More Related Content
Similar to ๖. ปฐมนาวาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx (20)
More from maruay songtanin (20)
๖. ปฐมนาวาวิมาน (พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]).docx
- 1. 1
ปฐมนาวาวิมาน
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๘ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
๖. ปฐมนาวาวิมาน
ว่าด้วยวิมานที่มีเรือเป็นพาหนะ เรื่องที่ ๑
(พระมหาโมคคัลลานเถระถามว่า)
[๔๓] เทพนารี เธอขึ้นอยู่บนเรือประทุนทอง ล่องลอยเข้าสู่สระโบกขรณี
เด็ดดอกปทุมอยู่
[๔๔] เพราะบุญอะไรผิวพรรณเธอจึงงามเช่นนี้
ผลอันพึงปรารถนาจึงสาเร็จแก่เธอในวิมานนี้
และโภคะทั้งมวลล้วนน่าพอใจจึงเกิดขึ้นแก่เธอ
[๔๕] เทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามว่า
เมื่อเธอเกิดเป็นมนุษย์ได้ทาบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไรเธอจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง
และมีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้
[๔๖] เทพธิดานั้นดีใจที่พระมหาโมคคัลลานเถระถาม
จึงตอบปัญหาผลกรรมตามที่พระเถระถามว่า
[๔๗] ชาติก่อน ดิฉันเกิดเป็นมนุษย์ อยู่ในหมู่มนุษย์ในมนุษยโลก
ได้เห็นภิกษุหลายรูปผู้เหน็ดเหนื่อยกระหายน้า จึงขมีขมันถวายน้าให้ท่านดื่ม
[๔๘] ผู้ใดแลขมีขมันถวายน้าให้ภิกษุหลายรูป
ผู้เหน็ดเหนื่อยกระหายน้าได้ดื่ม แม่น้าหลายสายมีกระแสน้าใสเย็น
มากไปด้วยสวนไม้ดอก มีบัวขาวอยู่มากมาย ย่อมเกิดแก่ผู้นั้น
[๔๙] วิมานนั้นมีแม่น้าหลายสายไหลล้อมรอบอยู่ประจา
สายน้ามีทรายมูล มีกระแสน้าใสเย็น มีหมู่ไม้มะม่วง ไม้สาละ ไม้หมากหอม
ไม้หว้า ไม้ราชพฤกษ์และหมู่ไม้แคฝอย ผลิดอกออกผลสะพรั่ง
[๕๐] วิมานอันเลอเลิศมีภูมิภาคเช่นนั้น
เป็นส่วนประกอบงดงามเหลือเกิน นี้เป็นผลของกรรมนั้นนั่นเอง
ผู้ทาบุญไว้แล้วย่อมได้วิมานเช่นนี้
[๕๑] เพราะบุญนั้นผิวพรรณดิฉันจึงงามเช่นนี้
ผลอันพึงปรารถนาจึงสาเร็จแก่ดิฉันในวิมานนี้
และโภคะทั้งมวลล้วนน่าพอใจจึงเกิดขึ้นแก่ดิฉัน
[๕๒] ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดิฉันขอกราบเรียนว่า
เพราะบุญที่ได้ทาไว้สมัยเมื่อเกิดเป็นมนุษย์ ดิฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง
และมีรัศมีกายสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้
ปฐมนาวาวิมานที่ ๖ จบ
------------------------------------------
- 2. 2
คาอธิบายเพิ่มเติมนี้ นามาจากบางส่วนของ
อรรถกถา ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ ปิฐวรรคที่ ๑
๖. นาวาวิมานที่ ๑
อรรถกถาปฐมนาวาวิมาน
วิมานเรือนั้นเกิดขึ้นอย่างไร.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่กรุงสาวัตถี ภิกษุจานวน ๑๖
รูปจาพรรษาในอาวาสใกล้บ้านแห่งหนึ่ง ออกพรรษาแล้ว
ตั้งใจว่าจักเฝ้ าพระผู้มีพระภาคเจ้าและจักฟังธรรม ก็พากันเดินทางไกลในฤดูร้อน
มุ่งกรุงสาวัตถี ระหว่างทางกันดารไม่มีน้า.
ในทางกันดารนั้น ภิกษุเหล่านั้นถูกความร้อนแผดเผา ลาบากกาย
กระหายน้า ไม่ได้น้าดื่ม พากันเดินไปไม่ไกลหมู่บ้านแห่งหนึ่ง. ในหมู่บ้านนั้น
หญิงผู้หนึ่งถือภาชนะสาหรับใส่น้า เดินบ่ายหน้าไปยังบ่อน้าเพื่อตักน้า.
ขณะนั้น ภิกษุเหล่านั้นแลเห็นนาง ก็คิดว่า เมื่อไปในที่หญิงผู้นี้ไป
อาจได้น้าดื่ม ถูกความกระหายน้าบังคับ ก็พากันเดินบ่ายหน้าไปทิศนั้น
เห็นบ่อน้าก็ยืนไม่ไกลหญิงนั้น.
หญิงนั้นได้น้าจากบ่อนั้นแล้วประสงค์จะกลับ แลเห็นภิกษุเหล่านั้น
รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าเหล่านี้กระหายน้าต้องการน้า
จึงเข้าไปแสดงความเคารพยาเกรง นิมนต์ให้ฉันน้า.
ภิกษุเหล่านั้นก็นาผ้ากรองน้าออกจากถุงบาตร
กรองน้าแล้วก็ดื่มน้าจนพอแก่ความต้องการ เอาน้าลูบมือเท้าให้เย็น
กล่าวคาอนุโมทนาในปานียทาน (ถวายน้าดื่ม) แก่หญิงนั้นแล้ว ก็พากันไป.
หญิงนั้นตั้งบุญนั้นไว้ในใจ ราลึกถึงในระหว่างๆ
ต่อมาก็ตายไปบังเกิดในภพดาวดึงส์. ด้วยบุญญานุภาพของนาง
วิมานใหญ่งดงามด้วยต้นกัลปพฤกษ์ก็เกิดขึ้น
แม่น้ากลาดเกลื่อนด้วยกองทรายและหาดทรายขาว ประหนึ่งประดับด้วยเงิน
ประกอบด้วยข่ายมุกดา ไหลมาเฉพาะน้าที่ใสไร้มลทิน ดังก้อนแก้วมณี
ล้อมรอบวิมานนั้น. ณ สองฝั่งของแม่น้านั้น และใกล้ประตูอุทยานและวิมาน
สระโบกขรณีขนาดใหญ่ประดับด้วยดงปทุม ๕ สี ก็บังเกิดพร้อมด้วยเรือทอง.
เทวดาองค์นั้นเมื่อเสวยทิพยสมบัติในวิมานนั้น
ก็เที่ยวระเริงเล่นอยู่ในเรือ.
ต่อมาวันหนึ่ง ท่านพระมหาโมคคัลลานะเที่ยวเทวจาริกไป
เห็นเทพธิดาองค์นั้นกาลังเล่นอยู่ในเรือ เมื่อจะถามถึงบุญกรรมที่นางทาไว้
จึงถามว่า
ดูก่อนเทพนารี ท่านขึ้นเรือปิดทอง ยืนอยู่ ท่านลงเล่นสระโบกขรณี
หักดอกปทุมด้วยมือ. กูฏาคารนิเวศของท่าน จัดไว้พิมพ์เดียวกัน
- 3. 3
ประหนึ่งเนรมิตเป็ นสัดส่วน เมื่อส่องแสงก็สว่างไปรอบสี่ทิศ. เพราะบุญอะไร
วรรณะของท่านจึงเป็ นเช่นนั้น เพราะบุญอะไร ผลนี้จึงสาเร็จแก่ท่าน
และโภคะทุกอย่างที่น่ารัก จึงเกิดแก่ท่าน.
ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์
ท่านได้ทาบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้
และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
ต่อนั้น เพื่อแสดงอาการที่เทวดาซึ่งถูกพระเถระถามแล้วกล่าวตอบ
พระธรรมสังคาหกาจารย์ พระเถระผู้ร่วมทาสังคายนาจึงกล่าวคาถานี้ว่า
เทวดาองค์นั้น ถูกท่านพระโมคคัลลานะถามดีใจ ครั้นแล้ว
ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้.
อาการที่เทวดากล่าวตอบดังนี้ว่า
ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในหมู่มนุษย์ ในชาติก่อนในมนุษยโลก
ดีฉันพบภิกษุทั้งหลาย ลาบากกาย กระหายน้า จึงขวนขวายถวายน้าให้ท่านดื่ม.
ผู้ใดแลขวนขวายถวายน้าดื่มแก่ภิกษุทั้งหลาย ผู้ลาบากกาย กระหายน้า
แม่น้าหลายสายที่มีน้าเย็น มีสวนไม้มาก มีบุณฑริกบัวขาวมาก
ย่อมเกิดมีแก่ผู้นั้น.
ลาน้าหลายสายเรียงรายไหลล้อมรอบวิมานนั้นเป็ นประจามีแม่น้าที่มี
น้าเย็น ลาดด้วยทราย มีมะม่วง สาละหมากหอม หว้า
ราชพฤกษ์และแคฝอยมีดอกบานสะพรั่ง. ผู้ทาบุญไว้แล้ว
ย่อมได้วิมานอันประเสริฐสุด ประกอบด้วยภูมิภาคเช่นนั้น ที่สง่างามหนักหนา
นี้เป็นวิบากของกรรมนั้นทั้งนั้น ผู้ทาบุญไว้แล้วย่อมได้ผลเช่นนี้.
กูฏาคารนิเวศของดีฉันจัดไว้พิมพ์เดียวกัน ประหนึ่งเนรมิตเป็ นสัดส่วน
เมื่อส่องแสงก็สว่างไปรอบสี่ทิศ เพราะบุญนั้น วรรณะของดีฉันจึงเป็นเช่นนั้น
เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสาเร็จแก่ดีฉัน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน.
ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอกแก่ท่าน
ดีฉันครั้งเกิดเป็นมนุษย์ได้ทาบุญใด เพราะบุญนั้น
ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของดีฉันจึงส่องสว่างไปทุกทิศ.
คาที่เหลือมีนัยที่กล่าวมาแล้วทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาปฐมนาวาวิมาน
-----------------------------------------------------