More Related Content
Similar to เทคนิควิธีการเป็นวิทยากรมือทอง (20)
More from ssuserd18196 (15)
เทคนิควิธีการเป็นวิทยากรมือทอง
- 5. วงจร กระบวนการ/ขั้นตอนการฝึกอบรมอย่างเป็นระบบ
๒. การจัดทา /
พัฒนาหลักสูตร
๓. การจัดฝึกอบรม*
๔. การติดตาม
และประเมินผล
การอบรม
๑. การวิเคราะห์หาความ
จาเป็นในการอบรม
ปัจจัยนาเข้า
ทรัพยากร
กระบวนการ
กิจกรรม
ผลงาน ผลลัพธ์
ข้อมูลย้อนกลับ
สิ่งแวดล้อมต่างๆที่ส่งผลต่อการอบรม +/-
วงจรการฝึกอบรม ๔ ขั้นตอน
แหล่ง
สาร
เนื้อหา
สาร ช่องทาง ผู้รับสาร
สิ่งแวดล้อมต่างๆที่ส่งผลต่อการอบรม +/-
ข้อมูลย้อนกลับ
- 7. ดอลลาร์ด และมิลเลอร์ (Dallard and Miller) เสนอว่าการเรียนรู้ มีองค์ประกอบสาคัญ ๔ ประการ คือ
๑. แรงขับ (Drive) เป็นความต้องการที่เกิดขึ้นภายในตัวบุคคล เป็นความพร้อมที่จะเรียนรู้ของบุคคลทั้ง
สมอง ระบบประสาทสัมผัส และกล้ามเนื้อ แรงขับและความพร้อมเหล่านี้ จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาหรือ
พฤติกรรมที่จะชักนาไปสู่การเรียนรู้อย่างดีต่อไป
๒. สิ่งเร้า (Stimulus) เป็นสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นตัวการที่ทาให้บุคคลมีปฏิกิริยา
หรือพฤติกรรมตอบสนองออกมาในสภาพการเรียนการสอน สิ่งเร้าจะหมายถึงผู้สอน กิจกรรมการสอนและ
อุปกรณ์การสอนต่างๆ ที่ผู้สอนนามาใช้
๓. การตอบสนอง (Response) เป็นปฏิกิริยาหรือพฤติกรรมต่างๆ ที่แสดงออกมาเมื่อบุคคลได้รับการกระตุ้น
จากสิ่งเร้าทั้งส่วนที่สังเกตเห็นได้และส่วนที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ เช่น การเคลื่อนไหว ท่าทาง คาพูด การ
คิด การรับรู้ ความสนใจ และความรู้สึก เป็นต้น
๔. การเสริมแรง (Reinforcement) เป็นการให้สิ่งที่มีอิทธิพลต่อบุคคลอันมีผลในการเพิ่มพลังให้เกิดการ
เชื่อมโยงระหว่าง สิ่งเร้ากับการตอบสนองเพิ่มขึ้น การเสริมแรงมีทั้งทางบวก(ให้รางวัล ชมเชยฯ) และทางลบ
(ลงโทษ ตาหนิฯ) ซึ่งมีผลต่อการเรียนรู้ของบุคคลเป็นอันมาก
องค์ประกอบสาคัญของการเรียนรู้
- 9. ผู้เข้าอบรม เป็นใคร เด็ก หรือ ผู้ใหญ่
การเรียนรู้ของเด็ก และการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ มีส่วนเหมือน และแตกต่างกัน*
เหมือนกัน แตกต่างกัน
ผู้ใหญ่มีเป้าหมายในการใช้ประโยชน์
เป็นหลัก ยืดหยุ่น มีส่วนร่วมมาก
ผู้ใหญ่เป็นอิสระ ไม่ถูกบังคับ
เรียนรู้จากข้อมูล ข่าวสาร ประสบการณ์
ที่ได้ ใช้กลไกสมอง เด็กมีประสบการณ์น้อยกว่าผู้ใหญ่
ความพร้อมร่างกาย จิตใจ
สภาพแวดล้อม ส่งผลต่อการเรียนรู้
ครู มีบทบาทสาคัญในการเรียนรู้ของเด็ก ส่วน
ผู้ใหญ่มีต้นทุนเดิม และเรียนรู้จากผู้อื่น วิทยากร
- 10. การเรียนรู้ของเด็ก และการเรียนรู้ของผู้ใหญ่
ประเด็น การเรียนรู้ของเด็กนร. การเรียนรู้ของผู้ใหญ่
๑. การใช้ประโยชน์
๒. ผู้เรียน
๓. ความรู้ประสบการณ์
ของผู้เรียนรู้
๔. เนื้อหาการเรียน/อบรม
๕. บทบาทของวิทยากร
๖. จุดเน้นของการเรียนรู้
-ใช้ในการสอนนร.,นศ. ซึ่งเป็นผู้เยาว์
-พึ่งพาครู
- ผู้เรียนไม่มี หรือมีประสบการณ์น้อยที่
จะแลกเปลี่ยน จึงใช้วิธีบรรยายเป็น
หลัก
-ผู้เรียน เรียนตามเนื้อหาของหลักสูตรที่
กาหนดไว้
-วิทยากร/ครูมีบทบาทเป็นผู้สอน
-เน้นไปตามหลักสูตรการเรียนการสอน
-ใช้ในการอบรมผู้ใหญ่
-เป็นอิสระ
-ผู้เรียนมีประสบการณ์มาก การอบรม
ต้องใช้วิธีการมีส่วนร่วม นาอภิปราย และ
เน้นแก้ปัญหา
-เนื้อหาปรับตามความต้องการของผู้เรียน
- ผู้เรียนมีแรงจูงใจของตนเอง วิทยากร
เป็นผู้แนะนา เป็นผู้จัดการเรียนรู้
- เน้นเป้าหมายในการใช้ประโยชน์เป็น
หลัก ยืดหยุ่น
- 13. วิทยากรแบบดั้งเดิม และวิทยากรกระบวนการ* (ด้านสิทธิมนุษยชน)
วิทยากรแบบดั้งเดิม วิทยากรกระบวนการ
ใช้การสื่อสารสองทาง
เน้นการมีส่วนร่วมของผู้อบรม
ใช้การสื่อสารทางเดียว
เน้นการบรรยายเป็นหลัก
มีรูปแบบ กิจกรรมที่หลากหลาย
มีรูปแบบ กิจกรรมน้อย
ใช้เวลาในการแลกเปลี่ยนความรู้
ประสบการณ์ระหว่างกันมาก
ใช้เวลาแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์
น้อย โดยวิทยากรเป็นตัวหลัก/ศูนย์กลาง
การจัดสถานที่ เปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยน
ความคิดเห็นประสบการณ์กันสะดวก
การจัดสถานที่ห้องอบรมเป็นแบบชั้นเรียน
- 14. ความแตกต่างของวิทยากรกระบวนการฯ กับวิทยากรแบบดั้งเดิม (ฉบับย่อ ๗ -๘ ข้อ)
ประเด็น วิทยากรแบบดั้งเดิม วิทยากรกระบวนการ
๑.จุดเน้น
๒. บทบาทวิทยากร
๓.รูปแบบการสื่อสาร
๔. เทคนิควิธีการ
๕. การมีส่วนร่วมของผู้อบรม
๖. การจัดสถานที่ และการใช้
อุปกรณ์
๗.ใช้เวลา
๘.การอบรมด้านสิทธิ
มนุษยชน
- อยู่ที่ตัววิทยากร
- เป็นตัวหลักในการเรียนรู้
- ส่วนใหญ่มักเป็นการสื่อสารทางเดียว
- มีวิธีการ รูปแบบ ไม่มากนัก
- น้อย ถึงปานกลาง
-มักจัดห้องแบบห้องเรียน ห้องประชุม
ปกติ ใช้โสตทัศนูปกรณ์
- ไม่มากนักในแต่ละหัวข้อ
- อยู่ที่ตัวผู้เข้าอบรม
-เป็นผจก./อานวยความสะดวก
- ใช้การสื่อสารสองทาง
- มีวิธีการ รูปแบบที่หลากหลาย
- สูง
-จัดสถานที่เอื้อต่อการเรียนรู้ โสตฯที่
หลากหลาย สไลด์ คลิป ดนตรี เกมส์
-ใช้เวลามากสาหรับผู้อบรมในการ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
- เน้นการให้ความสาคัญของคุณค่าของ
ผู้เข้าอบรม และการมีส่วนร่วม
มีรูปแบบ กิจกรรมที่หลากหลาย
- 15. ความแตกต่างของ “วิทยากรความหมายเดิม”กับ “วิทยากรกระบวนการ” (ฉบับเต็ม ๑๓ ข้อ)
วิทยากรตามความหมายเดิม วิทยากรกระบวนการ
๑. เป็น ครู (teacher)ผู้สอน
๒. เป็นผุ้นาความรู้ มาให้ เน้นการถ่ายทอด
และการฟัง
๓. มีเป้าหมายให้ผู้ฟังเชื่อในสิ่งที่นาเสนอ
๔. วิทยากรเป็นศูนย์กลาง
๕. เป็นผู้ตัดสินการเปลี่ยนแปลงความรู้ของ
ผู้เข้าร่วมกิจกรรม
๖. ความสาเร็จตามวัตถุประสงค์ เป็นความ
รับผิดชอบของวิทยากร
๑.เป็น ครูฝึก (coach) ช่วยแนะนา
๒.เป็นผู้จัดกระบวนการให้เกิดความรู้ เน้นการ
แลกเปลี่ยนความรู้
๓. มีเป้าหมายให้ผุดเกิดความรู้ใหม่
๔. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นศูนย์กลาง
๕. เป็นกระจกสะท้อนให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ
เปลี่ยนแปลงตนเอง
๖.ความสาเร็จตามวัตถุประสงค์ เป็นความรับ
ผิดของผู้ร่วมกิจกรรมฯ กับวิทยากร
- 16. วิทยากรตามความหมายเดิม วิทยากรกระบวนการ
๗. การสื่อสารทางเดียว
๘. มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ
๙. ต้องตอบคาถามได้ทุกอย่าง
๑๐. สนใจได้รับความรู้ พิ่งพาวิทยากร
๑๑.มุ่งยกระดับความรู้
๑๒. มักเป็นระบบปิด และไม่ยืดหยุ่น
๑๓.สนใจเนื้อหา มากกว่ากระบวนการ
๗.การสื่อสารสองทาง
๘. มีความรู้ที่เป็นแบบสหวิทยาการ องค์รวม
๙. ไม่จาเป็นต้องเป็นผู้รู้ทุกอย่าง ความรู้อยู่ที่
การเรียนรู้ร่วมกัน
๑๐. สนใจให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน
นาไปสู่พลังทวีคูณ และพึ่งพาตนเอง
๑๑. มุ่งยกระดับความคิด(Meta Level)
๑๒. เป็นระบบเปิดและยืดหยุ่น
๑๓. สนใจกระบวนการ ปฏิสัมพันธ์ การเกิด
ความรู้และวิธีการทางานของผู้อบรมใหม่ๆ
มากกว่าการมารับเนื้อหาเพียงอย่างเดียว
หน้า ๒
อ.พรชัย แก้วประเสริฐ: วิทยากรกระบวนการ https://www.gotoknow.org/posts/183826
- 17. วิทยากร และคุณสมบัติของวิทยากรที่ดี*
• วิทยากรกระบวนการ ก็คือ
• ผู้ทรงความรู้ความสามารถ ที่ใช้กระบวนการกลุ่มนาเอาความรู้
ประสบการณ์ของผู้อบรม และวิทยากร มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
• วิทยากรคือใคร
• ผู้มีความรู้ความสามารถในเรื่องที่จะไปเป็นวิทยากร และทาให้ผู้เข้าอบรม
ได้เรียนรู้ในประเด็นหัวข้อนั้นๆ (ไม่ใช่วิทยากล วิทยากลวง)
• บทบาทจากครูผู้สอน ปรับเปลี่ยนเป็น วิทยากร ผู้จัดการการเรียนรู้
- 18. คุณสมบัติของวิทยากรกระบวนการที่ดี*
มีทักษะในการสื่อสารสองทาง (ช่างสังเกต เป็นผู้ฟังที่ดี การใช้ภาษาท่าทาง สื่อสารเนื้อหาสาระ
และแก้ปัญหาได้ดีฯ)
มีบุคลิกภาพดี ทั้งภายนอกและภายใน (ทัศนคติเชิงบวก ร่างกาย การแต่งกาย การสื่อสาร กริยาฯ
มีความเชื่อมั่นในเรื่องการพัฒนาบุคคล เชื่อมั่นในศักยภาพของบุคคล และเชื่อมั่นตนเองในการ
เป็นวิทยากร
มีการเตรียมการ (รู้วัตถุประสงค์หลักสูตร และหัวข้อ รู้ผู้เอบรม เนื้อหาฯ) เตรียมตัว เตรียมแผนฯ)
มีความจริงใจ ตั้งใจ และให้เกียรติผู้เข้าอบรม ฝ่ายผู้จัดอบรม วิทยากรอื่น เช่น ตรงต่อเวลา
มีความรู้ ทักษะการใช้กระบวนการ เพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้ ( กระบวนการกลุ่ม การฟัง สรุปฯ)
- 19. วิทยากรที่ดี ควรมีคุณสมบัติอะไร
• มีทัศนคติเชิงบวก
- ที่จะให้/แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์กับผู้อื่น
- เชื่อว่าคนเราเปลี่ยนแปลง พัฒนาได้
- ให้ความสาคัญในเรื่องการเรียนรู้ จากแหล่งต่างๆ,อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความสาเร็จและไม่
สาเร็จฯ)
- สนใจในเรื่องการพัฒนาตนเองและผู้อื่น
• ลงมือในการพัฒนาตนเอง (ทั้งวิชาการและทักษะ) ให้เป็นวิทยากร ทั้งในด้าน
- ความรู้เนื้อหา (เช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน เรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด เรื่อง......)
- วิธีการเทคนิคในการเป็นวิทยากร (การสื่อสารทั้งภาษาและอื่นๆ,เทคนิคการฝึกอบรมแบบต่างๆ,
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม,การจัดการกับพฤติกรรมผู้อบรมชนิดต่างๆ...ฯลฯ)
- บุคคลิกภาพ (ภายในและภายนอก)
- 20. เทคนิควิธีการฝึกอบรมสาหรับวิทยากรกระบวนการ
• การบรรยาย ( Lecture )
• การอภิปราย (Discussion)
• การสอนแนะนา (Coaching)
• การสาธิต (Demonstration)
• การระดมสมอง (Brainstorming)
• กิจกรรมกลุ่มสัมพัน๋ ละลายพธ์ เกมส์ สเปคตรัม
• การประชุมกลุ่มย่อย (Buzz session)
• การใช้บทบาทสมมติ(Roleplaying)
• กรณีศึกษา (Case Study)
• การต่อชิ้นส่วน (jigsawing)
• การแสดงละครใบ้ (Street threathor)
• เกมการบริหาร ( Management Games)
• การประชุมแบบฟอรัม (Forum)
- 21. พวกระมัดระวังป้องกันตัวเอง
พวกเกะกะรุกราน (ต่อเพื่อน วิทยากร)
พวกทาเป็นไม่สนใจ แต่แอบฟัง
พวกชอบเด่น ชอบทาเรื่องยาว”
“พวกสงวนท่าที” มีมาด” อมภูมิ
พวกชอบแซวเพื่อน และวิทยากร
พวกเบื่อการประชุม /หลับยัน/ ใช้มือถือตลอด
พวกนิ่งเสียตาลึงทอง” นางอาย
ชอบผูกขาดการพูด หรือ “พวกบ้าน้าลาย”
พวกเอาไหนเอานั่น ว่าไงว่าตามกัน
พฤติกรรมของผู้เข้ารับการอบรม การดาเนินการของวิทยากรต่อพฤติกรรมของผู้เข้าอบรม
ให้โอกาส จูงใจให้เป็นผู้เสนอความเห็น เป็นผู้นากิจกรรมมากขึ้น
ให้ความสนใจ ดึงให้เข้ามาอยู่ในกระบวนการกลุ่มมากขึ้น
ช่วยนาเกราะ เปลือกนอกออกโดยดึงเข้ามาร่วมที่ละนิด พยายามรู้สาเหตุ
อย่าให้ความสนใจมากจนเกินไป ใช้กระบวนการกลุ่มเข้าช่วย และหารือเฉพาะตัว
ถ้าแซวพอดี แซวเชิงบวก ช่วยสร้างบรรยากาศ ถ้าเกินไปอาจเพิกเฉย ใช้กลุ่มช่วย
ให้สิ่งเร้าที่ดี ง่ายฯ เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้รู้สาเหตุ (เช่น บุคคลิคภาพ หรือไม่พร้อมจะมาฯ)
ลด/หันเหความสนใจ ใช้กระบวนการกลุ่มช่วย
อาจมีภูมิ หรือมีน้อย... วิทยากรช่วยดึง “ภูมิ”ออกมา ให้แรงเสริมเชิงบวก
หาสาเหตุ แก้สาเหตุ (เช่น อดนอน เนื้อหาวิธีการ น่าเบื่อ) แทรกแซง ใช้กติกากลุ่ม
ขอให้คนอื่นมีโอกาสพูด บอกเวลาที่ให้พูด ย้ากติกากลุ่ม แทรกแซง
- 26. พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของผู้เข้าประชุม
1. พวกระมัดระวังป้องกันตัวเอง”
2. “พวกเกะกะรุกราน”
3. “พวกทาเป็นไม่สนใจ แต่แอบฟัง ทาตัวเหมือนผู้สังเกตการณ์”
4. “พวกชอบเด่น ชอบทาให้เรื่องยาว”
5. “พวกเบื่อหน่ายการประชุม” หรือ “หลับยัน”
6. “พวกเจ้าตารับหัวหมอ ซึ่งจะผูกขาดการพูดอยู่ตลอดเวลา หรือ “พวกบ้าน้าลาย”
7. “พวกเอาไหนเอานั่น”
8. “พวกนิ่งเสียตาลึงทอง”
9. “พวกชอบตีตลบหลัง” หรือ “แซวสาราญ”
10. “พวกไมรู้เรื่องอะไรเลย” หรือ “พวกนางอาย”
11. “พวกสงวนท่าที” หรือ “พวกแสดงท่าภูมิฐาน”
- 27. ตัวอย่าง แผนจัดกระบวนการเรียนรู้ของวิทยากรฯ
ขั้นตอน ประเด็นเนื้อหา วิธีการ/สื่อ เวลา วิทยากร ประเมิน
๐.เตรียมการ
-ตรวจสอบความพร้อม
ของวิทยากรฯ การจัด
สถานที่ สื่อ อุปกรณ์ฯ
๒.ขั้นเตรียมความพร้อมผู้
เข้าอบรม..
๒.๑ ดึงความสนใจ
๒.๒ โยงเข้าสู่หัวข้อ
๒.๓ แนะนาหัวข้อ และ
หัวข้อย่อย และแนวทาง
การอบรม
๒.๔ จูงใจ/ประโยชน์ที่ได้
- พิธีกรแนะนาหัวข้อการอบรม และ
(คณะ)วิทยากร
- แนะนาวิทยากร (เพิ่มเติม ถ้าจาเป็น)
และทาความรู้จักกับผู้เข้าอบรม
- กิจกรรมเตรียมความพร้อม
- นาข้อมูลข่าวสาร เรื่องที่เป็นประเด็น
น่าสนใจมากระตุ้นความสนใจ
- โยงเข้าสู่หัวข้อที่จะอบรม
- แนะนาหัวข้อ ประเด็นการอบรม และ
เทคนิควิธีการ เรียนรู้ร่วมกันโดยใช้
ความรู้ประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนกัน
- จูงใจให้เห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับผู้
-ใช้สไลด์หรือภาพข่าว
คลิป
-หัวข้อ.ที่มา วัตถุประสงค์
ของการอบรม
- 28. ตัวอย่าง แผนจัดกระบวนการเรียนรู้ของวิทยากรฯ
ขั้นตอน ประเด็นเนื้อหา วิธีการ/สื่อ เวลา วิทยากร ประเมิน
๐.เตรียมการ
-ตรวจสอบความพร้อม
ของวิทยากรฯ การจัด
สถานที่ สื่อ อุปกรณ์ฯ
๒.ขั้นเตรียมความพร้อมผู้
เข้าอบรม..
๒.๑ ดึงความสนใจ
๒.๒ โยงเข้าสู่หัวข้อ
๒.๓ แนะนาหัวข้อ และ
หัวข้อย่อย และแนวทาง
การอบรม
๒.๔ จูงใจ/ประโยชน์ที่ได้
- พิธีกรแนะนาหัวข้อการอบรม และ
(คณะ)วิทยากร
- แนะนาวิทยากร (เพิ่มเติม ถ้าจาเป็น)
และทาความรู้จักกับผู้เข้าอบรม
- กิจกรรมเตรียมความพร้อม
- นาข้อมูลข่าวสาร เรื่องที่เป็นประเด็น
น่าสนใจมากระตุ้นความสนใจ
- โยงเข้าสู่หัวข้อที่จะอบรม
- แนะนาหัวข้อ ประเด็นการอบรม และ
เทคนิควิธีการ เรียนรู้ร่วมกันโดยใช้
ความรู้ประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนกัน
- จูงใจให้เห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับผู้
-ใช้สไลด์หรือภาพข่าว
คลิป
-หัวข้อ.ที่มา วัตถุประสงค์
ของการอบรม
- 29. ขั้นตอน ประเด็นเนื้อหา วิธีการ/สื่อ เวลา วิทยากร ประเมิน
๓. เข้าสู่
เนื้อหา
การอบรม
ในหัวข้อ
ต่างๆ
๑๐-๑๐.๑๕
- นาเรื่องโดยถามถึงปัญหาด้านสิทธิ หน้าที่ เสรีภาพที่
เราพบเห็นในชีวิตประจาวัน มีอะไรบ้าง ทาไมถึงเกิด มี
ผลกระทบเชิงลบอย่างไรต่อประชาชนในพื้นที่ และอื่นๆ
มากระทบละเมิดสิทธิฯเรา
๑.ทบทวนความเข้าใจเรื่องสิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ และ
สิทธิมนุษยชน
- ความหมาย ขอบเขต ความสัมพันธ์ของสี่คานี้ เป็นคู่
เช่น สิทธิกับหน้าที่ เสรีภาพกับสิทธิ สิทธิ เสรีภาพกับ
สิทธิมนุษยชน
- อะไรเกิดก่อน
- การเป็นพลวัตเปลี่ยนแปลงได้
- ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ (การเมือง การปกครอง
ประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจฯ)
- เน้นสิทธิมนุษยชนสากล กับ สิทธิมนุษยชนไทย
เบื้องต้น (ก่อนไปทากิจกรรม พัฒนาการของหลัก
สากล กับไทย)
-นาอภิปราย ประกอบสไลด์ที่
มีภาพปัญหาในพื้นที่
-มีคลิป และสไลด์ สิทธิ หน้าที่
เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน
-แบ่งกลุ่ม ทากิจกรรม มีบัตร
คา รูปภาพประกอบ
หน้า ๒
- 30. ขั้นตอน ประเด็นเนื้อหา วิธีการ/สื่อ เวลา วิทยากร ประเมิน
๔. สรุป
๔.๑ ดึงความสนใจ
๔.๒ ถามตอบ
๔.๓ สรุป
๔.๔ จบ
๒. พัฒนาการของสิทธิมนุษยชนสากล
และสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย และ
ความเหมือน ความต่าง ความสัมพันธ์
เชื่อมโยง และผลกระทบมาสู่ปัจจุบัน
๓. ขอบเขต ประเภท ของสิทธิมนุษยชน
๔. หลักการที่สาคัญของสิทธิมนุษยชน
๖-๗ ประการ สักดิศรี,เสมอภาค,สากลฯ
๕. ปัญหาสิทธิมนุษยชนที่สาคัญ
-ดึงความสนใจให้กลับมาอีกครั้ง
-ถามตอบในช่วงสุดท้ายอีกครั้ง
-สรุป
- จบ ขอบคุณผู้เข้าอบรม หน่วยงานฯ
-บัตรคา แบ่งกลุ่มค้นหาความหมาย
นาเสนอในกลุ่ม ต่อบัตรคาเป็น
Time line
-สรุปด้วยคลิป และสไลด์ภาพ
-กิจกรรมกลุ่มบัตรคา ต่อภาพ
-กิจกรรมเรือมนุษย์หรือ วัคซีน
อภิปราย และสรุป
-กิจกรรมใช้บัตรคา แบ่งกลุ่ม
เรียนรู้
-กิจกรรม spectrum
-พูดจูงใจ มีภาพสไลด์ประกอบ
ใช้ถาม มีสไลด์ บัตรคาใหญ่ๆ
ใช้สไลด์ประกอบ การสรุป
หน้า ๓
- 31. เทคนิควิธีการฝึกอบรมสาหรับวิทยากรกระบวนการ
• การบรรยาย ( Lecture )
• การอภิปราย (Discussion)
• การสอนแนะนา (Coaching)
• การสาธิต (Demonstration)
• การระดมสมอง (Brainstorming)
• กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ เกมส์ สเปคตรัม
• การประชุมกลุ่มย่อย (Buzz session)
• การใช้บทบาทสมมติ(Roleplaying)
• กรณีศึกษา (Case Study)
• การต่อชิ้นส่วน (jigsawing)
• การแสดงละครใบ้ (Pantomime /Street theatre)
• เกมการบริหาร ( Management Games)
• การประชุมแบบฟอรัม (Forum)