเสียงของพระโพธิสัตว์นั้น
3
ทรงระแวงพระทัยว่า บุรุษผู้นี้กล่าวว่า เราชนะแล้ว ใครเล่าที่เขาชนะ
จงเรียกเขามา แล้วมีพระดารัสสั่งให้เรียกมาเฝ้ า แล้วมีพระดารัสถามว่า
ดูก่อนบุรุษผู้เจริญ เรากาลังชนะสงคราม กาความมีชัยมาเดี๋ยวนี้
ส่วนท่านเล่าชนะอะไร?
พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช
ถึงพระองค์จะทรงชนะสงคราม ตั้งร้อยครั้งตั้งพันครั้ง แม้ตั้งแสนครั้ง
ก็ยังชื่อว่าชนะไม่เด็ดขาดอยู่นั่นเอง เพราะยังเอาชนะกิเลสทั้งหลายไม่ได้
แต่ข้าพระองค์ข่มกิเลสในภายในไว้ได้ เอาชนะกิเลสทั้งหลายได้. กราบทูลไป
มองดูแม่น้าไป ยังฌานมีอาโปกสิณเป็ นอารมณ์ ให้เกิดขึ้นแล้ว
นั่งในอากาศด้วยอานาจของฌานและสมาบัติ.
เมื่อจะแสดงธรรมถวายพระราชา จึงกล่าวคาถานี้ความว่า
“ ความชนะที่บุคคลชนะแล้ว กลับแพ้ได้นั้น มิใช่ความชนะเด็ดขาด
(ส่วน)ความชนะที่บุคคลชนะแล้ว ไม่กลับแพ้นั้นต่างหาก จึงชื่อว่า
เป็นความชนะเด็ดขาด ” ดังนี้.
การปราบปรามปัจจามิตรราบคาบ ชนะแว่นแคว้น ตีเอาได้แล้ว
ปัจจามิตรเหล่านั้นยังจะตีกลับคืนได้ ความชนะนั้นจะชื่อว่า
เป็นความชนะเด็ดขาด หาได้ไม่.
เพราะเหตุไร?
เพราะยังจะต้องชิงชัยกันบ่อยๆ.
อีกนัยหนึ่ง ชัยเรียกได้ว่าความชนะ ชัยที่ได้เพราะรบกับปัจจามิตร
ต่อมา เมื่อปัจจามิตรเอาชนะคืนได้ ก็กลับเป็นปราชัย ชัยนั้นไม่ดีไม่งาม.
เพราะเหตุไร?
เพราะเหตุที่ ยังกลับเป็นปราชัยได้อีก.
ส่วนการครอบงามวลปัจจามิตรไว้ได้แล้ว ชนะปัจจามิตรเหล่านั้น
จะกลับชิงชัยไม่ได้อีก ใดๆ ก็ดี การได้ชัยชนะครั้งเดียว
แล้วไม่กลับเป็นปราชัยไปได้ ใดๆ ก็ดี ความชนะนั้นๆ เป็นความชนะเด็ดขาด
คือชัยชนะนั้นชื่อว่าดี ชื่อว่างาม.
เพราะเหตุไร?
เพราะเหตุที่ไม่ต้องชิงชัยกันอีก.
ดูก่อนมหาบพิตร เพราะเหตุนั้น แม้พระองค์จะทรงชนะขุนสงคราม
ตั้งพันครั้ง ตั้งแสนครั้ง ก็ยังจะเฉลิมพระนามว่า จอมทัพ หาได้ไม่.
เพราะเหตุใด ?
เพราะเหตุที่พระองค์ยังทรงชนะกิเลสของพระองค์เองไม่ได้
ส่วนบุคคลใดชนะกิเลสภายในของตนได้ แม้เพียงครั้งเดียว
บุคคลนี้จัดเป็ นจอมทัพผู้เกรียงไกรได้.
4
พระโพธิสัตว์นั่งในอากาศนั่นแล
แสดงธรรมถวายพระราชาด้วยพระพุทธลีลา.
ก็ในความเป็นจอมทัพผู้สูงสุดนั้น มีพระสูตรเป็นเครื่องสาธก ดังนี้ :-
“ ผู้ที่ชนะหมู่มนุษย์ในสงคราม ถึงหนึ่งล้านคน ยังสู้ผู้ที่ชนะตน
เพียงผู้เดียวไม่ได้ ผู้นั้นเป็ นจอมทัพสูงสุด โดยแท้ ” ดังนี้.
ก็เมื่อพระราชาทรงสดับธรรมอยู่นั่นเอง
ทรงละกิเลสได้ด้วยอานาจตทังคปหาน พระทัยน้อมไปในบรรพชา.
ถึงพวกหมู่โยธาของพระองค์ ก็พากันละได้เช่นนั้นเหมือนกัน.
พระราชาตรัสถามพระโพธิสัตว์ว่า บัดนี้ พระคุณเจ้าจักไปไหนเล่า?
พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช
ข้าพระองค์จักเข้าป่าหิมพานต์บวชเป็นฤๅษี.
พระราชารับสั่งว่า ถ้าเช่นนั้น แม้ข้าพเจ้าก็จะบรรพชา
แล้วเสด็จพระราชดาเนินไปพร้อมกับพระโพธิสัตว์. พลนิกายทั้งหมด
คือพราหมณ์ คฤหบดีและทวยหาญ ทุกคนประชุมกัน
ในขณะนั้นเป็นมหาสมาคมออกบรรพชา พร้อมกับพระราชา เหมือนกัน.
ชาวเมืองพาราณสีสดับข่าวว่า
พระราชาของเราทั้งหลายทรงสดับพระธรรมเทศนาของกุททาลบัณฑิตแล้ว
ทรงบ่ายพระพักตร์มุ่งบรรพชา เสด็จออกทรงผนวชพร้อมด้วยพลนิกาย
พวกเราจักทาอะไรกันในเมืองนี้ ดังนี้แล้ว
บรรดาผู้อยู่ในพระนครทั้งนั้นต่างพากันเดินทางออกจากกรุงพาราณสี
อันมีปริมณฑลได้ ๑๒ โยชน์.
บริษัทก็ได้มีปริมณฑล ๑๒ โยชน์.
พระโพธิสัตว์พาบริษัทนั้นเข้าป่าหิมพานต์.
ในขณะนั้น อาสนะที่ประทับนั่งของท้าวสักกเทวราช
สาแดงอาการร้อน.
ท้าวเธอทรงตรวจดูทอดพระเนตรเห็นว่า
กุททาลบัณฑิตออกสู่มหาภิเนษกรมณ์ แล้วทรงพระดาริว่า จักเป็นมหาสมาคม
ควรที่ท่านจะได้สถานที่อยู่ แล้วตรัสเรียกวิสสุกรรมเทพบุตรมา ตรัสสั่งว่า
พ่อวิสสุกรรม กุททาลบัณฑิตกาลังออกสู่มหาภิเนษกรมณ์ ท่านควรจะได้ที่อยู่
ท่านจงไปหิมวันตประเทศ เนรมิตอาศรมบทยาว ๓๐ โยชน์ กว้าง ๑๕ โยชน์ ณ
ภูมิภาคอันราบรื่น.
วิสสุกรรมเทพบุตรรับเทวบัญชาว่า ข้าแต่เทพยเจ้า
ข้าพระพุทธเจ้าจะกระทาให้สาเร็จดังเทวบัญชา แล้วไปทาตามนั้น.
นี้เป็ นความสังเขปในอธิการนี้.
ส่วนความพิสดารจักปรากฏในหัตถิปาลชาดก แท้จริงเรื่องนี้และเรื่อง
5
นั้นเป็ นปริเฉทเดียวกันนั่นเอง.
ฝ่ายวิสสุกรรมเทพบุตรเนรมิตบรรณศาลาในอาศรมบทแล้ว
ก็ขับไล่เนื้อ นกและอมนุษย์ที่มีเสียงชั่วร้ายไปเสีย แล้วเนรมิตหนทางเดินแคบๆ
ตามทิสาภาคนั้นๆ เสร็จแล้ว กลับไปยังวิมานอันเป็ นสถานที่อยู่ของตนทันที.
ฝ่ายกุททาลบัณฑิตพาบริษัทเข้าสู่ป่าหิมพานต์
ลุถึงอาศรมบทที่ท้าวสักกะทรงประทาน
ถือเอาเครื่องบริขารแห่งบรรพชิตที่วิสสุกรรมเทพบุตรเนรมิตไว้ให้
บวชตนเองก่อน ให้บริษัทบวชทีหลัง จัดแจงแบ่งอาศรมบทให้อยู่กันตามสมควร
มีพระราชาอีก ๗ พระองค์สละราชสมบัติ ๗ พระนคร (ติดตามมาทรงผนวชด้วย)
อาศรมบท ๓๐ โยชน์เต็มบริบูรณ์.
กุททาลบัณฑิตทาบริกรรมในกสิณที่เหลือ เจริญพรหมวิหารธรรม
บอกกรรมฐานแก่บริษัท. บริษัททั้งปวงล้วนได้สมาบัติ
เจริญพรหมวิหารแล้วพากันไปสู่พรหมโลกทั่วกัน.
ส่วนประชาชนที่บารุงพระดาบสเหล่านั้น ก็ล้วนได้ไปสู่เทวโลก.
พระบรมศาสดาก็ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ขึ้นชื่อว่าจิตนี้ติดด้วยอานาจของกิเลสแล้ว เป็นธรรมชาติปลดเปลื้องได้ยาก
โลภธรรมทั้งหลายที่เกิดแล้ว เป็ นสภาวะละได้ยาก
ย่อมกระทาท่านผู้เป็นบัณฑิตเห็นปานฉะนี้
ให้กลายเป็นคนไม่มีความรู้ไปได้ด้วยประการฉะนี้.
ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะทั้งหลาย.
เมื่อจบสัจจะ ภิกษุทั้งหลายบางพวกได้เป็นพระโสดาบัน
บางพวกได้เป็ นพระสกทาคามี บางพวกได้เป็นพระอนาคามี
บางพวกบรรลุพระอรหัต.
แม้พระบรมศาสดาทรงสืบอนุสนธิ ประชุมชาดกว่า
พระราชาในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอานนท์
บริษัทในครั้งนั้น ได้มาเป็ น พุทธบริษัท
ส่วนกุททาลกบัณฑิตได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.
จบอรรถกถากุททาลชาดกที่ ๑๐
จบ อิตถีวรรคที่ ๗.
---------------------------------------------------

More Related Content

More from maruay songtanin

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfmaruay songtanin
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....maruay songtanin
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...maruay songtanin
 

More from maruay songtanin (20)

ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdfผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
ผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ Compassionate leadership.pdf
 
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
537 มหาสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
536 กุณาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
534 มหาหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
533 จูฬหังสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
532 โสณนันทชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
531 กุสชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
530 สังกิจจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
529 โสณกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
528 มหาโพธิชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
527 อุมมาทันตีชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬา...
 
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
526 นฬินิกาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
525 จูฬสุตโสมชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
524 สังขปาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
523 อลัมพุสาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
522 สรภังคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
521 เตสกุณชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
520 คันธตินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
519 สัมพุลาชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]....
 
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
518 ปัณฑรกนาคราชชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุ...
 

Recently uploaded

427 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
427 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx427 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
427 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
301 จูฬกาลิงคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
301 จูฬกาลิงคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...301 จูฬกาลิงคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
301 จูฬกาลิงคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...maruay songtanin
 
354 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
354 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx354 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
354 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
344 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
344 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx344 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
344 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
500 สิรีมันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
500 สิรีมันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...500 สิรีมันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
500 สิรีมันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
403 อัฏฐิเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
403 อัฏฐิเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...403 อัฏฐิเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
403 อัฏฐิเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...maruay songtanin
 
400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...maruay songtanin
 
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docxmaruay songtanin
 

Recently uploaded (12)

427 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
427 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx427 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
427 คิชฌชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
301 จูฬกาลิงคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
301 จูฬกาลิงคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...301 จูฬกาลิงคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
301 จูฬกาลิงคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ...
 
354 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
354 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx354 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
354 อุรคชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
440 กัณหชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
344 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
344 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx344 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
344 อัมพชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
431 หริตจชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
500 สิรีมันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
500 สิรีมันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...500 สิรีมันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
500 สิรีมันตชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
403 อัฏฐิเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
403 อัฏฐิเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...403 อัฏฐิเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
403 อัฏฐิเสนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
369 มิตตวินทุกชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬา...
 
400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
400 ทัพภปุปผชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]...
 
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
398 สุตนชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
512 กุมภชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx
 

070 กุททาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ].docx

  • 1. 1 กุททาลชาดก พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ] ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ ๑๐. กุททาลชาดก (จากพระไตรปิฎก ลาดับเรื่องที่ ๗๐) ว่าด้วยกุททาลบัณฑิต (ฤๅษีโพธิสัตว์ชื่อกุททาลบัณฑิตแสดงธรรมโปรดพระราชาว่า) [๗๐] ความชนะใดที่บุคคลชนะแล้วกลับแพ้อีก ความชนะนั้นไม่เป็นการชนะที่ดีเลย ส่วนความชนะใดที่บุคคลชนะแล้วไม่กลับแพ้อีก ความชนะนั้นเป็นการชนะที่ดี -------------------------- คาอธิบายเพิ่มเติมนามาจากบางส่วนของอรรถกถา เอกกนิบาตชาดก อิตถีวรรค ๑๐. กุททาลชาดก ว่าด้วยความชนะที่ดี พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภพระจิตหัตถสารีบุตร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้. ได้ยินว่า พระจิตหัตถสารีบุตรเป็ นเด็กที่เกิดในตระกูลผู้หนึ่ง ในพระนครสาวัตถี. อยู่มาวันหนึ่งไถนาแล้ว ขากลับเข้าไปสู่วิหาร ได้โภชนะประณีตอร่อย มีรสสนิทจากบาตรพระเถระองค์หนึ่ง คิดว่า ถึงแม้เราจะกระทางานต่างๆ ด้วยมือของตน ตลอดคืนตลอดวัน ก็ยังไม่ได้อาหารอร่อยอย่างนี้ แม้เราก็สมควรจะเป็ นสมณะ ดังนี้. เขาบวชแล้วอยู่มาได้ประมาณครึ่งเดือน เมื่อไม่ใส่ใจโดยแยบคาย ตกไปในอานาจกิเลส สึกไป พอลาบากด้วยอาหาร ก็มาบวชอีก เรียนพระอภิธรรม ด้วยอุบายนี้ สึกแล้วบวชถึง ๖ ครั้ง. ในความเป็นภิกษุครั้งที่ ๗ เป็ นผู้ทรงพระอภิธรรม ๗ พระคัมภีร์ ได้บอกธรรมแก่ภิกษุเป็นอันมาก บาเพ็ญวิปัสสนาได้บรรลุพระอรหัตแล้ว. ครั้งนั้น ภิกษุผู้เป็นสหายของท่านพากันเยาะเย้ยว่า อาวุโสจิตหัตถ์ เดี๋ยวนี้ กิเลสทั้งหลายของเธอ ไม่เจริญ เหมือนเมื่อก่อนดอกหรือ? ท่านตอบว่า ผู้มีอายุ ตั้งแต่บัดนี้ไป ผมไม่เหมาะเพื่อความเป็นคฤหัสถ์. ก็เมื่อท่านบรรลุพระอรหัตอย่างนี้แล้ว เกิดโจทย์กันขึ้นในธรรมสภาว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย เมื่ออุปนิสัยแห่งพระอรหัต เห็นปานนี้มีอยู่ ท่านพระจิตหัตถสารีบุตรต้องสึกถึง ๖ ครั้ง โอ! ความเป็นปุถุชนมีโทษมากดังนี้. พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอสนทนากันด้วยเรื่องอะไร? เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว. ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าจิตของปุถุชนเมา ข่มได้ยาก
  • 2. 2 คอยไปติดด้วยอานาจแห่งอารมณ์ ลงติดเสียครั้งหนึ่งแล้ว ก็ไม่อาจปลดเปลื้องได้โดยเร็ว การฝึกฝนจิตเห็นปานนี้เป็ นความดี จิตที่ฝึกฝนดีแล้วเท่านั้น จะนาประโยชน์เกื้อกูล และความสุขมาให้. แล้วตรัสพระคาถานี้ ความว่า “ การฝึกฝนจิตที่ข่มได้ยาก เมา มีปกติ ตกไปตามอารมณ์ที่ปรารถนา เป็นการดี เพราะจิตที่ฝึกฝนแล้ว ย่อมนาสุขมาให้ ” ดังนี้. ครั้นแล้วตรัสต่อไปว่า ก็เพราะเหตุที่ จิตนั้นข่มได้โดยยาก บัณฑิตทั้งหลาย แม้ในกาลก่อน อาศัยจอบเล่มเดียว ไม่อาจทิ้งมันได้ ต้องสึกถึง ๖ ครั้ง ด้วยอานาจความโลภ ในเพศแห่งบรรพชิตครั้งที่ ๗ ทาฌานให้เกิดขึ้นแล้ว จึงข่มความโลภนั้น ได้ดังนี้แล้ว. ทรงนาเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ อยู่ในกรุงพาราณสี. พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลคนปลูกผัก ถึงความเป็นผู้รู้เดียงสาแล้วได้นามว่า “กุททาลบัณฑิต”. ท่านกุททาลบัณฑิตกระทาการืื้นดินด้วยจอบ เพาะปลูกพืชพันธ์และผัก มีน้าเต้า ืักเขียว ืักเหลืองเป็นต้น เก็บผักเหล่านั้นขาย เลี้ยงชีพด้วยการเบียดกรอ. แท้จริง ท่านกุททาลบัณฑิต นอกจากจอบเล่มเดียวเท่านั้น ทรัพย์สมบัติอย่างอื่นไม่มีเลย. ครั้นวันหนึ่ง ท่านดาริว่า จะมีประโยชน์อะไรด้วยการอยู่ครองเรือน เราจักบวช ดังนี้. ครั้นวันหนึ่ง ท่านซ่อนจอบนั้นไว้ในที่ซึ่งมิดชิด แล้วบวชเป็ นฤาษี ครั้นหวลนึกถึงจอบเล่มนั้นแล้ว ก็ไม่อาจตัดความโลภเสียได้ เลยต้องสึก เพราะอาศัยจอบกุดๆ เล่มนั้น. แม้ครั้งที่ ๒ แม้ครั้งที่ ๓ ก็เป็ นอย่างนี้ เก็บจอบนั้นไว้ในที่มิดชิด บวชๆ สึกๆ รวมได้ถึง ๖ ครั้ง. ในครั้งที่ ๗ ได้คิดว่า เราอาศัยจอบกุดๆ เล่มนี้ ต้องสึกบ่อยครั้ง คราวนี้ เราจักขว้างมันทิ้งเสียในแม่น้าใหญ่ แล้วบวช ดังนี้แล้วเดินไปสู่ฝั่งแม่น้า คิดว่า ถ้าเรายังเห็นที่ตกของมัน ก็จักต้องอยากงมมันขึ้นมาอีก แล้วจับจอบที่ด้าม ท่านมีกาลังดังช้างสาร สมบูรณ์ด้วยเรี่ยวแรง ควงจอบเหนือศีรษะ ๓ รอบ หลับตาขว้างลงไปกลางแม่น้า แล้วบันลือเสียงกึกก้อง ๓ ครั้งว่า “เราชนะแล้ว เราชนะแล้ว”. ในขณะนั้น พระเจ้าพาราณสีทรงปราบปรามปัจจันตชนบทราบคาบแล้ว เสด็จกลับ ทรงสนานพระเศียรในแม่น้านั้น ประดับพระองค์ด้วยเครื่องอลังการครบเครื่อง เสด็จพระดาเนินโดยพระคชาธาร ทรงสดับเสียงของพระโพธิสัตว์นั้น
  • 3. 3 ทรงระแวงพระทัยว่า บุรุษผู้นี้กล่าวว่า เราชนะแล้ว ใครเล่าที่เขาชนะ จงเรียกเขามา แล้วมีพระดารัสสั่งให้เรียกมาเฝ้ า แล้วมีพระดารัสถามว่า ดูก่อนบุรุษผู้เจริญ เรากาลังชนะสงคราม กาความมีชัยมาเดี๋ยวนี้ ส่วนท่านเล่าชนะอะไร? พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช ถึงพระองค์จะทรงชนะสงคราม ตั้งร้อยครั้งตั้งพันครั้ง แม้ตั้งแสนครั้ง ก็ยังชื่อว่าชนะไม่เด็ดขาดอยู่นั่นเอง เพราะยังเอาชนะกิเลสทั้งหลายไม่ได้ แต่ข้าพระองค์ข่มกิเลสในภายในไว้ได้ เอาชนะกิเลสทั้งหลายได้. กราบทูลไป มองดูแม่น้าไป ยังฌานมีอาโปกสิณเป็ นอารมณ์ ให้เกิดขึ้นแล้ว นั่งในอากาศด้วยอานาจของฌานและสมาบัติ. เมื่อจะแสดงธรรมถวายพระราชา จึงกล่าวคาถานี้ความว่า “ ความชนะที่บุคคลชนะแล้ว กลับแพ้ได้นั้น มิใช่ความชนะเด็ดขาด (ส่วน)ความชนะที่บุคคลชนะแล้ว ไม่กลับแพ้นั้นต่างหาก จึงชื่อว่า เป็นความชนะเด็ดขาด ” ดังนี้. การปราบปรามปัจจามิตรราบคาบ ชนะแว่นแคว้น ตีเอาได้แล้ว ปัจจามิตรเหล่านั้นยังจะตีกลับคืนได้ ความชนะนั้นจะชื่อว่า เป็นความชนะเด็ดขาด หาได้ไม่. เพราะเหตุไร? เพราะยังจะต้องชิงชัยกันบ่อยๆ. อีกนัยหนึ่ง ชัยเรียกได้ว่าความชนะ ชัยที่ได้เพราะรบกับปัจจามิตร ต่อมา เมื่อปัจจามิตรเอาชนะคืนได้ ก็กลับเป็นปราชัย ชัยนั้นไม่ดีไม่งาม. เพราะเหตุไร? เพราะเหตุที่ ยังกลับเป็นปราชัยได้อีก. ส่วนการครอบงามวลปัจจามิตรไว้ได้แล้ว ชนะปัจจามิตรเหล่านั้น จะกลับชิงชัยไม่ได้อีก ใดๆ ก็ดี การได้ชัยชนะครั้งเดียว แล้วไม่กลับเป็นปราชัยไปได้ ใดๆ ก็ดี ความชนะนั้นๆ เป็นความชนะเด็ดขาด คือชัยชนะนั้นชื่อว่าดี ชื่อว่างาม. เพราะเหตุไร? เพราะเหตุที่ไม่ต้องชิงชัยกันอีก. ดูก่อนมหาบพิตร เพราะเหตุนั้น แม้พระองค์จะทรงชนะขุนสงคราม ตั้งพันครั้ง ตั้งแสนครั้ง ก็ยังจะเฉลิมพระนามว่า จอมทัพ หาได้ไม่. เพราะเหตุใด ? เพราะเหตุที่พระองค์ยังทรงชนะกิเลสของพระองค์เองไม่ได้ ส่วนบุคคลใดชนะกิเลสภายในของตนได้ แม้เพียงครั้งเดียว บุคคลนี้จัดเป็ นจอมทัพผู้เกรียงไกรได้.
  • 4. 4 พระโพธิสัตว์นั่งในอากาศนั่นแล แสดงธรรมถวายพระราชาด้วยพระพุทธลีลา. ก็ในความเป็นจอมทัพผู้สูงสุดนั้น มีพระสูตรเป็นเครื่องสาธก ดังนี้ :- “ ผู้ที่ชนะหมู่มนุษย์ในสงคราม ถึงหนึ่งล้านคน ยังสู้ผู้ที่ชนะตน เพียงผู้เดียวไม่ได้ ผู้นั้นเป็ นจอมทัพสูงสุด โดยแท้ ” ดังนี้. ก็เมื่อพระราชาทรงสดับธรรมอยู่นั่นเอง ทรงละกิเลสได้ด้วยอานาจตทังคปหาน พระทัยน้อมไปในบรรพชา. ถึงพวกหมู่โยธาของพระองค์ ก็พากันละได้เช่นนั้นเหมือนกัน. พระราชาตรัสถามพระโพธิสัตว์ว่า บัดนี้ พระคุณเจ้าจักไปไหนเล่า? พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช ข้าพระองค์จักเข้าป่าหิมพานต์บวชเป็นฤๅษี. พระราชารับสั่งว่า ถ้าเช่นนั้น แม้ข้าพเจ้าก็จะบรรพชา แล้วเสด็จพระราชดาเนินไปพร้อมกับพระโพธิสัตว์. พลนิกายทั้งหมด คือพราหมณ์ คฤหบดีและทวยหาญ ทุกคนประชุมกัน ในขณะนั้นเป็นมหาสมาคมออกบรรพชา พร้อมกับพระราชา เหมือนกัน. ชาวเมืองพาราณสีสดับข่าวว่า พระราชาของเราทั้งหลายทรงสดับพระธรรมเทศนาของกุททาลบัณฑิตแล้ว ทรงบ่ายพระพักตร์มุ่งบรรพชา เสด็จออกทรงผนวชพร้อมด้วยพลนิกาย พวกเราจักทาอะไรกันในเมืองนี้ ดังนี้แล้ว บรรดาผู้อยู่ในพระนครทั้งนั้นต่างพากันเดินทางออกจากกรุงพาราณสี อันมีปริมณฑลได้ ๑๒ โยชน์. บริษัทก็ได้มีปริมณฑล ๑๒ โยชน์. พระโพธิสัตว์พาบริษัทนั้นเข้าป่าหิมพานต์. ในขณะนั้น อาสนะที่ประทับนั่งของท้าวสักกเทวราช สาแดงอาการร้อน. ท้าวเธอทรงตรวจดูทอดพระเนตรเห็นว่า กุททาลบัณฑิตออกสู่มหาภิเนษกรมณ์ แล้วทรงพระดาริว่า จักเป็นมหาสมาคม ควรที่ท่านจะได้สถานที่อยู่ แล้วตรัสเรียกวิสสุกรรมเทพบุตรมา ตรัสสั่งว่า พ่อวิสสุกรรม กุททาลบัณฑิตกาลังออกสู่มหาภิเนษกรมณ์ ท่านควรจะได้ที่อยู่ ท่านจงไปหิมวันตประเทศ เนรมิตอาศรมบทยาว ๓๐ โยชน์ กว้าง ๑๕ โยชน์ ณ ภูมิภาคอันราบรื่น. วิสสุกรรมเทพบุตรรับเทวบัญชาว่า ข้าแต่เทพยเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าจะกระทาให้สาเร็จดังเทวบัญชา แล้วไปทาตามนั้น. นี้เป็ นความสังเขปในอธิการนี้. ส่วนความพิสดารจักปรากฏในหัตถิปาลชาดก แท้จริงเรื่องนี้และเรื่อง
  • 5. 5 นั้นเป็ นปริเฉทเดียวกันนั่นเอง. ฝ่ายวิสสุกรรมเทพบุตรเนรมิตบรรณศาลาในอาศรมบทแล้ว ก็ขับไล่เนื้อ นกและอมนุษย์ที่มีเสียงชั่วร้ายไปเสีย แล้วเนรมิตหนทางเดินแคบๆ ตามทิสาภาคนั้นๆ เสร็จแล้ว กลับไปยังวิมานอันเป็ นสถานที่อยู่ของตนทันที. ฝ่ายกุททาลบัณฑิตพาบริษัทเข้าสู่ป่าหิมพานต์ ลุถึงอาศรมบทที่ท้าวสักกะทรงประทาน ถือเอาเครื่องบริขารแห่งบรรพชิตที่วิสสุกรรมเทพบุตรเนรมิตไว้ให้ บวชตนเองก่อน ให้บริษัทบวชทีหลัง จัดแจงแบ่งอาศรมบทให้อยู่กันตามสมควร มีพระราชาอีก ๗ พระองค์สละราชสมบัติ ๗ พระนคร (ติดตามมาทรงผนวชด้วย) อาศรมบท ๓๐ โยชน์เต็มบริบูรณ์. กุททาลบัณฑิตทาบริกรรมในกสิณที่เหลือ เจริญพรหมวิหารธรรม บอกกรรมฐานแก่บริษัท. บริษัททั้งปวงล้วนได้สมาบัติ เจริญพรหมวิหารแล้วพากันไปสู่พรหมโลกทั่วกัน. ส่วนประชาชนที่บารุงพระดาบสเหล่านั้น ก็ล้วนได้ไปสู่เทวโลก. พระบรมศาสดาก็ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าจิตนี้ติดด้วยอานาจของกิเลสแล้ว เป็นธรรมชาติปลดเปลื้องได้ยาก โลภธรรมทั้งหลายที่เกิดแล้ว เป็ นสภาวะละได้ยาก ย่อมกระทาท่านผู้เป็นบัณฑิตเห็นปานฉะนี้ ให้กลายเป็นคนไม่มีความรู้ไปได้ด้วยประการฉะนี้. ครั้นทรงนาพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะทั้งหลาย. เมื่อจบสัจจะ ภิกษุทั้งหลายบางพวกได้เป็นพระโสดาบัน บางพวกได้เป็ นพระสกทาคามี บางพวกได้เป็นพระอนาคามี บางพวกบรรลุพระอรหัต. แม้พระบรมศาสดาทรงสืบอนุสนธิ ประชุมชาดกว่า พระราชาในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอานนท์ บริษัทในครั้งนั้น ได้มาเป็ น พุทธบริษัท ส่วนกุททาลกบัณฑิตได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล. จบอรรถกถากุททาลชาดกที่ ๑๐ จบ อิตถีวรรคที่ ๗. ---------------------------------------------------