การจัดการความขัดแย้ง
การจัดการความขัดแย้ง (Conflict management) คือกระบวนการลดผลเสียและเพิ่มผลดีของความขัดแย้ง เป้าหมายของการจัดการความขัดแย้งคือ การเรียนรู้ร่วมกันและเพิ่มประสิทธิผลของการประกอบการขององค์กร
การเรียนรู้ขององค์กร (Organizational learning) จากการจัดการความขัดแย้งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการจัดการความขัดแย้งทำให้เกิดการเรียนรู้ และกระตุ้นให้บุคลากรเกิดความตื่นตัวไม่เฉื่อยชา
คำนิยามของความขัดแย้ง (Conflict) ยังไม่มีคำนิยามที่ชัดเจน แต่อธิบายได้ว่า เกิดจากผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวของบุคคล 2 ฝ่าย (process in which one party perceives that its interests are being opposed or negatively affected by another party)
ประโยชน์จากการจัดการความขัดแย้ง
เพื่อการเรียนรู้และประสิทธิผลขององค์กร (Organization Learning and Effectiveness) - เพราะต้องใช้นวัตกรรมทางความคิด ในการเรียนรู้กระบวนการและวิธีการสนทนา
เพื่อสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Needs of Stakeholders) - เป็นการสนับสนุนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าเป็นบุคลากร ลูกค้า ผู้ส่งมอบ สิ่งแวดล้อม และผู้ถือหุ้น
เพื่อจริยธรรม (Ethics) – ของผู้นำและผู้ที่อยู่ใต้การบังคับบัญชา
การแก้ไขความขัดแย้ง ถ้าแก้ไขสำเร็จจะเกิดผลดีคือ
มีความเข้าใจกันมากขึ้น (Increased understanding) การอภิปรายทำให้เกิดความตื่นตัวในสถานการณ์ เกิดความเข้าใจผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง
เกิดความสามัคคีในกลุ่ม (Increased group cohesion) สมาชิกกลุ่มเกิดความไว้วางใจกัน สามารถทำงานร่วมกัน
พัฒนาความรู้ของบุคคล (Improved self-knowledge) รู้จักตนเองเพิ่มขึ้น เข้าใจว่าอะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับเขา และจะต้องบรรลุได้อย่างไร
แต่ถ้าแก้ไขความขัดแย้งไม่มีประสิทธิผล อาจเกิดผลเสีย เกิดความเกลียดชังกัน การทำงานเป็นทีมล้มเหลว คนฉลาดสูญเปล่าไป บุคลากรไม่ผูกพัน เกิดผลลบ มีการฟ้องร้อง ฯลฯ
Conflict management is the process of limiting the negative aspects of conflict while increasing the positive aspects of conflict. The aim of conflict management is to enhance learning and group outcomes, including effectiveness or performance in organizational setting
Conflict management minimizes the negative outcomes of conflict and promotes the positive outcomes of conflict with the goal of improving learning in an organization.
สี่มิติในการบริหารองค์กร
ประพันธ์โดย Frank Buytendijk
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานฝ่ายยุทธศาสตร์ของ Oracle Corp. และเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่อง business intelligent และ performance management
ตีพิมพ์โดย The McGraw-Hill Companies ในปี ค.ศ. 2009
เป็นแนวคิดของกรอบในการพัฒนาพฤติกรรมขององค์กร ที่ทำให้เกิดผลการดำเนินการสูงสุด ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยอาศัยยุทธศาสตร์ความสอดคล้องเชื่อมโยงภายในองค์กร
เน้นพฤติกรรมของบุคลากรเพื่อให้เกิดจุดมุ่งหมายร่วมกัน เพื่อประสานวัตถุประสงค์ที่ขัดแย้งกัน เพื่อการบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการ ในสภาวะแวดล้อมที่มีกฎระเบียบที่เข้มงวด มีแรงกดดันจากสังคม และเพื่อการสร้างนวัตกรรมขององค์กร
Performance Leadership: The Next Practices to Motivate Your People, Align Stakeholders, and Lead Your Industry
ทบทวนผลงานด้วยสุนทรียสนทนา
สุนทรียสนทนา (Dialogue)
เป็นการสื่อสารสองทิศทาง ที่เน้นการฟังไปที่บริบทของผู้พูด เพื่อให้รู้ถึงเบื้องหลังความเชื่อและค่านิยม โดยอาศัยการไม่ตัดสินใจถูกผิด ไม่วิจารณ์ และให้ข้อมูลป้อนกลับแบบตรงไปตรงมา ที่ทำให้คู่สนทนายอมรับได้อย่างกลมกลืน
การทบทวนผลงานด้วยสุนทรียสนทนา (Performance Dialogue)
เป็นกระบวนการสำคัญที่หัวหน้าใช้ในการสื่อสารกับลูกน้องและทีมงาน ว่าอะไรคือสิ่งที่องค์กรคาดหวังในการทำงาน แนวทางการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ความรู้สึกของพนักงาน สิ่งที่ต้องการให้พนักงานแก้ไขปรับปรุง สิ่งที่พนักงานทำได้ดี และอะไรคือสิ่งที่อยากให้องค์กรหรือหัวหน้าสนับสนุน
ทำให้หัวหน้าเข้าใจความคาดหวังของพนักงานที่มีต่อองค์กร ช่วยให้หัวหน้าเป็นผู้รับฟังที่ดี ได้ข้อมูลชัดเจนยิ่งขึ้น เข้าใจลูกน้องมากขึ้น
ทำให้พนักงานรู้สึกว่า ตนเองมีคุณค่าต่อองค์กร เกิดพลังในการทำงาน ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น และมีผลต่อความผูกพันกับองค์กร
หลักการของการทบทวนด้วยสุนทรียสนทนา
เข้าใจหลักจิตวิทยา
การสนทนาที่ไม่ก่อเกิดความขัดแย้ง
ให้ความสำคัญกับการยกย่องชมเชย และการให้คำแนะนำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
A leader’s success is defined by the performance of others, so the most important part of the leader’s job is guiding the performance of those he or she leads.
By utilizing the performance dialogue process, a leader can work closely with each employee to successfully clarify and set expectations, track and measure performance, diagnose problems, and produce joint solutions focused on reaching specific goals.
5 เคล็ดลับสู่องค์กรที่มีขีดสมรรถนะสูง Five keys to building HPOmaruay songtanin
5 เคล็ดลับสู่องค์กรที่มีขีดสมรรถนะสูง
1. มีเป้าหมายที่ทะเยอทะยาน
2. มีค่านิยมร่วม
3. เน้นยุทธศาสตร์และมีความสอดคล้อง
4. มีความคล่องตัว
5. มีรูปแบบธุรกิจแบบมีส่วนร่วม
การทำให้สำเร็จ เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องที่ไม่มีวันหยุด
การเดินทางสู่องค์กรที่มีขีดสมรรถนะสูงก็ไม่มีที่สิ้นสุด
ทุกย่างก้าวมีคุณค่า เพราะมีส่วนช่วยในการพัฒนาองค์กรไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
The Five Keys To Building A High-Performance Organization
Frank Buytendijk